นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๓๒. ตามแผน)


                                          [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตอนที่ ๓๒. ตามแผน

            ภายในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ตอนนี้เสี่ยซานได้ถูกย้ายตัวมาไว้ที่ห้องใหม่  สักครู่ประตูก็ถูกเปิด ทำให้คนถูกคุมตัวเงยหน้าขึ้นมอง กรเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ โดยมีชายชุดดำร่างแกร่งกำยำเดินตามมาด้วยสองคน ทั้งสองคนนั้นแยกตัวไปยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านหนึ่ง เด็กหนุ่มนำอาหารมาวางไว้ตรงหน้าของเสี่ยซาน

           ตั้งแต่เสี่ยซานมาอยู่ที่นี่ ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย อดีตเจ้านายได้แต่นั่งเงียบใบหน้าเรียบเฉย สีหน้าดูอิดโรยทีเดียว แม้ว่ากรพยายามจะเข้ามาคุยด้วย เสี่ยซานก็ได้แต่เบือนหน้าหนีไม่ยอมสนทนาด้วย สถานการณ์นี้คนที่ลำบากใจที่สุดก็หนีไม่พ้นกรนั่นเอง หนุ่มหน้ามนจึงจำต้องบากหน้าเข้าไปคุย

         “เสี่ยครับกินอะไรบ้าง สองวันมานี้เสี่ยไม่ได้กินข้าวเลย”

           กรบอกคะยันคะยอให้ผู้เป็นอดีตเจ้านายกินอาหารที่เขานำมาให้ แต่หนุ่มใหญ๋ยังคงมีท่าทีดูเฉยเมย 

          “ถึงเสี่ยจะไม่ห่วงตัวเอง ก็ยังมีคนที่ห่วงเสี่ยอยู่ คุณเหมยเธอคิดถึงเสี่ยมากนะครับ”

         เสี่ยซานเมื่อได้ยินกรเอ่ยถึงลูกสาวของเขาเพียงเท่านั้น ใบหน้าขาวที่ดูซูบไปมากนั้นเงยขึ้นมาถลึงตามองเขาทันที พร้อมกับเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ คำพูดแรกก็หลุดจากปากของเสี่ยซาน 

         “นังลูกไม่รักดี! ยังคิดถึงฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ?”

          กรเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของเสี่ยซานได้อย่างถนัดแก่สายตา จึงได้แต่ก้มหน้าและพยายามบอกให้เสี่ยซานเข้าใจ

           “มันไม่ใช่ความผิดของคุณเหมย แต่เป็นความผิดของผมเอง! “

           เสี่ยซานจ้องมองกรด้วยสายตาเขม็ง หน้ากระตุกเพราะนึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะกล้าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า กินบนเรือนขึ้รดบนหลังคา จนเขาต้องผิดหวังในการกระทำของลูกสาวไปด้วย

           “ฉันไม่มีวันที่จะรับลื้อเป็นลูกเขย จำใส่หัวกระบาลลื้อไว้ อย่าให้ฉันออกไปได้ ลื้อไม่รอดแน่!” เสี่ยซานพูดเค้นเสียงเกรียวกราด หน้าตาโกรธขึ้งพร้อมกับทำท่าจะโถมตัวเข้าหากร  ชายร่างกำยำในชุดดำสองคนนั้นก็มาถึงตัวของเสี่ยซานก่อนแล้ว ทั้งสองคนยืนบังตัวกรเอาไว้ ใบหน้าของชายชุดดำสองคนนั้นขึงขังจ้องมองเสี่ยซานไม่วางตา ทำให้คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ประเมินได้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงได้แต่นั่งลง

            กรเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ รู้ดีว่าเสี่ยซานรักลูกสาวมากและคงจะคิดเจ็บใจที่เขาทำลายความฝันที่ได้หมายมั่นไว้ หากว่าเขาพูดอะไรตอนนี้ดูเหมือนเสี่ยซานจะไม่รับฟังเสียด้วย

         ในขณะที่กรคิดถอดใจ หันหลังเดินออกไปจากห้อง เขากลับฉุกนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาคนนั้นก็คือพี่หมวดคิน กรยืนคิดอยู่สักครู่ พี่คินสอนให้เขาได้รู้จักที่จะรับมือกับคนอย่างเสี่ยซาน กรจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วหันกลับไปอีกครั้ง คราวนี้กรเป็นฝ่ายเค้นเสียงหัวเราะบ้าง ซึ่งก็ดูจะได้ผลเสี่ยซานเหมือนคอยเงี่ยหูฟังทั้งที่ยังเบือนหน้าอยู่

            “เสี่ยครับ! ถ้าดูสภาพของเสี่ยตอนนี้แล้ว อย่าว่าแต่คิดจะออกไปจากที่นี่ แค่จะลุกก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรงพอ”

           คำพูดของกรยิ่งฟังดูซ้ำเติมความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจของเสี่ยซาน ซึ่งมันก็ทำให้คนที่เคยมีอิทธิพลและมีลูกน้องในมือมาก่อนถึงกับต้องขบกรามแน่นเมื่อตระหนักถึงสภาพของตนเองในเวลานี้ เสี่ยพูดน้ำเสียงคำราม แววตาดูขึงขังขึ้นมาอีกทันที

            “ลื้อมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศอย่าง ไอ้พล!!”

            คราวนี้กรมองจ้องหน้ากับเสี่ยซานอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่คิดที่จะหวาดกลัวแม้แต่น้อย

            “อย่าเอาผมไปเปรียบกับคนอย่างพล ผมไม่มีวันเหมือนกับเขา ถ้าเสี่ยอยากจะออกไปจากที่นี่ ก็รีบกินข้าวซะ!” กรพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเสี่ยซานและพูดออกไปแบบนี้

            กรพูดแล้วก็หันหลังให้กับเสี่ยซานทันที เขากำลังเดินไปจนจะถึงประตูแล้ว เสียงของเสี่ยซานก็พูดแทรกขึ้น

            “กร! ที่ลื้อพูด หมายความว่าจะให้อิสรภาพกับฉันใช่ไหม?” น้ำเสียงของเสี่ยซานดูเหมือนจะมีทีท่าที่อ่อนลง

           กรหยุดนิ่งอยู่สักครู่ ก็ตอบกลับมาโดยไม่ได้หันหน้ามามองเสี่ยซาน

          “เสี่ยรีบกินข้าวเถอะ” กรบอกเพียงเท่านั้นก็เดินออกจากห้องไป โดยคนติดตามสองคนนั้นก็เดินออกไปด้วย เมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีใครแล้วเสี่ยซานก้มลงรีบหยิบข้าวมาตักใส่ปากกินอย่างมูมมาม นัยน์ตาของเขาทอประกายวาวด้วยความหวัง


          บริษัทอัครกูล  ผู้จัดการได้เข้าพบกับชินดนัยเพื่อรายงานเรื่องที่ลูกค้าแจ้งเคลมเพราะคุณภาพของสินค้าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและพบสารปนเปื้อน โดยบริษัทคู่ค้าเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมทั้งยกเลิกออเดอร์สินค้าที่ยังคงค้างอยู่อีกทั้งหมด

             ประธานอัครกูลรู้ดีว่าครั้งนี้เป็นฝีมือของใคร เพียงแต่เขาต้องเดินตามเกมส์ของฝ่ายตรงข้าม ชินดนัยจัดการนัดประชุมกับผู้จัดการและฝ่ายบริหารนานร่วมหลายชั่วโมง แล้วออกมารายงานให้ผู้เป็นบิดาทราบ 

           ชินดนัยนั่งลงที่เก้าอี้โซฟา  แม้จะรู้ว่าเหตุการณ์นี้บิดาของเขาได้เตรียมรับมือไว้แล้ว แต่ชินดนัยเองก็ยอมรับว่ามันสร้างความสั่นสะเทือนเป็นอย่างมาก

           “เราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ครับ”

            ประพันธ์นั่งเอนตัวพิงพนักพร้อมกับหลับตานิ่งอยู่โดยที่ยังไม่ให้คำตอบอะไร ประธานอัครกูลกำลังใช้ความคิด...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่