ขอเล่าต่อจาก "ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ (เร็ง) ตอน เมนูไข่" เพิ่มเติมอีกครั้งนะคะ
หลายวันก่อนเจอเพื่อนที่เข้ามาอ่านกระทู้ เขาต่อว่าฉันว่า
ตอนนี้ไข่แพงมาก เวลาทำไข่ขาวแล้วไข่แดงดิบไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จะทิ้งก็เสียดาย
เขาว่าฉันบอกแต่วิธีทำไข่แดงสุก (ตอนที่ 6) แต่ไม่บอกวิธีทำไข่แดงดิบไว้ด้วย เขาให้ฉันไปหาวิธีทำไข่แดงดิบมา
ว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็เลยเป็นที่มาของกระทู้วันนี้
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะ ปกติที่บ้านจะใช้ไข่แดงดิบเวลาทำอาหารคาว เช่น ปู/กุ้ง/หมึก ผัดผงกระหรี่
ซึ่งไข่แดงส่วนใหญ่จะใช้ทำของหวาน โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยถนัดเรื่องของหวานเท่าไร แต่พอลองทำแล้ว
ก็คิดว่าพอได้ แค่เพิ่มส่วนผสมอีกนิดหน่อยก็จะได้ของหวานไว้ทาน หรือทำไว้ใส่บาตร หรือไว้เป็นของฝากให้เพื่อน
หรือญาติก็ได้ และอยากชวนผู้ป่วยทำขนมจากไข่แดงดิบที่เหลือจากการทำเมนูไข่ขาวทั้งหลาย เพื่อจะได้ไม่เบื่อ
มีงานให้ทำเพลิดเพลิน (คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกวันเพื่อไห้ไข่แดงดิบหมดภายในวันก็ได้ คุณสามารถเก็บไข่แดงดิบ
ไว้ในตู้เย็นได้นานเป็นอาทิตย์ แต่ต้องแช่ทันทีที่คุณแยกไข่แดงเสร็จ เมื่อมีเวลาค่อยมาทำวันหลังได้)
เมนูแรก
เม็ดขนุนแคระ

ไข่เป็ดเอาแต่ไข่แดง 3 ฟอง (หรือไข่แดงเป็ด 2+ไข่แดงไก่ 1 ถ้าใช้ไข่ไก่อย่างเดียว เม็ดขนุนจะบาง)
เผือกนึ่งสุกหนึ่งหัว (ประมาณ 3-4 ขีด มีขายในตลาดสด) น้ำตาลทราย 1 กิโล ไม้จิ้มฟัน
วิธีทำ เผือกนึ่งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสร็จแล้วใช้มือขย้ำให้ละเอียด (วิธีนี้เวลาเคี้ยวจะรู้สึกได้รสชาติของเผือก)
หรือจะตำก็ได้ (วิธีนี้จะเหมือนเผือกกวนทั่วไป) ใส่น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะและน้ำตาลทราย
ประมาณ 3 ขีด ใส่หม้อเล็กๆ ขนาดพอเหมาะ ตั้งไฟอ่อนๆ คนจนน้ำตาลละลายดีแล้วใส่เผือก คนต่อไปเรื่อยๆ จนเดือดดีแล้ว
ลองชิมดูว่าหวานพอกับที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าอ่อนหวานก็เติมน้ำตาลทรายอีกนิดหน่อย (อย่าให้หวานมากนัก เพราะเราต้องเอา
ไปชุบไข่ในน้ำเชื่อมอีกที) เสร็จแล้วตักออกพักไว้ให้เย็น แล้วปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ วิธีปั้นให้เอาเผือกกวนมาก้อนพอประมาณคลึง
ให้เป็นชิ้นยาวๆ ขนาดประมาณแท่งดินสอ แล้วเด็ดให้ได้ก้อนขนาดเท่าๆ กัน เสร็จแล้วให้เอาก้อนที่เด็ดมาคลึงให้เป็นรูปเม็ดขนุน
แต่เม็ดเล็กๆ ทำจนหมด (ถ้าสามารถปั้นได้ประมาณแท่งดินสอจะสวยมาก ในรูปใหญ่ไปนิด ขนาดเท่านิ้วก้อยคนผอมๆ ค่ะ)
นำน้ำตาลทรายที่เหลือใส่หม้อเล็กๆ หรือชามสแตนเลสใบเล็กก็ได้ ใส่น้ำประมาณครึ่งแก้ว(แก้วตวงข้าว) ตั้งไฟกลาง ถ้าไฟแรงเกินไป
น้ำตาลจะไหม้ข้างๆ ภาชนะที่เราใส่ คนจนน้ำตาลละลายและเดือดแล้ว เอาไม้จิ้มฟันจิ้มเผือกกวนที่ปั้นแล้ว จุ่มลงในไข่แดงที่เอาเยื่อ
หุ้มไข่แดงออกแล้ว ต้องจุ่มแล้วรีบยกขึ้นใส่ลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งไฟกลางไว้ (ขั้นตอนนี้ต้องทำเร็วหน่อยนะคะ ไม่งั้นเม็ดขนุนจะบาง)
ใช้ทัพพีคนให้เม็ดขนุนจุ่มน้ำเชื่อมทุกด้าน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ รอจนเย็นจัดใส่จาน
ที่เลือกใช้เผือกเพราะทำง่ายกว่าใช้ถั่วเขียวซีกทำ
ถ้าใช้ถั่วเขียวซีก ต้องแช่ถั่วให้นิ่มก่อนประมาณ 1-2 ชม. ล้างน้ำแล้วเอามานึ่งให้สุก เสร็จแล้วเอามาตำให้แหลกละเอียด
(หากตำไม่ละเอียด เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกสากๆ เวลาเคี้ยวโดนเม็ดถั่วจะไม่อร่อย ซึ่งต่างจากเผือก
ถึงเผือกจะไม่แหลกละเอียด แต่เผือกก็มีความนิ่มอยู่ในตัว เวลาทานจะได้รสชาตของเผือกแท้ๆ ไม่ใช่เผือกปนแป้ง)
เมนูที่สอง
ฝอยทองก้อน
วิธีทำ ไข่แดงของไข่ไก่ที่มี+ไข่แดงที่เหลือจากการทำเม็ดขนุนแคระ (ถ้าต้องการให้เม็ดขนุนสวย อย่างไรเสียคุณต้อง
เหลือไข่แดงที่ไม่สามารถจะชุบได้อีก ดังนั้น หากไข่แดงยังไม่แห้งติดภาชนะ คุณสามารถเอามาผสมกับไข่แดงของไข่ไก่ที่มีอยู่
เสร็จแล้วเทใส่ถุงพลาสติกใส (ถุงที่ใส่อาหาร)แล้วมัดปากถุงให้ถุงป่อง ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปที่ก้นถุงด้านใดด้านหนึ่ง ประมาณ 3-4 รู
เสร็จแล้วเอาไปบีบโรยใส่ลงในน้ำเชื่อมของเม็ดขนุนที่ตั้งไฟกลางไว้ (หากน้ำเชื่อมเหนียวมากเกินไปให้เติมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน
รอจนเดือดก่อน)โดยโรยเป็นแนวขึ้นลงตามความกว้างจนแผ่เต็มภาชนะที่ใส่ ใช้ซ้อมกดให้เส้นจมน้ำเชื่อมจนทั่วดีแล้ว ใช้ซ้อมช้อน
เส้นยกขึ้นพักไว้ แล้วจับเป็นกอง ๆ รอจนเย็นตักใส่จาน
(ขอบอกว่า ลองทำแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ยอมเป็นเส้นยาวๆ เลยต้องทำเป็นก้อนๆ คล้ายฝอยทองกรอบที่วางขาย ถึงจะไม่สวย ก็ดีกว่าทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องรสชาติอร่อยเหมือนกัน)
เมนูที่สาม
บัวลอยน้ำขิง
ใช้ไข่ขาวของไข่เป็ด 3 ฟอง และน้ำเชื่อมที่เอามาจากเมนูเม็ดขนุนแคระข้างบน ขิงแก่ซอยละเอียด
วิธีทำ ตักน้ำเชื่อมใส่หม้อเติมน้ำเพื่อลดความหวานลง ตั้งไฟกลางจนเดือด เอาไข่ขาวใส่ถุงพลาสติกใส (ถุงที่ใส่อาหาร)
แล้วมัดปากถุงให้ถุงป่อง จับก้นถุงตะแคงไปข้างหนึ่ง ตัดมุมก้นถุงอีกด้าน โดยตัดเฉียงยาว .5 ซม. เสร็จแล้ว มือหนึ่งบีบถุงให้
ไข่ขาวไหลออกทางก้นที่ตัด อีกมือหนึ่งคอยบีบไข่ขาวที่ไหลลงให้เป็นก้อน จนหมด คุณจะได้ไข่ขาวที่ลอยเป็นก้อนเล็กๆ
คล้ายลูกบัวลอย ถ้าไม่บีบไว้ไข่ขาวจะไหลลงจนหมด แล้วลงไปกองเป็นก้อนไข่ขาวใหญ่ๆ ไม่น่าทาน เสร็จแล้วใส่ขิงซอยปิดไฟยกลง
เมนูนี้ผู้ป่วยทานเป็นของหวานได้ ซึ่งเป็นไข่ขาวอีกเมนูหนึ่ง แต่ต้องระวังอย่าให้หวานมาก ส่วนสองเมนูข้างบนผู้ป่วยไม่ควรทาน
ปิดท้ายด้วยเมนู
แกงส้มชะอมไข่
เครื่องแกง พริกใหญ่แห้ง 3 เม็ด หอมแดง 2 หัว (หั่นชิ้นเล็กๆ ) กะปินิดหน่อย กระชาย 1 - 2 ราก (หั่นชิ้นเล็กๆ
ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่ก็ได้) เกลือเม็ดเล็กน้อย
เครื่องปรุง น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ เกลือ/น้ำปลา เนื้อปลาต้ม (ปลาช่อน/ปลานิล/ปลาทูสด ไข่ไก่ ชะอม
วิธีทำเครื่องแกง หั่นพริกใหญ่แห้งเป็นชิ้นเล็กแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ 5 นาที (เพื่อให้พริกนิ่มเร็ว ถ้าเป็นน้ำธรรมดาต้องรอนาน
กว่าพริกจะนิ่ม) เสร็จแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ ใส่พริกและเกลือเม็ดลงพร้อมกันในครกแล้วตำให้ละเอียด (ถ้าน้ำยังแฉะเวลาตำ
น้ำของพริกจะกระเด็นเข้าตาหรือกระเด็นใส่ตัวคนตำได้) ใส่หอมแดงโขลกจนละเอียด ตามด้วยกระชายและกะปิโขลกจนละเอียดอีกครั้ง
(ถ้าใส่หอมแดงและกระชายลงพร้อมกัน จะตำแหลกยาก เพราะทั้งสองอย่างมีน้ำ หอมแดงจะตำแหลกยากกว่า จึงควรใส่กระชายทีหลัง)
หรือจะใช่เครื่องปั่น ปั่นส่วนผสมของพริกแกงก็ได้ (ส่วนตัวเคยลองทำแล้วทั้ง 2 วิธี ใช้เครื่องแกงเท่ากันทุกอย่าง ต่างกันที่วิธีทำ
คิดว่าการโขลกพริกแกงให้รสชาติที่ดีกว่ามาก คุณแม่เคยบอกว่าเครื่องปั่นมันตัดให้ละเอียด แต่มันไม่ได้ทำให้พริกแกงแตกเหมือนตำ
ทำให้ไม่ได้รสชาติของพริกแกงที่ดีและอร่อย) เสร็จแล้วใส่เนื้อปลาต้มโขลกพอแหลกอีกครั้ง
วิธีทำไข่ชะอม ไข่ไก่ 1 ฟอง+ไข่ขาว 4 ฟอง ตีให้เข้ากันใส่น้ำปลาเล็กน้อย (เพื่อให้ไข่ชะอมมีรสชาติ) ใส่ชะอมที่เด็ดแล้ว
ประมาณครึ่งกำของที่วางขาย (ไม่ต้องการให้ผู้ป่วยทานชะอมมากเหมือนที่ตามร้านทั่วไป) วิธีทอดไข่ชะอม แบ่งทอด 2 ครั้ง ใส่น้ำมัน
ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ แล้วให้ทำเหมือนเมนู “ยำไข่ดาว” แต่ใช้ไฟกลางๆ สุกแล้วรอจนไข่เย็นหั่นชิ้นพอคำ
วิธีทำแกง ตักเครื่องแกงใส่หม้อใส่น้ำต้มปลาลงในหม้อ คนให้เครื่องแกงละลาย ตั้งไฟกลางๆ ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลา
น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ พอเดือดชิมรสตามชอบ .ใส่ไข่ปลาสลิดสดตั้งไฟต่อจนไข่ปลาสุกดีแล้วจึงใส่ไข่ชะอม รอเดือดจนทั่วปิดไฟ
ตักใส่ชาม เรียงหน้าด้วยไข่ปลาสลิด
แถมอีกนิดเมนู แกงส้มชะอมกุ้ง
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ชอบทานปลา (บางคนเหม็นเนื้อปลามากให้เปลี่ยนเป็นกุ้งสดแทน)
เครื่องแกงและเครื่องปรุงทำเหมือนเมนู “แกงส้มชะอมไข่”
โดยเปลี่ยนจากเนื้อปลาต้มโขลก เป็นเนื้อกุ้งสดและหัวกุ้งต้มโขลก (ส่วนตัวกุ้งที่เหลือผ่าหลัง เพื่อไว้ใส่แกง) โดยโขลกส่วนที่เป็น
หัวกุ้งต้มให้แหลกก่อน แล้วจึงตำเนื้อกุ้งสุกพอแหลก)
วิธีทำแกง ตักเครื่องแกงใส่หม้อใส่น้ำกุ้งลงในหม้อ คนให้เครื่องแกงละลาย ตั้งไฟกลางๆ ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลา น้ำมะขามเปียก
น้ำตาลปีบ พอเดือดชิมรสตามชอบ .ใส่กุ้งสดที่ผ่าหลังลวกในน้ำแกงจนกุ้งสุกตักกุ้งออก แล้วจึงใส่ไข่ชะอม รอเดือดจนทั่วปิดไฟ
ตักใส่ชาม เรียงหน้าด้วยกุ้งสดลวก
(ที่ต้องใส่ไข่ชะอมในน้ำแกงให้เดือดอีกครั้ง เพื่อให้น้ำแกงส้มซึมเข้าไปในไข่ชะอม ซึ่งต่างจากร้านทั่วไปจะตักน้ำแกงราดลงบนชะอมไข่
เพราะเขาทอดในน้ำมัน(เก่า)เยอะๆ ใช้ไข่น้อย(ปนแป้ง) ชะอมเด็ดหรือสับชิ้นยาวๆ (โดยไม่ล้างน้ำ) ทำให้ชะอมไข่ของเขามีช่องว่างเยอะ
กว่าไข่ชะอมที่เราทำ เพราะเมนูนี้เน้นที่ไข่ขาว ไม่ได้เน้นที่ชะอม ที่ใส่ชะอมเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติของชะอมนิดหน่อย ไข่ชะอมที่ทำ
จึงมีความหนาและแน่นกว่าของตามร้านแกงส้มทั่วไป หากตักน้ำแกงราดมันจะซึมเข้าไปในไข่ชะอมได้เพียงเล็กน้อย)
เท่านี้ผู้ป่วยก็จะได้เปลี่ยนรสชาติของเมนูไข่ที่จืดๆ มาเป็นอาหารที่มีรสชาติเพิ่มขึ้น จะทำให้ได้ทานไข่เป็นอาหารได้มากขึ้น
ผู้ป่วยเมื่อได้คีโมจะมีอาการปวดตามข้ออยู่แล้ว ทานชะอมบ่อยๆ ไม่ค่อยดี จะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น ดังนั้นเมนูนี้ควรทำนานๆ ครั้ง
แต่คุณสามารถเปลี่ยนจากชะอม เป็นดอกขจร(ดอกสลิด) หรือดอกโสนก็ได้
มีเคล็ดลับสำหรับแม่ครัวมือใหม่ป้ายแดง
มือใหม่เวลาเข้าครัวจะต้องเจอทุกคน คือ ไม่น้ำมันกระเด็นใส่ หรือโดนขอบหม้อ/ขอบกะทะที่ร้อน จนเกิดอาการพอง
เมื่อโดนน้ำมันหรือโดนของร้อนๆ ขะแนะนำนะคะ อย่างแรกคือ ห้ามล้างน้ำ ให้ใช้น้ำส้มสายชูในขวดที่มี อย.นะคะ
เทใส่ลงบริเวณที่โดนทันที
ขอย้ำว่าให้ทำทันที แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างน้ำธรรมดาให้สะอาด
รับรองว่าบริเวณที่โดนของร้อน คุณจะไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนหรือพอง เรื่องนี้ฉันพิสูจน์มาด้วยตัวเอง
โดนมาแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ มันได้ผล ที่บ้านไม่มีใครทานน้ำส้มสายชูค่ะ
ปัจจุบันที่บ้านมีน้ำส้มสายชูไว้สำหรับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ทั้งฉันและลูกสาว ถึงแม้ว่าจะทำอาหารมานาน ก็ยังอดจะโดนไม่ได้
แต่เราทั้งสองไม่มีรอยแผลที่แขน ที่จากเกิดจากการโดนของร้อนเลยค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กัน
และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสู้ๆ ต่อไปนะคะ
อ่านกระทู้เก่าได้ที่...
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 1 >>
http://pantip.com/topic/30414596
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 2 >>
http://pantip.com/topic/30418215
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 3 >>
http://pantip.com/topic/30426153
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 4 >>
http://pantip.com/topic/30430450
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 5 >>
http://pantip.com/topic/30433744
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 6 >>
http://pantip.com/topic/30445429
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 7 >>
http://pantip.com/topic/30449086
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 8 >>
http://pantip.com/topic/30453280
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งไม่ยอมทานไข่ จะเกิดอะไรขึ้น >>
http://pantip.com/topic/30474654
คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณหมอบอกว่า "คุณเป็นมะเร็งนะ" >>
http://pantip.com/topic/30502628
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งไม่ยอมทานไข่ จะเกิดอะไรขึ้น >>
http://pantip.com/topic/30529793
มาชวนทำ "เมนูไข่" เพื่อผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังให้คีโม
หลายวันก่อนเจอเพื่อนที่เข้ามาอ่านกระทู้ เขาต่อว่าฉันว่า
ตอนนี้ไข่แพงมาก เวลาทำไข่ขาวแล้วไข่แดงดิบไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จะทิ้งก็เสียดาย
เขาว่าฉันบอกแต่วิธีทำไข่แดงสุก (ตอนที่ 6) แต่ไม่บอกวิธีทำไข่แดงดิบไว้ด้วย เขาให้ฉันไปหาวิธีทำไข่แดงดิบมา
ว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็เลยเป็นที่มาของกระทู้วันนี้
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะ ปกติที่บ้านจะใช้ไข่แดงดิบเวลาทำอาหารคาว เช่น ปู/กุ้ง/หมึก ผัดผงกระหรี่
ซึ่งไข่แดงส่วนใหญ่จะใช้ทำของหวาน โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยถนัดเรื่องของหวานเท่าไร แต่พอลองทำแล้ว
ก็คิดว่าพอได้ แค่เพิ่มส่วนผสมอีกนิดหน่อยก็จะได้ของหวานไว้ทาน หรือทำไว้ใส่บาตร หรือไว้เป็นของฝากให้เพื่อน
หรือญาติก็ได้ และอยากชวนผู้ป่วยทำขนมจากไข่แดงดิบที่เหลือจากการทำเมนูไข่ขาวทั้งหลาย เพื่อจะได้ไม่เบื่อ
มีงานให้ทำเพลิดเพลิน (คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกวันเพื่อไห้ไข่แดงดิบหมดภายในวันก็ได้ คุณสามารถเก็บไข่แดงดิบ
ไว้ในตู้เย็นได้นานเป็นอาทิตย์ แต่ต้องแช่ทันทีที่คุณแยกไข่แดงเสร็จ เมื่อมีเวลาค่อยมาทำวันหลังได้)
เมนูแรก เม็ดขนุนแคระ
ไข่เป็ดเอาแต่ไข่แดง 3 ฟอง (หรือไข่แดงเป็ด 2+ไข่แดงไก่ 1 ถ้าใช้ไข่ไก่อย่างเดียว เม็ดขนุนจะบาง)
เผือกนึ่งสุกหนึ่งหัว (ประมาณ 3-4 ขีด มีขายในตลาดสด) น้ำตาลทราย 1 กิโล ไม้จิ้มฟัน
วิธีทำ เผือกนึ่งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสร็จแล้วใช้มือขย้ำให้ละเอียด (วิธีนี้เวลาเคี้ยวจะรู้สึกได้รสชาติของเผือก)
หรือจะตำก็ได้ (วิธีนี้จะเหมือนเผือกกวนทั่วไป) ใส่น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะและน้ำตาลทราย
ประมาณ 3 ขีด ใส่หม้อเล็กๆ ขนาดพอเหมาะ ตั้งไฟอ่อนๆ คนจนน้ำตาลละลายดีแล้วใส่เผือก คนต่อไปเรื่อยๆ จนเดือดดีแล้ว
ลองชิมดูว่าหวานพอกับที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าอ่อนหวานก็เติมน้ำตาลทรายอีกนิดหน่อย (อย่าให้หวานมากนัก เพราะเราต้องเอา
ไปชุบไข่ในน้ำเชื่อมอีกที) เสร็จแล้วตักออกพักไว้ให้เย็น แล้วปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ วิธีปั้นให้เอาเผือกกวนมาก้อนพอประมาณคลึง
ให้เป็นชิ้นยาวๆ ขนาดประมาณแท่งดินสอ แล้วเด็ดให้ได้ก้อนขนาดเท่าๆ กัน เสร็จแล้วให้เอาก้อนที่เด็ดมาคลึงให้เป็นรูปเม็ดขนุน
แต่เม็ดเล็กๆ ทำจนหมด (ถ้าสามารถปั้นได้ประมาณแท่งดินสอจะสวยมาก ในรูปใหญ่ไปนิด ขนาดเท่านิ้วก้อยคนผอมๆ ค่ะ)
นำน้ำตาลทรายที่เหลือใส่หม้อเล็กๆ หรือชามสแตนเลสใบเล็กก็ได้ ใส่น้ำประมาณครึ่งแก้ว(แก้วตวงข้าว) ตั้งไฟกลาง ถ้าไฟแรงเกินไป
น้ำตาลจะไหม้ข้างๆ ภาชนะที่เราใส่ คนจนน้ำตาลละลายและเดือดแล้ว เอาไม้จิ้มฟันจิ้มเผือกกวนที่ปั้นแล้ว จุ่มลงในไข่แดงที่เอาเยื่อ
หุ้มไข่แดงออกแล้ว ต้องจุ่มแล้วรีบยกขึ้นใส่ลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งไฟกลางไว้ (ขั้นตอนนี้ต้องทำเร็วหน่อยนะคะ ไม่งั้นเม็ดขนุนจะบาง)
ใช้ทัพพีคนให้เม็ดขนุนจุ่มน้ำเชื่อมทุกด้าน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ รอจนเย็นจัดใส่จาน
ที่เลือกใช้เผือกเพราะทำง่ายกว่าใช้ถั่วเขียวซีกทำ
ถ้าใช้ถั่วเขียวซีก ต้องแช่ถั่วให้นิ่มก่อนประมาณ 1-2 ชม. ล้างน้ำแล้วเอามานึ่งให้สุก เสร็จแล้วเอามาตำให้แหลกละเอียด
(หากตำไม่ละเอียด เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกสากๆ เวลาเคี้ยวโดนเม็ดถั่วจะไม่อร่อย ซึ่งต่างจากเผือก
ถึงเผือกจะไม่แหลกละเอียด แต่เผือกก็มีความนิ่มอยู่ในตัว เวลาทานจะได้รสชาตของเผือกแท้ๆ ไม่ใช่เผือกปนแป้ง)
เมนูที่สอง ฝอยทองก้อน
วิธีทำ ไข่แดงของไข่ไก่ที่มี+ไข่แดงที่เหลือจากการทำเม็ดขนุนแคระ (ถ้าต้องการให้เม็ดขนุนสวย อย่างไรเสียคุณต้อง
เหลือไข่แดงที่ไม่สามารถจะชุบได้อีก ดังนั้น หากไข่แดงยังไม่แห้งติดภาชนะ คุณสามารถเอามาผสมกับไข่แดงของไข่ไก่ที่มีอยู่
เสร็จแล้วเทใส่ถุงพลาสติกใส (ถุงที่ใส่อาหาร)แล้วมัดปากถุงให้ถุงป่อง ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปที่ก้นถุงด้านใดด้านหนึ่ง ประมาณ 3-4 รู
เสร็จแล้วเอาไปบีบโรยใส่ลงในน้ำเชื่อมของเม็ดขนุนที่ตั้งไฟกลางไว้ (หากน้ำเชื่อมเหนียวมากเกินไปให้เติมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน
รอจนเดือดก่อน)โดยโรยเป็นแนวขึ้นลงตามความกว้างจนแผ่เต็มภาชนะที่ใส่ ใช้ซ้อมกดให้เส้นจมน้ำเชื่อมจนทั่วดีแล้ว ใช้ซ้อมช้อน
เส้นยกขึ้นพักไว้ แล้วจับเป็นกอง ๆ รอจนเย็นตักใส่จาน
(ขอบอกว่า ลองทำแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ยอมเป็นเส้นยาวๆ เลยต้องทำเป็นก้อนๆ คล้ายฝอยทองกรอบที่วางขาย ถึงจะไม่สวย ก็ดีกว่าทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องรสชาติอร่อยเหมือนกัน)
เมนูที่สาม บัวลอยน้ำขิง
ใช้ไข่ขาวของไข่เป็ด 3 ฟอง และน้ำเชื่อมที่เอามาจากเมนูเม็ดขนุนแคระข้างบน ขิงแก่ซอยละเอียด
วิธีทำ ตักน้ำเชื่อมใส่หม้อเติมน้ำเพื่อลดความหวานลง ตั้งไฟกลางจนเดือด เอาไข่ขาวใส่ถุงพลาสติกใส (ถุงที่ใส่อาหาร)
แล้วมัดปากถุงให้ถุงป่อง จับก้นถุงตะแคงไปข้างหนึ่ง ตัดมุมก้นถุงอีกด้าน โดยตัดเฉียงยาว .5 ซม. เสร็จแล้ว มือหนึ่งบีบถุงให้
ไข่ขาวไหลออกทางก้นที่ตัด อีกมือหนึ่งคอยบีบไข่ขาวที่ไหลลงให้เป็นก้อน จนหมด คุณจะได้ไข่ขาวที่ลอยเป็นก้อนเล็กๆ
คล้ายลูกบัวลอย ถ้าไม่บีบไว้ไข่ขาวจะไหลลงจนหมด แล้วลงไปกองเป็นก้อนไข่ขาวใหญ่ๆ ไม่น่าทาน เสร็จแล้วใส่ขิงซอยปิดไฟยกลง
เมนูนี้ผู้ป่วยทานเป็นของหวานได้ ซึ่งเป็นไข่ขาวอีกเมนูหนึ่ง แต่ต้องระวังอย่าให้หวานมาก ส่วนสองเมนูข้างบนผู้ป่วยไม่ควรทาน
ปิดท้ายด้วยเมนู แกงส้มชะอมไข่
เครื่องแกง พริกใหญ่แห้ง 3 เม็ด หอมแดง 2 หัว (หั่นชิ้นเล็กๆ ) กะปินิดหน่อย กระชาย 1 - 2 ราก (หั่นชิ้นเล็กๆ
ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่ก็ได้) เกลือเม็ดเล็กน้อย
เครื่องปรุง น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ เกลือ/น้ำปลา เนื้อปลาต้ม (ปลาช่อน/ปลานิล/ปลาทูสด ไข่ไก่ ชะอม
วิธีทำเครื่องแกง หั่นพริกใหญ่แห้งเป็นชิ้นเล็กแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ 5 นาที (เพื่อให้พริกนิ่มเร็ว ถ้าเป็นน้ำธรรมดาต้องรอนาน
กว่าพริกจะนิ่ม) เสร็จแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ ใส่พริกและเกลือเม็ดลงพร้อมกันในครกแล้วตำให้ละเอียด (ถ้าน้ำยังแฉะเวลาตำ
น้ำของพริกจะกระเด็นเข้าตาหรือกระเด็นใส่ตัวคนตำได้) ใส่หอมแดงโขลกจนละเอียด ตามด้วยกระชายและกะปิโขลกจนละเอียดอีกครั้ง
(ถ้าใส่หอมแดงและกระชายลงพร้อมกัน จะตำแหลกยาก เพราะทั้งสองอย่างมีน้ำ หอมแดงจะตำแหลกยากกว่า จึงควรใส่กระชายทีหลัง)
หรือจะใช่เครื่องปั่น ปั่นส่วนผสมของพริกแกงก็ได้ (ส่วนตัวเคยลองทำแล้วทั้ง 2 วิธี ใช้เครื่องแกงเท่ากันทุกอย่าง ต่างกันที่วิธีทำ
คิดว่าการโขลกพริกแกงให้รสชาติที่ดีกว่ามาก คุณแม่เคยบอกว่าเครื่องปั่นมันตัดให้ละเอียด แต่มันไม่ได้ทำให้พริกแกงแตกเหมือนตำ
ทำให้ไม่ได้รสชาติของพริกแกงที่ดีและอร่อย) เสร็จแล้วใส่เนื้อปลาต้มโขลกพอแหลกอีกครั้ง
วิธีทำไข่ชะอม ไข่ไก่ 1 ฟอง+ไข่ขาว 4 ฟอง ตีให้เข้ากันใส่น้ำปลาเล็กน้อย (เพื่อให้ไข่ชะอมมีรสชาติ) ใส่ชะอมที่เด็ดแล้ว
ประมาณครึ่งกำของที่วางขาย (ไม่ต้องการให้ผู้ป่วยทานชะอมมากเหมือนที่ตามร้านทั่วไป) วิธีทอดไข่ชะอม แบ่งทอด 2 ครั้ง ใส่น้ำมัน
ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ แล้วให้ทำเหมือนเมนู “ยำไข่ดาว” แต่ใช้ไฟกลางๆ สุกแล้วรอจนไข่เย็นหั่นชิ้นพอคำ
วิธีทำแกง ตักเครื่องแกงใส่หม้อใส่น้ำต้มปลาลงในหม้อ คนให้เครื่องแกงละลาย ตั้งไฟกลางๆ ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลา
น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ พอเดือดชิมรสตามชอบ .ใส่ไข่ปลาสลิดสดตั้งไฟต่อจนไข่ปลาสุกดีแล้วจึงใส่ไข่ชะอม รอเดือดจนทั่วปิดไฟ
ตักใส่ชาม เรียงหน้าด้วยไข่ปลาสลิด
แถมอีกนิดเมนู แกงส้มชะอมกุ้ง
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ชอบทานปลา (บางคนเหม็นเนื้อปลามากให้เปลี่ยนเป็นกุ้งสดแทน)
เครื่องแกงและเครื่องปรุงทำเหมือนเมนู “แกงส้มชะอมไข่”
โดยเปลี่ยนจากเนื้อปลาต้มโขลก เป็นเนื้อกุ้งสดและหัวกุ้งต้มโขลก (ส่วนตัวกุ้งที่เหลือผ่าหลัง เพื่อไว้ใส่แกง) โดยโขลกส่วนที่เป็น
หัวกุ้งต้มให้แหลกก่อน แล้วจึงตำเนื้อกุ้งสุกพอแหลก)
วิธีทำแกง ตักเครื่องแกงใส่หม้อใส่น้ำกุ้งลงในหม้อ คนให้เครื่องแกงละลาย ตั้งไฟกลางๆ ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลา น้ำมะขามเปียก
น้ำตาลปีบ พอเดือดชิมรสตามชอบ .ใส่กุ้งสดที่ผ่าหลังลวกในน้ำแกงจนกุ้งสุกตักกุ้งออก แล้วจึงใส่ไข่ชะอม รอเดือดจนทั่วปิดไฟ
ตักใส่ชาม เรียงหน้าด้วยกุ้งสดลวก
(ที่ต้องใส่ไข่ชะอมในน้ำแกงให้เดือดอีกครั้ง เพื่อให้น้ำแกงส้มซึมเข้าไปในไข่ชะอม ซึ่งต่างจากร้านทั่วไปจะตักน้ำแกงราดลงบนชะอมไข่
เพราะเขาทอดในน้ำมัน(เก่า)เยอะๆ ใช้ไข่น้อย(ปนแป้ง) ชะอมเด็ดหรือสับชิ้นยาวๆ (โดยไม่ล้างน้ำ) ทำให้ชะอมไข่ของเขามีช่องว่างเยอะ
กว่าไข่ชะอมที่เราทำ เพราะเมนูนี้เน้นที่ไข่ขาว ไม่ได้เน้นที่ชะอม ที่ใส่ชะอมเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติของชะอมนิดหน่อย ไข่ชะอมที่ทำ
จึงมีความหนาและแน่นกว่าของตามร้านแกงส้มทั่วไป หากตักน้ำแกงราดมันจะซึมเข้าไปในไข่ชะอมได้เพียงเล็กน้อย)
เท่านี้ผู้ป่วยก็จะได้เปลี่ยนรสชาติของเมนูไข่ที่จืดๆ มาเป็นอาหารที่มีรสชาติเพิ่มขึ้น จะทำให้ได้ทานไข่เป็นอาหารได้มากขึ้น
ผู้ป่วยเมื่อได้คีโมจะมีอาการปวดตามข้ออยู่แล้ว ทานชะอมบ่อยๆ ไม่ค่อยดี จะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น ดังนั้นเมนูนี้ควรทำนานๆ ครั้ง
แต่คุณสามารถเปลี่ยนจากชะอม เป็นดอกขจร(ดอกสลิด) หรือดอกโสนก็ได้
มีเคล็ดลับสำหรับแม่ครัวมือใหม่ป้ายแดง
มือใหม่เวลาเข้าครัวจะต้องเจอทุกคน คือ ไม่น้ำมันกระเด็นใส่ หรือโดนขอบหม้อ/ขอบกะทะที่ร้อน จนเกิดอาการพอง
เมื่อโดนน้ำมันหรือโดนของร้อนๆ ขะแนะนำนะคะ อย่างแรกคือ ห้ามล้างน้ำ ให้ใช้น้ำส้มสายชูในขวดที่มี อย.นะคะ
เทใส่ลงบริเวณที่โดนทันที ขอย้ำว่าให้ทำทันที แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างน้ำธรรมดาให้สะอาด
รับรองว่าบริเวณที่โดนของร้อน คุณจะไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนหรือพอง เรื่องนี้ฉันพิสูจน์มาด้วยตัวเอง
โดนมาแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ มันได้ผล ที่บ้านไม่มีใครทานน้ำส้มสายชูค่ะ
ปัจจุบันที่บ้านมีน้ำส้มสายชูไว้สำหรับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ทั้งฉันและลูกสาว ถึงแม้ว่าจะทำอาหารมานาน ก็ยังอดจะโดนไม่ได้
แต่เราทั้งสองไม่มีรอยแผลที่แขน ที่จากเกิดจากการโดนของร้อนเลยค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กัน
และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสู้ๆ ต่อไปนะคะ
อ่านกระทู้เก่าได้ที่...
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 1 >>http://pantip.com/topic/30414596
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 2 >>http://pantip.com/topic/30418215
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 3 >>http://pantip.com/topic/30426153
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 4 >>http://pantip.com/topic/30430450
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 5 >>http://pantip.com/topic/30433744
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 6 >>http://pantip.com/topic/30445429
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 7 >>http://pantip.com/topic/30449086
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 8 >>http://pantip.com/topic/30453280
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งไม่ยอมทานไข่ จะเกิดอะไรขึ้น >>http://pantip.com/topic/30474654
คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณหมอบอกว่า "คุณเป็นมะเร็งนะ" >>http://pantip.com/topic/30502628
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งไม่ยอมทานไข่ จะเกิดอะไรขึ้น >>http://pantip.com/topic/30529793