เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10
http://pantip.com/topic/31096418
*****************
บทที่ 11
กรุงอนันตา...
ในเพลานั้น ท้องพระโรงพระราชวังอนันตา กำลังเป็นมหาสมาคมแห่งขุนนาง มหาอำมาตย์ และข้าราชบริพารนับพัน ซึ่งมารวมตัวกัน ณ ที่นี้ เพื่อประชุมหารือเรื่องกิจการแห่งอนันตาประเทศ
ฉับพลันทันใด มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรงพลางคุกเข่าลงกราบทูล
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ณ บัดนี้ พระนางสุบินสวรรค์ ราชินีเถมรู ได้เสด็จถึงพระทวารพระราชวัง หมายเจริญพระราชสัมพันธไมตรีพระเจ้าข้า "
" เชิญเสด็จสิ "
" พระเจ้าข้า "
ครั้นมหาดเล็กคลาคลาดจากไป มหาอำมาตย์เอกแห่งกรุงอนันตาก็ขยับกายเข้าใกล้องค์เจ้าฟ้ามูรตีพลางทูลกระซิบ
" เห็นจะมีเรื่องใหญ่นะพระเจ้าข้า "
มหาอำมาตย์เอกทูลจบก็เบี่ยงกายจากไปอย่างช้าๆ
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทอดพระเนตรไปยังประตูท้องพระโรง ซึ่งเหล่าทหารกำลังช่วยกันแง้มประตูให้เปิดเข้ามา
ครู่ใหญ่... แสงสีทองเรืองรองก็เริ่มทอประกายจากทางเข้าท้องพระโรง
เหล่าข้าราชบริพาร มหาอำมาตย์ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทเจ้าฟ้ามูรตีถึงกับตะลึงลานในสิ่งที่เห็น มหาอำมาตย์เอกถึงกับเปรยขึ้น
" เถมรูเห็นจะอุดมไปด้วยทรัพย์เป็นแน่ "
ขบวนเสด็จของพระนางสุบินสวรรค์ ประกอบไปด้วยเหล่านางกำนัลกว่าสามร้อยนาง สวมชุดประจำชาติเถมรูปล่อยชายผ้านุ่งให้ยาวระพื้นพร้อมห่มสไบสีทองอร่ามตา ถัดมาเป็นกลุ่มของนางกำนัลแบกเครื่องราชบรรณนาการหลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นทองคำ เงิน และเพชรนิลจินดาพัสตราภรณ์นานาพรรณ ถัดไปเป็นพระเสลี่ยงมีหลังคา อันเป็นพระเสลี่ยงที่ประทับของพระนางสุบินสวรรค์ ซึ่งพระเสลี่ยงองค์นี้มีพระวิสูตรบางเบาคลุมอยู่ ต่อไปเป็นขบวนนางกำนัลอีกเช่นกัน นางกำนัลกลุ่มนี้จะแบกข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์พระนางสุบินสวรรค์อาทิ พัดวี โถพระสุคนธ์ โถพระสุธารส พระสุพรรณศรี พระสุพรรณราช ถัดจากนั้นจึงเป็นขบวนมโหรีซึ่งติดตามมาคอยขับกล่อมตลอดการเดินทาง
ขบวนเสด็จหยุดอยู่กับที่ เสลี่ยงที่ประทับถูกอัญเชิญลงอย่างช้าๆ และม่านบางเบาก็ถูกปลอดออก พระนางสุบินสวรรค์เสด็จพระดำเนินออกจากพระเสลี่ยง
เสียงอื้ออึงของเหล่าอำมาตย์แลข้าราชบริพารแห่งอนันตาได้ดังขึ้นอีกครั้ง
" งามแท้ "
ชายผู้หนึ่งกระซิบกับชายอีกผู้
" เหมาะแล้วแห่งตำแหน่งราชินีเถมรู "
" พระชนมายุคงไร่เรี่ยกับองค์มูรตี
" เห็นจะแน่แท้เทียวนา "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงสิบพระบาทนำเข้าหาเจ้าฟ้ามูรตี ทรงหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดหินอ่อนกว้างใหญ่ที่ทอดลาดขึ้นสู่ที่ประดิษฐานพระแท่นบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน
พระนางสุบินสวรรค์ทรงโน้มพระเศียรลงแต่พองามแลดูสง่ายิ่ง พลางตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนหวานปานน้ำผึ้งแห่งบึงเถมรู
" อรุณทิวา มูรตี "
" ทิวานี้ตอบแทนเธอ สุบินสวรรค์ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตอบด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนนุ่มลึกชวนหลงใหล
พระนางสุบินสวรรค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสต่อไปอีกว่า
" เรานำสิ่งนี้มาบรรณนาการ "
ตรัสจบ ทรงปรบพระหัตถ์สามครา
จากนั้น เหล่านางกำนัลทั้งสามร้อยก็เริ่มแปรขบวนแล้วรำถวาย ท่วงทีท่วงทำนองแสดงความอ่อนช้อยและมโหฬารยิ่ง เสียงมโหรีบรรเลงกึกก้องไปทั่วพระบรมมหาราชวังทีเดียว
การรำถวายในครั้งกระนั้นจบสิ้นลงอย่างงดงาม เสียงปรบมือดังกระหึ่มจนท้องพระโรงสั่นไหวเล็กน้อย การรำของชาวเถมรูนี้ล้วนสร้างความประทับใจแก่ชาวอนันตาเป็นที่ยิ่ง
" เช่นไรบ้าง มูรตี... "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงหันมายิ้มให้
" ก็นับว่าเหมาะ สุบินสวรรค์ ท่านสรรหาบรรณาการได้เหมาะแท้เทียวนา "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตอบด้วยพระพักตร์เฉยเมยเล็กน้อย
" ขอบพระราชหฤทัย "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงพระดำเนินมา นางกำนัลผู้หนึ่งเสนอตัวเข้าถวายพระราชสาส์นสัมพันธไมตรีที่ประดิษฐานอยู่บนพานทอง พระนางทรงเอื้อมพระหัตถาไปหยิบพานพระราชสาส์นสัมพันธไมตรีมาแล้วทรงสืบพระบาทเฉลียงขึ้นสู่บันได จนเกือบใกล้ราชบัลลังก์
เจ้าฟ้ามูรตีทรงโน้มพระวรกายมา ดวงพระพักตร์เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ ทรงเผยพระสรวลแต่พองาม จากนั้นทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปยังพระราชสาส์นนั้น
สัมพันธไมตรีระหว่างสองราชอาณาจักรกำลังจะถูกสานต่อ หลังจากที่ถูกทอดทิ้งและเมินหมางห่างเหินจากกันไปหลายทศวรรษ ชาวประชาทั้งสองชาติล้วนปรีด์เปรมเกษมสันต์ ภายในท้องพระโรงพระราชวังอนันตาล้วนเต็มไปด้วยความปลื้มปิติล้นประมาณ
แต่แล้วในบัดดล...
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเปลี่ยนสีพระพักตร์เป็นเหี้ยม ทรงวาดพระหัตถ์ฟาดพานพระราชสาส์นลอยกระเด็นขึ้นสู่ฟ้าแล้วตกลงสู่เบื้องล่างในทันใด
มโหรีที่ตามเสด็จบรรเลงเพลงเทวาพิโรธดังกระหึ่มไปทั่ว
" หึ หึ หึ ... นังกาลีประเทศกาลีนคร ไปวายชนม์เสียเถอะ... !!! "
ฉาด..ด..ด !! เจ้าฟ้ามูรตีทรงวาดพระหัตถ์ซัดพระพักตร์พระนางสุบินสวรรค์อย่างจังจนพระนางทรุดพระวรกายลงและเซล้มจนพระวรร่างกลิ้งไถลไปตามบันได
" อ้า...... "
ทรงกรีดร้องก้อง
เหล่านางกำนัลทั้งสามร้อยกรูกันเข้ามาประคองพระองค์ไว้ในทันใด สร้อยพระศอขาดกระจายเกลื่อน
เหล่าชาวขบวนเถมรูหมายลุกฮือขึ้นต่อต้าน แต่พระนางทรงยกพระหัตถาขึ้นยับยั้ง
" ไม่ต้อง "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นซับพระโลหิต ซึ่งพรั่งพรูออกจากพระโอษฐ์ พลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงห้าวเหี้ยม
" กลับเถมรู !! "
จากนั้นทรงแหวกหมู่นางกำนัลออกจากท้องพระโรงไป เหล่านางกำนัลทั้งมวลรีบตามไปติดๆ จนลับประตูทวารชั้นนอก
มหาอำมาตย์เอกแห่งอนันตาเข้ากระซิบยังเจ้าฟ้ามูรตี
" ทำเช่นนี้ทัพเถมรูอาจจะมาในไม่ช้า "
" ซึ่งมันเป็นไปตามความประสงค์ของเรา "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงยิ้มกริ่ม แต่เหล่าข้าราชบริพารต่างมิเข้าใจในสิ่งที่พระองค์ทรงจำนงหมาย
เสียงซุบซิบได้ดังขึ้นในหมู่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่เคียงข้าง
- - - - - - - - -
ฝ่ายพระนางสุบินสวรรค์ ทรงพระดำเนินอย่างฉับไวออกจากประตูเมืองอนันตามาพร้อมกับข้าราชบริพารหลายร้อย
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษาได้ทูลขึ้น
" จะทรงยกทัพมาบุกอนันตาอีกฤา "
พระนางทรงเม้มพระโอษฐ์พลางทรงเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาหยาบเล็กๆ
" จะมาเห็นหัวมันทำไม "
ราชครูหญิงนิ่งอึงไป
" เช่นนั้น มิไยไม่ทรงหาที่พักผ่อนพระวรกายให้คลายเครียด "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาทูลแนะ
พระนางสุบินสวรรค์เบิกพระเนตรกว้างอย่างพองาม
" ตริได้ไม่เลว ที่ใดควรเหมาะ "
" โลมเลียสมุทรวดีสิเพคะ ที่นั่นเหมาะแก่การชมปลากระตู้วู้น้อยใหญ่ "
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายทูลเสนอ
" จะติกะวะนาจิ "
ตรัสเรียก
" เพคะ "
" บัญชาการ... ให้จัดรูปขบวนใหม่ มุ่งสู่โลมเลียสมุทรวดีในทันใด "
" เพคะราชินี "
และแล้ว ขบวนเสด็จของพระนางสุบินสวรรค์ก็แปรรูปอีกคราเพื่อมุ่งสู่โลมเลียสมุทรวดี ศรีวารีแห่งเกวลทวีป
มโหรีตามเสด็จบรรเลงเพลงเถมรูเคลื่อนทัพ ต่อด้วยเถมรูชมปลา
ใครจะรู้ได้ว่า กาลข้างหน้าจะเกิดอันใดขึ้น แต่ในบัดนี้ ความกินแหนงแคลงใจระหว่างอนันตากับเถมรูได้อุบัติขึ้นอีกครา ภายหลังจากที่สัญญาประชาคมล้มเหลว
กาลต่อไปจะเป็นเช่นใดกันหนอนี่ ช่างไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลย นอกจากองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าผู้สูงสุดแห่งโลกเพียงผู้เดียวเท่านั้น
มโหรีประจำราชสำนักอนันตาบรรเลงเพลงเทวารู้แจ้ง ต่อด้วยการรัวฉาบและเดี่ยวปี่ไม้ไผ่ เคล้าคลอกับเสียงสายธาราไหลกัดเซาะตลิ่งริมฝั่งสุทธาราริณีโยค แม่น้ำสายหลักซึ่งหล่อเลี้ยงพสกนิกรชาวอนันตามากว่าห้าพันปีแล้ว
* * * * * * * * *
จบบทที่ 11 โปรดติดตามต่อบทที่ 12
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 11
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
*****************
บทที่ 11
กรุงอนันตา...
ในเพลานั้น ท้องพระโรงพระราชวังอนันตา กำลังเป็นมหาสมาคมแห่งขุนนาง มหาอำมาตย์ และข้าราชบริพารนับพัน ซึ่งมารวมตัวกัน ณ ที่นี้ เพื่อประชุมหารือเรื่องกิจการแห่งอนันตาประเทศ
ฉับพลันทันใด มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรงพลางคุกเข่าลงกราบทูล
" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ณ บัดนี้ พระนางสุบินสวรรค์ ราชินีเถมรู ได้เสด็จถึงพระทวารพระราชวัง หมายเจริญพระราชสัมพันธไมตรีพระเจ้าข้า "
" เชิญเสด็จสิ "
" พระเจ้าข้า "
ครั้นมหาดเล็กคลาคลาดจากไป มหาอำมาตย์เอกแห่งกรุงอนันตาก็ขยับกายเข้าใกล้องค์เจ้าฟ้ามูรตีพลางทูลกระซิบ
" เห็นจะมีเรื่องใหญ่นะพระเจ้าข้า "
มหาอำมาตย์เอกทูลจบก็เบี่ยงกายจากไปอย่างช้าๆ
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทอดพระเนตรไปยังประตูท้องพระโรง ซึ่งเหล่าทหารกำลังช่วยกันแง้มประตูให้เปิดเข้ามา
ครู่ใหญ่... แสงสีทองเรืองรองก็เริ่มทอประกายจากทางเข้าท้องพระโรง
เหล่าข้าราชบริพาร มหาอำมาตย์ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทเจ้าฟ้ามูรตีถึงกับตะลึงลานในสิ่งที่เห็น มหาอำมาตย์เอกถึงกับเปรยขึ้น
" เถมรูเห็นจะอุดมไปด้วยทรัพย์เป็นแน่ "
ขบวนเสด็จของพระนางสุบินสวรรค์ ประกอบไปด้วยเหล่านางกำนัลกว่าสามร้อยนาง สวมชุดประจำชาติเถมรูปล่อยชายผ้านุ่งให้ยาวระพื้นพร้อมห่มสไบสีทองอร่ามตา ถัดมาเป็นกลุ่มของนางกำนัลแบกเครื่องราชบรรณนาการหลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นทองคำ เงิน และเพชรนิลจินดาพัสตราภรณ์นานาพรรณ ถัดไปเป็นพระเสลี่ยงมีหลังคา อันเป็นพระเสลี่ยงที่ประทับของพระนางสุบินสวรรค์ ซึ่งพระเสลี่ยงองค์นี้มีพระวิสูตรบางเบาคลุมอยู่ ต่อไปเป็นขบวนนางกำนัลอีกเช่นกัน นางกำนัลกลุ่มนี้จะแบกข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์พระนางสุบินสวรรค์อาทิ พัดวี โถพระสุคนธ์ โถพระสุธารส พระสุพรรณศรี พระสุพรรณราช ถัดจากนั้นจึงเป็นขบวนมโหรีซึ่งติดตามมาคอยขับกล่อมตลอดการเดินทาง
ขบวนเสด็จหยุดอยู่กับที่ เสลี่ยงที่ประทับถูกอัญเชิญลงอย่างช้าๆ และม่านบางเบาก็ถูกปลอดออก พระนางสุบินสวรรค์เสด็จพระดำเนินออกจากพระเสลี่ยง
เสียงอื้ออึงของเหล่าอำมาตย์แลข้าราชบริพารแห่งอนันตาได้ดังขึ้นอีกครั้ง
" งามแท้ "
ชายผู้หนึ่งกระซิบกับชายอีกผู้
" เหมาะแล้วแห่งตำแหน่งราชินีเถมรู "
" พระชนมายุคงไร่เรี่ยกับองค์มูรตี
" เห็นจะแน่แท้เทียวนา "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงสิบพระบาทนำเข้าหาเจ้าฟ้ามูรตี ทรงหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดหินอ่อนกว้างใหญ่ที่ทอดลาดขึ้นสู่ที่ประดิษฐานพระแท่นบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน
พระนางสุบินสวรรค์ทรงโน้มพระเศียรลงแต่พองามแลดูสง่ายิ่ง พลางตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนหวานปานน้ำผึ้งแห่งบึงเถมรู
" อรุณทิวา มูรตี "
" ทิวานี้ตอบแทนเธอ สุบินสวรรค์ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตอบด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนนุ่มลึกชวนหลงใหล
พระนางสุบินสวรรค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสต่อไปอีกว่า
" เรานำสิ่งนี้มาบรรณนาการ "
ตรัสจบ ทรงปรบพระหัตถ์สามครา
จากนั้น เหล่านางกำนัลทั้งสามร้อยก็เริ่มแปรขบวนแล้วรำถวาย ท่วงทีท่วงทำนองแสดงความอ่อนช้อยและมโหฬารยิ่ง เสียงมโหรีบรรเลงกึกก้องไปทั่วพระบรมมหาราชวังทีเดียว
การรำถวายในครั้งกระนั้นจบสิ้นลงอย่างงดงาม เสียงปรบมือดังกระหึ่มจนท้องพระโรงสั่นไหวเล็กน้อย การรำของชาวเถมรูนี้ล้วนสร้างความประทับใจแก่ชาวอนันตาเป็นที่ยิ่ง
" เช่นไรบ้าง มูรตี... "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงหันมายิ้มให้
" ก็นับว่าเหมาะ สุบินสวรรค์ ท่านสรรหาบรรณาการได้เหมาะแท้เทียวนา "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงตอบด้วยพระพักตร์เฉยเมยเล็กน้อย
" ขอบพระราชหฤทัย "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงพระดำเนินมา นางกำนัลผู้หนึ่งเสนอตัวเข้าถวายพระราชสาส์นสัมพันธไมตรีที่ประดิษฐานอยู่บนพานทอง พระนางทรงเอื้อมพระหัตถาไปหยิบพานพระราชสาส์นสัมพันธไมตรีมาแล้วทรงสืบพระบาทเฉลียงขึ้นสู่บันได จนเกือบใกล้ราชบัลลังก์
เจ้าฟ้ามูรตีทรงโน้มพระวรกายมา ดวงพระพักตร์เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ ทรงเผยพระสรวลแต่พองาม จากนั้นทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปยังพระราชสาส์นนั้น
สัมพันธไมตรีระหว่างสองราชอาณาจักรกำลังจะถูกสานต่อ หลังจากที่ถูกทอดทิ้งและเมินหมางห่างเหินจากกันไปหลายทศวรรษ ชาวประชาทั้งสองชาติล้วนปรีด์เปรมเกษมสันต์ ภายในท้องพระโรงพระราชวังอนันตาล้วนเต็มไปด้วยความปลื้มปิติล้นประมาณ
แต่แล้วในบัดดล...
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเปลี่ยนสีพระพักตร์เป็นเหี้ยม ทรงวาดพระหัตถ์ฟาดพานพระราชสาส์นลอยกระเด็นขึ้นสู่ฟ้าแล้วตกลงสู่เบื้องล่างในทันใด
มโหรีที่ตามเสด็จบรรเลงเพลงเทวาพิโรธดังกระหึ่มไปทั่ว
" หึ หึ หึ ... นังกาลีประเทศกาลีนคร ไปวายชนม์เสียเถอะ... !!! "
ฉาด..ด..ด !! เจ้าฟ้ามูรตีทรงวาดพระหัตถ์ซัดพระพักตร์พระนางสุบินสวรรค์อย่างจังจนพระนางทรุดพระวรกายลงและเซล้มจนพระวรร่างกลิ้งไถลไปตามบันได
" อ้า...... "
ทรงกรีดร้องก้อง
เหล่านางกำนัลทั้งสามร้อยกรูกันเข้ามาประคองพระองค์ไว้ในทันใด สร้อยพระศอขาดกระจายเกลื่อน
เหล่าชาวขบวนเถมรูหมายลุกฮือขึ้นต่อต้าน แต่พระนางทรงยกพระหัตถาขึ้นยับยั้ง
" ไม่ต้อง "
พระนางสุบินสวรรค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นซับพระโลหิต ซึ่งพรั่งพรูออกจากพระโอษฐ์ พลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงห้าวเหี้ยม
" กลับเถมรู !! "
จากนั้นทรงแหวกหมู่นางกำนัลออกจากท้องพระโรงไป เหล่านางกำนัลทั้งมวลรีบตามไปติดๆ จนลับประตูทวารชั้นนอก
มหาอำมาตย์เอกแห่งอนันตาเข้ากระซิบยังเจ้าฟ้ามูรตี
" ทำเช่นนี้ทัพเถมรูอาจจะมาในไม่ช้า "
" ซึ่งมันเป็นไปตามความประสงค์ของเรา "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงยิ้มกริ่ม แต่เหล่าข้าราชบริพารต่างมิเข้าใจในสิ่งที่พระองค์ทรงจำนงหมาย
เสียงซุบซิบได้ดังขึ้นในหมู่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่เคียงข้าง
- - - - - - - - -
ฝ่ายพระนางสุบินสวรรค์ ทรงพระดำเนินอย่างฉับไวออกจากประตูเมืองอนันตามาพร้อมกับข้าราชบริพารหลายร้อย
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษาได้ทูลขึ้น
" จะทรงยกทัพมาบุกอนันตาอีกฤา "
พระนางทรงเม้มพระโอษฐ์พลางทรงเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาหยาบเล็กๆ
" จะมาเห็นหัวมันทำไม "
ราชครูหญิงนิ่งอึงไป
" เช่นนั้น มิไยไม่ทรงหาที่พักผ่อนพระวรกายให้คลายเครียด "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาทูลแนะ
พระนางสุบินสวรรค์เบิกพระเนตรกว้างอย่างพองาม
" ตริได้ไม่เลว ที่ใดควรเหมาะ "
" โลมเลียสมุทรวดีสิเพคะ ที่นั่นเหมาะแก่การชมปลากระตู้วู้น้อยใหญ่ "
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายทูลเสนอ
" จะติกะวะนาจิ "
ตรัสเรียก
" เพคะ "
" บัญชาการ... ให้จัดรูปขบวนใหม่ มุ่งสู่โลมเลียสมุทรวดีในทันใด "
" เพคะราชินี "
และแล้ว ขบวนเสด็จของพระนางสุบินสวรรค์ก็แปรรูปอีกคราเพื่อมุ่งสู่โลมเลียสมุทรวดี ศรีวารีแห่งเกวลทวีป
มโหรีตามเสด็จบรรเลงเพลงเถมรูเคลื่อนทัพ ต่อด้วยเถมรูชมปลา
ใครจะรู้ได้ว่า กาลข้างหน้าจะเกิดอันใดขึ้น แต่ในบัดนี้ ความกินแหนงแคลงใจระหว่างอนันตากับเถมรูได้อุบัติขึ้นอีกครา ภายหลังจากที่สัญญาประชาคมล้มเหลว
กาลต่อไปจะเป็นเช่นใดกันหนอนี่ ช่างไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลย นอกจากองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ เทพเจ้าผู้สูงสุดแห่งโลกเพียงผู้เดียวเท่านั้น
มโหรีประจำราชสำนักอนันตาบรรเลงเพลงเทวารู้แจ้ง ต่อด้วยการรัวฉาบและเดี่ยวปี่ไม้ไผ่ เคล้าคลอกับเสียงสายธาราไหลกัดเซาะตลิ่งริมฝั่งสุทธาราริณีโยค แม่น้ำสายหลักซึ่งหล่อเลี้ยงพสกนิกรชาวอนันตามากว่าห้าพันปีแล้ว
* * * * * * * * *
จบบทที่ 11 โปรดติดตามต่อบทที่ 12