นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๑๗. ความลับที่ถูกเผย)


                                          [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตอนที่ ๑๗. ความลับที่ถูกเผย


                  รถเก๋งมัสแตงปี1969 สีน้ำตาลอมส้มที่จอดอยู่ริมถนนใกล้กับสวนสาธารณะ ค่ำคืนนี้ แสงจากโคมไฟบนทางเท้าส่องแสงนวลสะท้อนความเงางามของรถยนต์สุดคลาสสิกคันนี้ บริเวณใกล้กันนั้นเป็นสถานที่รวมแหล่งบันเทิงและร้านอาหารโต้รุ่งเปิดให้บริการ ภายในรถมีชายรุ่นใหญ่ร่างท้วมหนวดหนาดก สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนกำลังเอนตัวพิงพนักที่นั่งคนขับ กำลังขยับริมฝีปากคล้ำหนา ร้องตามบทเพลง ‘Thai the way I like it’  ของศิลปินที่หนุ่มใหญ่ชื่นชอบ ในขณะที่สายตากำลังทอดมองไปด้านหน้ารอใครบางคน

                 เวลาผ่านไปไม่นานนัก เขาก็มองเห็นชายคนหนึ่ง แสงจากโคมไฟที่อยู่บนหัวเสา มีความสว่างเพียงพอที่ทำให้เห็นภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูปจนเน้นไหล่กว้าง กล้ามแขน และอกแน่นผึ่งผาย กางเกงรัดรูปตัวเล็กและรองเท้าดำที่ขัดเงาวับ กำลังเร่งฝีเท้าก้าวมาทางเขา ท่าทางการเดินของพ่อหนุ่มคนนั้นมันดูช่างกวนบาทาคนที่นั่งรออยู่ในรถเสียจริง เจ้าหนุ่มนั่นอาจจะนึกว่าตัวเองเป็นดาราฮอลลีวูด หรือไม่ก็นายแบบเดินบนแคทวอลท์ แล้วร่างสูงนั้นก็เดินมาหยุดที่ด้านข้างรถ พร้อมกับยกมือเคาะที่กระจกห สักครู่กระจกหน้าต่างรถบานนั้นก็เลื่อนลง หนุ่มผมสีน้ำตาล ผิวสีคมเข้ม ก้มหน้าลงมาพร้อมกับท่าทางยียวน

               “ผมขอดูใบขับขี่หน่อยสิพี่ชาย” ชายหนุ่มผิวแทนเข้มนั้นพูดพร้อมยื่นแขนแบมือออก ทำให้หนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในรถมองเห็นแขนข้างนั้นมีรอยสักยาวตามแขน

                “ขอเพื่ออะไรเหรอครับ?” หนุ่มใหญ่หนวดหนาเอ่ยถาม

                “ไม่มีอะไรมาก ก็แค่รถมันเตะตาเกินไป” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงลากยาว ปนเสียงหัวเราะในลำคอ แถมยังมีท่าทางยียวนกวนประสาท

                 “รีบขึ้นมาเลย ก่อนที่เฮียจะลงไปเตะตูดเอ็ง ไอ้รูปหล่อ” เฮียหุยรีบบอกกับนคินทร์ที่ตอนนี้ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังยิ้มกว้างอารมณ์ดีที่ได้แซวหนุ่มรุ่นใหญ่ผู้หลงใหลรถมัสแตงคันนี้ นคินทร์เปิดประตูขึ้นรถ เฮียหุยเร่งเครื่องขับรถออกไปจากบริเวณนั้น รถคันงามแล่นอยู่บนถนนได้สักครู่ เฮียหุยหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง

                  “โฮล่า” เสียงของนคินทร์ทักทายเป็นภาษาสเปน นัยน์ตาที่สวมคอนแทคเลนส์สีเทาอ่อนคู่นั้นยิ่งเน้นให้ใบหน้าของชายหนุ่มดูหล่อเหลาคมเข้ม

                   “โห! เล่นล่อมาซะจำเกือบไม่ได้ ถ้าเอ็งเป็นนักแสดงต้องได้รับรางวัลออสการ์แน่ “เฮียหุยชื่นชมชายหนุ่มนักปลอมตัวที่นั่งข้างเขา
“ผมชอบอินดี้ อาจจะเป็นคนเร่ร่อนก็ได้” นคินทร์บอกแล้วหันไปมองคู่หูต่างวัย ต่างก็ยิ้มหัวเราะ ทำให้นึกถึงอดีตที่พวกเขาได้ทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาบนเส้นทางของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แถมบางครั้งเขาก็ปลอมตัวเหมือนซะจนชาวบ้านต้องแจ้งตำรวจมาจับ

                   นคินทร์ชวนเฮียหุยเรื่องสัพเพเหระเรื่องอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วเฮียหุยก็สังเกตเห็นที่แขนของชายหนุ่มรุ่นน้อง ทำให้รู้สึกสะดุดสายตาจนต้องเอ่ยถาม

                   “ว่าแต่ทำไมถึงมาช้านัก” เฮียหุยเอ่ยถามเพื่อนรุ่นน้อง เพราะปกตินคินทร์จะตรงเวลามาก แล้วเพื่อนรุ่นอาวุโสก็สังเกตเห็นบางอย่าง

                   แล้วนั่น! แขนไปโดนอะไรมา เฮียว่าเอ็งต้องถูกสาวฝากรักมาแน่เลย “เฮียหุยถาม เมื่อมองเห็นรอยแดงเป็นทางที่แขนของนคินทร์

                   "เฮ้ย! มีกลิ่นน้ำหอมด้วย เฮียไม่เคยเห็นเอ็งใช้น้ำหอมเลยนี่หว่า" เฮียหุยมองเหล่มาทางนคินทร์แล้วเริ่มจับพิรุธในตัวชายหนุ่มรุ่นน้องได้มากมาย ตั้งแต่ได้รู้จักกันมานคินทร์เป็นคนไม่ค่อยติดสำอางเท่าไร เฮียหุยหันไปลองสูดกลิ่นน้ำหอมเข้าจมูกอีกครั้ง ต้องถือเป็นน้ำหอมผู้ชายที่มีเอกลักษณ์ของน้ำหอมชั้นดีเลยทีเดียว

                   “เฮียครับ ไม่มีอะไรหรอก” นคินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไร ทำให้หนุ่มใหญ่มากประสบการณ์อย่างเฮียหุยถึงกับหัวเราะในท่าทีของชายหนุ่มรุ่นน้อง จนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากแซวต่อ

                   “ให้เฮียเดามั้ย ว่าต้องเป็นคุณ… “เฮียหุยพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกห้ามปรามด้วยสายตาเข้มของนคินทร์

                   “ไม่ให้พาดพิงอย่างเปิดเผย เฮียเปลี่ยนเป็นชื่อย่อก็ได้ว่า สาวสวยคนนั้น ต้องมีอักษรย่อ ‘มอ. ม้า ‘” หนุ่มใหญ่รุ่นเก๋ายังคงพูดแซวต่อ เพราะเขาเองก็หวังจะได้เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องมีคู่ครองที่ดี และดูเหมือนกระแสข่าวที่ได้ฟังจากพวกเพื่อน ๆ ของนคินทร์ ที่มาเล่าให้เขาฟัง ทำให้ยิ่งมีความมั่นใจได้ว่า หนุ่มรุ่นน้องต้องกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักอย่างแน่นอน นคินทร์ได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เฮียหุยผู้มากประสบการณ์มาก่อนเข้าใจได้ทันที

                   นคินทร์นึกขึ้นได้ว่า ดนุเดชได้ถูกช่วยออกมาจากมาเก๊าแล้ว จึงถามเรื่องนี้กับเฮียหุย

                   “เฮียครับ ดนุเดชไปอยู่ที่เมืองจีนแล้วเป็นยังไงบ้าง?” นคินทร์ถามเฮียหุย เรื่องลูกชายของพ่อเลี้ยงเดชา

                   “ลูกพี่ใหญ่เฮียที่มาเก๊าบอกว่า ดนุเดชดูสภาพร่างกายไม่ค่อยไหว คนที่ช่วยเขาไปอยู่ที่เมืองจีนคนนั้นคงไม่ธรรมดา” เฮียหุยบอกกับนคินทร์ นคินทร์พอจะรู้ว่าเดวิด ฟาง เป็นนักธุรกิจที่มีความกว้างขวางมากคนหนึ่ง

                   “ร่างกายดูไม่ไหว เขาเป็นอะไรเหรอครับ” นคินทร์ถามเพราะเขาเองก็ไม่ได้พบกับดนุเดชนานแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  นวนิยายรัก แต่งนิยาย นิยายออนไลน์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่