นคินทร์ (ตอนที่ ๓. เธอผู้แสนดี)


ตอนที่ ๓. เธอผู้แสนดี


        สองปีต่อมา…

        วันนี้นคินทร์เดินทางกลับมาประเทศไทย หลังจากที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียนเสริมทักษะการป้องกันตัวตามหลักสูตรเป็นเวลาสองปี

         คฤหาสน์อัครกูล รถตู้คันที่ไปรับนคินทร์ที่สนามบิน ได้พาเขามาถึงที่จุดหมาย ประพันธ์เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เมื่อประตูรถเลื่อนเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงก้าวลงมาก่อนนั้นคือ “นคินทร์” ส่วนชายร่างสันทัด ผิวเข้ม คนที่สองก้าวตามลงมาจากรถด้วยคือ “ชัย” อดีตนายตำรวจสืบสวนอีกคน ที่ท่านประพันธ์ต้องการให้มาช่วยงานด้วยเช่นกัน

         “สวัสดีครับท่าน” ชายหนุ่มร่างสูง ลำตัวตรง ยกมือขึ้นไหว้ประพันธ์

         ใบหน้าของประพันธ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ชายต่างวัยสองคนก็โน้มตัวเข้ากอดทักทายกัน ประพันธ์ถอยตัวมองหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง การกลับมาคราวนี้ของนคินทร์ ทำให้ประพันธ์สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มอดีตนายตำรวจ รูปร่างที่ดูแข็งแกร่งขึ้น ประกายความเชื่อมั่นของนคินทร์ที่มีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

         “นายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยทีเดียว”

         “ครับท่าน” นคินทร์กล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง

         เมื่อทักทายนคินทร์เรียบร้อยแล้ว ท่านประพันธ์ก็หันไปโน้มตัวกอดทักทายชายร่างสันทัดที่มาด้วย ซึ่งมีร่างกายที่ดูแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

         “นายก็ด้วยนะชัย ดีใจที่ได้พบกันอีก” หนุ่มที่ชื่อชัยโค้งคำนับให้ท่านประพันธ์

         “ไป..เราเข้าไปคุยกันด้านใน” ประพันธ์บอกพร้อมทั้งโอบไหล่คนทั้งสอง แล้วพากันเดินไปที่ห้องรับแขก

         ประพันธ์ได้ส่งนคินทร์ ทายาทคนเดียวของเพื่อนรัก ให้ไปฝึกทักษะเพิ่มเติมด้านศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ด้วยการฝึกอบรมเต็มขั้น จนได้รับใบรับรองกลับมา พร้อมทั้งให้ชายหนุ่มได้ใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นประสบการณ์ชีวิตในอีกรูปแบบ เพื่อความปลอดภัยของตัวนคินทร์เอง หากต้องรับมือกับสถานการณ์ในภายหน้า

         การสนทนาภายในห้องรับแขกนี้เต็มด้วยบรรยากาศของความสนุกสนาน เมื่อนคินทร์กับชัยต่างก็ผลัดกันเล่าประสบการณ์ที่ตนได้ไปศึกษามา ชายหนุ่มทั้งสองคนยังผลัดกันพูดชื่นชมถึงน้ำใจและความสามารถของอีกฝ่ายด้วยความจริงใจให้ท่านประพันธ์ฟัง ชายเจ้าของบ้านเห็นมิตรภาพของคนทั้งสองแล้วก็ดีใจ นคินทร์ได้เพื่อนร่วมทีมที่ถูกคอกันเพิ่มอีกหนึ่งคน

         เมื่อทั้งหมดได้คุยสนทนากันนานพอสมควรแก่เวลา ประพันธ์จึงบอกให้คนขับรถ ส่งชัยกลับไปที่บ้านเพื่อพักผ่อน หลังจากที่ชัยต้องจากครอบครัวไปนานถึงสองปี

         นคินทร์กลับเข้ามาสู่คฤหาสน์อัครกูลอีกครั้งในวันนี้ ชายหนุ่มเหมือนคนในครอบครัวด้วยเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี คนรับใช้ภายในบ้านต่างก็รักและชื่นชมสมาชิกใหม่คนนี้ด้วยเช่นกัน


       เช้าวันถัดมา ประพันธ์ได้เปิดประชุมด้วยคอมพิวเตอร์ ผ่านโปรแกรมสนทนาวิดีโอคอล โดยให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ได้แนะนำตัวกัน ผู้ร่วมทีมจะมี นคินทร์, ชัย, ท็อป, โจอี้ กับจอนนี่ โดยมีผู้ร่วมสนับสนุนอีกหนึ่งคนคือ “เฮียหุย” อดีตนายตำรวจสืบสวนรุ่นพี่สุดเก๋า ซึ่งวันนี้ติดภารกิจสำคัญไม่สามารถมาร่วมประชุมด้วยได้ แต่ทุกคนก็รู้จักเฮียหุยกันดีอยู่แล้ว

        การประชุมเริ่มต้นด้วย การแนะนำตัวจาก “นคินทร์” อดีตนายตำรวจสืบสวน อายุสามสิบสามปี ตามด้วย “ชัย” อดีตนายตำรวจสืบสวน ปราบปรามอายุสามสิบหกปี, “ท็อป” หนุ่มเจ้าของอู่รถวัยสามสิบห้าปี, “โจอี้” นักแม่นปืนวัยสามสิบเจ็ดปี ผมหยักศก ผิวสองสี รูปร่างสันทัด และ” จอนนี่” ช่างภาพอิสระ วัยสามสิบปีอายุน้อยที่สุดของทีม หน้าตาคล้ายลูกครึ่ง ผมน้ำตาล ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ทั้งหมดกล่าวทักทายกันผ่านโปรแกรม

        เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนคือโจอี้กับจอนนี่นั้น นคินทร์ก็ได้เคยพูดคุยกันมาก่อน เพราะสองคนนี้เฮียหุยอดีตคู่หูแนะนำให้เขารู้จัก  หลังจากนั้นพวกเขาทั้งห้าคนก็มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันอยู่เป็นประจำเพื่อสร้างความคุ้นเคยในการทำงานกันเป็นทีม..

       ในขณะเดียวกันท่านประพันธ์ก็ได้ให้นคินทร์คอยติดตามเป็นผู้ช่วยที่บริษัทอัครกูลเพื่อศึกษางานด้านธุรกิจและบริหารอีกส่วนหนึ่งจากท่านอีกด้วยเช่นกัน



       สองเดือนผ่านไป…
         ในเย็นวันหนึ่ง ที่ห้องอาหารในเรือนใหญ่ ประพันธ์ได้เรียกให้นคินทร์เข้ามาเพื่อร่วมรับประทานอาหาร เจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงกลางหัวโต๊ะ นคินทร์นั่งอยู่ทางด้านขวามือของท่านประพันธ์ ส่วนด้านตรงข้ามของนคินทร์เป็นหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ผิวขาวผุดผ่องนั่งอยู่ด้วย เมื่อประพันธ์เห็นทุกคนพร้อมกันแล้วก็เริ่มแนะนำให้สองหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกัน เนื่องจาก

         เมรินเพิ่งจะเดินทางกลับจากต่างจังหวัดหลังจากที่เธอไปช่วยดูงานทางด้านสถานสงเคราะห์ที่บริษัทสาขา

         “ยังไม่เคยเจอกัน แนะนำให้รู้จักกันสักหน่อย เมรินลูกสาวคนโตของฉัน”

         “เมริน นี่คือนคินทร์ ผู้ช่วยของพ่อ”

         “สวัสดีค่ะคุณนคินทร์” เมรินยกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามด้วยกิริยาอ่อนน้อมพร้อมด้วยรอยยิ้มอันหวานละมุน

         “สวัสดีครับคุณเมริน” ชายหนุ่มยกมือไหว้ตอบแล้วยิ้มให้เธอ

         นคินทร์ได้พบกับเมรินเป็นครั้งแรก ในสายตาเขาหญิงสาวคนนี้นอกจากเป็นคนที่มีใบหน้างดงามแล้วกิริยาก็ดูนุ่มนวลอ่อนหวานอีกด้วย จริงอย่างที่เจ้าของอู่ผู้เป็นเพื่อนรักได้เคยบอกไว้

         ประพันธ์หันไปพยักหน้ากับแม่บ้านคนเก่าแก่ “ป้าเยือน” ก็จัดแจงตักข้าวให้

         “บ้านหลังใหญ่โตแต่ตอนนี้อยู่กันแค่นี้” ชายเจ้าของบ้านพูดแล้วยิ้มหัวเราะ

         “เดี๋ยวน้องรันก็ใกล้จะกลับมาเมืองไทยแล้ว คุณพ่อคงไม่เหงาแล้วละค่ะ” เมรินบอกกับผู้เป็นพ่อ รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าหวาน เธอรู้ว่าน้องสาวมักจะชอบอ้อนคุณพ่อซึ่งก็สร้างรอยยิ้มและความมีชีวิตชีวาให้กับครอบครัวได้มากเลยทีเดียว

         “เรามาทานข้าวกันได้เลย” ประพันธ์บอกกับสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร

         “ขอบคุณครับ” นคินทร์กล่าวขอบคุณแล้วหยิบช้อนส้อมขึ้นมา

         “คุณนคินทร์ทานแกงเผ็ดเป็ดย่างนี่สิคะ ฝีมือของป้าเยือน อร่อยมากนะคะ” หญิงสาวบอกแนะนำอาหารที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้ามองไปที่ป้าแม่บ้านอาวุโส

         “แหม! คุณหนูคะ พูดชมป้าแบบนี้” แม่บ้านอาวุโสยิ้มดีใจ

         นคินทร์ยิ้มพร้อมกับมองไปชามน้ำแกงเข้มข้น สีสันจัดจ้าน กลิ่นหอมชวนน่ารับประทานแล้วทำตามที่เมรินแนะนำ ชายหนุ่มเอื้อมมือใช้ช้อนกลางตักแกงราดไว้บนข้าวในจานของตัวเอง มือหยิบช้อนส้อมรับประทานข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมกับแกง คำแรกก็รู้ถึงรสชาดของเครื่องแกงอันกลมกล่อม รสเผ็ดกำลังดีและเป็ดย่างทั้งเนื้อหนังนุ่มพอดีคำ ทั้งหมดลงตัวเข้ากันพอดีจนชายหนุ่มต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวที่บอกเมื่อสักครู่

               “อืม..อร่อยมาก รสชาดดีมากเลยครับ”

                ป้าเยือนได้ยินแล้วก็ยิ้มหน้าไม่หุบเลยทีเดียว นคินทร์มองหน้าเมรินอีกครั้ง รอยยิ้มแสนหวานของเธอสร้างความประทับใจให้กับเขา เมรินเป็นหญิงสาวที่พูดจาไพเราะ มีน้ำใจ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมจริง ๆ

                “พรุ่งนี้ลูกจะไปไหนบ้างล่ะ?” ประพันธ์ถามกับบุตรสาว

                 “รินตั้งใจจะไปทำบุญและก็แวะไปที่สถานสงเคราะห์ด้วยค่ะ คุณพ่อ”

                 ประพันธ์นึกยิ้มในใจและได้มอบหมายให้นคินทร์ไปเป็นผู้ช่วยดูแลบุตรสาวด้วยในวันพรุ่งนี้

                 “ฉันฝากด้วยนะ” ประพันธ์พูดกำชับกับชายหนุ่ม

                 “ได้ครับท่าน “ชายหนุ่มรับปากด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกในหลายปีที่นคินทร์รู้สึกมีความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก


                 เช้าวันรุ่งขึ้นในห้องครัว เมรินอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลูกไม้กระโปรงยาวคลุมเข่าสีขาวสะอาดตา หญิงสาวจัดเตรียมอาหารกับป้าเยือนและอ่อนตั้งแต่เช้ามืดโดยมีนคินทร์อยู่คอยช่วยเหลือจัดข้าวของ พวกเขาตั้งใจจะนำไปทำบุญที่วัดและเตรียมขนมกับข้าวของเครื่องใช้สอยเพื่อไปที่สถานสงเคราะห์เด็ก

                 เมื่อมาถึงที่วัด หนุ่มสาวทั้งสองคนต่างก็ช่วยจัดแจงนำของเพื่อถวายอาหารเพล เมื่อทำบุญเสร็จแล้วเมรินก็ถือโอกาสนี้แวะไปเลี้ยงปลาที่อยู่ในบริเวณริมท่าน้ำของวัด ฝูงปลาตัวใหญ่กำลังว่ายเบียดเสียดกันแน่น แข่งกันผุดขึ้นมาเพื่อยื่นปากตะครุบอาหาร เสียงสะบัดหางตีน้ำดังขึ้นตลอดเวลาที่ฝูงปลาเหล่านั้นเห็นอาหารลอยอยู่บนพื้นน้ำ

                 “เห็นคุณพ่อท่านชื่นชมคุณมากนะคะ “เมรินหันไปพูดกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ใบหน้าของหญิงสาวยิ่งดูสวยผุดผาด

                 นคินทร์ฟังแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นมือส่งถุงขนมปังซึ่งใช้เป็นอาหารปลาให้กับเธอไปอีกหนึ่งถุง

                 “คุณเมรินมาที่วัดบ่อยหรือเปล่าครับ? “ชายหนุ่มถามในขณะที่มือของเขาหยิบก้อนขนมปังโยนให้ปลาในน้ำ

                 “ใช่ค่ะ ถ้ามีโอกาสรินก็จะมาทุกวันพระ” หญิงสาวบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวานผุดบนใบหน้า

                 "ดีแล้วครับ”

                 “เรายังหายใจได้อยู่ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นเวลาก็ต้องมีตลอดด้วยใช่ไหมคะ "

                 "ครับ” ชายหนุ่มได้ฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย เขามองเมรินด้วยสายตาที่ชื่นชม ยิ่งได้สนทนาด้วยก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าเขาประทับใจในความคิดของหญิงสาวคนนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

                 “ได้มาทำบุญด้วยกันแบบนี้ ต้องได้เจอกันอีกแน่ ๆ”

                 ประโยคนี้ดังมาจากกลุ่มของหนุ่มสาวที่เดินพูดแซวกันผ่านด้านหลังของนคินทร์ไปเมื่อสักครู่ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงถึงกับอมยิ้มเมื่อนึกถึงขณะนี้เธอกับเขามาร่วมทำบุญด้วยกัน

                 หลังจากที่ได้ทำบุญและแวะให้อาหารปลากันเรียบร้อยแล้ว นคินทร์ก็เก็บของเข้ารถเรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้กับเมริน เพื่อให้เธอเข้าไปนั่งด้านหลัง จากนั้นก็ทำหน้าที่ขับรถเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป

                  สถานสงเคราะห์เด็กบ้านอัครกูล
                 เพียงไม่นานนัก นคินทร์ก็ขับรถมาถึงจุดหมาย ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ เป็นอาคารใหญ่สีฟ้าอ่อน ด้วยความร่มรื่นของต้นไม้และสวนหย่อม ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูสดชื่น อีกทั้งการตกแต่งบริเวณก็ได้สัดส่วนอย่างกว้างขวาง ทั้งโรงอาหาร ห้องพยาบาล สนามเด็กเล่น ห้องจัดกิจกรรม ฯลฯ

                 เมรินได้ขอตัวเดินเข้าไปในที่ห้องทำงาน ทั้งนคินทร์กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยกันยกของที่ได้เตรียมไว้ลงจากรถ เมื่อทุกอย่างเตรียมเรียบร้อยแล้ว สักครู่เมรินก็เดินออกมาเพื่อที่จะได้ช่วยนคินทร์และเจ้าหน้าที่นำของเหล่านี้แจกจ่ายให้กับพวกเด็ก ๆ 

               “เด็กทุกคนน่าสงสารมากค่ะ บางคนกำพร้า บางคนก็มีปัญหาถูกทอดทิ้งเพราะพ่อแม่ต้องคดีบ้าง เด็กเลยไม่มีใครช่วยเลี้ยงดู” เมรินบอกแล้วมองเยาวชนตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ด้วยความรู้สึกเห็นใจ

               “พวกเราจะดูแลเต็มความสามารถค่ะ คุณพ่อท่านเน้นด้านจริยธรรมมาก เพราะในอนาคต เด็กพวกนี้ก็จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของสังคม” หญิงสาวผู้มากน้ำใจบอกถึงปณิธานของบิดา
นคินทร์พยักหน้าเข้าใจเป็นอย่างดี ท่านประพันธ์เป็นผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม ด้วยสภาวะฝืดเคืองของสังคม ทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงคดีมากมายที่เขาได้ทำมา หนึ่งในสี่ส่วนที่เขาได้รับเป็นคดีที่ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กและวัยรุ่นอยู่ด้วย อดีตนายตำรวจก็นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีตขึ้นมา แต่น้ำเสียงหวานของหญิงสาวได้ถามแทรกขึ้นเสียก่อน

                “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอถามเพราะเห็นเขาเงียบไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่