ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
เล่าต่อจากกระทู้ที่แล้วนะคะ

ผลตรวจรอบสองออกมารวดเร็วทันใจไม่ถึง 2 อาทิตย์ รพ.แจ้งยืนยันว่าฉันเป็นคุณมะจริง
อยู่ในระยะแรกและเป็นเฮอร์ทูบวก

ไชโย ! ดีใจจัง (บ้าไปแล้ว) ฉันเป็นเฮอร์ทูบวก  

เป็นอันว่าจบ ฉันไม่สามารถไปตรวจ รพ.แห่งที่สามตามที่อยากทำได้ เพราะหมอสั่งให้ยาอีก 5 วันต่อมา
หลังจากที่ได้รับการยืนยันผลรอบสอง ฉันไม่มีเวลาไปตรวจที่ไหนอีกแล้ว ต้องรีบให้ยาโดยด่วนก่อนที่ก้อน
และระยะของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะไอ้เจ้าเฮอร์ทูบวกนี่แหละ

ฉันเริ่มเปลี่ยนนิสัยของตัวเองทุกอย่างจากสิ่งที่ไม่เคยทำก็ต้องทำและต้องทำให้ได้ด้วย (บอกอย่างไม่อาย
เลยว่ากลัวตายค่ะ) เริ่มจากสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อน ขับถ่ายให้เป็น
ปกติทุกวัน และที่สำคัญคือออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการให้ยาครั้งแรก โดยเริ่มจากเดินธรรมดา
อย่างต่อเนื่องเท่าที่เราเดินได้ (เดินใหม่ๆ จะเดินได้ไม่ไกล เพราะจะรู้สึกเวียนหัว) และค่อยๆ เพิ่มระยะทางไปเรื่อยๆ
ทุกวันให้ได้ระยะทางประมาณ 2-3 กม./30 นาที จนเดินอยู่ตัวแล้วก็เริ่มเดินเร็วขึ้นจะได้ระยะทางและเวลามากขึ้น
ตามไปด้วย ฉันทำอย่างนี้ทุกวัน (รวมทั้งสามารถเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมของคนในบ้านได้ด้วย ถือว่าได้ 2 ต่อ
คือได้ช่วยทั้งตัวเอง และคนในบ้านที่เรารักห่างไกลภาวะความเสี่ยง)

แล้ววันสำคัญก็มาถึง ขนาดว่าทำใจและได้กำลังใจมากมายแล้ว ก็ยังอดคิดล่วงหน้าถึงผลของการให้ยาตามที่ได้
อ่านในหนังสือคู่มือไม่ได้ ขณะที่ให้ยา ฉันสวดมนต์ และพยายามไม่คิดถึงยาที่กำลังไหลเข้ามาในร่างกายของฉัน
พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดตามมาหลังการให้ยา คิดว่าฉันยังดีกว่าคนอื่นอีกตั้งเยอะ ที่รู้ตัวเร็ว ได้รักษาเร็ว
ฉันต้องหายเพื่ออยู่กับลูกและสามีต่อไป สามีและลูกนั่งอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจตลอดการให้ยา กำลังใจเป็นสิ่งจำเป็น
ที่สุดและเป็นยาวิเศษที่ได้ผลกว่าอะไรทั้งสิ้น ผลปรากฎฉันว่าไม่มีอาการอะไรที่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย

สามีและลูกพาฉันกลับบ้านต่างจังหวัดวันนั้นทันทีเลย เพราะฉันไม่มีอาการอะไร เมื่อถึงบ้านของใช้ตั้งแต่สบู่ ยาสีฟัน
แปรงสีฟัน แชมพู รวมทั้งโลชั่น ทุกอย่างฉันใช้ของเด็กอ่อนทั้งหมด และที่สำคัญอีกอย่างคือ ผม (คุณหมอบอกว่าสูตรยา
ที่ฉันจะได้ ผมร่วงหมด เน้นย้ำร่วงหมดแน่นอน ช่างเป็นข่าวที่ดียิ่งจริงๆ) ฉันจะต้องรีบตัดทิ้งก่อนที่มันจะร่วงจนน่าตกใจ
เพราะผมที่ไว้ยาวหากร่วงเพียงไม่กี่เส้นก็รู้สึกว่าเยอะ นี่ถ้ามันต้องร่วงหมดมันคงจะรู้สึกแย่มากๆ แน่ เพราะฉะนั้นฉันควร
ต้องตัดผมให้มันสั้นที่สุด เมื่อมันร่วงจะได้ไม่รู้สึกใจหาย

3 วันต่อมาเมื่อคิดว่าแข็งแรงดีแล้ว ลูกสาวไปรับช่างมาตัดผมฉันที่บ้าน ยังนึกเสียดายจนทุกวันนี้เลยว่า ถ้าฉันรู้ว่าผมที่ยาว
7-8 นิ้วขึ้นไปสามารถใช้ทำวิกผมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งได้ ฉันจะไม่ตัดผมที่ยาวถึงกลางหลังทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
มารู้ก็ช้าไปแล้ว (หลังจากนั้นไม่นานลูกสาวตัดผมของเขาเองยาว 15 นิ้วเอาไปบริจาคให้สถาบันจุฬาพรเพื่อทำวิกแจกให้
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งลูกสาวไว้ผมยาวมาหลายปี เขาบอกฉันว่าผมเขายาวเร็วตัดมันไปเดี๋ยวมันก็ยาวอีก คิดว่าได้เปลี่ยน
ทรงผมใหม่ และสบายใจที่ได้ทำบุญ เขาทำมาแล้ว 2 ครั้ง ปันจุบันเขาเลี้ยงผมยาวไว้เพื่อตัดไปทำวิกที่สถาบันฯ)

    สำหรับอาหารหมอบอกว่าทานได้หมด (ห้ามของหมักดองทุกชนิด ควรเลี่ยงของปิง/ย่าง/ทอด/ของมันๆ ควรทาน
โปรตีน ผัก ผลไม้เยอะๆ โดยเฉพาะโปรตีนต้องทานเยอะๆ เนื้อสัตว์ควรต้มหรือนึ่ง) เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสามารถต่อสู้
กับโรคและยาได้ ฉันทานอาหารได้ตามปกติแต่ไม่ทานรสจัดหรือร้อน ดื่มน้ำขิง (ใช้ขิงแก่ต้มกับน้ำเปล่า เวลาดื่มผสมกับ
น้ำเปล่าคล้ายดื่มน้ำชาแต่เป็นอย่างอ่อน หากดื่มเข้มข้นอาจทำให้เกิดแผลในปากได้) หลังแปรงฟันเสร็จแล้วทุกครั้งจะอม
น้ำเกลือ (ใช้เกลือเม็ดละลายน้ำเอง)  

    อีกอย่างคือ พยามยามให้ผู้ป่วยหากิจกรรมที่ตัวเองชอบมากที่สุดมาทำ เพราะหลังจากให้ยา ผู้ป่วยต้องพักผ่อนมากๆ
เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพอสำหรับเข็มต่อไป สำหรับฉันตอนพักผ่อนนี้แหละสำคัญ เพราะพอมีเวลาว่างมาก ใจมันจะคอยคิด
ฟุ้งซ่านอยู่เรื่อย จึงอยากแนะนำให้หากิจกรรมเบาๆ ที่ผู้ป่วยชอบทำ ยามว่างจากพักผ่อนมาเป็นเวลานาน ยิ่งผู้สูงอายุด้วยแล้ว
การนั่งๆ นอนๆ เฉยๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก

นอกจากไปหาซื้อวิกที่มีขายทั่วไปไว้ใช้สำหรับออกไปงานข้างนอกแล้ว สิ่งที่หายากมากคือ หมวกไหมพรมที่นิ่มและไม่อบ
(ส่วนใหญ่มีขาย เป็นหมวกสำหรับคนทั่วไปไว้ใส่หน้าหนาวซึ่งหนาเกินไป หรือมวกแฟชั่น) กิจกรรมของฉันจึงเริ่มต้นจาก
ถักหมวกไหมพรมใช้เอง ฉันถักนิตติ้งเพราะรู้สึกว่ามันยืดหยุ่นได้ มันน่าจะสบายสำหรับผู้ป่วยเอง ลองคิดลายและแบบเอง
ลองผิดลองถูกไปเรื่อย จนในที่สุดก็ได้หมวกที่ถูกใจ คือ มันนุ่มและมีช่องระบายอากาศ สามารถใส่ได้ทุกฤดู  เหมาะสำหรับ
ผู้ป่วยที่ผมเริ่มร่วง เพราะผู้ป่วยจะรู้สึกระบบศีรษะ ยิ่งถ้านอนในห้องแอร์ด้วยแล้ว จะรู้สึกเย็นศีรษะมาก และไม่ดีต่อสุขภาพด้วย

เมื่อฉันมั่นใจว่าตัวเองได้ดีพอแล้ว กิจกรรมยามว่างของฉันคือ ถักหมวกไปบริจาคให้กับผู้ป่วยที่ รพ.ที่ฉันรักษา ทำไปเรื่อยๆ
ต่อมาเพื่อร่วมงานรู้ ก็ร่วมบริจาคไหมพรมให้ฉันถักไปบริจาค ฉันจึงถักต่อมาจนถึงปัจจุบัน มันช่วยทำให้ฉันไม่ฟุ้งซานได้ดีเยี่ยม
ทำแล้วรู้สึกสบายใจแถมได้ประโยชน์และได้ทำบุญอีกด้วย

ฉันทำตามที่หมอแนะนำประยุกต์กับข้อมูลที่ได้จากเน็ตหลายๆ ด้าน ทำให้การให้ยาของฉันเป็นไปตามกำหนดทุกครั้งมาตลอด
(เข็มที่ 1-5) โดยมีผลข้างเคียงน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับคนทั่วไป (คลื่นไส้นิดหน่อยในวันแรกของเข็มแรก และผมร่วงหมดเข็มที่ 2 )

จนอีก 3 วันต้องให้ยาเข็มที่ 6 เจาะเลือดแล้วปรากฏว่าเกล็ดเลือดต่ำ หมอบอกว่าอาจไม่สามารถให้ยาเข็มที่ 6 ตามกำหนดได้
ฉันรู้สึกตกใจมาก ไม่อยากให้การรักษาต้องเลื่อนออกไป เมื่อกลับถึงบ้านฉันต้มไข่ไก่ 10 ฟองทาน โดยทานไข่แดงแค่ 1 ฟอง
ส่วนไข่แดงอีก 9 ฟองให้สุนัขที่บ้านช่วยกิน ฉันทานทุกวัน (ปกติก่อนหน้านั้นทานวันละ 3-4 ฟอง)

พอครบ 3 วันที่ต้องให้ยาเข็มที่ 6 ฉันไปเจาะเลือดใหม่ผลปรากฏว่าเกล็ดเลือดขึ้นสุงพอจนให้ยาได้  ฉันรู้สึกดีใจมาก หมอถาม
ไปทำอะไรมา พอบอกว่าทานไข่ต้มวันละ 10 ฟอง หมอยังบอกว่าถ้าคิดว่ามันได้ผลก็ทานต่อ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ามันช่วยได้หรือเปล่า
ตั้งแต่วันนั้นมาฉันทานไข่ไก่ต้มวันละ 10 ฟองทุกวัน ทำให้การให้ยาเข็มที่ 7 และ 8 เป็นไปตามกำหนดโดยไม่มีการเลื่อนเลย
(ลองคำนวณเล่นๆดูซิคะว่า ฉันทานไข่ต้มทุกวันๆ ละ 10 ฟองเป็นเวลา 7 อาทิตย์ รวมทั้งหมดกี่ฟอง)

ใหม่ๆ ก็พอทานได้วันละหลายๆ ฟอง แต่พอหลายวันชักไม่ไหว ลูกสาวลองหาตำราหาเมนูไข่มาลองทำให้ทาน แต่ก็ไม่ทำให้
ทานไข่ได้วันละเยอะๆ อย่างที่ต้องการ ลูกสาวและฉันจึงช่วยกันทำเมนูไข่เพื่อไม่ให้ตัวเองเบื่อ สำหรับฉันคิดว่ามันได้ผลนะ
เพราะหน้าตาของอาหารจะทำให้ชวนให้อยากทาน ถ้าใครสนใจจะเอาไปลองทำหรือดัดแปลงก็แล้วแต่ตามความชอบไม่ว่ากัน

ฉันแนะนำการทานไข่ไก่ต้มกับผู้ป่วยที่รู้จักไปหลายราย ที่มีปัญหาเกล็ดเลือดต่ำทำให้ต้องเลื่อนการให้ยา พบว่าหลายคนที่ลอง
ไปทำตามสามารถให้ยาได้ตามกำหนดจนครบ จึงอยากแบ่งปันสิ่งที่ประสบมาด้วยตัวเอง เผื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยที่กำลังมีปัญหา
และหมดกำลังใจลองทำดู ซึ่งเป็นการลองที่ไม่เกิดผลข้างเคียงแน่นอน และค่าใช้จ่ายถูกมาก หากเมื่อเทียบกับยาที่โฆษณา
ทางทีวีหรือคนรู้จัก (ทั้งหวังดีจริงๆ หรือหวังขายทำยอดก็ไม่รู้)

ข้อห้าม ห้ามเอาไข่ต้มไปคลุกข้าวทาน เพราะเวลาทานไปหลายๆ มื้อติดกัน มันรู้สึกแย่ ทั้งรู้สึกฝืดคอ ทั้งผะอืดผะอม จะทำให้
ทานข้าวได้น้อย หรือพาลไม่อยากทานข้าวไปเลย ให้ทานเมื่อเวลารู้สึกหิว ให้ไปหยิบไข่ต้มมาทานเล่นๆ ครั้งละ 1-2 ฟอง
(พยายามอย่าไปคิดว่าต้องทานไข่อีกแล้ว เพราะมันจะทำให้รู้สึกติดคอขึ้นมาทันทีตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทาน) ให้หยิบมาทาน
ครั้งละฟองก็ได้ แต่หยิบให้มันบ่อยๆ และที่สำคัญให้คิดว่ามันจะช่วยทำให้ร่างกายเราแข็งแรงและหายไวๆ


ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น พบกันคราวหน้านะคะ ขอเวลาไปทำเมนูอาหารไข่ก่อน อยากให้เห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
วิธีทำก็ง่าย ๆ  อยากให้ลองทำกันเพื่อคนที่คุณรัก


อ่านกระทู้เก่าได้ที่...
ฉันรู้ทันเธอนะคุณมะ(เร็ง) ตอนที่ 1  >>http://pantip.com/topic/30414596

แก้ไขวรรคตอนค่ะ (ขอโทษนะคะเพิ่งหัดเล่น มือใหม่จริงๆ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่