เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/31072197
*****************
บทที่ 9
รุ่งอรุณอันสดใสแจ่มจรัส...
พระมหามณเฑียรประสาทส่องแสงอำไพด้วยแสงระยิบระยับจับตาจากแผ่นทองคำแลอัญมณีที่ประดับประดาอยู่บนยอด
ซึ่ง ณ พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ถวัลยราชรานีนั้นเอง
" กระไรนะ... !! ให้รับเสด็จที่ท้องพระโรงเล็ก หมิ่นพระเกียรติศักดิ์แห่งมหารานีเราเกินไป "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาของพระนางสุบินสวรรค์ร้องลั่น ขณะมหาดเล็กนำพระบัณฑูรจากองค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐพระองค์ใหม่มากราบบังคมทูล
" นี่เหนือหัวเจ้าคงจะเห็นพระราชินีเราเป็นแค่เพียงสตรีทั่วไป ถึงได้ให้การต้อนรับเช่นนี้ เห็นทีความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรคงจะสั่นคลอน "
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษา กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
" ทรงอย่ายินยอมนะเพคะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท "
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายหันมากราบบังคมทูลต่อองค์สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ซึ่งขณะนี้ทรงประทับอยู่บนพระเสลี่ยงอันมีพระวิสูตรบางเบากางกั้น
" เราจะไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเล็กตามพระประสงค์แห่งองค์พระอยู่หัวเจ้าละวิรัฐ "
" หา... !! พระนาง !! "
เหล่านางข้าราชบริพารพากันตะลึงงัน
- - - - - - - - -
ในที่สุด คณะทูตสันทวไมตรีอันมีสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์เป็นองค์ประธาน ก็ได้รับการอัญเชิญให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐในท้องพระโรงเล็ก
เพลานั้น สมเด็จพระฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ทรงประทับ ณ พระแท่นบรมบัลลังก์ ภายในพระมหาบุษบกอันมีพระวิสูตรบางเบาปกปิดอยู่
สมเด็จพระนางเจ้าแห่งเถมรู ทรงประทับยืนอยู่ที่เบื้องล่าง พร้อมพรั่งด้วยเหล่าข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ซึ่งครู่หนึ่งนั้นเอง สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงในพระองค์ของพระนางสุบินสวรรค์ก็อัญเชิญพานพระราชสาส์นเข้าทูลเกล้าต่อองค์ราชินี
พระนางสุบินสวรรค์พลันทรงเผยแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งทรงยื่นพระหัตถาไปยังพานพระราชสาส์นนั้น แต่...
โดยพลัน พระสุรเสียงแห่งองค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐก็ตรัสขึ้นก่อน
" คงไม่ต้องหรอกกระมัง สุบินสวรรค์ท่าน "
" ฉันใดกันเพคะพระองค์ "
พระนางทรงฉงน
" เห็นทีละวิรัฐคงมิประสงค์ที่จะมีไมตรีแนบชิดสนิทอันใดกับเถมรูท่าน "
สิ้นพระสุรสีหนาท มโหรีพลันรัวฉาบกรับกระดิ่งจนสนั่นท้องพระโรงเล็ก เหล่ามวลบริวารเขมรัฐถึงกับตะลึงจนหน้าชาในครานั้น เสียงซุบซิบนินทาอื้ออึงอลกระจายไปทั่วทุกหนจนสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ต้องมีพระดำรัส
" เงียบ !! "
พระนางทรงผินพระพักตร์มายังที่ประทับแห่งพระเจ้ากรุละวิรัฐอีกคราจึ่งตรัสด้วยฝืนพระพักตร์แช่มชื่น
" มิไยฝ่าพระบาทไม่ทรงเผยพักตร์มาเจรจากับหม่อมฉัน ทรงหลบอยู่บนนั้นรึจะให้เหล่าบริวารทั้งมวลแห่งเถมรูเราเล็งเห็นว่ากษัตริย์ละวิรัฐนั้นไม่กล้าสู้พักตร์อิสตรี "
หง่าง...ง...ง !! หง่าง..ง..ง !! เสียงระฆังดังระงมขึ้นโดยมิได้นัดหมาย ก่อนสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐจะทรงลั่นพระสรวล
" ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า... วาจาระรานฤทัยปอง กระนี่นี่เล่า จึงทรงครององค์อยู่เดียวดายมิมีชายใดเคียงข้างกระทั่งปัจจุบัน "
สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์สีพระพักตร์เปลี่ยนสี ทรงกำพระหัตถาแน่นพร้อมกัดพระทนต์ดังกรอดคราหนึ่งจึงเชิดพระศอขึ้นสูง
ทันใด มวนม่านอันบางเบาที่ปกปิดพระบุษบกที่ประทับก็พลันถูกเผยออกโดยพระหัตถาแห่งพระเจ้ากรุงละวิรัฐ ณ บัดนั้น
ทุกคนต่างตกตะลึงงันในทันทีที่ประสบพบพระพักตร์สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตราในครานี้
มโหรีกระหึ่มเพลง ทศพักตร์ประจักษ์จริงสมิงพรายสายเกศประเทศราชสยบ
แม่ทัพตรึงสมัยถึงกับจ้องมองดวงพักตร์อันแช่มชื่นแห่งองค์ฉกรรณราชานั้นด้วยตะลึงจึงเพ้อ...
" รัญจวนจิตรา... !!! "
สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชาทรงพระดำเนินลงจากพระมหาบุษบกที่ประทับอย่างช้าๆ และเห็นชายพระภูษาทอดยาวลากระพื้นลงมาจนกระทั่งถึงพื้นเบื้องล่างและทรงประจันพักตร์กับพระนางสุบินสวรรค์ครานั้น
" จงกลับไปเสียเถอะ สุบินสวรรค์ อันเขื่อนที่กั้นสวรรค์ธารามหานทีนั้น คงมิอาจหยุดยั้งหรือทำลายลงได้ด้วยวาจาเจ้า เนื่องเพราะอยู่ในดินแดนแห่งละวิรัฐเรา หาใช้เถมรูไม่ "
พระเจ้ากรุงละวิรัฐตรัสจบ พระนางสุบินสวรรค์ทรงหันขวับจึ่งทรงมีพระดำรัสลั่นท้องพระโรงแห่งนั้น
" กลับเถมรู !! "
สิ้นพระดำรัส กระบวนพยุหยาตราแห่งองค์กษัตรียาสุบินสวรรค์ก็เริ่มปรับขบวนโดยพลัน ก่อนจะเคลื่อนออกจากพระทวารท้องพระโรงเล็กแห่งละวิรัฐนั้น
ทันใด พบว่ามีบุคคลผู้หนึ่งเกิดคิดคดต่อพระนาง...
แม่ทัพตรึงสมัยผู้สง่า ติดสินใจผละกายจากสมเด็จพระนางสุบินสวรรค์ ก่อนจะวิ่งรี่ไปตระกองกอดองค์ฉกรรณราชาโดยพลัน พระนางสุบินสวรรค์ทรงลั่นพระสุรเสียงแหลมตวาดใส่
" อ๊ะ...!!! นั่น... ตรึงสมัย เจ้า... เจ้าคิดคดกระนั้นฤา? "
" แม่นแล้ว..พระนาง ข้าพระองค์หลงของพิสดารยิ่งกว่า "
องค์ฉกรรณราชาทรงเผยพระสรวลจึ่งตรัส
" ตรึงสมัยยอดรัก ข้าจักพระราชทานตำแหน่งอำมาตย์เอกแก่เจ้า "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงค้อนควัก ก่อนทรงขึ้นพระเสลี่ยงในทันใด
กระบวนยาตราแห่งเถมรูเร่งรีบเคลื่อนออกจากท้องพระโรงละวิรัฐไปโดยพลัน
องค์ฉกรรณราชาทรงหันมาทางตรึงสมัย มหาอำมาตย์เอกคู่ใจคนใหม่พลางตรัส
" ขึ้นวิมานกันเถอะจ้ะ อำมาตย์เรา "
" พระเจ้าข้า "
ตรึงสมัยยิ้มกริ่ม ก่อนประคององค์ฉกรรณราชาเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ณ บัดนั้น
- - - - - - - - -
ชานกรุงละวิรัฐ...
กระบวนเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ต่างจรลีมาอย่างฉับไวตามป่าเขาลำเนาไพรอันหนาทึบ แลเห็นแสงระยิบระยับจับตาจากบรรดาอาภรณ์พรรณแห่งข้าราชบริพารทั้งมวลนั้นส่งประกายดุจหิ่งห้อยในพงพฤกษ์พนาไพร
กระบวนพยุหยาตราเคลื่อนคล้อยมาจนกระทั่งถึงทางแยกสองสาย สายหนึ่งนั้นมุ่งกลับสู่กรุงเถมรู ส่วนอีกสายนั้นเล่ามุ่งสู่กรุงอนันตา ยังผลให้กระบวนต้องหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
" ขอเดชะ หม่อมฉันคิดว่าเราควรจะหันเหกระบวนยาตราไปขอความช่วยเหลือจากองค์เจ้าฟ้ามูรตีแห่งอนันตา นะเพคะ "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงอิดออด เนื่องจากเถมรูและอนันตานั้นขาดไมตรีกันมาหลายทดศวรรษ อีกทั้งพระนางเองก็เคยลั่นพระวาจาใส่องค์เจ้าฟ้ามูรตีว่าจะไม่มาอนันตาอีก หากแม้นผิดคำสัตยาเมื่อใดจะให้องค์มูรตีใช้หัตถาซัดพระพักตร์ได้เลย
" ไม่... เราจะกลับเถมรู "
พระนางตรัสพลางทรงเชิดพระพักตร์ขึ้น
" แต่ยามนี้ชาวเถมรูเรากำลังทุกข์ยาก พระนางจะทรงตัดหทัยได้ฤาเพคะ "
สะขรุมจินห์นัยน์ตาเว้าวอน
" ไม่เด็ดขาด เรายังยืนยันคำเดิม จะไม่ยอมไปอนันตาอีกเลย ชั่วชีวิต "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบ
ทันใดกันนั้นเอง...
บังเกิดเทพนิมิตรเทวาจนท้องนภาเพลานั้นมืดมิดหมองหม่น สรรพเสียงอื้ออึงอลของบรรดาหมู่มวลชาวเถมรูกระหึ่มไปทั่วกระบวนพยุหยาตราแห่งนั้น
ฉับพลัน ปรากฏเกลียวแสงเรืองรองส่องประกายระยิบระยับจับตาไปทั่วท้องนภา
" เกิดเหตุใด ? "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงชะโงกพระพักตร์ออกจากพระราชยานคานหาม
" ขอเดชะพระนาง บัดนี้มีองค์เทวามาปรากฏเพคะ "
วาริชฌาภาร์ณากราบบังคมทูล
" จริงฤาเจ้า !! ไหน...ไหนกันองค์เทวา "
พระนางสุบินสวรรค์ตื่นพระองค์แลทรงรีบกระโจนลงจากพระราชยานในทันที
" โน่นเพคะ "
สะขรุมจินห์ชี้นิ้วไปบนฟ้า...
ทุกสายตาต่างทอดมองเป็นจุดเดียวกัน แลเห็นองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ องค์มหาเทพเจ้าสูงสุดผู้ปกปักษ์มวลมนุษยชาติทรงฉลองพระองค์ในอาภรณ์พรรณสีขาวบริสุทธิ์กำลังลอยละล่องอยู่ในนภากาศ
เหล่าพสกนิกรต่างทรุดกายลงหมอบกราบนมัสการองค์เทวาเบื้องสรวงพระองค์นั้นโดยพร้อมเพรียงกันพลางเปล่งสุรวาจาสรรเสริญ
" โอ้....องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์เจ้า.... "
ซึ่ง ณ บัดนั้นนั่นเอง พระสุรเสียงอันนุ่มลึกชวนศรัทธายิ่งแห่งองค์เทวาก็พลันก้องกังวาลไปทั่วว่า
" สุบินสวรรค์เจ้าเอยยยยย... อนาคตอันไกลของเจ้าจะสมควรแก่ทิศหรดี จงผูกสัมพันธไมตรีกับมูรตีเสียแต่บัดนี้เถิด แล้วการต่อไปภายภาคหน้านั้นจะเห็นผล "
เมื่อจบพระดำรัส องค์เทวาพระองค์นั้นก็พลันหายลับไป
ในที่สุด กระบวนพยุหยาตราแห่งพระนางสุบินสวรรค์ก็จำต้องเบี่ยงทิศทางไปยังกรุงอนันตาตามพระบัญชาชี้แนะแห่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโลกนี้กระนั้นแล
- - - - - - - - -
กรุงอนันตา...
ณ บัดนั้น สมเด็จพระเจ้ามหามูรตีศรีอนันตาวิลิศสมาหราราชันย์ พระเจ้ากรุงอนันตา เสด็จออกประทับพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน เสด็จว่าราชการงานเมืองดังเช่นปรกติ
ปุโรหิตค่อยๆคืบคลานเข้ามาเบื้องหน้าก่อนถวายบังคม
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ด้วยปฐมเหตุที่พระองค์ทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันดูแลรับผิดชอบกิจการก่อสร้างและบูรณะพระมหามณเฑียรปราสาทในพระบรมมหาราชวังนั้น บัดนี้กาลทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงสมดังพระราชประสงค์จำนงหมายหมดสิ้นแล้วพระเจ้าข้า "
" ขอขอบใจท่านปุโรหิตที่สู้อุตส่าห์เป็นธุระจัดการทุกอย่างจนสัมฤทธิ์ผล เช่นนั้น เราจะสมนาคุณปูนบำเหน็จด้วยการอนุญาติให้ท่านไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในต่างดินแดนได้ตามใจปรารถนาทุกประการ "
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวงอย่างอบอุ่น ก่อนปุโรหิตจะกราบถวายบังคมลา
" เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นพระเจ้าข้า "
ฉับพลัน มหาดเล็กผู้ว่องไว รีบถลาไถลกายเข้ามากราบบังคม
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทผู้ปกปักษ์ประเทศชาติ ณ บัดนี้ มีข่าวรายงานมาว่าพระเจ้ากรุงละวิรัฐได้เสด็จสวรรคตแล้วพระเจ้าข้า
มโหรีลั่นประโคมสรรพดนตรีศิลป์ทั้งมวลจนกระหึ่มไปทั้งท้องพระโรงแลมหามณเฑียรปราสาท
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเงยพระพักตร์ขึ้นสูงจึ่งตรัสด้วยพระสุรเสียงแผ่วผิวว่า
" เทวาบัญชาการแท้เทียว "
มหาอำมาตย์เอกขยับกายมาเบื้องหน้าจึ่งกราบทูล
" เห็นควรส่งราชสาส์นสำแดงโศก "
" เหมาะยิ่ง ท่านจัดการสิ แล้วอย่าลืมราชสาส์นสำแดงสุขไปแด่ เจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์องค์ใหม่ด้วย เห็นจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นแม่นมั่น "
เจ้าฟ้ามูรตีดำรัสจบ อำมาตย์ยื่นหน้าสลอนกราบบังคมทูลต่อ
" แท้เทียวนาพระพุทธเจ้าข้า บัดนี้สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชาได้สถาปนาองค์เองขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินี หามีผู้ใดคัดค้าน "
" สงสารก็แต่นางแก้วกานดาเจ้า หากแม้นสดับข่าวคงระทมอาดูรสูญซะไม่มี "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงก้มพระพักตร์ลงด้วยพระอารมณ์สลด แต่...
เพล็ง..ง..ง !!!
เสียงสิ่งของแตกกระจายดังสนั่นลั่นไปทั่วพระราชวัง ตามด้วยเสียงร้องของบรรดานางกำนัลตำหนักใน
" เกิดเหตุอันใดขึ้น ? "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตะลึง พลางทรงผุดขึ้นจากพระที่โดยพลัน
นางกำนัลผู้หนึ่งรีบวิ่งจนชายผ้านุ่งพลิ้วมาหมอบราบอยู่แทบฝ่าพระบาทพลางกราบทูลด้วยเสียงสั่นเครือด้วยเกรงพระราชอาญา
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ณ บัดนี้ พระนางแก้วกานดาทรงทำโถมไหศวรรย์แตกกระจายสลายสิ้นไปหมดแล้วเพคะ "
" หา... !!!! "
เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งมวลร้องก้อง
พิณพาทย์ทั้งผองกระหึ่มเพลง นางกาลีศรีนรกตกผลึก สามคำรบ จบด้วยการเคาะกรับและขว้างระฆังจนดังสนั่น
* * * * * * * * *
จบบทที่ 9 โปรดติดตามต่อบทที่ 10
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 9
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
*****************
บทที่ 9
รุ่งอรุณอันสดใสแจ่มจรัส...
พระมหามณเฑียรประสาทส่องแสงอำไพด้วยแสงระยิบระยับจับตาจากแผ่นทองคำแลอัญมณีที่ประดับประดาอยู่บนยอด
ซึ่ง ณ พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ถวัลยราชรานีนั้นเอง
" กระไรนะ... !! ให้รับเสด็จที่ท้องพระโรงเล็ก หมิ่นพระเกียรติศักดิ์แห่งมหารานีเราเกินไป "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาของพระนางสุบินสวรรค์ร้องลั่น ขณะมหาดเล็กนำพระบัณฑูรจากองค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐพระองค์ใหม่มากราบบังคมทูล
" นี่เหนือหัวเจ้าคงจะเห็นพระราชินีเราเป็นแค่เพียงสตรีทั่วไป ถึงได้ให้การต้อนรับเช่นนี้ เห็นทีความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรคงจะสั่นคลอน "
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษา กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
" ทรงอย่ายินยอมนะเพคะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท "
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายหันมากราบบังคมทูลต่อองค์สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ซึ่งขณะนี้ทรงประทับอยู่บนพระเสลี่ยงอันมีพระวิสูตรบางเบากางกั้น
" เราจะไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเล็กตามพระประสงค์แห่งองค์พระอยู่หัวเจ้าละวิรัฐ "
" หา... !! พระนาง !! "
เหล่านางข้าราชบริพารพากันตะลึงงัน
- - - - - - - - -
ในที่สุด คณะทูตสันทวไมตรีอันมีสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์เป็นองค์ประธาน ก็ได้รับการอัญเชิญให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐในท้องพระโรงเล็ก
เพลานั้น สมเด็จพระฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ทรงประทับ ณ พระแท่นบรมบัลลังก์ ภายในพระมหาบุษบกอันมีพระวิสูตรบางเบาปกปิดอยู่
สมเด็จพระนางเจ้าแห่งเถมรู ทรงประทับยืนอยู่ที่เบื้องล่าง พร้อมพรั่งด้วยเหล่าข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ซึ่งครู่หนึ่งนั้นเอง สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงในพระองค์ของพระนางสุบินสวรรค์ก็อัญเชิญพานพระราชสาส์นเข้าทูลเกล้าต่อองค์ราชินี
พระนางสุบินสวรรค์พลันทรงเผยแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งทรงยื่นพระหัตถาไปยังพานพระราชสาส์นนั้น แต่...
โดยพลัน พระสุรเสียงแห่งองค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐก็ตรัสขึ้นก่อน
" คงไม่ต้องหรอกกระมัง สุบินสวรรค์ท่าน "
" ฉันใดกันเพคะพระองค์ "
พระนางทรงฉงน
" เห็นทีละวิรัฐคงมิประสงค์ที่จะมีไมตรีแนบชิดสนิทอันใดกับเถมรูท่าน "
สิ้นพระสุรสีหนาท มโหรีพลันรัวฉาบกรับกระดิ่งจนสนั่นท้องพระโรงเล็ก เหล่ามวลบริวารเขมรัฐถึงกับตะลึงจนหน้าชาในครานั้น เสียงซุบซิบนินทาอื้ออึงอลกระจายไปทั่วทุกหนจนสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ต้องมีพระดำรัส
" เงียบ !! "
พระนางทรงผินพระพักตร์มายังที่ประทับแห่งพระเจ้ากรุละวิรัฐอีกคราจึ่งตรัสด้วยฝืนพระพักตร์แช่มชื่น
" มิไยฝ่าพระบาทไม่ทรงเผยพักตร์มาเจรจากับหม่อมฉัน ทรงหลบอยู่บนนั้นรึจะให้เหล่าบริวารทั้งมวลแห่งเถมรูเราเล็งเห็นว่ากษัตริย์ละวิรัฐนั้นไม่กล้าสู้พักตร์อิสตรี "
หง่าง...ง...ง !! หง่าง..ง..ง !! เสียงระฆังดังระงมขึ้นโดยมิได้นัดหมาย ก่อนสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐจะทรงลั่นพระสรวล
" ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า... วาจาระรานฤทัยปอง กระนี่นี่เล่า จึงทรงครององค์อยู่เดียวดายมิมีชายใดเคียงข้างกระทั่งปัจจุบัน "
สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์สีพระพักตร์เปลี่ยนสี ทรงกำพระหัตถาแน่นพร้อมกัดพระทนต์ดังกรอดคราหนึ่งจึงเชิดพระศอขึ้นสูง
ทันใด มวนม่านอันบางเบาที่ปกปิดพระบุษบกที่ประทับก็พลันถูกเผยออกโดยพระหัตถาแห่งพระเจ้ากรุงละวิรัฐ ณ บัดนั้น
ทุกคนต่างตกตะลึงงันในทันทีที่ประสบพบพระพักตร์สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตราในครานี้
มโหรีกระหึ่มเพลง ทศพักตร์ประจักษ์จริงสมิงพรายสายเกศประเทศราชสยบ
แม่ทัพตรึงสมัยถึงกับจ้องมองดวงพักตร์อันแช่มชื่นแห่งองค์ฉกรรณราชานั้นด้วยตะลึงจึงเพ้อ...
" รัญจวนจิตรา... !!! "
สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชาทรงพระดำเนินลงจากพระมหาบุษบกที่ประทับอย่างช้าๆ และเห็นชายพระภูษาทอดยาวลากระพื้นลงมาจนกระทั่งถึงพื้นเบื้องล่างและทรงประจันพักตร์กับพระนางสุบินสวรรค์ครานั้น
" จงกลับไปเสียเถอะ สุบินสวรรค์ อันเขื่อนที่กั้นสวรรค์ธารามหานทีนั้น คงมิอาจหยุดยั้งหรือทำลายลงได้ด้วยวาจาเจ้า เนื่องเพราะอยู่ในดินแดนแห่งละวิรัฐเรา หาใช้เถมรูไม่ "
พระเจ้ากรุงละวิรัฐตรัสจบ พระนางสุบินสวรรค์ทรงหันขวับจึ่งทรงมีพระดำรัสลั่นท้องพระโรงแห่งนั้น
" กลับเถมรู !! "
สิ้นพระดำรัส กระบวนพยุหยาตราแห่งองค์กษัตรียาสุบินสวรรค์ก็เริ่มปรับขบวนโดยพลัน ก่อนจะเคลื่อนออกจากพระทวารท้องพระโรงเล็กแห่งละวิรัฐนั้น
ทันใด พบว่ามีบุคคลผู้หนึ่งเกิดคิดคดต่อพระนาง...
แม่ทัพตรึงสมัยผู้สง่า ติดสินใจผละกายจากสมเด็จพระนางสุบินสวรรค์ ก่อนจะวิ่งรี่ไปตระกองกอดองค์ฉกรรณราชาโดยพลัน พระนางสุบินสวรรค์ทรงลั่นพระสุรเสียงแหลมตวาดใส่
" อ๊ะ...!!! นั่น... ตรึงสมัย เจ้า... เจ้าคิดคดกระนั้นฤา? "
" แม่นแล้ว..พระนาง ข้าพระองค์หลงของพิสดารยิ่งกว่า "
องค์ฉกรรณราชาทรงเผยพระสรวลจึ่งตรัส
" ตรึงสมัยยอดรัก ข้าจักพระราชทานตำแหน่งอำมาตย์เอกแก่เจ้า "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงค้อนควัก ก่อนทรงขึ้นพระเสลี่ยงในทันใด
กระบวนยาตราแห่งเถมรูเร่งรีบเคลื่อนออกจากท้องพระโรงละวิรัฐไปโดยพลัน
องค์ฉกรรณราชาทรงหันมาทางตรึงสมัย มหาอำมาตย์เอกคู่ใจคนใหม่พลางตรัส
" ขึ้นวิมานกันเถอะจ้ะ อำมาตย์เรา "
" พระเจ้าข้า "
ตรึงสมัยยิ้มกริ่ม ก่อนประคององค์ฉกรรณราชาเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ณ บัดนั้น
- - - - - - - - -
ชานกรุงละวิรัฐ...
กระบวนเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ต่างจรลีมาอย่างฉับไวตามป่าเขาลำเนาไพรอันหนาทึบ แลเห็นแสงระยิบระยับจับตาจากบรรดาอาภรณ์พรรณแห่งข้าราชบริพารทั้งมวลนั้นส่งประกายดุจหิ่งห้อยในพงพฤกษ์พนาไพร
กระบวนพยุหยาตราเคลื่อนคล้อยมาจนกระทั่งถึงทางแยกสองสาย สายหนึ่งนั้นมุ่งกลับสู่กรุงเถมรู ส่วนอีกสายนั้นเล่ามุ่งสู่กรุงอนันตา ยังผลให้กระบวนต้องหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
" ขอเดชะ หม่อมฉันคิดว่าเราควรจะหันเหกระบวนยาตราไปขอความช่วยเหลือจากองค์เจ้าฟ้ามูรตีแห่งอนันตา นะเพคะ "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงอิดออด เนื่องจากเถมรูและอนันตานั้นขาดไมตรีกันมาหลายทดศวรรษ อีกทั้งพระนางเองก็เคยลั่นพระวาจาใส่องค์เจ้าฟ้ามูรตีว่าจะไม่มาอนันตาอีก หากแม้นผิดคำสัตยาเมื่อใดจะให้องค์มูรตีใช้หัตถาซัดพระพักตร์ได้เลย
" ไม่... เราจะกลับเถมรู "
พระนางตรัสพลางทรงเชิดพระพักตร์ขึ้น
" แต่ยามนี้ชาวเถมรูเรากำลังทุกข์ยาก พระนางจะทรงตัดหทัยได้ฤาเพคะ "
สะขรุมจินห์นัยน์ตาเว้าวอน
" ไม่เด็ดขาด เรายังยืนยันคำเดิม จะไม่ยอมไปอนันตาอีกเลย ชั่วชีวิต "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบ
ทันใดกันนั้นเอง...
บังเกิดเทพนิมิตรเทวาจนท้องนภาเพลานั้นมืดมิดหมองหม่น สรรพเสียงอื้ออึงอลของบรรดาหมู่มวลชาวเถมรูกระหึ่มไปทั่วกระบวนพยุหยาตราแห่งนั้น
ฉับพลัน ปรากฏเกลียวแสงเรืองรองส่องประกายระยิบระยับจับตาไปทั่วท้องนภา
" เกิดเหตุใด ? "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงชะโงกพระพักตร์ออกจากพระราชยานคานหาม
" ขอเดชะพระนาง บัดนี้มีองค์เทวามาปรากฏเพคะ "
วาริชฌาภาร์ณากราบบังคมทูล
" จริงฤาเจ้า !! ไหน...ไหนกันองค์เทวา "
พระนางสุบินสวรรค์ตื่นพระองค์แลทรงรีบกระโจนลงจากพระราชยานในทันที
" โน่นเพคะ "
สะขรุมจินห์ชี้นิ้วไปบนฟ้า...
ทุกสายตาต่างทอดมองเป็นจุดเดียวกัน แลเห็นองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ องค์มหาเทพเจ้าสูงสุดผู้ปกปักษ์มวลมนุษยชาติทรงฉลองพระองค์ในอาภรณ์พรรณสีขาวบริสุทธิ์กำลังลอยละล่องอยู่ในนภากาศ
เหล่าพสกนิกรต่างทรุดกายลงหมอบกราบนมัสการองค์เทวาเบื้องสรวงพระองค์นั้นโดยพร้อมเพรียงกันพลางเปล่งสุรวาจาสรรเสริญ
" โอ้....องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์เจ้า.... "
ซึ่ง ณ บัดนั้นนั่นเอง พระสุรเสียงอันนุ่มลึกชวนศรัทธายิ่งแห่งองค์เทวาก็พลันก้องกังวาลไปทั่วว่า
" สุบินสวรรค์เจ้าเอยยยยย... อนาคตอันไกลของเจ้าจะสมควรแก่ทิศหรดี จงผูกสัมพันธไมตรีกับมูรตีเสียแต่บัดนี้เถิด แล้วการต่อไปภายภาคหน้านั้นจะเห็นผล "
เมื่อจบพระดำรัส องค์เทวาพระองค์นั้นก็พลันหายลับไป
ในที่สุด กระบวนพยุหยาตราแห่งพระนางสุบินสวรรค์ก็จำต้องเบี่ยงทิศทางไปยังกรุงอนันตาตามพระบัญชาชี้แนะแห่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโลกนี้กระนั้นแล
- - - - - - - - -
กรุงอนันตา...
ณ บัดนั้น สมเด็จพระเจ้ามหามูรตีศรีอนันตาวิลิศสมาหราราชันย์ พระเจ้ากรุงอนันตา เสด็จออกประทับพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน เสด็จว่าราชการงานเมืองดังเช่นปรกติ
ปุโรหิตค่อยๆคืบคลานเข้ามาเบื้องหน้าก่อนถวายบังคม
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ด้วยปฐมเหตุที่พระองค์ทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันดูแลรับผิดชอบกิจการก่อสร้างและบูรณะพระมหามณเฑียรปราสาทในพระบรมมหาราชวังนั้น บัดนี้กาลทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงสมดังพระราชประสงค์จำนงหมายหมดสิ้นแล้วพระเจ้าข้า "
" ขอขอบใจท่านปุโรหิตที่สู้อุตส่าห์เป็นธุระจัดการทุกอย่างจนสัมฤทธิ์ผล เช่นนั้น เราจะสมนาคุณปูนบำเหน็จด้วยการอนุญาติให้ท่านไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในต่างดินแดนได้ตามใจปรารถนาทุกประการ "
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวงอย่างอบอุ่น ก่อนปุโรหิตจะกราบถวายบังคมลา
" เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นพระเจ้าข้า "
ฉับพลัน มหาดเล็กผู้ว่องไว รีบถลาไถลกายเข้ามากราบบังคม
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทผู้ปกปักษ์ประเทศชาติ ณ บัดนี้ มีข่าวรายงานมาว่าพระเจ้ากรุงละวิรัฐได้เสด็จสวรรคตแล้วพระเจ้าข้า
มโหรีลั่นประโคมสรรพดนตรีศิลป์ทั้งมวลจนกระหึ่มไปทั้งท้องพระโรงแลมหามณเฑียรปราสาท
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเงยพระพักตร์ขึ้นสูงจึ่งตรัสด้วยพระสุรเสียงแผ่วผิวว่า
" เทวาบัญชาการแท้เทียว "
มหาอำมาตย์เอกขยับกายมาเบื้องหน้าจึ่งกราบทูล
" เห็นควรส่งราชสาส์นสำแดงโศก "
" เหมาะยิ่ง ท่านจัดการสิ แล้วอย่าลืมราชสาส์นสำแดงสุขไปแด่ เจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์องค์ใหม่ด้วย เห็นจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นแม่นมั่น "
เจ้าฟ้ามูรตีดำรัสจบ อำมาตย์ยื่นหน้าสลอนกราบบังคมทูลต่อ
" แท้เทียวนาพระพุทธเจ้าข้า บัดนี้สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชาได้สถาปนาองค์เองขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินี หามีผู้ใดคัดค้าน "
" สงสารก็แต่นางแก้วกานดาเจ้า หากแม้นสดับข่าวคงระทมอาดูรสูญซะไม่มี "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงก้มพระพักตร์ลงด้วยพระอารมณ์สลด แต่...
เพล็ง..ง..ง !!!
เสียงสิ่งของแตกกระจายดังสนั่นลั่นไปทั่วพระราชวัง ตามด้วยเสียงร้องของบรรดานางกำนัลตำหนักใน
" เกิดเหตุอันใดขึ้น ? "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตะลึง พลางทรงผุดขึ้นจากพระที่โดยพลัน
นางกำนัลผู้หนึ่งรีบวิ่งจนชายผ้านุ่งพลิ้วมาหมอบราบอยู่แทบฝ่าพระบาทพลางกราบทูลด้วยเสียงสั่นเครือด้วยเกรงพระราชอาญา
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ณ บัดนี้ พระนางแก้วกานดาทรงทำโถมไหศวรรย์แตกกระจายสลายสิ้นไปหมดแล้วเพคะ "
" หา... !!!! "
เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งมวลร้องก้อง
พิณพาทย์ทั้งผองกระหึ่มเพลง นางกาลีศรีนรกตกผลึก สามคำรบ จบด้วยการเคาะกรับและขว้างระฆังจนดังสนั่น
* * * * * * * * *
จบบทที่ 9 โปรดติดตามต่อบทที่ 10