เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 16

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/31153998

*****************


บทที่ 16




บนดอยแฉล้มวจี...

หมู่บ้านชาวเขาเผ่าหนึ่งตั้งอยู่เป็นกลุ่มๆ

กลุ่มควันอันเกิดจากการหุงหาอาหารได้โชยคลุ้งไปทั่วบริเวณอันกว้างใกญ่ แลไปทางไหนก็ล้วนมีแต่บุรุษเพศ สวมชุดหนังเสือ บ้างก็เสือโคร่ง บ้างก็เสือดาว บ้างก็เสือลายพลาดกลอน จะมีหลอมแหลมก็เช่นเสือปลา และยิ้มินพืช

นี่คือกลุ่มชาวเขาเผ่าสมิงสา ผู้ครอบครองคอยแฉล้มวจีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ชาวเขากลุ่มนี้จะไม่มีสตรีอยู่ในเผ่าเลย ทั้งนี้เพราะพวกเขาคิดว่าสตรีเป็นบุคคลที่วุ่นวาย จู้จี้ และมักจะกระทำให้ของขลังประจำตัวบุรุษเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์

ฉะนั้น ยามที่พวกเขาต้องการสตรีมาบำเรอสุข เขาก็จะออกล่า ครั้นพอปรนเปรอกามากันจนทั่วหน้าประชาชีแล้วก็จะแล่เนื้อสตรีผู้นั้นกินจนหมดสิ้น ช่างน่าสยดสยองผองขนเหลือประมาณมี

อีกประการหนึ่งที่ถือเป็นสาเหตุสำคัญว่าชาวเขาเผ่าสมิงสาไม่นิยมอิสตรีอยู่ในเผ่านั้นก็คือ เพราะหัวหน้าเผ่าเป็นพวกรักหลากเพศ คือชอบหลายเพศ ไม่ว่าจะเป็นหญิงก็ได้ ชายก็ดี หรือขันทีก็หฤหรรษ์ ฉะนั้น เผ่านี้จึงไม่มีสตรีอยู่ในเผ่ากระนั้นแล

ภายในกระโจมของหัวหน้าเผ่า ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดารด้วยกระดูกสัตว์ ขนสัตว์ และเครื่องในสัตว์ที่ตากแห้งแล้ว แต่ละมุมล้วนเพริศแพร้วไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของหัวหน้าที่ได้รับการจัดวางเอาไว้อย่างมีระเบียบงามตา บ่งบอกถึงความพิถีพิถันและเอาใจใส่ได้ในระดับหนึ่ง

มุมหนึ่งของกระโจมอันมีเตียงนอนไม้วางอยู่ บนที่นอนนั้นมีร่างอ้อนแอ้นอรชรของอิสตรีนางหนึ่งตะแคงกายหันหลังให้ ครู่หนึ่ง สตรีนางนั้นก็หันมา ที่แท้เป็นพระนางแก้วกานดานี่เอง

พระนางทรงลืมพระเนตรขึ้นอย่างช้าๆ พลางทรงกลอกดวงพระเนตรไปมาอยู่ครู่

บัดดล...

ทรงผุดลุกขึ้นพลางทรงทอดพระเนตรพระวรกายของพระองค์ซึ่งเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมอยู่เพียงเท่านั้น

" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!! "

ทรงกรีดร้องก้อง

พระสุรเสียงร้องของพระนางดังลั่นกระโจม และสนั่นออกไปข้างนอกจนได้ยินกันไปทั่วทั้งหมู่บ้านชาวเขาเผ่าสมิงสา

ชายร่างกายบึกบึนกำยำผู้ซึ่งพระนางทรงพบเป็นครั้งแรกที่โขดหินกลางป่าได้ถลาเข้ากระโจมมา

" ไอ้คนโฉด ออกไปนะ "

พระนางทรงตวาดใส่

" นี่กระโจมของข้า ข้าจะมาจะไปมันก็เป็นเรื่องของข้า "

ชายหนุ่มตอบ

" บังอาจกระทำการอันมิบังควรบนร่างกายของเรา กลับกรุงครานี้เราจะให้องค์มูรตียกทัพมาผลาญหมู่บ้านเจ้า "

พระนางตรัสบริภาษเป็นการใหญ่

" ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า... ดีจริง มิเสียทีที่เกิดมาในชาตินี้ ในที่สุดข้าก็ได้นางอันเป็นที่รักแห่งกษัตริย์อนันตาไว้ครอบครอง "

ชายหนุ่มปิติยิ่ง

" ต่ำชาติสกุลถ่อยสิจะมาสอยกัลปพฤกษ์ "

พระนางตรัสพลางทรงเชิดพระพักร์

ฉาด..ด..ด.. ชายหนุ่มวาดหัตถ์ซัดพระพักตร์พระนางแก้วกานดาจนทรงล้มคว้ำคะมำหงายไปในบัดดล

" เจ้า.... "

พระนางตรัสด้วยพระสุรเสียงหวานปานน้ำอ้อย พลางทรงยกพระหัตถ์ข้างหนึ่งขึ้นปิดพระพักตร์ข้างที่ทรงถูกตบนั้น

นับแต่ประสูติมาเป็นราชินี มิเคยมีเลยที่จะมีผู้ใดมาหมายตบพระพักตร์พระนาง นอกจากสองบุคคลเท่านั้น

หนึ่งคือองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชา พระเชษฐา

ส่วนอีกหนึ่งนั้นเล่า ก็คือเจ้าฟ้ามูรตีกษัตริย์อนันตา

แต่... บัดนี้...

พระนางทรงมีพระหฤทัยอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ทรงขยับพระวรกายมาอิงแอบแนบร่างอันบึกบึนของชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงอ่อน

" ท่านช่างแข็งแรงสุดประมาณ เรายังไม่ทราบนามกรของท่านเลย "

" อันว่านามของเรานั้นหรือ คือ สมิงสาตาบู "

" สมิงสาตาบู !! "

พระนางทรงตกพระทัยเป็นที่ยิ่ง

" ไฉนนาง..? "

สมิงสาตาบูฉงน

" ป..เปล่า ไม่มีอันใด "

พระนางตรัสพลางทรงพระดำริในพระทัยว่า

..... สมิงสาตาบู คือผู้ที่เจ้าพี่ฉกรรณราชาทรงเคยเล่าให้ฟังว่า เขาเคยมาทูลขอเจ้าพี่ร่วมหอร่วมห้องพระบรรทมด้วย แต่เจ้าพี่ไม่ทรงโปรด จึงเกิดเคืองกันขึ้น เขาผู้นี้นะหรือเป็นพวกรักหลากเพศ.....

พระนางดำริพลางทรงเพ่งพินิจเรือนร่างอันบึกบึนกำยำของสมิงสาตาบู

" ไม่น่าเชื่อ... "

ทรงเผลอตรัสออกมาคราหนึ่ง

" จงอยู่แต่ในกระโจม อย่าออกไปภายนอก มิฉะนั้นเจ้าจะถูกลูกน้องของข้ารุมย่ำยีจนปี้ป่น แล้วถูกแล่เนื้อกินในที่สุด "

กล่าวจบสมิงสาตาบูผลุบออกจากกระโจมไป ทิ้งให้พระนางแก้วกานดาประทับอยู่เพียงลำพัง

- - - - - - - - -

ท้องพระโรงพระราชวังอนันตา

" เริงร่าไม่มีที่สิ้นสุด... ดูสิ นี่ก็ผ่านไปหลายเพลาแล้ว ยังไม่เห็นเศียรแม่แก้วกานดากลับมาเลย คงจะเพลิดเพลินเจริญวจีกับป่าเขาลำเนาไพรจนลืมเราเสียแล้วกระมัง อำมาตย์ "

เจ้าฟ้ามูรตีตรัสเรียก

" พระเจ้าข้า "

มหาอำมาตย์เอกถวายบังคม

" รึท่านว่าไง "

" พระนางแก้วกานดานานทีจะได้ทรงเพลิดเพลินอย่างนี้สักครั้ง ที่กรุงละวิรัฐคงไม่มีอย่าอนันตาประเทศจึ่งทรงสำราญพระอารมณ์มากเป็นพิเศษ เช่นนั้น พระองค์น่าจะทรงทำพระทัยให้ฉ่ำเย็นไว้ก่อน "

ครู่ใหญ่...

มหาดเล็กสืบเท้าฉับๆเข้ามาในท้องพระโรงอย่างว่องไว พลางตรงดิ่งไปยังพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน อันเป็นที่ประทับแห่งเจ้าฟ้ามูรตีผู้งามสง่า จากนั้นจึงคุกเข่าลงกราบถวายบังคมทูลว่า

" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ณ บัดนี้ มีรายงานว่า ขบวนเสด็จของพระนางแก้วกานดาแตกกระสานซ่านเซ็น เหล่านางกำนัลตายหมด ส่วนพระนางแก้วกานดาและห้าขันทีพลีสวาทหายสาบสูญไร้ร่องรอยพระเจ้าข้า "

มโหรีหลวงประโคมเพลงร้างรานารีผีผยอง เจ้าฟ้ามูรตีทรงเริ่มร้องบทกลอน ตามด้วยมหาอำมาตย์เอกและมหาดเล็ก

" โอ้แก้วกานดาน้องยาพี่ "

" หายไปเช่นนี้ฝีมือกรุงละวิรัฐ "

" จัดทัพในทันใด "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงผุดลุกขึ้น พลางทรงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรมหาสุรสิงหนาทสนั่นท้องพระโรงแห่งนั้น

" สถาปนามหาทัพอัปสรสวรรค์สนั่นเมืองกระเดื่องภูผา พร้อมช่วงชิงแม่แก้วกานดากลับมาให้จงได้ "

- - - - - - - - -

ย่ำค่ำ...

ฝ่ายกรุงอนันตากำลังเร่งรีบจัดทัพรี้พล เตรียมออกเดินทางสู่กรุงละวิรัฐในกลางดึก ไพร่พลมีมากมายมหาศาล แลเห็นกองเพลิงและเกวียนบรรทุกสัมภาระกระจายกันอยู่เป็นกลุ่มๆทั่วเชิงเขาใกล้พระบรมมหาราชวัง อีกข้างยังมีหมู่ม้าศึกรวมกลุ่มกันอยู่เป็นฝูงทางฝั่งตะวันออก ส่วนช้างศึกก็รวมกันอยู่ทางทิศเหนือ ประมาณว่ามีช้างศึกกว่าพันเชือก ส่วนม้าศึกก็ราวแปดพันม้า

ไพร่พลบางส่วนกำลังขัดแต่งและลับคมหอกคมดาบ บางส่วนกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย บางส่วนกำลังอาบน้ำชำระกาย บางส่วนกำลังให้อาหารม้า และบางส่วนกำลังร่ำลาบุตรภรรยา เพราะการเดินทางครั้งนี้อาจต้องจากบ้านจากเมืองไปเป็นเวลานาน

ในพระบรมมหาราชวังอนันตา

เหล่าข้าราชบริพารมหาดเล็กและนางกำนัลก็กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเตรียมพระราชสัมภาระของเจ้าฟ้ามูรตี ซึ่งมีมากมาย อาทิเช่น ช้างทรง 3 เชือก ซึ่งต้องใช้ผลัดเปลี่ยนกัน ม้าทรง 5 ม้า เรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี พร้อมบุษบกและที่ประทับ ซึ่งแยกส่วนออกเป็นชิ้นๆ บรรทุกไว้บนหลังช้าง พร้อมที่จะประกอบใช้งานได้ทุกเมื่อ ในกรณีที่ต้องเดินทางทางน้ำ หีบฉลองพระองค์และเครื่องภัสตราภรณ์อีกทั้งเครื่องบรมราชูปโภคอื่นๆอีกกว่าแปดสิบหีบ

ท้องพระโรงพระราชวัง เจ้าฟ้ามูรตีซึ่งทรงชุดฉลองพระองค์สีดอกอัญชัญ ประทับยืนอยู่หน้าพระบรมราชบัลลังก์ ตรัสสั่งงานแก่อำมาตย์และขุนางทั้งปวง

" ผสานจิตใจเป็นหนึ่ง พร้อมติดตรึงทุกอย่างให้พรักพร้อมนะ "

" พระเจ้าข้า "

มหาดเล็กรับพระบัญชาใส่เกล้าใส่กระหม่อมไปดำเนินการ

เจ้าฟ้ามูรตีทรงหันมาทางมหาอำมาตย์เอกพลางทรงมีพระดำรัส

" ตรองไม่รู้หนเลยว่าฉกรรณราชาจะใช้เล่ห์กลอุบายอันเขลาโฉดโลดแล่นมาช่วงชิงแก้วกานดาน้องสาวของตนกลับไปเช่นนี้ "

ทรงหยุดไปครู่จึงตรัสต่อ

" หึ.. หึ.. สันดานชาติตระกูลอาดูรเสียไม่มี ออกทัพครานี้เห็นทีจะต้องตีเอาชัยให้ได้ทั้งละวิรัฐ "

" ขอเดชะ ณ บัดนี้ การทุกสิ่งสรรพเพียงพร้อมพระเจ้าข้า "

มหาดเล็ดกราบทูล

" เมื่อทุกอย่างสะพรั่งแล้วทะแกล้วก็ไปกันได้เลย "

ทรงมีพระบรมราชโองการ

ทุกคนไชโยโห่ร้องสามคราเป็นการเอาฤกษ์

มโหรีหลวงกระหึ่มเพลงทิพยชัย ทิพยฤกษ์ ทิพยกฤษฎี และทิพยกรีฑาอภินิหารประทานพร พร้อมตีฉาบ 200 คู่ มโหระทึก 80 ชุด และกระดิ่ง 2,000 อัน เป็นอันเสร็จพระราชพิธี

- - - - - - - - -

มุ่งสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่ทางฝั่งตะวันตกของอาณาจักรอนันตา

มีอาณาจักรอันเปรียบเสมือนเป็นหอกข้างแคร่แห่งอาณาจักรอนันตาอยู่อาณาจักรหนึ่ง อาณาจักรนั้นก็คือ พะคัมด์

ณ ท้องพระโรงพระราชวังพะคัมด์อันตระการตา การประดับประดาล้วนแปลกแตกต่างไปจากอนันตาและละวิรัฐเป็นอันมาก มีการใช้เงินและขนนกประดับอยู่โดยทั่วไป ลวดลายการแกะสลักก็ดูพิลึกพิลั่นอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน

เบื้องในสุดเป็นพระบรมราชบัลลังก์กะดองทองอันสูงใหญ่และสง่างาม ที่สถิตย์เสถียรแห่งพระเจ้ากรุงพะคัมด์องค์ปัจจุบันซึ่งทรงพระนามลือกระฉ่อนไปทั่วว่า พระเจ้าเตวู

พระเจ้าเตวูทรงมีพระชนมายุใกล้เคียงกับเจ้าฟ้ามูรตีและเจ้าฟ้าฉกรรณราชา

ในเพลากระนั้น พระองค์กำลังทรงคลอเคลียเคล้าอยู่กับเหล่านางสนมสองนาง โดยมีมโหรีหลวงประโคมเพลงเต่าเจ้าเล่ห์เพทุบายหมายชิมดรุณี

มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรงพลางคุกเข่าลงถวายบังคมตามแบบพะคัมด์ก่อนกราบทูล

" ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวพะคัมด์ ณ บัดนี้ เจ้าฟ้ามูรตีกษัตริย์อนันตา ได้ยกพลนับล้านเคลื่อนออกจากอนันตาไปแล้วพระเจ้าข้า "

พระเจ้าเตวูทรงผลักนางสนมทั้งสองออกห่างพลางทรงโน้มพระวรกายมาข้างหน้าอย่างฉับพลันทันใด

" ดูรามหาดเล็กจ๋า ไยเจ้าเสนอหน้ายามข้าคลอเคลียเคล้าเหล่านางสนม "

" ขอพระราชทานอภัยพระเจ้าข้า "

มหาดเล็กเอาหัวซุกพื้นท้องพระโรงด้วยเกรงพระอาญายิ่ง

" ออกไปแล้วจัดอำมาตย์มาสองนาย "

" รับดำรัสไว้กลัดเกศ "

จบคำทูล มหาดเล็กค่อยๆคลานออกจากท้องพระโรงไป

ครู่ใหญ่...

อำมาตย์สองนายพากายอันแก่ชราคลานเข้ามาอย่างช้าๆ พลางกราบถวายบังคม

" เอาล่ะท่านทั้งสอง บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะยกทัพไพร่พลพะคัมด์ไปย่ำยีอนันตาให้ยับเยิน จงวางแผนการณ์มาซิ ผู้ใดตริชอบ เราจะให้รางวัลเป็นนางสนม "

จบพระดำรัส นางสนมทั้งสองต่างตื่นตระหนกตกใจเป็นที่ยิ่ง

หล่อนทั้งสองพลันผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งลงจากพระแท่นบรมราชบัลลังก์กะดองทองอันสูงลิบสู่ลงมาจนชายผ้านุ่งที่ยาวลากพื้นสะบัดพลิ้ว ครั้นถึงพื้นเบื้องล่าง พวกนางพลันจึงหมุนตัวกลับมาแล้วย่อตัวลงถวายบังคม

" ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเศียร เหล่าอำมาตย์แก่ชราแล้วเพคะ พวกหม่อมฉันไม่อยาก... "

" คิดขัดคำข้า ฤาอยากจะถูกตัดเต้าแล้วเผ่าทิ้ง ? "

ตรัสจบ นางทั้งสองเงียบกริบพลางเดินกลับขึ้นพระบรมราชบัลลังก์กะดองทองไปใหม่อีกครั้งอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเข้านั่งประจำที่เดิม

พระเจ้าเตวูทรงหันมาทางอำมาตย์ชราทั้งสอง

" เอ้า... ว่ามา "

" ขอเดชะ ข้าพระองค์เห็นควรให้ยกทัพใหญ่ มุ่งสู่อนันตา จากนั้นแยกทัพออกเป็นสาย ตีหัวเมืองรายทาง แล้วโอบล้อมอนันตาไว้ "

อำมาตย์คนแรกทูล

" อึ่ม "

ทรงมีพระดำริอยู่ครู่จึ่งดำรัส

" เอ้า... แล้วท่าน "

" จากนั้นหยั่งเชิงดูสักระยะ พร้อมส่งสายสืบผู้มีฝีมือเล็ดลอดเข้าไปหาข้อมูลว่าอนันตามีแผนการณ์ตอบโต้เราอย่างไร "

" อื่อฮื้อ... แล้วไงต่อ ? "

สองอำมาตย์ทูลขึ้นพร้อมกันว่า

" จากนั้นจู่โจมโดยมิได้นัดหมาย ตีเอาชัยได้ในที่สุด "
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่