นคินทร์ที่รัก - (ตอนที่ ๔. บุพเพเล่นตลก)



ตอนที่ ๔. บุพเพเล่นตลก




            ภายในอู่ ที.พี, เซอร์วิส   
           เย็นวันนี้ท็อปก็ได้นัดพานคินทร์มาช่วยดูรถที่อู่ของเขา โดยยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอะไรให้เพื่อนรักรู้ก่อน
           เมื่อนคินทร์เดินเข้ามาถึงด้านใน สิ่งที่สะดุดสายตานั้นก็คือ ‘เจ้าบิ๊กไบค์คันแกร่ง’ ซึ่งขณะนี้จอดอยู่บนแท่นล็อกตัวรถ ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอยู่ที่มุมกลางห้องของอู่แห่งนี้ ท็อปรีบสาธยายประสิทธิภาพของมันให้ฟังทันที ทั้งกำลังแรงของเครื่อง ความเร็ว ทำให้นคินทร์ต้องเดินเข้าไปใกล้แล้วมองสำรวจรถบิ๊กไบค์แบรนด์ญี่ปุ่นคันนี้ด้วยความสนใจ ตัวถังสีดำทรงแกร่ง เครื่องยนต์สี่สูบ อวดโฉมแก่สายตาเขาเต็มที่
          ท็อปบอกให้เพื่อนลองขึ้นขี่ทดสอบได้เลย  นคินทร์หันไปยิ้มให้เพื่อนแล้วรีบขึ้นไปนั่งทดสอบการขับขี่ดู มือหนาบิดกุญแจ แสงสวยสว่างวาบปรากฏบนเรือนไมล์ นิ้วกดปุ่มสตาร์ แล้วค่อย ๆ ขยับมือบิดแฮนด์ ชายหนุ่มยิ้มด้วยความชอบใจ
          เสียงเครื่องยนต์สี่สูบดังกระหึ่ม  ฮึม!..  ฮึม!..  วงล้อหมุนติ้วตามแรงบิดและเสียงค่อย ๆ เพิ่มความกระหึ่มดังก้องไปทั่วอู่ เมื่อตัวเลขหน้าปัดโชว์ความเร็วที่ ๒๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
        นคินทร์ถูกเขย่าตัวไปกับการสั่นสะเทือนจากแรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์ เหมือนกำลังขับอยู่ในสนามแข่งเลยทีเดียว สักครู่เขาก็ผ่อนมือ ลดแรงบิดลงพร้อมกับเสียงเครื่องที่เบาลง จนกระทั่งเสียงเงียบสนิทเมื่อล้อหยุดหมุน  นคินทร์ก้าวลงจากรถ แต่ยังหยุดยืนมองรถคันนี้อยู่ ชายหนุ่มรู้สึกถูกใจกับรถบิ๊กไบค์แบรนด์ญี่ปุ่นคันนี้มาก
        “คันนี้รูปทรงไม่ใหญ่มากจนเกินไป แถมยังปราดเปรียว สามารถขับซิ่งซอกแซก ในยามจราจรติดขัดได้” ท็อปบอกให้นคินทร์ฟัง เพราะรู้ว่ามันเป็นคุณสมบัติของรถที่เพื่อนรักของเขาต้องการ  
          นคินทร์ได้ฟังแล้วก็มองกลับไปที่พาหนะสองล้อคันนี้อีกครั้ง  ดูเหมือนท็อปจะรู้ใจเพื่อน จึงรีบเอ่ยบอกออกไปทันที
“คันนี้ของแกว่ะ ไอ้เพื่อนรักฮีโร่มดแดง”
นคินทร์เลิกคิ้วสูง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจและงุนงง เจ้าของอู่จึงรีบเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรักที่ยืนมองเจ้าบิ๊กไบค์คันนี้ แล้วบอกให้เพื่อนรู้ว่า
           “ท่านประพันธ์เป็นคนซื้อรถบิ๊กไบค์คันนี้ให้แก โดยให้ฉันช่วยหาให้ แบบที่คิดว่าน่าจะถูกใจแก ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว ก็แกเคยพูดกับฉันออกบ่อย เพราะฉะนั้น ไอ้คิน..แกต้องชอบรถคันนี้แน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ”
         นคินทร์ได้ยินดังนั้น ก็มองไปที่รถพาหนะสองล้อคันนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มพูดเหมือนเสียงกระซิบกับตัวเอง
             “ท่านให้ฉันมากถึงขนาดนี้เลยหรือ?”
       ชายหนุ่มนึกถึง เรื่องอุโมงค์ที่สร้างขึ้นภายในเรือนพักของเขา ตอนนั้นเขายังไม่มีเวลาคิดอะไรมากนักเพราะกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศพอดี จนกระทั่งถึงวันนี้ ถึงได้รู้ว่าท่านประพันธ์ได้เตรียมไว้ให้เขาล่วงหน้าทุกอย่างแล้ว
             ท็อปหยิบหมวกกันน็อคพร้อมถุงมือขับรถที่ได้จัดเตรียมไว้แล้วส่งให้เพื่อน นคินทร์ยื่นมือรับมาพร้อมบอกขอบคุณท็อปที่เป็นธุระให้ หนุ่มเจ้าของอู่กวักมือบอกให้เด็กลูกน้องมาช่วยกันปลดล็อกรถเอาพาหนะสองล้อลงมา ทั้งสองคนเพื่อนรักคุยสัพเพเหระจนกระทั่งเวลาใกล้หัวค่ำแล้ว นคินทร์จึงหยิบหมวกกันน็อคขึ้นสวม โบกมือให้เพื่อนแล้วยกมือปิดหน้ากากหมวกลงมา มือหนาสวมถุงมือลูบไปที่ตัวถังรถสีดำแกร่งแล้วตบเบา ๆ นคินทร์พูดกระซิบกับรถของตัวเอง
           “กลับบ้านกัน ‘สายฟ้า’ ” นคินทร์เรียกชื่อพาหนะสองล้อคันนี้เหมือนเพื่อนสนิทอีกคน ก่อนที่จะบิดกุญแจเปิดไฟ กดปุ่มสตาร์ท  เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มอีกครั้ง เพียงสักครู่พาหนะสองล้อคันแกร่งก็ทะยานออกจากอู่นี้ไป     

            ภายในคฤหาสน์อัครกูล
              ประพันธ์ยิ้มภูมิใจกับข้อความแสดงความขอบคุณที่ได้รับจาก มิสเตอร์เดวิด ฟาง เนื้อหาได้กล่าวขอบคุณประพันธ์ และกล่าวชื่นชมในตัวของนคินทร์ที่แนะนำสายลับชาวจีนผู้มากฝีมือให้กับเขา เป็นการช่วยเหลือเขาอีกทางหนึ่ง ซึ่งเดวิดคิดว่า นคินทร์คนนี้มีคุณสมบัติพิเศษ ดูสง่า ผ่าเผย เป็นคนมีน้ำใจและสำคัญที่สุดเป็นคนดีมีคุณธรรมซึ่งหาได้ยากยิ่ง เขายินดีกับประพันธ์ที่ได้คนที่วิเศษแบบนี้มาอยู่ด้วยและรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ
ประพันธ์อ่านข้อความจบแล้วพลันนึกถึงเรื่องที่เขาตัดสินใจที่จะต้องเดินหน้าเพื่อมอบสิ่งที่มีค่าในชีวิตที่สุดของเขาให้กับทายาทคนเดียวของเพื่อนรัก

             ชีวิตของนคินทร์กำลังจะพบกับความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อท่านประพันธ์เรียกชายหนุ่มไปพบในค่ำวันนี้
             “เป็นยังไงบ้างรถที่ท็อปหาให้ถูกใจนายไหม”  ท่านประพันธ์เอ่ยกับนคินทร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  นคินทร์ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณ ท่านประพันธ์บอกกับนคินทร์ว่าทั้งค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมันให้เบิกที่ท่านได้หมด คราวนี้ชายหนุ่มได้ฟังแล้วถึงกับส่ายหน้าปฏิเสธ
            “ท่านครับ ถ้ามากกว่านี้ผมคงจะรับไว้ไม่ไหว” นคินทร์บอกตามความรู้สึกจริงเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับความกรุณามากมาย
ประพันธ์ยิ้มกว้าง เดินมาตบไหล่นคินทร์ เพราะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยรับของใครอย่างง่ายดาย ด้วยภาระหน้าที่ของเขา เพราะคำว่าบุญคุณจะทำให้เขาต้องทดแทนชั่วชีวิต ด้วยอุดมการณ์ นคินทร์จึงไม่เคยรับของจากใคร หากไม่ได้เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน
            “เรื่องนั้น นายไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นพาหนะที่นายต้องใช้ เผื่อในยามจำเป็นที่ต้องทำภารกิจด้วย ดังนั้นจึงถือว่ายังอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน”
            นคินทร์ถอนหายใจ รู้ว่าท่านประพันธ์มอบให้ด้วยความจริงใจ ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณอีกครั้ง   
            ประพันธ์เห็นได้แก่เวลา เขาจึงบอกกับนคินทร์ว่า “เมรัน” ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของเขา ขณะนี้กำลังจะเดินทางกลับมาและเที่ยวบินจะถึงเมืองไทยพรุ่งนี้ช่วงเช้า
            ท่านประพันธ์มอบรูปภาพของเมรันให้กับนคินทร์ ชายหนุ่มยื่นมือรับภาพมา ก้มมองดูภาพในมือ ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กของท่านประพันธ์ดูโตเป็นสาวแล้ว ใบหน้าสวย เก๋ ผมยาวเป็นลอนสลวย ดวงตากลมโตของหญิงสาวนั้นดูเป็นประกายสดใส  นคินทร์พิจารณาการแต่งตัวของเมรัน ที่ออกแนวเปรี้ยวเป็นคุณหนูไฮโซจ๋า บ่งบอกว่าเธอน่าจะมีความแตกต่างจากเมริน ผู้เป็นพี่สาวอย่างมาก นคินทร์เก็บภาพใส่กระเป๋าเสื้อ เขากล่าวขอตัวกับท่านประพันธ์กลับเรือนพัก เพื่อเตรียมตัวไปรับลูกสาวคนเล็กของท่านประพันธ์ที่สนามบินในวันพรุ่งนี้…

          เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในสนามบิน นคินทร์กับชัยได้มาถึงก่อนเวลาที่เครื่องจะลงและได้แยกย้ายกัน โดยชัยจะรออยู่บริเวณด้านในใกล้ประตูทางออกไปยังที่จอดรถ ส่วนนคินทร์เข้ามายืนรอเมรันอยู่ด้านใน บริเวณจุดนัดพบ
              นคินทร์ในวันนี้อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมกับสวมแว่นตากันแดดสีชา ระหว่างที่หนุ่มบอดี้การ์ดกำลังยืนรอรับเมรันอยู่นั้น  มีเด็กชายตัวเล็กอายุประมาณสองสามขวบกำลังวิ่งเล่นส่งเสียงหัวเราะคิกคักผ่านด้านหลังเขาไป นคินทร์หันไปเห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดูในความจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กน้อย ห่างไปไม่ไกลนัก รถเข็นขนกระเป๋าสัมภาระก็ตรงมาทางนี้ ถึงจะไม่ได้วางสูงชั้นมาก แต่ดูเหมือนตอนนี้กระเป๋าที่อยู่ด้านบนสุดส่ายไปมา เป็นจังหวะเดียวกับเด็กชายตัวน้อยนั้นยังคงวิ่งเล่นซุกซนอย่างไม่รู้ประสา ขณะเดียวกันรถเข็นสัมภาระก็กำลังใกล้เข้ามาแต่ดันเกิดล้อติด ทำให้คนเข็นต้องออกแรงผลักมากยิ่งกว่าเดิม ยิ่งออกแรงผลักมากเท่าไหร่ กระเป๋าด้านบนกำลังจะ หล่นลงมา ร่างสูงรีบวิ่งเข้า ไปทันที เท้ายาวของชายหนุ่มก้าวเพียงไม่กี่วินาที เขาก็ถึงตัวเด็กพร้อมกับเอื้อมมือคว้าเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขนแล้วหมุนตัวห่างออกจากบริเวณนั้นทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั้นเหมือนถูกแรงเหวี่ยงล่วงหล่นมาสู่พื้นพอดี ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกโล่งใจตามกันไป
              เด็กชายตัวเล็กนั้นตาปริบ ๆ แล้วมองหน้านคินทร์ ก่อนที่จะเบ้ปากแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ  นคินทร์ต้องอุ้มเขย่าตัว เอามือลูบหลังเด็กเป็นการปลอบขวัญ  คุณแม่ของเด็กชายรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารับลูกชาย พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณและขอโทษพร้อมกัน เธอเผลอตอนกำลังยืนซื้อของปล่อยลูกชายให้วิ่งเล่น นคินทร์ยิ้มให้กล่าวไม่เป็นไร ก่อนจากกันคุณแม่คนนั้นยังหันมาขอบคุณอีกครั้งพร้อมให้เด็กชายตัวน้อยโบกมือบ๊ายบายกับนคินทร์ ชายหนุ่มยิ้มกว้างโบกมือบ๊ายบายตอบ เด็กชายตัวเล็กหันหน้ากลับมาหัวเราะคิกคักเหมือนเดิม
              โดยเขาหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหญิงสาวคนหนึ่ง คนนี้แหละ “เมรัน อัครกูล”
              ขณะที่นคินทร์นึกขึ้นได้ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง นคินทร์หยิบมือถือเปิดภาพอัลบั้มแล้วเลือกรูปภาพของเมรันซึ่งเป็นรูปที่เขาถ่ายมาจากภาพถ่ายของเธออีกที เพื่อความสะดวกในการพกพา เขายกมือถือขึ้นมองภาพหน้าจอ เมื่อลดมือลง พลันใบหน้าของหญิงสาวที่มีเค้าละม้ายคล้ายกับคนในภาพก็ปรากฏต่อหน้า เธอยืนห่างไปทางด้านโน้นไม่ไกลนัก ผู้หญิงคนนั้นสวมแว่นตากันแดดกรอบใหญ่กำลังมองมาที่เขาอยู่พอดี
            เมรันเองก็ตะลึงกับภาพที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ เขาเป็นชายหนุ่มหุ่นสมาร์ท ร่างสูง รูปร่างได้สัดส่วน ไหล่กว้าง สวมแว่นกันแดดสีชาที่ทำให้เขาดูเป็นคนที่น่าค้นหา เธอเห็นนคินทร์ตั้งแต่แรก หญิงสาวรู้สึกประทับใจ ในความมีน้ำใจของเขา เมรันนึกในใจ ผู้ชายอะไรเท่ชะมัด คนนี่แหละ มายไอดอล! อะไรจะเท่สุด ๆ ไปเลย เมรันยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเอง นึกภาพเหมือนกำลังเคลิ้ม พอเธอลืมตามาได้สักครู่ก็สะดุ้งตัว
                ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นกำลังเดินตรงมาทางเดียวกับที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวนึกในใจว่าต้องเป็นความฝันแน่เลย  เมื่อต่างคนต่างก็เดินมาหากัน แต่นี่คือความจริง หัวใจดวงน้อยของเธอ ทำไมถึงได้สั่นไหวได้ขนาดนี้ หญิงสาวใจเต้นตึกตัก เขาเดินมาทางนี้จริงด้วย ดูเหมือนเขาจะมองมาที่เรา อร๊าย! หรือว่าเขาสนใจเรา แต่แล้วเมรันต้องรีบหยุดความคิดเหลวไหลของตัวเองไป เมื่อชายหนุ่มเดินใกล้เข้ามา เธอต้องรีบก้มหน้าเพื่อหลบสายตา แต่เจ้ากรรมเขาดันมายืนหยุดอยู่ข้างเธอพอดี พร้อมกับคำถามที่ทำให้หญิงสาวต้องเลิกคิ้วสูง
                 “ขอโทษนะหนู ห้องน้ำไปทางไหนจ๊ะ”
                 เมรันเงยหน้าขึ้นมอง คนที่ถามเธอคือชายวัยประมาณสี่สิบปีจูงมือเด็กชายวัยห้าหกขวบมาด้วย เธอเดาว่าเขาคงมาเป็นครั้งแรก หญิงสาวยิ้มให้แล้วชี้มือไปที่ป้ายที่อยู่ด้านหลังทางซ้ายมือสุดทาง ชายคนนั้นกล่าวขอบคุณพร้อมกับจูงมือเด็กชายเดินไปด้วย  เมรันหันตามไป แล้วเป่าลมออกจากปาก เมื่อสักครู่เธอคงนึกไปเองทั้งหมด หญิงสาวช่างฝันยิ้ม เธอนึกขันตัวเอง
                 แต่เมื่อเมรันหันกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างสูง หุ่นสมาร์ท คนนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เมรันชะงักแล้วนึก คราวนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก เธอตัดสินใจแหงนหน้าขึ้นมอง เป็นเขาจริง ๆ ด้วย เธอไม่ได้ฝันไป
              นคินทร์ได้เห็นตัวจริงของเมรันในระยะใกล้เป็นครั้งแรก เธอเป็นผู้หญิงที่ดูน่ารัก สวมแว่นกันแดดสีอ่อนกรอบใหญ่ที่รับเข้าใบหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี ผมยาวสลวย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน  ดูมีความมั่นใจ เธออยู่ในชุดเสื้อผ้าเนื้อดี ชุดติดกันเข้ารูปสีอ่อน ท่อนบนเป็นเสื้อแขนกุดคอกว้างเผยให้เห็นลำคอระหง  และท่าทางดูออกจะรั้นไม่น้อย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่