เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 29

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20 http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21 http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22 http://pantip.com/topic/31186088
บทที่ 23 http://pantip.com/topic/31191229
บทที่ 24 http://pantip.com/topic/31195700
บทที่ 25 http://pantip.com/topic/31200679
บทที่ 26 http://pantip.com/topic/31205094
บทที่ 27 http://pantip.com/topic/31210088
บทที่ 28 http://pantip.com/topic/31216476

*****************


บทที่ 29



พระราชวังละวิรัฐ

เพลากระนั้น เจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐ กำลังทรงคลอเคล้าอยู่กับมหาอำมาตย์เอกดังเช่นปกติ โดยมิทรงทราบเลยว่า บัดเพลานี้ กองทัพเจ้าฟ้ามูรตีได้ยุรยาตรมาหยุดอยู่ ณ เทือกเขาใกล้ๆแล้ว จนกระทั่งมหาดเล็กผู้หนึ่งได้ลีลาศเข้ามาอย่างฉิวฉบัด เมื่อนั้นพระองค์จึงทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรพร้อมตรัสถาม

" ประสงค์จำนงหมายสิ่งใดมิไยไม่แจ้งเหตุ ฤาคิดเตร็ดเตร่สอดส่องเราสองปรองดองกิจสวาทประสาบุรุษผู้ใฝ่รักชู้ชูชิด "

" มิคิดพระเจ้าข้า... หากแต่มีเรื่อง "

" กระเดื่องมาสิ "

" ขอเดชะ บัดนี้ เจ้าฟ้ามูรตีผู้อาฆาต ได้ยกขบวนบาทไพร่พลเสนามาจ่ายตลาดในเมืองจนเลื่องลือระบือไปทั่วโดยไม่กลัวเกรงพระราชอำนาจอันสะอาดผ่องของพระองค์เลยเฉลยพระเนตรที่พระบัญชรแล้วจะมาหาว่าข้าพระองค์ไม่ทูลไม่ห่อนนะพระเจ้าข้า "

" ครากระนั้นเจียวละหรือ "

เจ้าฟ้าฉกรรณราชาตรัสจบทรงสะบัดผืนผ้าแพรอันบางเบาปลิวไสวขึ้นห่มพระวรกายก่อนเสด็จผุดลุกขึ้นจากพระแท่นบรรทมแล้วถลาไปยังพระบัญชรในทันใด มหาอำมาตย์เอกหนุ่มสุดกำยำลุกตามต่อเนื่องมิห่างพระวรกาย

บัดดล...

จากเบื้องบนแห่งห้องพระบรรทมนั้น พลันดวงพระเนตรทั้งสองของเจ้าฟ้าฉกรรณราชาผู้ทรงพระสิริโฉมเนืออิสตรีใดในโลกหล้าก็เบิกกว้างในทันทีที่สายพระเนตรสะดุดชะงักอยู่กับเรือนร่างของบุรุษผู้หนึ่งภายใต้เครื่องฉลองพระองค์อันงามสง่าของกษัตริย์อนันตา แวดล้อมด้วยมหาอำมาตย์และข้าราชบริพารทั้งปวง

บุรุษผู้นั้นก็คือ เจ้าฟ้ามูรตี นั่นเอง พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินลงจากเทือกเขาอันเป็นที่ประทับตั้งค่าย เพื่อทรงนำเหล่าข้าราชบริพารมาจ่ายตลาดในเมืองละวิรัฐ และบังเอิญเหลือเกินที่องค์พระที่นั่งบรมสวรรค์อันเป็นที่ประทับแห่งองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชานั้นอยู่ชิดติดกำแพงวัง และอยู่ใกล้กับตลาดนั้นพอดิบพอดี ด้วยเหตุฉะนี้ เจ้าฟ้าฉกรรณราชาซึ่งเพลานั้นทรงอยู่ในชุดฉลองพระองค์เสื้อคลุมยาวสีขาวแลทรงปล่อยพระเกศาอันดำขลับออกยาวเหยียดราวกับอิสตรี จึงทรงประทับยืนอยู่ที่พระบัญชรทอดพระเนตรภูมิประเทศของตลาดได้โดยถ้วนทั่ว

ดวงพระหทัยขององค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาเริ่มไหวหวั่นในทันที่พบพักตร์องค์เจ้าฟ้ามูรตีเป็นครั้งแรก ถึงกับทรงเพ้อขึ้นว่า

" งาม งามราวนักรบสวรรค์ "

มหาอำมาตย์และมหาดเล็กต่างเมียงมองหน้ากันด้วยความฉงนสนเท่ห์

" อย่าทรงหวั่นไหวนะพระเจ้าข้า "

มหาอำมาตย์เอกโน้มกายมากราบทูลพลางก้มหน้าลงพรมจุมพิตตรงซอกพระศอของพระองค์คราหนึ่งก่อนทูลอีกว่า

" นั่นมันศัตรู "

ณ เบื้องล่าง ในตลาดอันสับสนวุ่นวายนั้น

เจ้าฟ้ามูรตีผู้องอาจได้ทรงเหลือบพระเนตรไปเห็นเจ้าฟ้าฉกรรณราชาและมหาอำมาตย์เอกละวิรัฐที่พระบัญชรพระที่นั่ง ทรงไม่ทราบเลยว่านั่นคือกษัตริย์ละวิรัฐองค์ปัจจุบัน ทรงไม่ทราบเลยว่านั่นคือพระเชษฐาของพระนางแก้วกานดาพระสนมเอกฝ่ายซ้ายของพระองค์ เนื่องเพราะไม่ทรงเคยพบพระพักตร์เจ้าฟ้าฉกรรณราชามาก่อนเก่า อีกทั้งยังไม่ทรงทราบอีกว่าบุคคลผู้นั้นเป็นบุรุษเช่นเดียวกันกับพระองค์เอง ทรงกลับหลงคิดผิดไปว่าบุคคลผู้นั้นคือสตรีชาววังละวิรัฐผู้งามสง่าและเลอโฉมยิ่งนัก

สายพระเนตรทั้งสองคู่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้งและตรึงหทัยจนสุดจะหาโวหารอันใดมาเปรียบเปรยบรรยายได้

" นั่นผู้ใดกันนะ "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงละสายพระเนตรจากเจ้าฟ้าฉกรรณราชามายังมหาอำมาตย์เอกอนันตาผู้ยืนอยู่เคียงข้าง

" ขอเดชะ มาตรว่าน่าจะเป็นสาวชาววังละวิรัฐพระเจ้าข้า "

" ขนาดสาวชาววังยังเลอโฉมปานนี้ เห็นทีเราคงพ่ายศึกต่อเจ้าฟ้าฉกรรณราชาเพียงเพราะมัวแต่มาหลงใหลพวกนางเป็นแน่ "

" อย่าทรงหวั่นไหวนะพระเจ้าข้า "

มหาอำมาตย์เอกอนันตาโน้มกายมาทูลกระซิบที่ข้างพระกรรณเจ้าฟ้ามูรตีว่า

" นั่นมันสาวชาววังศัตรู "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงหันกลับไปทอดพระเนตรยังที่เดิมอีกครา

เบื้องบนในพระที่นั่งแห่งนั้น มหาอำมาตย์เอกละวิรัฐยังคงไม่ละใบหน้าจากการพรมจุมพิตองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชา เขากราบทูลว่า

" เห็นทีไอ้มูรตีนั่นมันคงจะหลงเสน่ห์พระองค์เข้าให้แล้ว "

เจ้าฟ้าฉกรรณราชาเมื่อได้ทรงสดับดั่งนั้นก็ทรงหันขวับทำพระเนตรขึงใส่มหาอำมาตย์เอกละวิรัฐจนชะงักคราหนึ่งจึ่งตรัส

" ก็ไม่ต่างอันใดจากเจ้านักดอก ไป... เข้าจะอยู่ผู้เดียว

" แต่... "

มหาอำมาตย์เอกทำตาละห้อย แต่ในที่สุดก็ทนต่อสายพระเนตรอันลุกโชนราวกับราชสีห์พิโรธนั้นไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องจำใจต้องถอยจากไป

เจ้าฟ้าฉกรรณราชาทรงหันมาทอดพระเนตรองค์เจ้าฟ้ามูรตีอีกคราพลางทรงเปรยยิ้มให้ไปอย่างอ่อนหวาน ฝ่ายเจ้าฟ้ามูรตี กษัตราหนุ่มผู้อาจหาญก็มิทรงเฉยนิ่ง กลับทรงเปรยยิ้มตอบกลับไปเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์อันหวานฉ่ำกำลังก่อตัวขึ้นในดวงหทัยแห่งหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ชาติบุรุษอาชาไนยทั้งสองพระองค์นี้

โอ...บุรุษกับบุรุษ !! เป็นไปได้ฤานี่

โอ้เอย... เจ้าฟ้าอนันตา มหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จะมิทรงไต่ถามองค์เทวาเลยล่ะหรือ ว่าบุคคลผู้นั้นเป็นใคร... เขาหาใช่อิสตรีดังที่พระองค์ทรงคาดหวัง

ฤานี่จะเป็นกรรมบันดาลแต่ชาติปางก่อนกระนั้น...

- - - - - - - - -

ลุล่วงเข้าสู่เพลาอันธิกามัชฌิมยาม

แสงจันทร์อันนวลผ่องส่องประกายเรืองรองอยู่บนฟากนภากาศ แลเหล่าปักษิณยามค่ำคืนต่างก็กู่ร้องจนนินนาทไปทั่วพื้นที่

เพลานี้นี่เอง ปรากฏเงาร่างอันว่องไวของมณีบาร์ ราชครูหญิงแห่งละวิรัฐลัดเลาะตามหลืบวังหมายมุ่งไปยังพระที่นั่งบรมสวรรค์อันเป็นที่ประทับบรรทมหลับของเจ้าฟ้าฉกรรรราชาผู้สง่างามแห่งละวิรัฐประเทศ

ยามราชครูหญิงมณีบาร์ลัดเลาะไปยังแห่งหนตำบลใด นางก็จะใช้คาถาเวทย์กล่อมเกลาเหล่าสนมบุรุษทุกผู้ขององค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาให้หลับใหลแล้วจึงปลิดชีพลงในทันใด ก่อนจะลากร่างอันไร้ชีวีนั้นไปซุกเอาไว้ใต้ถุนปราสาท เหล่าสนมบุรุษทั้งหลายต่างร่อยหรอลงไปเป็นมากมายในคืนนี้

มณีบาร์แนบกายชิดฝาผนังพระที่นั่งบรมสวรรค์ก่อนจะค่อยๆเขยิบไปจนกระทั่งถึงพระทวารทองที่เปิดอ้าอยู่ ครู่หนึ่ง เมื่อแลเห็นเส้นทางโปร่ง นางจึงโผเข้าไปภายในโดยทันที มณีบาร์ลัดเลาะไปตามห้องหับต่างๆจนกระทั่งถึงบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบนของพระที่นั่ง

ท่ามกลางความมืดสลัวยามราตรี ณ บริเวณพระทวารทองที่เปิดอ้าอยู่เมื่อสักครู่นี้ พลันมีบุรุษร่างสันทัดและสูงสง่าสวมอาภรณ์มิดชิดสีดำสนิทกระชับกายแลปกปิดใบหน้าวกกายาเข้าพระทวารนั้นมาเช่นเดียวกัน

- - - - - - - - - -

ณ กองทัพไพร่พลนับแสนของฝ่ายอนันตาประเทศ ซึ่งยึดอาณาเขตแถบเทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นที่พักพิง เพลากระนั้น เหล่าข้าราชบริพารทั้งชายหญิงต่างพากันทิ้งตัวลงหลับนอนกันจนหมดแล้ว เพิงพักต่างๆล้วนหรี่ไฟลงจนดับวูบไป

เหลือเพียงแต่พลับพลาที่ประทับของพระนางแก้วกานดา พระมเหสีฝ่ายซ้ายเพียงเท่านั้น เนื่องเพราะทรงบรรทมไม่หลับ ด้วยเหตุที่ทรงตื่นเต้นพระทัยที่จะได้ทรงพบเจ้าฟ้าฉกรรณราชา พระเชษฐาในฤดี ภายหลังจากที่ทรงร้างราห่างหายจากไปเสียนาน เหตุฉะนี้ จึงทรงพระเนตรเบิกโพลงสว่างรุ่งโรจน์มิอาจข่มบรรทมลงได้กระนั้น ทรงปลุกเหล่านางกำนัลทั้งมวลขึ้นมานั่งร้อยมาลัยยามดึกด้วยกันอยู่เป็นปฐม

" เอ้า... เร็วเข้าสิจ๊ะ นางกำนัล เร่งรีบรุดร้อยมาลัยโดยไวนะจ๊ะ ฉันจะทูลเกล้าถวายองค์เจ้าฟ้าในเพลาย่ำรุ่ง "

พระนางตรัสจบ เหล่านางกำนัลต่างกระวีกระวาดสนองพระราชเสาวนีย์กันอย่างงัวเงีย ทุกนางพากันง่วงนอน จึงร้อยมาลัยไม่ใคร่ต้องตามแบบแผนเท่าใดนัก บางนางร้อยผิดรูปจนกลับกลายเป็นสิ่งมิพึงประสงค์ อาทิ ร้อยผิดเป็นรูปคู่รักกอดกันโดยไร้อาภรณ์ปกปิด หรือร้อยผิดเป็นรูปอาจมที่เต็มไปด้วยหนอนและแมงวัน เป็นต้น ต่างต้องรีบรื้อมาลัยออกร้อยกันใหม่เป็นพัลวัน

นางกำนัลผู้หนึ่งหมายคลายความง่วงงัวเงียในครากระนั้น จึงกราบทูลถามพระนางขึ้นว่า

" พระนางเพคะ "

" อันใดหรือเจ้า... "

" เจ้าฟ้ามูรตีทรงเคยพบพระพักตร์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาไหมเพคะ "

พระนางแก้วกานดาทรงหยุดตรึกตรองอยู่ครู่จึ่งตรัส

" ไม่ดอกเจ้า เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงบุกวังละวิรัฐแล้วชิงตัวฉันไปอนันตาเมื่อครานั้น เจ้าพี่ฉกรรณราชาได้เสด็จโดยเรือไปยังเกาะเทพธิดา จึงไม่ทรงพบหน้ากันมาก่อน "

ตรัสจบพระนางแก้วกานดาทรงเงยพระพักตร์ขึ้นพลางทรงหวนระลึกถึงเหตุการณ์ในกาลก่อนเมื่อครั้งที่ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีช่วงชิงพระองค์ไปนั้นอีกครั้ง.....

.....

ภายในห้องพระบรรทมแห่งสมเด็จเจ้านางแก้วกานดา เพลานั้น เจ้านางทรงกำลังบรรทมอย่างสบายอยู่บนพระแท่น อันมีพระวิสูตรบางเบากางกั้นอยู่กลายชั้น

ทันใดกันนั้นเอง พระวิสูตรทั้งมวลก็พลันถูกกระชากออกจนหมดโดยมืออันฉกาจฉกรรจ์ จนเจ้านางทรงตกพระทัยตื่นบรรทมแลหันมาทอดพระเนตรด้วยความตะลึง

" อ๊ะ..!!! ท่านเจ้าฟ้ามูรตี... "

เจ้านางดำรัสเสียงแหลมไปยังบุรุษผู้กระชากพระวิสูตรออกนั้น

" เจ้า... เจ้ารู้นามเราได้กระไรกัน "

" พระนามแลพระบรมสาทิสลักษณ์ประจักษ์ไปทั่วแว่นแคว้นแดนละวิรัฐ "

" โอเจ้า... แก้วกานดาแม่ยาหยี "

" ท่านเจ้าฟ้ามูรตีผู้งามสง่า "

" ไปอโยธยากับเราเถิด "

จบพระดำรัส เจ้านางแก้วกานดาทรงทำพระเนตรโต

" อุ๊ย...กระไรได้ "

ทรงหยุดไปครู่พลางทรงค้อนควัก

" จะมาตรัสง่ายๆเช่นนี้... ไม่มีทาง "

" แต่เจ้าต้องไป "

เจ้าฟ้ามูรตีดำรัสลั่น

" ไม่เพคะ "

เจ้านางทรงลั่นตอบบ้าง

บัดดลกันนั้น...

ฉาด..ด..ด เจ้าฟ้ามูรตีทรงวาดพระหัตถาซัดพระพักตร์เจ้านางจนองค์ทรุดสลบไศลไปในทันที

ด้วยเหตุฉะนี้ เจ้าฟ้ามูรตีจึงทรงแบกพระร่างเจ้านางแก้วกานดาไปได้โดยง่าย

.....

หวนกลับมาสู่ปัจจุบัน เพลานั้น พระนางแก้วกานดายังทรงเล่าไป ในขณะที่เหล่านางกำนัลทั้งหลายพากันหลับใหลจนหมดแล้ว

ทันใดกันนั้นเอง บังเกิดสุรเสียงมหาอำมาตย์ดังกึกก้องไปทั่วทัพว่า

" องค์เจ้าฟ้าหายไป องค์เจ้าฟ้ามูรตีทรงหายไปแล้ว "

พระนางแก้วกานดาทรงตะลึงโดยพลัน

มหาอำมาตย์ถลาเข้ามาในพลับพลาของพระนางพร้อมกราบทูลลั่นจนเหล่านางกำนัลพากันตกใจตื่นตาสว่างโดยถ้วนทั่ว

" ขอเดชะ เจ้าฟ้ามูรตีทรงหายไปแล้วพะย่ะค่ะ "

" ว่าเช่นไรนะ !! "

พระนางแก้วกานดาทรงยกพระหัตถาขึ้นป้องพระอุระจึ่งตรัสอีกครา

" ท่านตรวจตราดีแล้วฤาจ๊ะ ท่านมหาอำมาตย์ "

" พิศผุดผาดสะอาดทั่วทุกซอกทัพแล้วพะย่ะค่ะ "

พระนางแก้วกานดาทรงหวนระลึกถึงกาลก่อนเมื่อครั้งเจ้าฟ้ามูรตีทรงหลบจากทัพไปจับตัวพระนางมา พลันดวงพระเนตรของพระองค์ก็เบิกโพลงขยายกว้างอย่างฉบัดก่อนตรัสว่า

" หรือว่าทรง... ? "


* * * * * * * *

จบบทที่ 29 โปรดติดตามต่อบทที่ 30
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่