นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๑๔. เมื่อสองเราใกล้กัน)

                                      
                                       [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตอนที่ ๑๔. เมื่อสองเราใกล้กัน


               ในเวลาเย็นที่บ้านของกรองขวัญ เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านดังขึ้นทำให้หญิงสูงอายุร่างท้วมต้องค่อย ๆ ก้าวเดินออกมาพร้อมกับเพ่งสายตามองมาที่ประตูหน้าบ้านจนกระทั่งเห็นว่าเป็นชายหนุ่มสองคนที่มาบ้านเมื่อวานนี้ มารดาของกรองขวัญจึงเอื้อมมือที่ดูค่อนข้างบวมขึ้นเพื่อเปิดประตู

              “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มสองคนต่างก็ยกมือไหว้ทักทายเจ้าของบ้านพร้อมกัน

              “เข้ามานั่งก่อนสิ แต่ขวัญยังไม่กลับมาเลยจ้ะ” เจ้าของบ้านยิ้มใบหน้าใจดีเอ่ยปากเชิญ

              “ไม่เป็นไรครับผมคอยได้” คราวนี้ชินดนัยรีบเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ทำให้นคินทร์ที่ตามมาด้วยได้ยินแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้


                วันนี้เกือบทั้งวันกรองขวัญไปสมัครงานถึงสามแห่ง เนื่องจากเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก แต่ละแห่งที่ยื่นสมัครงานไปนั้นเธอล้วนได้รับการปฏิเสธเป็นทางอ้อมทั้งสิ้น กรองขวัญรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดเรี่ยวแรงในวันนี้ แต่อีกใจหนึ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าของมารดา เธอยังคงกลั้นใจอดทน สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็งและคิดว่าพรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่เธอจะได้งานทำ

                ไม่นานนักมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่เธอนั่งซ้อนมานั้น ได้ขับเข้ามาในซอยหมู่บ้าน สีหน้าที่สลดเมื่อสักครู่ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นความแปลกใจเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถเบนซ์สีเงินคันหรูจอดอยู่ที่หน้าบ้าน กรองขวัญไม่แน่ใจว่าเป็นรถของใครแต่ก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย หญิงสาวลงจากรถมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วเปิดประตูเข้าไปภายใน

                “นั่นไง ขวัญกลับมาแล้ว” หญิงสูงอายุบอกน้ำเสียงดีใจเพราะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ที่มาจอดอยู่เมื่อสักครู่ พร้อมกับการปรากฏตัวของลูกสาวที่เดินเข้ามา

                “สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้ผู้เป็นมารดาแล้วหันไปเห็นชินดนัยกับนคินทร์อยู่ในบ้าน ซึ่งเธอไม่นึกว่าจะได้เห็นพวกเขากลับมาที่นี่อีก หญิงสาวยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสองคน

                “สวัสดีค่ะ พวกคุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?” กรองขวัญถามออกไปรู้สึกใจเต้นบอกไม่ถูก

                “คุณเจฟ.. เขาแวะมาเยี่ยมคุณป้าน่ะครับ” นคินทร์รีบบอกแทนหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนเหมือนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

                “ใช่จ้ะ เอาของฝากมาให้เยอะแยะเลยลูก” ผู้เป็นมารดาบอกพร้อมมือชี้ไปที่โต๊ะที่วางของไว้เต็ม กรองขวัญกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ดูเหมือนหนุ่มลูกครึ่งจะไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดในตอนนี้ ชินดนัยรีบยื่นมือมอบเช็คเงินสดให้กับคุณแม่ของกรองขวัญแทน หญิงสูงอายุยกมือโบกเป็นการบอกไม่สามารถรับไว้ได้ เขาจึงต้องบอกกับมารดาของกรองขวัญ

               “นี่เป็นน้ำพักน้ำแรงของคุณกรองขวัญเธอครับ ผมเบิกให้ล่วงหน้า ขอให้คุณป้ารับไว้อย่างสบายใจได้” ชินดนัยพูดแล้วก็ยื่นมอบเช็คใส่ในมือ
ของคุณแม่ของกรองขวัญ ส่วนกรองขวัญมองหน้าชินดนัยแล้วยังรู้สึกงุนงงกับเรื่องนี้

                “น้องสาวผมมีธุรกิจห้องเสื้อกำลังต้องการคนช่วยพอดี กรองขวัญเธอน่าจะช่วยงานได้” ชินดนัยพูดแล้ว คราวนี้เขาหันหน้าไปมองกรองขวัญพร้อมกับยิ้มให้เธอ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวที่ถูกมองรู้สึกหัวใจดวงน้อยกำลังสั่นไหว

                “ส่วนคุณป้า ผมได้ปรึกษากับน้องเขยซึ่งเป็นหมอว่าจะช่วยทำเรื่องย้ายเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลของเขาจะได้มีพยาบาลคอยช่วยดูแลให้ด้วย กรองขวัญก็จะได้ทำงานอย่างที่เธอถนัด” ชินดนัยอธิบายทั้งหมดบอกกับมารดาของกรองขวัญ

                หญิงผู้สูงอายุได้ฟังแล้วถึงกับนิ่งไปสักครู่ น้ำตาคลอจนต้องหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าคอยซับที่ตาเพราะตื้นตันใจแทนบุตรสาว ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกสาวต้องมาลำบากช่วยดูแล ทุกครั้งที่ไหว้พระสวดมนต์ก็อธิษฐานให้ลูกได้พบกับคนดี ได้งานสุจริตทำเลี้ยงตัวได้จะได้มีชีวิตที่ดี ครั้งนี้เหมือนสวรรค์มีตา มอบสิ่งที่ดี ๆ ให้กับครอบครัวของพวกเธอซึ่งไม่ใช่จะพบกับโอกาสที่ดีได้แบบนี้ทุกคน

                จังหวะนั้นคินทร์ได้พูดคุยสอบถามกับคุณแม่ของกรองขวัญ ส่วนชินดนัยได้ถือโอกาสพากรองขวัญเดินเลี่ยงมาอีกมุมหนึ่ง ชายหนุ่มลูกครึ่งคิดว่าจะต้องพูดกับเธอให้เข้าใจ

              “ผม...ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อวานที่เข้าใจคุณผิด” ชินดนัยบอกกับกรองขวัญ สีหน้าแสดงรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ทำให้กรองขวัญมองใบหน้าของเขาแล้วรู้สึกใจหวิว เมื่อนึกถึงเรื่องในวันนั้นหญิงสาวก้มหน้าที่แดงระเรื่อลง ก่อนที่จะเงยหน้ามาพูดกับเขา

               “ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณ เรื่องที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนวันนั้นด้วยค่ะ” หญิงสาวบอกกับเขา

               “เท่ากับเราหายกันนะครับ” ชินดนัยยิ้มกว้างพูดกับกรองขวัญแต่ชายหนุ่มลูกครึ่งอาจจะไม่ทันสังเกตว่ากรองขวัญแอบถอนหายใจ

               เมื่อได้พูดคุยกันพอสมควร ทั้งสองหนุ่มก็ขอลากลับ โดยมีกรองขวัญมายืนส่งพวกเขาที่หน้าบ้าน นคินทร์ขับรถกลับมากับชินดนัยแล้วเห็นสีหน้าของหนุ่มลูกครึ่ง ที่คราวนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี ซึ่งดูต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขาได้ไปที่บ้านกรองขวัญ จนทำให้หนุ่มบอดี้การ์ดอดที่จะนึกขำท่าทางของชินดนัยไม่ได้


                รุ่งเช้า กรองขวัญเดินทางมาหาเมรันที่ร้านตามที่นคินทร์ได้บอกไว้ หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีเรียบกระโปรงสีเข้ม ยาวคลุมเข่า เธอมาถึงตามเวลาที่นัดไว้สิบโมงเช้าพอดี

                กรองขวัญมองที่ป้ายห้องเสื้อ “พันณริน” แล้วหยุดดูจากด้านหน้าร้านที่มีชุดสวมตกแต่งอยู่บนหุ่นโชว์เรียงเป็นแถวผ่านกระจกใสบานใหญ่ มีทั้งเสื้อสตรีและบุรุษเป็นรูปแบบที่ดูทันสมัย และมีการตัดเย็บที่ดูสวยงาม ประณีต

                “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกรองขวัญ มาขอพบคุณเมรันค่ะ” กรองขวัญก้าวเข้ามาพร้อมกับการแนะนำตัว สุดายิ้มให้แล้วกดโทรศัพท์สายในรายงานว่า กรองขวัญมาถึงแล้ว

                เสียงเคาะประตูห้อง ก๊อก..ก๊อก.. เจ้าของห้องบอกอนุญาต คนที่มาสมัครงานจึงเปิดประตูเข้ามา

                “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อกรองขวัญค่ะ” เธอพูดพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวเจ้าของห้องซึ่งเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่เดินเข้าซึ่งแต่งตัวมิดชิดดูเรียบร้อย เมรันพิจารณาดูใบหน้าของกรองขวัญ แม้จะไม่ได้ดูสวยแบบสะดุดตาทีเดียว แต่ดูเหมือนหญิงสาวคนนี้มองแล้วสบายตา ตัวเล็ก รูปร่างสมส่วนดี ดีไซเนอร์สาวรู้สึกถูกชะตาทันที ส่วนกรองขวัญเองก็เห็นว่าเมรันเป็นหญิงสาวที่สวย น่ารัก แต่งตัวทันสมัย ดูท่าทาง มั่นใจและดูมีเสน่ห์มากทีเดียวทำให้ความรู้สึกประหม่าของเธอน้อยลงเมื่อเห็นความเป็นกันเองของผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้

                “นคินทร์เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังบ้างแล้วค่ะ” เมรันบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน

                    “คุณขวัญทำแพทเทริน์กับตัดเย็บได้ใช่ไหมคะ”

                   “ได้ค่ะ แต่ขวัญจะถนัดแบบธรรมดานะคะ”  กรองขวัญบอกตามประสบการณ์ของเธอ

                    เมรันยังได้สอบถามความถนัดอย่างอื่นทั้งการใช้จักรและการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งกรองขวัญก็บอกว่าเธอสามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานได้ ทั้งคู่สนทนากันอยู่สักพัก ดีไซเนอร์ก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า    “ดีค่ะ คุณขวัญตามฉันมาที่ห้องทำงานตัดเย็บนะคะ”

                   เมรันเดินนำกรองขวัญขึ้นมาชั้นสาม ซึ่งมีสองห้องใหญ่แยกห้องเย็บและห้องตัดติดกับห้องทำแพทเทริน์พร้อมหุ่นโชว์ตามไซส์มาตรฐาน พนักงานที่อยู่ในห้องต่างก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวสวัสดีกับเจ้านายสาวที่ก้าวเข้ามา เมรันแนะนำให้กรองขวัญรู้จักกับทุกคน จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาที่ห้องแพทเทริน์แล้วเริ่มการทดสอบดูผลงานของกรองขวัญ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่