[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ ๑. ปฐมบทของนคินทร์ https://pantip.com/topic/37883882
ตอนที่ ๒. ความจริงที่ปรากฏ https://pantip.com/topic/37889726
ตอนที่ ๓. เธอผู้แสนดี https://pantip.com/topic/37890154
ตอนที่ ๔. บุพเพเล่นตลก https://pantip.com/topic/37893257
ตอนที่ ๕. ตกหลุมรัก https://pantip.com/topic/37893996
ตอนที่ ๖. แผนพิชิตใจนายบอดี้การ์ด https://pantip.com/topic/37894598
ตอนที่ ๗. เพิ่งได้รู้ใจ https://pantip.com/topic/37896270
ตอนที่ ๘. ใจสัมผัส https://pantip.com/topic/37897664
ตอนที่ ๙.กลิ่นน้ำหอมของคุณ https://pantip.com/topic/37898999
ตอนที่ ๑๐.ใครอยู่ในใจคุณ https://pantip.com/topic/37899045
ตอนที่ ๑๑.ปาร์ตี้ริมหาด https://pantip.com/topic/37899167
ตอนที่ ๑๒.จูบแรก https://pantip.com/topic/37900113
ตอนที่ ๑๓. วาสนาพาให้พบ https://pantip.com/topic/37883882
ตอนที่ ๑๔. เมื่อสองเราใกล้กัน https://pantip.com/topic/37908202
ตอนที่ ๑๕. มิตรภาพ https://pantip.com/topic/37908254
ตอนที่ ๑๖. ความในใจ https://pantip.com/topic/37908525
ตอนที่ ๑๗. ความลับที่ถูกเผย https://pantip.com/topic/37908779

ตอนที่ ๑๕. มิตรภาพ
นคินทร์ขับรถมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาสิบโมงเช้า เขาตรงมาส่งเมรันที่ห้องเสื้อก่อนที่ชายหนุ่มจะขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ ท่านประพันธ์อยู่ที่บ้านวันนี้เรียกให้ชายหนุ่มเข้าไปพบในห้องทำงาน
เสียงเคาะประตู ก๊อก..ก๊อก.. เสียงทุ้มของเจ้าของบ้านกล่าวอนุญาตให้เข้าไปได้ นคินทร์สูดลมหายใจลึก ก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
“สวัสดีครับท่าน” ชายหนุ่มยกมือไหว้สวัสดีแล้วยืนนิ่งในท่าสำรวม
“นั่งสินคินทร์” ประพันธ์บอกกับชายหนุ่ม
“เมรันโทรมาบอกฉันแล้ว เมื่อวานนายพาลูกสาวฉันไปที่โคราช ฝนตกหนักแล้วก็กลับกันไม่ได้” ประพันธ์พูดสีหน้ายังคงยิ้มแย้มเป็นปกติ
“ท่านครับ..ผม” นคินทร์ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดเพื่ออธิบายออกไปยังไง ท่านประพันธ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาพร้อมกับตบลงที่ไหล่ของนคินทร์เบา ๆ
“คำถามของฉันก็คือ นายชอบลูกสาวคนเล็กของฉันหรือเปล่า?”
คำพูดของท่านประพันธ์ทำให้คิ้วเข้มของนคินทร์เลิกสูงขึ้น นึกแปลกใจแต่เมื่อเจอคำถามแบบตรงไปตรงมา เขาก็พร้อมที่จะตอบเหมือนกัน เขากล้าทำย่อมต้องกล้ารับ
“ครับ ผมชอบคุณเมรัน” ทั้งคำพูด น้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่มมีความจริงจัง แววตาที่สะท้อนประกายความหนักแน่น ทำให้ชายวัยกลางคนผู้ที่ได้ยินคำตอบถึงกับยิ้มราวกับถูกอกถูกใจ แววตามีประกายของความยินดี
“ดีมาก..ลูกสาวคนเล็กของฉันเหมาะที่จะให้นายเป็นคนดูแล” ประพันธ์ยิ้มบอก แต่สักครู่สีหน้าของชายวัยกลางกลับแฝงความกังวลบางอย่างจนหนุ่มบอดี้การ์ดต้องเอ่ยปากถาม
“มีอะไรกังวลใจหรือครับท่าน?”
“ฉันยังอยากให้นายติดตามดูแลเมรันให้มาก ช่วงนี้ฉันค่อนข้างเป็นห่วง ฝากด้วยนะ” ประพันธ์บอกพร้อมกับหยิบซองเอกสารแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
“ผมจะดูแลและปกป้องคุณเมรันอย่างดีที่สุดครับท่าน” หนุ่มบอดี้การ์ดรับปากและถือซองเอกสารไว้ในมือ หลังจากนั้นพวกเขาได้คุยกันอีกสักครู่ ประพันธ์ก็กล่าวอนุญาตให้เขาไปทำธุระตามปกติ เมื่อออกจากห้องทำงานของท่านประพันธ์ เขาก็กดโทรศัพท์หาชัยทันที
“เฮ้! เพื่อนรักกลับมากรุงเทพฯ แล้ว “ชัยพูดด้วยน้ำเสียงดีใจมาทางสาย
“หวังว่าพวกนายคงจะไม่ได้ประชุมสายเพื่อรอฉันกลับกรุงเทพฯ หรอกใช่ไหม” นคินทร์เอ่ยดักคอ
“คิน แกนี่แม่นเหมือนตาเห็นจริงว่ะ” สิ้นเสียงของชัย สักครู่เสียงจากพวกเพื่อนลิงทโมนต่างก็แห่กันแทรกขึ้นมา โดยไม่ต้องเชื้อเชิญซึ่งก็ทำให้นคินทร์ยิ้มส่ายหน้ากับเจ้าพวกเพื่อน
“ไงเพื่อน! แอบไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แสนหวานมา” โจอี้เอ่ยถาม
“มันคงจะดีมาก ถ้าไม่มีโทรศัพท์จากพวกนายโทรไปกวน” นคินทร์ยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ยอมรับว่าไปฮันนี่มูนกันจริง ๆ แล้วว่ะ พวกเรา” จอนนี่พูดผสมโรงกับเพื่อนอีกเสียง
“พวกนายว่างกันนักหรือไง?” ชายหนุ่มผู้กำลังตกเป็นจำเลยถามกลับ
“คงไม่ว่างเท่าคนได้ไปฮันนี่มูน จริงไหมเพื่อน?” ท็อปช่วยส่งเสียงสูงแซวอีกคน คราวนี้พวกเพื่อนที่อยู่ในสายต่างพากันส่งเสียงผิวปาก..วี้วี้ด..ดังก้องสาย
นคินทร์คิดว่าหากยิ่งพูดอาจจะยิ่งเข้าตัว ชายหนุ่มหน้าคมจึงต้องเลี่ยงตัดบทแล้วคุยถึงเรื่องที่นัดหมายจะไปตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะไปกันวันนี้ นคินทร์จึงรีบเดินไปทางไปที่โรงพยาบาลทันที
ในเวลาเกือบเที่ยงวัน รถเบ็นช์สีเงินคันหรูถูกขับเข้ามาภายในที่จอดรถของห้องเสื้อพันณริน ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งที่สวมแว่นกันแดดสีชาซึ่งเดินตรงเข้ามาในร้าน พนักงานที่อยู่ด้านในพากันมองชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสูง สมารท์ ที่พวกเธอรู้จักเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเขาคือชินดนัย พี่ชายของเมรันนั่นเอง พนักงานในร้านต่างก็ยกมือไหว้สวัสดีให้กับเขา หลังจากทักทายแล้วหนุ่มลูกครึ่งก็เร่งฝีเท้าก้าวขึ้นไปชั้นบน
“อะไรนะคะ? ..ค่ะพี่ดา” กรองขวัญรับโทรศัพท์สายในจากสุดาและเพิ่งวางไปเมื่อสักครู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบกับใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอแล้วถอดแว่นตาที่สวมออกพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้
“สวัสดีครับคุณกรองขวัญ” หนุ่มหล่อเอ่ยทักทายจนทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า เพราะไม่นึกว่าจะได้เจอเขาที่นี่
“สะ..สวัสดีค่ะ คุณชินดนัย” กรองขวัญยกมือไหว้และก็ยังคงไม่กล้าจะสบสายตากับเขา
“คุณดูเปลี่ยนไปนะครับ” ชินดนัยบอก สายตาสำรวจไปที่ใบหน้า ทรงผมและการแต่งตัวของหญิงสาวที่ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่เขาได้พบกับเธอในครั้งแรก ข้อสำคัญมันทำให้เขารู้สึกใจกระตุกได้อย่างประหลาด
“คุณชินดนัยมาพบคุณเมรันเหรอคะ” เลขาของน้องสาวถามเขา ชายหนุ่มพยักหน้าและก็เดินตรงไปที่ห้องน้องสาว เคาะประตูห้องก่อนเดินเข้าไป หญิงสาวที่อยู่ภายในห้องเงยหน้าขึ้นมอง
“ลมอะไรหอบเอาพี่ชายสุดหล่อของรันมาถึงร้านคะ?” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
ชินดนัยทำทีมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วชะโงกหน้าถาม “ไอก็อยากจะรู้ว่าน้องสาวหายไปไหนมาเมื่อวานทั้งวัน”
“แต่ไอก็พอจะรู้คำตอบ” ชินดนัยมองไปที่น้องสาวที่ปรายตามองเขา หน้าของน้องสาวแดงเป็นลูกตำลึงทีเดียวซึ่งก็ทำให้ผู้เป็นพี่ชายพอจะเดาได้อยู่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยและบอกวัตถุประสงค์ในการมาที่ร้านวันนี้กับน้องสาว
“ไออยากจะชวนรันไปเยี่ยมคุณแม่ของกรองขวัญด้วยกัน” ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าเขาจะพากรองขวัญไปกันแค่สองคนก็ดูจะยังไม่ค่อยเหมาะจึงต้องเอ่ยปากบอกกับน้องสาวให้ไปด้วย ผู้เป็นน้องสาวรู้สึกผิดสังเกตที่เห็นพี่ชายมีความกระตือรือร้นที่ดูแปลกตาไปจริง ๆ แต่ก็รับปากกับพี่ชาย ชินดนัยจึงพาทั้งสองคนเดินทางไปที่โรงพยาบาลของปวรปรัชญ์
นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๑๕. มิตรภาพ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นคินทร์ขับรถมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาสิบโมงเช้า เขาตรงมาส่งเมรันที่ห้องเสื้อก่อนที่ชายหนุ่มจะขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ ท่านประพันธ์อยู่ที่บ้านวันนี้เรียกให้ชายหนุ่มเข้าไปพบในห้องทำงาน
เสียงเคาะประตู ก๊อก..ก๊อก.. เสียงทุ้มของเจ้าของบ้านกล่าวอนุญาตให้เข้าไปได้ นคินทร์สูดลมหายใจลึก ก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
“สวัสดีครับท่าน” ชายหนุ่มยกมือไหว้สวัสดีแล้วยืนนิ่งในท่าสำรวม
“นั่งสินคินทร์” ประพันธ์บอกกับชายหนุ่ม
“เมรันโทรมาบอกฉันแล้ว เมื่อวานนายพาลูกสาวฉันไปที่โคราช ฝนตกหนักแล้วก็กลับกันไม่ได้” ประพันธ์พูดสีหน้ายังคงยิ้มแย้มเป็นปกติ
“ท่านครับ..ผม” นคินทร์ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดเพื่ออธิบายออกไปยังไง ท่านประพันธ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาพร้อมกับตบลงที่ไหล่ของนคินทร์เบา ๆ
“คำถามของฉันก็คือ นายชอบลูกสาวคนเล็กของฉันหรือเปล่า?”
คำพูดของท่านประพันธ์ทำให้คิ้วเข้มของนคินทร์เลิกสูงขึ้น นึกแปลกใจแต่เมื่อเจอคำถามแบบตรงไปตรงมา เขาก็พร้อมที่จะตอบเหมือนกัน เขากล้าทำย่อมต้องกล้ารับ
“ครับ ผมชอบคุณเมรัน” ทั้งคำพูด น้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่มมีความจริงจัง แววตาที่สะท้อนประกายความหนักแน่น ทำให้ชายวัยกลางคนผู้ที่ได้ยินคำตอบถึงกับยิ้มราวกับถูกอกถูกใจ แววตามีประกายของความยินดี
“ดีมาก..ลูกสาวคนเล็กของฉันเหมาะที่จะให้นายเป็นคนดูแล” ประพันธ์ยิ้มบอก แต่สักครู่สีหน้าของชายวัยกลางกลับแฝงความกังวลบางอย่างจนหนุ่มบอดี้การ์ดต้องเอ่ยปากถาม
“มีอะไรกังวลใจหรือครับท่าน?”
“ฉันยังอยากให้นายติดตามดูแลเมรันให้มาก ช่วงนี้ฉันค่อนข้างเป็นห่วง ฝากด้วยนะ” ประพันธ์บอกพร้อมกับหยิบซองเอกสารแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
“ผมจะดูแลและปกป้องคุณเมรันอย่างดีที่สุดครับท่าน” หนุ่มบอดี้การ์ดรับปากและถือซองเอกสารไว้ในมือ หลังจากนั้นพวกเขาได้คุยกันอีกสักครู่ ประพันธ์ก็กล่าวอนุญาตให้เขาไปทำธุระตามปกติ เมื่อออกจากห้องทำงานของท่านประพันธ์ เขาก็กดโทรศัพท์หาชัยทันที
“เฮ้! เพื่อนรักกลับมากรุงเทพฯ แล้ว “ชัยพูดด้วยน้ำเสียงดีใจมาทางสาย
“หวังว่าพวกนายคงจะไม่ได้ประชุมสายเพื่อรอฉันกลับกรุงเทพฯ หรอกใช่ไหม” นคินทร์เอ่ยดักคอ
“คิน แกนี่แม่นเหมือนตาเห็นจริงว่ะ” สิ้นเสียงของชัย สักครู่เสียงจากพวกเพื่อนลิงทโมนต่างก็แห่กันแทรกขึ้นมา โดยไม่ต้องเชื้อเชิญซึ่งก็ทำให้นคินทร์ยิ้มส่ายหน้ากับเจ้าพวกเพื่อน
“ไงเพื่อน! แอบไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แสนหวานมา” โจอี้เอ่ยถาม
“มันคงจะดีมาก ถ้าไม่มีโทรศัพท์จากพวกนายโทรไปกวน” นคินทร์ยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ยอมรับว่าไปฮันนี่มูนกันจริง ๆ แล้วว่ะ พวกเรา” จอนนี่พูดผสมโรงกับเพื่อนอีกเสียง
“พวกนายว่างกันนักหรือไง?” ชายหนุ่มผู้กำลังตกเป็นจำเลยถามกลับ
“คงไม่ว่างเท่าคนได้ไปฮันนี่มูน จริงไหมเพื่อน?” ท็อปช่วยส่งเสียงสูงแซวอีกคน คราวนี้พวกเพื่อนที่อยู่ในสายต่างพากันส่งเสียงผิวปาก..วี้วี้ด..ดังก้องสาย
นคินทร์คิดว่าหากยิ่งพูดอาจจะยิ่งเข้าตัว ชายหนุ่มหน้าคมจึงต้องเลี่ยงตัดบทแล้วคุยถึงเรื่องที่นัดหมายจะไปตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะไปกันวันนี้ นคินทร์จึงรีบเดินไปทางไปที่โรงพยาบาลทันที
ในเวลาเกือบเที่ยงวัน รถเบ็นช์สีเงินคันหรูถูกขับเข้ามาภายในที่จอดรถของห้องเสื้อพันณริน ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งที่สวมแว่นกันแดดสีชาซึ่งเดินตรงเข้ามาในร้าน พนักงานที่อยู่ด้านในพากันมองชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสูง สมารท์ ที่พวกเธอรู้จักเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเขาคือชินดนัย พี่ชายของเมรันนั่นเอง พนักงานในร้านต่างก็ยกมือไหว้สวัสดีให้กับเขา หลังจากทักทายแล้วหนุ่มลูกครึ่งก็เร่งฝีเท้าก้าวขึ้นไปชั้นบน
“อะไรนะคะ? ..ค่ะพี่ดา” กรองขวัญรับโทรศัพท์สายในจากสุดาและเพิ่งวางไปเมื่อสักครู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบกับใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอแล้วถอดแว่นตาที่สวมออกพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้
“สวัสดีครับคุณกรองขวัญ” หนุ่มหล่อเอ่ยทักทายจนทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า เพราะไม่นึกว่าจะได้เจอเขาที่นี่
“สะ..สวัสดีค่ะ คุณชินดนัย” กรองขวัญยกมือไหว้และก็ยังคงไม่กล้าจะสบสายตากับเขา
“คุณดูเปลี่ยนไปนะครับ” ชินดนัยบอก สายตาสำรวจไปที่ใบหน้า ทรงผมและการแต่งตัวของหญิงสาวที่ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่เขาได้พบกับเธอในครั้งแรก ข้อสำคัญมันทำให้เขารู้สึกใจกระตุกได้อย่างประหลาด
“คุณชินดนัยมาพบคุณเมรันเหรอคะ” เลขาของน้องสาวถามเขา ชายหนุ่มพยักหน้าและก็เดินตรงไปที่ห้องน้องสาว เคาะประตูห้องก่อนเดินเข้าไป หญิงสาวที่อยู่ภายในห้องเงยหน้าขึ้นมอง
“ลมอะไรหอบเอาพี่ชายสุดหล่อของรันมาถึงร้านคะ?” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
ชินดนัยทำทีมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วชะโงกหน้าถาม “ไอก็อยากจะรู้ว่าน้องสาวหายไปไหนมาเมื่อวานทั้งวัน”
“แต่ไอก็พอจะรู้คำตอบ” ชินดนัยมองไปที่น้องสาวที่ปรายตามองเขา หน้าของน้องสาวแดงเป็นลูกตำลึงทีเดียวซึ่งก็ทำให้ผู้เป็นพี่ชายพอจะเดาได้อยู่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยและบอกวัตถุประสงค์ในการมาที่ร้านวันนี้กับน้องสาว
“ไออยากจะชวนรันไปเยี่ยมคุณแม่ของกรองขวัญด้วยกัน” ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าเขาจะพากรองขวัญไปกันแค่สองคนก็ดูจะยังไม่ค่อยเหมาะจึงต้องเอ่ยปากบอกกับน้องสาวให้ไปด้วย ผู้เป็นน้องสาวรู้สึกผิดสังเกตที่เห็นพี่ชายมีความกระตือรือร้นที่ดูแปลกตาไปจริง ๆ แต่ก็รับปากกับพี่ชาย ชินดนัยจึงพาทั้งสองคนเดินทางไปที่โรงพยาบาลของปวรปรัชญ์