เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10
http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11
http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12
http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13
http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14
http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15
http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16
http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17
http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18
http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19
http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20
http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21
http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22
http://pantip.com/topic/31186088
บทที่ 23
http://pantip.com/topic/31191229
บทที่ 24
http://pantip.com/topic/31195700
บทที่ 25
http://pantip.com/topic/31200679
*****************
บทที่ 26
รุ่งขึ้นเพลาสาย แสงพระสุริยาเฉิดฉายฉาดฉาบไปทั่วนครบุรุษบุรี ปลุกผู้ที่กำลังนิทราให้ตื่นขึ้นรับอรุณ
ภายในห้องแห่งหนึ่งของปราสาทหลังใหญ่ซึ่งดูกว้างขวางโอ่โถง ศริพราฟาร์นอนหลับใหลอยู่บนพื้นโดยไม่รู้สึกเลยว่าเป็นวันรุ่งแล้ว
ครู่หนึ่ง นางก็ขยับกายแล้วลุกขึ้นนั่งพลางใช้มือทั้งสองขยี้ตา และแล้ว ในบัดดล นางก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดเปิดตาอ้าปากค้างในทันทีที่ได้เห็น
เบื้องหน้าของศริพราฟาร์เป็นขวดโหลขนาดใหญ่เท่าตัวคน ทำด้วยแก้วส่องประกายสดใส ภายในโหลใบนั้นมีร่างของสะขรุมจินห์ดองอยู่ ร่างดังกล่าวมีผิวกายที่ใสจนมองเห็นไปดึงตับไตไส้พุง รวมทั้งอวัยวะเครื่องในทุกชิ้นแลดูสะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก
" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!! "
นางร้องลั่นสนั่นปราสาทพลางลุกขึ้นยืนแล้วถอยหนี ร่างของนางชนเข้ากับบุรุษร่างยักษ์ นางหันขวับไปมอง
" กรี๊ด... ไม่ "
ฉาด..ด..ด บุรุษร่างยักษ์ตบหน้าศริพราฟาร์อย่างแรง จนนางกลิ้งไถลไปตามพื้น นางตะเกียกตะกายกระ

กระสนหนีอย่างทุลักทุเลและทุรนทุราย
ชายโฉดฉวยร่างหญิงสาวแล้วชูขึ้นสูง ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยของผู้อ่อนแอ จากนั้น เขาก็ทุ่มร่างศริพราฟาร์ไปยังหน้าต่างห้องในทันที
ร่างหล่อนลอยไปปะทะผืนผ้าม่านฉีกขาดแล้วพุ่งออกจากหน้าต่างร่วงหล่นลงจากชั้นที่สามของปราสาทสู่พื้นเบื้องล่างในทันใด
- - - - - - - - -
ภายในท้องพระโรง องค์กษัตริย์ชิยาสวิง พระนางสุบินสวรรค์ และพระนางศรีตะกุมะลากา พร้อมด้วยเหล่าข้าราชบริพารทั้งมวลกำลังทรงเพลิดเพลินอยู่กับงานเลี้ยงฉลองต้อนรับกองทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น
" แหม... ท่านชิยาสวิงเนี่ย โอษฐ์หวานนัก เช่นนี้นี่เล่า เหล่าอ้อยตาลทั้งมวลในโลกาคงอายแย่ "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงสำราญพระราชหฤทัยอยู่กับองค์กษัตริย์ชิยาสวิง
บัดดล...
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาของพระนางสุบินสวรรค์ก็กรูเข้ามาพร้อมด้วยเหล่าทหารหญิงกลุ่มหนึ่งพลางคุกเข่าลงกราบทูล
" เดชะพระนางผู้ค้างฟ้า บัดนี้ ศริพราฟาร์ได้พลีชีวาเพื่อพระราชอาณาจักรแล้วเพคะ "
" ว่าไรนะ !! "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงผุดขึ้นจากพระที่ในทันที
มโหรีหระหึ่มเพลง นารีพลีกายถวายไท้
ศพของศริพราฟาร์ถูกนำมาวางลงแทบพระบาท พระนางสุบินสวรรค์ทรงก้มลงทอดพระเนตรอยู่ครู่จึ่งตรัส
" เรื่องเป็นเช่นใดกัน ? "
" ขอเดชะ ศริพราฟาร์ได้พานพบร่างสะขรุมจินห์ซึ่งถูกดองใสไว้ในโหล จึงถูกสังหารปิดโอษฐ์เพคะ "
พระนางทรงหันขวับไปทางกษัตริย์ชิยาสวิง ผู้ซึ่งกำลังคลอเคลียเคล้าอยู่กับพระนางศรีตะกุมะลากาอย่างหวานชื่น
" ไหนท่านว่ามิเคยพบสะขรุมจินห์มหาดเล็กเรามาเก่าก่อน "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถามจบครากระนั้น กษัตริย์ชิยาสวิงทรงมีพระทีท่าหลุกหลิกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะทรงพระดำเนินมายังมะจั่นฟาร์ตีฏ์พลางทรงชี้หน้าหล่อนจึ่งตรัสบริภาษ
" เจ้ามีสรรพสิ่งใดมายืนยันได้ว่านางพานพบร่างสะขรุมจินห์ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์หันขวับไปยังทหารหญิงผู้หนึ่ง ทหารผู้นั้นถือมวนผ้าม่านห่อหนึ่งมาแล้วจึงโยนลงบนพื้น มวนผ้าม่านกลิ้งไถลแล้วคลี่ออกจนแลเห็นเป็นอักขระโลหิตขีดเขียนอยู่บนม่านมวนนั้น มะจั่นฟาร์ตีฏ์แถลง
" ขณะที่ศริพราฟาร์ร่วงหล่นลงมาจากชั้นสามของปราสาทนี้ นางได้กัดนิ้วตนเองแล้วใช้โลหิตต่างน้ำหมึกจารึกความชี้แจงแถลงไขเรื่องจริงเอาไว้ "
" เอามานี่ซิ "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบ วาริชฌาภาร์ณาถลาไปคว้ามวนผ้าม่านมา พร้อมทูลเกล้าถวาย
" อ่านไป "
พระดำรัสลั่น วาริชฌาภาร์ณาคลี่มวนม่านออกอ่านโดยพลัน
" กราบทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้ผ่านพิภพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น ตามที่ทรงมีพระราชบัณฑูรให้ราชครูหญิงและหม่อมฉันไปสืบข่าวสะขรุมจินห์ที่หายไปนั้น บัดนี้ หม่อมฉันได้พบนางแล้ว นางถูกดับชีพแล้วดองใสไว้ในขวดโหล อยู่ที่ชั้นสามของปราสาทแห่งนี้นี่เอง สภาพของนางนั้นน่าเวทนายิ่ง หม่อมฉันหมายใจจะนำความมากราบทูลให้ทรงทราบ แต่เนื่องด้วยมีชายโฉดเรือนร่างใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นบุกทำร้ายร่างกายหม่อมฉันแล้วโยนลงมาจากหน้าต่างถึงแก่ชีวาตม์หมายปิดโอษฐ์ดั่งนี้ จึงมิสามารถพากายินทรีย์มากราบทูลด้วยตนเองได้ ขณะที่ร่างหม่อมฉันกำลังร่วงหล่นลงมานั้น จึงได้ดำริที่จะจารึกเป็นอักษรโลหิตแสดงไว้ให้ทรงประจักษ์แจ้งเป็นจริงในสิ่งที่บังเกิด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ลงนาม ศริพราฟาร์ ราชเลขานุการในพระองค์พระนางสุบินสวรรค์ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการและจงรักภักดีตราบชีวีมลายสูญอาดูรนัก "
" ไม่จริง... โกหก "
กษัตริย์ชิยาสวิงทรงพระดำรัสลั่นจนทุกผู้หันมามององค์โดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ทรงพระดำรัสอีกครา
" ตลกสิ้นเชิง ระหว่างร่วงจากปราสาท ใครที่ไหนจะขีดเขียนข้อความได้มากมายหลายวาเช่นนี้ "
" ก็เพราะนี่เป็นข้าราชบริพารผู้ภักดีของเรานะสิ จึงสามารถกระทำได้ "
" พระนางสุบินสวรรค์ตรัสตอบ พลางทรงหันไปทางพระนางศรีตะกุมะลากาจึ่งตรัสว่า
" ศรีตะกุฯ เจ้าควรตัดหทัยอีกคราได้แล้ว "
" โธ่... ตัดหทัยจากองค์ฉกรรณราชาก็คราหนึ่ง แล้วนี่ยังจะต้องมาตัดหทัยจากองค์ชิยาสวิงอีกฤา ฮือ... เหตุไฉนชะตากลั่นแกล้งข้าเช่นนี้... "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงร่ำไห้พลางทรงวิ่งออกจากท้องพระโรงไป จะติกะวะนาจิวิ่งตามไปติดๆจนชิดปลายพระเกศาพลางร้อง
" พระนางเพค๊า... "
จากนั้น พระนางสุบินสวรรค์จึงเสด็จพระดำเนินกลับมายังบัลลังก์ทอง พลางทรงยื่นพระหัตถาไปลูบไล้องค์บัลลังก์คราหนึ่งจึ่งตรัส
" ทหาร... พันธนาการองค์กษัตริย์ชิยาสวิงแล้วทิ้งลงตุ่ม "
" หา ... !! "
" ทุ่มลงเหว "
" อย่า ... "
" เผาด้วยเปลวไฟ "
" ไม่ "
" แล้วดองใสไว้ในโหล "
" อ๊ายยยยยยยย "
องค์กษัตริย์ทรงกรีดร้องอย่างหนัก ขณะเหล่าทหารหญิงนับร้อยกรูเข้าหา
" ในไม่ช้า ร่างของพระองค์ก็ถูกนำพาจนหายเข้าไปในห้องลงทัณฑ์ซึ่งอยู่หลังวัง "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงเชิดพระพักตร์ขึ้นพลางตรัสด้วยพระสุรเสียงขรึม
" อึมครึมมานานสิจะทะยานสู่ละวิรัฐเสียที "
" เพคะราชินีนาถ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์รับพระบัญชา
- - - - - - - - -
กรุงละวิรัฐ
ณ มุมหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง มณีบาร์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มาร์ฒแม้นดารณีย์แปลง ผู้ได้รับตำแหน่งราชครูหญิงแห่งละวิรัฐมาหมาดๆ ได้ลัดเลาะไปตามตำหนักสังหารเหล่าทหารบุรุษหนุ่มซึ่งหลงใหลในองค์ฉกรรณราชาจนสิ้นชีวาไปทีละคนสองคนโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าเป็นฝีมือนาง
ฟีสสสสสส... !! เสียงคมดาบปาดคอหอยเหล่าทหารชาติอาชาไนยอย่างแนบเนียนได้ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หากแต่เหล่าทหารละวิรัฐนั้นยังมีอยู่อีกมากมายนัก มณีบาร์คงจะต้องฝ่าฟันอีกนานนมถมเถ กว่าจะสังหารเหล่าทหารหาญบุรุษจนหมดทั้งประเทศ
ภายในท้องพระโรงเล็ก
ขณะที่องค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชา กำลังทรงพระสำราญอยู่กับการคลอเคล้ามหาอำมาตย์เอกรูปงามบนพระแท่นทองอยู่นั้น มหาดเล็กก็กระมิดกระเมี้ยนเข้ามาคุกเข่าพลางทูลเกล้าถวายรายงาน
" อ่านไปสิจ๊ะ "
องค์เจ้าฟ้าดำรัสจบ มหาดเล็กก็รายงาน
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอององค์พระทรงชัยผไทละวิรัฐ ณ บัดนี้ กรุงอนันตาได้ถูกเผาเป็นตอตะโกโดยฝีมือเจ้านางมาหยารัศมี ส่วนเจ้าฟ้ามูรตีและทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นก็เคลื่อนมาถึงชานพระนครแล้ว ทแกล้วทหารหวั่นไหวจนสิ้นชีพไปหลายรายด้วยคมดาบพระเจ้าข้า "
" ห่อนหาเหตุมายับยั้งไปพลางก่อน มหาดเล็กเจ้า "
" เดชะองค์ "
" สั่งเปิดเขื่อนละวิรัฐ ให้วารีจากลำขันธ์สวรรค์ธาราไหลหลากพรากชีวิตกองพลอริราชที่บังอาจมาเฉียดกรุง "
ดำรัสพลางทรงเอื้อมพระหัตถาไปหยิบพัดจีบมาโบกเอื่อยๆ
มหาดเล็กรับพระบัญชาไปจัดหาผู้คนมาขันประตูเขื่อนให้สัมฤทธ์ตามพระบัณฑูรแถลง
ปี่พาทย์ครวญเพลง นาสลายมลายสิ้น
- - - - - - - - -
กล่าวถึงทัพจากมรีและพลเดินเท้าของเหล่าทหารเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นได้โลดแล่นมาตามไพรจนได้เพลาเย็น พระนางสุบินสวรรค์จึงทรงพระดำรัสให้ตั้งค่ายพักแล้วปล่อยจามรียาออกหากินกันเองในวนาอย่างร่าเริงบันเทิงวจีโดยมิมีผู้ใดคอยดูแลเอาใจใส่มากมายนัก
ในไม่ช้า เมื่อกระโจมของชาวเถมรูถูกขึงขึ้น พลันบังเกิดเสียงคำรามกึกก้องกัมปนาทไปทั่ว พื้นพสุธาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวเทวาพิโรธ
เหล่าสตรีต่างวิ่งวุ่นเสนอหน้าสลอน ความตื่นตระหนกตกใจได้กลายกล้ำไปทั่วกองทัพอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หากแต่กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุด
บัดดลกันนั้น...
บังเกิดเกลียวน้ำอันมหาศาลก่อตัวกันเป็นคลื่นลูกมหึมาเท่าภูผา โหมกระหน่ำมาตามลำน้ำสายเล็กๆ กวาดหมู่บ้านรายทางให้จมหายไปในพริบตา คลื่นยักษ์เคลื่อนตรงมายังค่ายพักชาวเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นอย่างว่องไว ไพร่พลอิสตรีต่างตกใจแตกฮือเป็นที่ยิ่ง
ชั่วพริบตา กองทัพอันมหาศาลก็ถูกกลบไปด้วยสายน้ำที่เทถาโถมทับเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง จามรียาและสตรีทั้งหลายพากันลอยคอกันเกลื่อนทั้งวนา
เมื่อน้ำเหือดแห้งลง แลเห็นภูมิประเทศโดยรอบเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เหล่าจามรียาและสตรีในทัพตายระนาว ส่วนพระนางสุบินสวรรค์และพระนางศรีตะกุมะลากาทรงปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยพระบารมีอันสั่งสมมานาน
จากนั้น ทรงมีพระดำรัสให้สำรวจตรวจตรายอดทรัพย์สินที่เสียหาย มะจั่นฟาร์ตีฏ์ วาริชฌาภาร์ณา และจะติกะวะนาจิ ต่างแยกย้ายกันออกไปสำรวจอยู่ครู่จึงกลับมากราบทูลให้ทรงทราบ
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถามขึ้นว่า
" ว่ามาซิ มะจั่นฟาร์ตีฏ์ ว่ามีทรัพย์อันใดสูญหายไปบ้าง "
" กราบทูลราชินี จามรียาตายเหือบหมดเพคะ "
" โธ่... "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงถอนพระหทัยคราหนึ่ง
" แล้วเหลือเท่าไหร่กัน ? "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถาม
" สองตัวผัวเมียเพคะ "
" หา !! ... แค่สองเองฤา "
" เพคะ "
" เช่นนี้องค์เทวาทรงลงทัณฑ์เราแน่ "
พระนางศรีตะกุมะลากาตรัสจบ บังเกิดสุรเสียงหนึ่งดังกึกก้องไปทั่งท้องนภากาศเบื้องบนแห่งนั้นจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งพิภพไอศูรย์สวรรค์
" แม่นมั่นแน่แท้แม่ศรีฯเอ๋ย... "
บัดดล...
บังเกิดหมอกควันทวยเทพพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ครั้นเมื่อควันนั้นจางลง ปรากฏเป็น องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโลก ประทับยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนปุยเมฆา เหล่าสตรีเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นต่างคุกเข่าลงกล่าวพร้อมกัน
" อ้า... อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ "
มโหรีประโคมเพลง สวรรค์เมินหมางอย่ามาอ้างสิ่งใด สามชั้น ต่อด้วยการสั่นกระดึงที่ห้อยคอจามรียาสองตัวผัวเมียนั้น
องค์เทวาทรงมีพระดำรัสขึ้น
" กษัตรีย์ทั้งสองเอย "
" เพคะ "
" เนื่องด้วยเหตุที่เจ้าทั้งสองไม่ทำนุรักษาจามรียาสวรรค์ บังอาจปล่อยให้ออกหากินเองจนน้ำท่วมตาย เหลือเพียงสองตัวผัวเมียเช่นนี้ เราจึงจำจะต้องลงทัณฑ์โดยยึดจามรียาทั้งคู่และอาวุธทั้งสองชิ้นนั้นคืน "
" โอ... ไม่ "
สองกษัตรียาทรงลากเสียงยาว
มโหรีกระหึ่มเพลง สวรรค์เมินหมางอย่ามาอ้างสิ่งใด ฉบับปรับปรุงใหม่
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 26
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20 http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21 http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22 http://pantip.com/topic/31186088
บทที่ 23 http://pantip.com/topic/31191229
บทที่ 24 http://pantip.com/topic/31195700
บทที่ 25 http://pantip.com/topic/31200679
*****************
บทที่ 26
รุ่งขึ้นเพลาสาย แสงพระสุริยาเฉิดฉายฉาดฉาบไปทั่วนครบุรุษบุรี ปลุกผู้ที่กำลังนิทราให้ตื่นขึ้นรับอรุณ
ภายในห้องแห่งหนึ่งของปราสาทหลังใหญ่ซึ่งดูกว้างขวางโอ่โถง ศริพราฟาร์นอนหลับใหลอยู่บนพื้นโดยไม่รู้สึกเลยว่าเป็นวันรุ่งแล้ว
ครู่หนึ่ง นางก็ขยับกายแล้วลุกขึ้นนั่งพลางใช้มือทั้งสองขยี้ตา และแล้ว ในบัดดล นางก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดเปิดตาอ้าปากค้างในทันทีที่ได้เห็น
เบื้องหน้าของศริพราฟาร์เป็นขวดโหลขนาดใหญ่เท่าตัวคน ทำด้วยแก้วส่องประกายสดใส ภายในโหลใบนั้นมีร่างของสะขรุมจินห์ดองอยู่ ร่างดังกล่าวมีผิวกายที่ใสจนมองเห็นไปดึงตับไตไส้พุง รวมทั้งอวัยวะเครื่องในทุกชิ้นแลดูสะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก
" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!! "
นางร้องลั่นสนั่นปราสาทพลางลุกขึ้นยืนแล้วถอยหนี ร่างของนางชนเข้ากับบุรุษร่างยักษ์ นางหันขวับไปมอง
" กรี๊ด... ไม่ "
ฉาด..ด..ด บุรุษร่างยักษ์ตบหน้าศริพราฟาร์อย่างแรง จนนางกลิ้งไถลไปตามพื้น นางตะเกียกตะกายกระ
ชายโฉดฉวยร่างหญิงสาวแล้วชูขึ้นสูง ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยของผู้อ่อนแอ จากนั้น เขาก็ทุ่มร่างศริพราฟาร์ไปยังหน้าต่างห้องในทันที
ร่างหล่อนลอยไปปะทะผืนผ้าม่านฉีกขาดแล้วพุ่งออกจากหน้าต่างร่วงหล่นลงจากชั้นที่สามของปราสาทสู่พื้นเบื้องล่างในทันใด
- - - - - - - - -
ภายในท้องพระโรง องค์กษัตริย์ชิยาสวิง พระนางสุบินสวรรค์ และพระนางศรีตะกุมะลากา พร้อมด้วยเหล่าข้าราชบริพารทั้งมวลกำลังทรงเพลิดเพลินอยู่กับงานเลี้ยงฉลองต้อนรับกองทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น
" แหม... ท่านชิยาสวิงเนี่ย โอษฐ์หวานนัก เช่นนี้นี่เล่า เหล่าอ้อยตาลทั้งมวลในโลกาคงอายแย่ "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงสำราญพระราชหฤทัยอยู่กับองค์กษัตริย์ชิยาสวิง
บัดดล...
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาของพระนางสุบินสวรรค์ก็กรูเข้ามาพร้อมด้วยเหล่าทหารหญิงกลุ่มหนึ่งพลางคุกเข่าลงกราบทูล
" เดชะพระนางผู้ค้างฟ้า บัดนี้ ศริพราฟาร์ได้พลีชีวาเพื่อพระราชอาณาจักรแล้วเพคะ "
" ว่าไรนะ !! "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงผุดขึ้นจากพระที่ในทันที
มโหรีหระหึ่มเพลง นารีพลีกายถวายไท้
ศพของศริพราฟาร์ถูกนำมาวางลงแทบพระบาท พระนางสุบินสวรรค์ทรงก้มลงทอดพระเนตรอยู่ครู่จึ่งตรัส
" เรื่องเป็นเช่นใดกัน ? "
" ขอเดชะ ศริพราฟาร์ได้พานพบร่างสะขรุมจินห์ซึ่งถูกดองใสไว้ในโหล จึงถูกสังหารปิดโอษฐ์เพคะ "
พระนางทรงหันขวับไปทางกษัตริย์ชิยาสวิง ผู้ซึ่งกำลังคลอเคลียเคล้าอยู่กับพระนางศรีตะกุมะลากาอย่างหวานชื่น
" ไหนท่านว่ามิเคยพบสะขรุมจินห์มหาดเล็กเรามาเก่าก่อน "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถามจบครากระนั้น กษัตริย์ชิยาสวิงทรงมีพระทีท่าหลุกหลิกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะทรงพระดำเนินมายังมะจั่นฟาร์ตีฏ์พลางทรงชี้หน้าหล่อนจึ่งตรัสบริภาษ
" เจ้ามีสรรพสิ่งใดมายืนยันได้ว่านางพานพบร่างสะขรุมจินห์ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์หันขวับไปยังทหารหญิงผู้หนึ่ง ทหารผู้นั้นถือมวนผ้าม่านห่อหนึ่งมาแล้วจึงโยนลงบนพื้น มวนผ้าม่านกลิ้งไถลแล้วคลี่ออกจนแลเห็นเป็นอักขระโลหิตขีดเขียนอยู่บนม่านมวนนั้น มะจั่นฟาร์ตีฏ์แถลง
" ขณะที่ศริพราฟาร์ร่วงหล่นลงมาจากชั้นสามของปราสาทนี้ นางได้กัดนิ้วตนเองแล้วใช้โลหิตต่างน้ำหมึกจารึกความชี้แจงแถลงไขเรื่องจริงเอาไว้ "
" เอามานี่ซิ "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบ วาริชฌาภาร์ณาถลาไปคว้ามวนผ้าม่านมา พร้อมทูลเกล้าถวาย
" อ่านไป "
พระดำรัสลั่น วาริชฌาภาร์ณาคลี่มวนม่านออกอ่านโดยพลัน
" กราบทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้ผ่านพิภพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น ตามที่ทรงมีพระราชบัณฑูรให้ราชครูหญิงและหม่อมฉันไปสืบข่าวสะขรุมจินห์ที่หายไปนั้น บัดนี้ หม่อมฉันได้พบนางแล้ว นางถูกดับชีพแล้วดองใสไว้ในขวดโหล อยู่ที่ชั้นสามของปราสาทแห่งนี้นี่เอง สภาพของนางนั้นน่าเวทนายิ่ง หม่อมฉันหมายใจจะนำความมากราบทูลให้ทรงทราบ แต่เนื่องด้วยมีชายโฉดเรือนร่างใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นบุกทำร้ายร่างกายหม่อมฉันแล้วโยนลงมาจากหน้าต่างถึงแก่ชีวาตม์หมายปิดโอษฐ์ดั่งนี้ จึงมิสามารถพากายินทรีย์มากราบทูลด้วยตนเองได้ ขณะที่ร่างหม่อมฉันกำลังร่วงหล่นลงมานั้น จึงได้ดำริที่จะจารึกเป็นอักษรโลหิตแสดงไว้ให้ทรงประจักษ์แจ้งเป็นจริงในสิ่งที่บังเกิด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ลงนาม ศริพราฟาร์ ราชเลขานุการในพระองค์พระนางสุบินสวรรค์ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการและจงรักภักดีตราบชีวีมลายสูญอาดูรนัก "
" ไม่จริง... โกหก "
กษัตริย์ชิยาสวิงทรงพระดำรัสลั่นจนทุกผู้หันมามององค์โดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ทรงพระดำรัสอีกครา
" ตลกสิ้นเชิง ระหว่างร่วงจากปราสาท ใครที่ไหนจะขีดเขียนข้อความได้มากมายหลายวาเช่นนี้ "
" ก็เพราะนี่เป็นข้าราชบริพารผู้ภักดีของเรานะสิ จึงสามารถกระทำได้ "
" พระนางสุบินสวรรค์ตรัสตอบ พลางทรงหันไปทางพระนางศรีตะกุมะลากาจึ่งตรัสว่า
" ศรีตะกุฯ เจ้าควรตัดหทัยอีกคราได้แล้ว "
" โธ่... ตัดหทัยจากองค์ฉกรรณราชาก็คราหนึ่ง แล้วนี่ยังจะต้องมาตัดหทัยจากองค์ชิยาสวิงอีกฤา ฮือ... เหตุไฉนชะตากลั่นแกล้งข้าเช่นนี้... "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงร่ำไห้พลางทรงวิ่งออกจากท้องพระโรงไป จะติกะวะนาจิวิ่งตามไปติดๆจนชิดปลายพระเกศาพลางร้อง
" พระนางเพค๊า... "
จากนั้น พระนางสุบินสวรรค์จึงเสด็จพระดำเนินกลับมายังบัลลังก์ทอง พลางทรงยื่นพระหัตถาไปลูบไล้องค์บัลลังก์คราหนึ่งจึ่งตรัส
" ทหาร... พันธนาการองค์กษัตริย์ชิยาสวิงแล้วทิ้งลงตุ่ม "
" หา ... !! "
" ทุ่มลงเหว "
" อย่า ... "
" เผาด้วยเปลวไฟ "
" ไม่ "
" แล้วดองใสไว้ในโหล "
" อ๊ายยยยยยยย "
องค์กษัตริย์ทรงกรีดร้องอย่างหนัก ขณะเหล่าทหารหญิงนับร้อยกรูเข้าหา
" ในไม่ช้า ร่างของพระองค์ก็ถูกนำพาจนหายเข้าไปในห้องลงทัณฑ์ซึ่งอยู่หลังวัง "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงเชิดพระพักตร์ขึ้นพลางตรัสด้วยพระสุรเสียงขรึม
" อึมครึมมานานสิจะทะยานสู่ละวิรัฐเสียที "
" เพคะราชินีนาถ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์รับพระบัญชา
- - - - - - - - -
กรุงละวิรัฐ
ณ มุมหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง มณีบาร์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มาร์ฒแม้นดารณีย์แปลง ผู้ได้รับตำแหน่งราชครูหญิงแห่งละวิรัฐมาหมาดๆ ได้ลัดเลาะไปตามตำหนักสังหารเหล่าทหารบุรุษหนุ่มซึ่งหลงใหลในองค์ฉกรรณราชาจนสิ้นชีวาไปทีละคนสองคนโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าเป็นฝีมือนาง
ฟีสสสสสส... !! เสียงคมดาบปาดคอหอยเหล่าทหารชาติอาชาไนยอย่างแนบเนียนได้ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หากแต่เหล่าทหารละวิรัฐนั้นยังมีอยู่อีกมากมายนัก มณีบาร์คงจะต้องฝ่าฟันอีกนานนมถมเถ กว่าจะสังหารเหล่าทหารหาญบุรุษจนหมดทั้งประเทศ
ภายในท้องพระโรงเล็ก
ขณะที่องค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชา กำลังทรงพระสำราญอยู่กับการคลอเคล้ามหาอำมาตย์เอกรูปงามบนพระแท่นทองอยู่นั้น มหาดเล็กก็กระมิดกระเมี้ยนเข้ามาคุกเข่าพลางทูลเกล้าถวายรายงาน
" อ่านไปสิจ๊ะ "
องค์เจ้าฟ้าดำรัสจบ มหาดเล็กก็รายงาน
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอององค์พระทรงชัยผไทละวิรัฐ ณ บัดนี้ กรุงอนันตาได้ถูกเผาเป็นตอตะโกโดยฝีมือเจ้านางมาหยารัศมี ส่วนเจ้าฟ้ามูรตีและทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นก็เคลื่อนมาถึงชานพระนครแล้ว ทแกล้วทหารหวั่นไหวจนสิ้นชีพไปหลายรายด้วยคมดาบพระเจ้าข้า "
" ห่อนหาเหตุมายับยั้งไปพลางก่อน มหาดเล็กเจ้า "
" เดชะองค์ "
" สั่งเปิดเขื่อนละวิรัฐ ให้วารีจากลำขันธ์สวรรค์ธาราไหลหลากพรากชีวิตกองพลอริราชที่บังอาจมาเฉียดกรุง "
ดำรัสพลางทรงเอื้อมพระหัตถาไปหยิบพัดจีบมาโบกเอื่อยๆ
มหาดเล็กรับพระบัญชาไปจัดหาผู้คนมาขันประตูเขื่อนให้สัมฤทธ์ตามพระบัณฑูรแถลง
ปี่พาทย์ครวญเพลง นาสลายมลายสิ้น
- - - - - - - - -
กล่าวถึงทัพจากมรีและพลเดินเท้าของเหล่าทหารเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นได้โลดแล่นมาตามไพรจนได้เพลาเย็น พระนางสุบินสวรรค์จึงทรงพระดำรัสให้ตั้งค่ายพักแล้วปล่อยจามรียาออกหากินกันเองในวนาอย่างร่าเริงบันเทิงวจีโดยมิมีผู้ใดคอยดูแลเอาใจใส่มากมายนัก
ในไม่ช้า เมื่อกระโจมของชาวเถมรูถูกขึงขึ้น พลันบังเกิดเสียงคำรามกึกก้องกัมปนาทไปทั่ว พื้นพสุธาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวเทวาพิโรธ
เหล่าสตรีต่างวิ่งวุ่นเสนอหน้าสลอน ความตื่นตระหนกตกใจได้กลายกล้ำไปทั่วกองทัพอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หากแต่กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุด
บัดดลกันนั้น...
บังเกิดเกลียวน้ำอันมหาศาลก่อตัวกันเป็นคลื่นลูกมหึมาเท่าภูผา โหมกระหน่ำมาตามลำน้ำสายเล็กๆ กวาดหมู่บ้านรายทางให้จมหายไปในพริบตา คลื่นยักษ์เคลื่อนตรงมายังค่ายพักชาวเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นอย่างว่องไว ไพร่พลอิสตรีต่างตกใจแตกฮือเป็นที่ยิ่ง
ชั่วพริบตา กองทัพอันมหาศาลก็ถูกกลบไปด้วยสายน้ำที่เทถาโถมทับเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง จามรียาและสตรีทั้งหลายพากันลอยคอกันเกลื่อนทั้งวนา
เมื่อน้ำเหือดแห้งลง แลเห็นภูมิประเทศโดยรอบเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เหล่าจามรียาและสตรีในทัพตายระนาว ส่วนพระนางสุบินสวรรค์และพระนางศรีตะกุมะลากาทรงปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยพระบารมีอันสั่งสมมานาน
จากนั้น ทรงมีพระดำรัสให้สำรวจตรวจตรายอดทรัพย์สินที่เสียหาย มะจั่นฟาร์ตีฏ์ วาริชฌาภาร์ณา และจะติกะวะนาจิ ต่างแยกย้ายกันออกไปสำรวจอยู่ครู่จึงกลับมากราบทูลให้ทรงทราบ
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถามขึ้นว่า
" ว่ามาซิ มะจั่นฟาร์ตีฏ์ ว่ามีทรัพย์อันใดสูญหายไปบ้าง "
" กราบทูลราชินี จามรียาตายเหือบหมดเพคะ "
" โธ่... "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงถอนพระหทัยคราหนึ่ง
" แล้วเหลือเท่าไหร่กัน ? "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสถาม
" สองตัวผัวเมียเพคะ "
" หา !! ... แค่สองเองฤา "
" เพคะ "
" เช่นนี้องค์เทวาทรงลงทัณฑ์เราแน่ "
พระนางศรีตะกุมะลากาตรัสจบ บังเกิดสุรเสียงหนึ่งดังกึกก้องไปทั่งท้องนภากาศเบื้องบนแห่งนั้นจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งพิภพไอศูรย์สวรรค์
" แม่นมั่นแน่แท้แม่ศรีฯเอ๋ย... "
บัดดล...
บังเกิดหมอกควันทวยเทพพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ครั้นเมื่อควันนั้นจางลง ปรากฏเป็น องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโลก ประทับยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนปุยเมฆา เหล่าสตรีเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นต่างคุกเข่าลงกล่าวพร้อมกัน
" อ้า... อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ "
มโหรีประโคมเพลง สวรรค์เมินหมางอย่ามาอ้างสิ่งใด สามชั้น ต่อด้วยการสั่นกระดึงที่ห้อยคอจามรียาสองตัวผัวเมียนั้น
องค์เทวาทรงมีพระดำรัสขึ้น
" กษัตรีย์ทั้งสองเอย "
" เพคะ "
" เนื่องด้วยเหตุที่เจ้าทั้งสองไม่ทำนุรักษาจามรียาสวรรค์ บังอาจปล่อยให้ออกหากินเองจนน้ำท่วมตาย เหลือเพียงสองตัวผัวเมียเช่นนี้ เราจึงจำจะต้องลงทัณฑ์โดยยึดจามรียาทั้งคู่และอาวุธทั้งสองชิ้นนั้นคืน "
" โอ... ไม่ "
สองกษัตรียาทรงลากเสียงยาว
มโหรีกระหึ่มเพลง สวรรค์เมินหมางอย่ามาอ้างสิ่งใด ฉบับปรับปรุงใหม่