นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๔๗. วันที่รอคอย)


                                          [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตอนที่ ๔๗.วันที่รอคอย


        หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ท่านประพันธ์ ชินดนัย นคินทร์กับพวกเพื่อน ๆ ต่างก็ได้ช่วยกันจัดการงานทุกอย่าง ทัศนะที่ถูกติดตามจับตัวได้ เมื่อมีทั้งพยานและหลักฐานแน่นหนาทำให้ทัศนะกับภูมิธเนศ ชาญและเสี่ยซานรวมทั้งคาซากิต่างก็ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมรับฟังคำพิพากษาเพื่อรับโทษตามที่ได้กระทำไว้

        หนึ่งเดือนต่อมา ในช่วงสายของวันนี้ที่ห้องเสื้อ “พันณริ

        สิ้นเสียงเคาะประตูห้อง ชายหนุ่มร่างสูงก็เปิดประตูเข้ามา ทำให้เจ้าของห้องที่กำลังนั่งดูนิตยสารอยู่เงยหน้าขึ้นมา

        “นคินทร์คะ คุณมาดูนี่สิ” เมรันเรียกเขาด้วยน้ำเสียงหวาน

         ชายหนุ่มที่ถูกเรียกเดินไปโอบไหล่กลมมนแล้วก้มหน้ามองลงไปดูตามที่สาวคนรักบอก

        “บทสัมภาษณ์พี่เจฟค่ะ มีรูปของคุณขวัญด้วยนะคะ”

        นคินทร์มองแล้วอ่านออกเสียงตามหัวข้อบทสัมภาษณ์ที่พิมพ์เป็นตัวอักษรใหญ่โชว์หลาอยู่หน้านี้

        “ชินดนัย อัครกูล ทายาทหนุ่มผู้เพียบพร้อมกับว่าที่เจ้าสาวผู้โชคดี”

        “เจ๊มี่โทรมาบอกว่าอ่านแล้วยังไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ” เมรันพูดแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขา

        นคินทร์ขมวดคิ้ว  สีหน้าที่บ่งบอกความแปลกใจทำให้เมรันเห็นแล้วนึกขำ

        “ปกติคุณภาวินีไม่ค่อยเขียนเชียร์หรือชมใครหรอกค่ะ ถ้าเธอเห็นว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่บทความลงท้ายในคราวนี้ อ่านแล้วเหมือนจะชมคุณขวัญ จนเจ๊มี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเธอเขียนด้วยความรู้สึกจากใจจริงหรือเปล่าค่ะ”

        หนุ่มร่างสูงที่ยืนฟังอยู่ พอได้จับใจความแล้วใบหน้าคมคายก็ระบายด้วยรอยยิ้ม

        “ผมคิดว่าคุณภาวินีคงจะเขียนออกมาจากใจนะครับ”

        นคินทร์เล่าให้เมรันฟังว่า หลังจากที่ภาวินีเศรษฐีนีม่ายเจ้าของธุรกิจความงามและนิตยสารชื่อดังได้รับการรักษาตัวแล้ว ก็ได้จัดการเรื่องงานก่อนที่จะเดินทางไปพักผ่อนทำใจอยู่ต่างประเทศสักพัก

        เมรันเองก็ถอนหายใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัว

       “จริงสิคะ รันมีเรื่องถามอะไรจะคุณ”  เมรันวางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจูงมือชายคนรักให้ไปนั่งลงที่โซฟาด้วยกัน

       “เห็นคุณพ่อ พี่เจฟกับคุณยุ่ง ๆ มาหลายอาทิตย์ก็เลยยังไม่ได้ถาม”

        “คุณอยากรู้เรื่องไหนล่ะครับ” นคินทร์พูดแล้วก็อมยิ้มเพราะพอจะเดาได้  “เรื่องของคุณลุงเสกสรรกับคาซากิใช่ไหมครับ”

        เมรันพยักหน้าแล้วมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าที่แสนจะรู้ใจของเธอดี 

        “ทำไมคุณถึงรู้คะ ว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน แล้วก็เรื่องสมุดบันทึกเล่มนั้นอีก”
        ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม นคินทร์จึงพูดให้หญิงสาวคนรักฟัง

        “ศาสตราจารย์ก้องเกียรติเล่าให้ผมฟังว่า เขารู้จักคุณแม่ของคาซากิเพราะเป็นเคยนักวิจัยร่วมบริษัทเดียวกัน เธอมีชื่อว่า"โยโกะ" ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยร่าเริง อ่อนโยน จิตใจดี ต่อมาพักหลังเขาสังเกตเห็นว่าคุณโยโกะดูเงียบไป ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นที่คุณโยโกะแอบเอาสูตรยาออกไปใช้ จนถูกจับได้และถูกไล่ออกจากสถาบันวิจัย ซึ่งตอนนั้นคุณก้องเกียรติเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมคุณโยโกะต้องลักลอบเอายาออกไปใช้ หลังจากนั้นคุณก้องเกียรติก็ไม่ได้ข่าวของคุณโยโกะอีกเลย

        ”ผ่านไปหลายปีหลังจากนั้นศาสตราจารย์กลับมาเมืองไทยก็วิจัยตัวยาที่เขาคิดว่ามีประสิทธิภาพที่สุด แต่ในขณะเดียวกันมันส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายจึงทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับ แต่คุณก้องเกียรติก็ยังลอบใช้ตัวยาเพื่อทดสอบต่อไป ทำให้ต้องถูกไล่ออกจากสถาบันเช่นกัน เขาจึงหลบไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ แต่แล้ววันหนึ่งคุณก้องเกียรติก็ได้รับการติดต่อจากหนุ่มอายุราวสิบแปดปีคนหนึ่งที่ชื่อคาซากิพร้อมกับพาเขาไปพบกับซาเซลเพื่อยื่นข้อเสนอให้ทำงานด้วยกัน กระดาษที่พวกเขาใช้สื่อสารนั้นมาจากสมุดบันทึกที่ทำขึ้นพิเศษเป็นลักษณะเดียวกัน”

        เมรันรับฟังอย่างตั้งใจ คิ้วเรียวเริ่มขมวด "แล้วเป็นยังไงต่อคะ"   
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่