บทนำ https://pantip.com/topic/39789680
บทที่1 https://pantip.com/topic/39803591
บทที่2 https://pantip.com/topic/39812186
บทที่3 https://pantip.com/topic/39828482
บทที่4 https://pantip.com/topic/39843959
บทที่5 https://pantip.com/topic/39874942
บทที่6 https://pantip.com/topic/39892609
บทที่7 https://pantip.com/topic/39908683
บทที่8 https://pantip.com/topic/39939836
บทที่9 https://pantip.com/topic/39963917
บทที่๑๐ https://pantip.com/topic/40000465
บทที่๑๑ https://pantip.com/topic/40035518
บทที่๑๒ https://pantip.com/topic/40071281
บทที่๑๓ https://pantip.com/topic/40101844
..........................................................................................
นับจากวันที่ แอคเนสนำสีมาให้ ชีวิตของญารินไม่เคยเงียบเหงาอีกเลย เพราะในทุกวัน จะได้ยินคำทวงถามถึงภาพวาดจากบรรดาหญิงรับใช้ ที่เธอจัดลำดับคิวจากการจับฉลาก จนต้องหามุมสงบวาดรูปให้เสร็จ ครบทุกคนตามสัญญา..พลางนึกเสียดายอยู่ลึกๆว่า ไม่มีเวลาชวนแอคเนสไปเที่ยวที่หมู่บ้านชายทะเลสักที
อันทาเออัส ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนก้อนหินใหญ่ใต้ต้นสนซีดาร์ริมทะเลสาบ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าศีรษะ ใบหน้าขาวละไมเจือรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ยามมองความสับสนวุ่นวายของหญิงสาวผ่านกระจกภูตสายลม พลางครุ่นคิด เพียงครู่ก็มีคำสั่งไปกับภูตสายลม
ญารินชะงักมือที่กำลังร่างโครงใบหน้า เมื่อได้ยินเสียงใครสักคนเรียกอยู่ใกล้ตัว..เพียงแต่จับทิศทางไม่ถูก ว่าดังมาจากทางไหน..อึดใจต่อมา มวลอากาศตรงหน้ารวมตัวกัน ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างของเด็กหนุ่มผิวกายสีฟ้าอ่อนโปร่งใส รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าอ่อนเยาว์แสดงความเป็นมิตร ทำให้หญิงสาวไม่มีความหวาดกลัว ซึ่งเธอเริ่มจะคุ้นชินกันเรื่องประหลาดๆบนโลกยุคนี้เสียแล้วกระมัง และคาดเดาได้ว่า สิ่งที่กำลังยิ้มแฉ่งให้อยู่ตรงหน้านี้ คือ ภูตสายลม จากคำกล่าวถึงของบรรดาหญิงรับใช้ ที่มักจะมีเรื่องพูดคุยกันสารพัด สารพัน จนเธอแทบจะรู้ไส้รู้พุงของแต่ละคนได้จนหมดแล้ว จะมีเพียงเรื่องของกี กับ เจ้าของปราสาทเท่านั้น ที่ไม่มีใครกล้ากล่าวถึง โดยเฉพาะบุคคลหลัง ซึ่งเธอแอบเสียดายอยู่ลึกๆเช่นกัน เพราะขณะนี้ เขาเป็นบุคคลที่เธออยากรู้จักประวัติชีวิตมากที่สุด
“เธอคงเป็นภูตสายลมที่สาวๆพูดถึงสินะ”
“ใช่..พวกนางมักพูดว่าข้าเหมือนเด็ก” เพราะส่วนใหญ่ เขาจะแฝงกายลอยล่องอยู่ในปราสาท เพื่อคอยรับใช้ผู้เป็นนาย จึงได้ยินเรื่องราวต่างๆจากพวกนางบ่อยครั้ง
“อืม..แล้ววันนี้มีอะไรกับฉันเหรอ”
“เจ้านายให้เจ้าไปพบ..แล้วเอาของพวกนี้ไปด้วย” เขาชี้ไปยังอุปกรณ์วาดรูป
“หือ..ทำไมล่ะ”
“เจ้านายสั่งเพียงแค่นี้” ตอบเสร็จก็โฉบมาช่วยหอบของทั้งหมดมาถือไว้ในอ้อมแขน
ญารินมองอย่างตื่นตา
“เธอหยิบจับสิ่งของได้ด้วยเหรอ !?” แล้วยื่นนิ้วไปจิ้มๆบริเวณแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้า สัมผัสถึงมวลอากาศหนาแน่น เย็นเฉียบ
“หูยว์..”
ภูตสายลมแค่นหัวเราะกับปฏิกิริยาของเธอ
“รีบไปกันเถอะ” แล้วก็ลอยล่องนำไปยังริมทะเลสาบ ซึ่งบัดนี้ทหารได้นำโต๊ะตัวเล็กมาตั้ง พร้อมเบาะรองนั่งตามคำสั่งผู้เป็นนายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อันทาเออัสทอดร่างนอนบนก้อนหิน แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าศีรษะ มองคันเบ็ดที่ปักไว้ริมตลิ่งอย่างเกียจคร้าน ซึ่งญารินมองแล้ว เหมือนเขาต้องการนอนหลับมากกว่าต้องการตกปลาเสียอีก
“นั่งสิ”
ภูตสายลมบอก พลางวางสัมภาระของเธอลงข้างๆโต๊ะเล็ก ก่อนจะหายตัวไป
เมื่อถูกทอดทิ้งโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ ญารินจึงนั่งลงตามความต้องการของอีกฝ่าย พลางเหลือบสายตามองคนข้างกาย ซึ่งบัดนี้ เขาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเท้าศีรษะหันมามองเธอแทนแล้ว
“ข้าเห็นว่าเจ้ายังต้องวาดรูปให้อีกหลายคน เกรงว่าจะเบื่อ ก็เลยชวนออกมานั่งที่นี่..อาจจะทำให้เจ้ารู้สึกดีกว่าการอุดอู้อยู่แต่ภายในห้องนะ”
“แล้วพระองค์รู้ได้อย่างไร ว่าหม่อมฉันกำลังวาดรูปอยู่ในห้อง แถมยังรู้ด้วยว่า ต้องวาดให้อีกหลายคน” หญิงสาวลองหยั่งเชิง ทั้งๆที่ภายในนั้นกำลังลิงโลด กับความใส่ใจของเขา..และรู้สึกว่าตนมีความสำคัญขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าขาวละมัยนั้นเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อยามเอ่ยเสียงขรึมคล้ายดุ
“เหตุใดเจ้าถึงมีคำถามมากมายนัก..ข้าให้ทำสิ่งใดก็ทำไปเถอะ” แล้วก็หันใบหน้ากลับไปสนใจคันเบ็ด
ญารินอมยิ้ม และเริ่มลงมือวาดรูปอีกครั้ง
และไม่เพียงวันนี้เท่านั้น ที่อันทาเออัสเรียกญารินให้มาวาดรูปอยู่ข้างกาย..วันต่อๆมา เขายังคงให้เธอนั่งอยู่เคียงข้างไม่ห่าง ถ้าไม่ริมทะเลสาบ ก็จะเป็นที่สวนข้างปราสาท จนกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาข้าราชบริพาร ที่เข้าใจเป็นนัยว่า หญิงสาวคือคนพิเศษของเจ้าผู้ครองปราสาท
แม้แต่ไซนอน และแพนดารัสเองก็เห็นถึงความพิเศษนี้เช่นกัน เพราะไม่ว่าญารินจะเดินไปไหน หรือนั่งอยู่กับใคร หญิงสาวจะต้องอยู่ในสายตาของอันทาเออัสแทบจะทุกอิริยาบถ
วันนี้ก็เช่นกัน..
ญารินนั่งวาดรูปอยู่บนตั่งไม้ภายในสวนข้างปราสาท โดยมีอันทาเออัสนอนหลับอยู่ข้างกาย แสงแดดอ่อนๆที่โอบล้อมรอบกายนั้น ส่งให้เขางดงามเกินบรรยาย และอดไม่ได้ ที่จะวาดรูปของเขาเก็บไว้ ทว่า..ยามสายตากวาดไล้ตามรายละเอียดสัดส่วนของโครงหน้า ความรู้สึกของเธอก็เหมือนจมดิ่งหลงใหลวนเวียนอยู่กับตัวเขา แล้วยังหัวใจเจ้ากรรม ที่มันช่างเต้นรุนแรงจนก้องกังวานในโสตประสาท
อาการแบบนี้ แปลว่า เธอกำลังตกหลุมรักปิศาจหน้าสวยคนนี้เข้าอย่างจังแล้วใช่ไหม ?
เขากำลังล่อลวงเธอด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนและการเอาอกเอาใจอย่างแสนอ่อนโยนกระนั้นหรือ?
แล้วเธอเล่า..จะยินยอมพร้อมใจกระโจนลงสู่กับดักนั้นไหม ?
แม้จะเป็นการตั้งคำถามให้ตัวเอง ทว่า..คำตอบนั้นกระจ่างชัดอยู่ในความคิดคำนึงทันที
การได้อยู่กับเขา สร้างความสุขได้เหลือคณานับ แต่อีกใจก็ยังหวาดหวั่นกับการถลำลึกเช่นกัน..เธอยังไม่ประสีประสากับความรู้สึกซับซ้อนของจิตใจ แล้วต่อไป จะให้จัดการกับความสับสนนี้อย่างไร
และขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้น สบกับสายตาของเธอที่กำลังก้มสำรวจเขาอย่างจัง และเหมือนถูกดวงตาสีอำพันสะกดตรึงจนไม่อาจเคลื่อนไหว ได้แต่จับจ้องสายตาของเขาที่หลุบมองริมฝีปากของเธอชั่วอึดใจ ก่อนช้อนสายตาขึ้นสบอีกครั้ง และเป็นวินาทีที่ญารินรู้สึกทรมานกับการหักห้ามใจไม่ให้มองใบหน้าที่แสนดึงดูด ไม่อยากต้องคอยระวังโสตประสาทไม่ให้สูดดมกลิ่นหอมละมุนเย้ายวน จนนึกอยากฝังจมูกและขบกัดผิวกายขาวละเอียดนั้น
ซึ่งความคิดนี้มันช่างอันตรายขึ้นทุกวัน จนตัวเธอเองยังตกใจ
“เจ้ากำลังจะลวนลามข้าเรอะ” คำพูดหยอกเย้าของเขาจี้ใจอย่างจัง ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก รีบยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง พูดกลบเกลื่อน ใบหน้าแดงจัด
“เปล่าเสียหน่อย..ใครจะกล้าทำอย่างนั้นกับพระองค์กันเล่า..หม่อมฉันแค่ เห็นว่าพระองค์ยามหลับนั้นสวยดี เลยอยากวาดรูปน่ะเพคะ” แก้ตัวพลางเลื่อนปิดรูปของเขาที่เธอวาดไปแล้ว
อันทาเออัสขยับตัวพลิกตะแคงข้าง ยกมือขึ้นเท้าศีรษะมองคนพูดอย่างเต็มตา รอยยิ้มหยัดมุมปาก พลางลอบระบายลมหายใจด้วยความเสียดายที่แฝงลึกในใจ ยามที่ลมหายใจอุ่นๆรินรดใบหน้า ผสานกลิ่นกายหอมละมุน จนนึกอยากเหนี่ยวรั้งร่างนุ่มนวลเข้ามากกกอด เพียงแต่เกรงจะทำให้เธอตกใจและหวาดกลัว จึงได้แต่หักห้ามใจไม่กระทำดั่งความคิด
“ข้าไม่ได้ สวย ดั่งเจ้าว่า เพราะข้าไม่ใช่สตรี”
“อืม..ขออภัยเพคะ หากหม่อมฉันใช้คำพูดผิดไป..งั้นหม่อมฉันต้องบอกว่า พระองค์งดงามปานเทพบุตร”
ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ ก่อนแย้งเสียงขรึม
“ข้าไม่ใช่เทพบุตร..แต่เป็นปิศาจ”
ญารินหันมาสบเขม็ง ยืนยันหนักแน่น ไม่ใคร่พอใจนัก ที่เขารู้สึกกับตัวเองเช่นนั้น
“พระองค์ไม่ใช่ปิศาจ” แล้วก็หันกลับมาตั้งใจวาดรูปอีกครั้ง
อันทาเออัสนิ่งขึง มึนงงกับสายตาขุ่นเคืองของเธอ..และไม่เข้าใจว่าเขาพูดผิดตรงไหน ในเมื่อตลอดมาผู้คนต่างก็มองเขาเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางขึงขังของเธอ เขาก็ไม่อยากเอ่ยแย้ง
รอยยิ้มละไมเจือบนใบหน้าอีกครั้ง พร้อมๆความอุ่นวาบในใจ ที่เกิดจากความปลื้มปิติ เมื่อเห็นถึงความชื่นชมในตัวเขา มากกว่าความหวาดกลัวดั่งเช่นบุคคลทั่วไป...ชายหนุ่มทอดร่างลงนอนอีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้ มือเขายื่นไปจับชายกระโปรงของเธอ ก่อนหลับตาสู่ห้วงนิทรา
(ต่อค่ะ)
ชะตารักเหนือกาล : A Timeless Love. #14#
บทที่1 https://pantip.com/topic/39803591
บทที่2 https://pantip.com/topic/39812186
บทที่3 https://pantip.com/topic/39828482
บทที่4 https://pantip.com/topic/39843959
บทที่5 https://pantip.com/topic/39874942
บทที่6 https://pantip.com/topic/39892609
บทที่7 https://pantip.com/topic/39908683
บทที่8 https://pantip.com/topic/39939836
บทที่9 https://pantip.com/topic/39963917
บทที่๑๐ https://pantip.com/topic/40000465
บทที่๑๑ https://pantip.com/topic/40035518
บทที่๑๒ https://pantip.com/topic/40071281
บทที่๑๓ https://pantip.com/topic/40101844
นับจากวันที่ แอคเนสนำสีมาให้ ชีวิตของญารินไม่เคยเงียบเหงาอีกเลย เพราะในทุกวัน จะได้ยินคำทวงถามถึงภาพวาดจากบรรดาหญิงรับใช้ ที่เธอจัดลำดับคิวจากการจับฉลาก จนต้องหามุมสงบวาดรูปให้เสร็จ ครบทุกคนตามสัญญา..พลางนึกเสียดายอยู่ลึกๆว่า ไม่มีเวลาชวนแอคเนสไปเที่ยวที่หมู่บ้านชายทะเลสักที
อันทาเออัส ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนก้อนหินใหญ่ใต้ต้นสนซีดาร์ริมทะเลสาบ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าศีรษะ ใบหน้าขาวละไมเจือรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ยามมองความสับสนวุ่นวายของหญิงสาวผ่านกระจกภูตสายลม พลางครุ่นคิด เพียงครู่ก็มีคำสั่งไปกับภูตสายลม
ญารินชะงักมือที่กำลังร่างโครงใบหน้า เมื่อได้ยินเสียงใครสักคนเรียกอยู่ใกล้ตัว..เพียงแต่จับทิศทางไม่ถูก ว่าดังมาจากทางไหน..อึดใจต่อมา มวลอากาศตรงหน้ารวมตัวกัน ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างของเด็กหนุ่มผิวกายสีฟ้าอ่อนโปร่งใส รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าอ่อนเยาว์แสดงความเป็นมิตร ทำให้หญิงสาวไม่มีความหวาดกลัว ซึ่งเธอเริ่มจะคุ้นชินกันเรื่องประหลาดๆบนโลกยุคนี้เสียแล้วกระมัง และคาดเดาได้ว่า สิ่งที่กำลังยิ้มแฉ่งให้อยู่ตรงหน้านี้ คือ ภูตสายลม จากคำกล่าวถึงของบรรดาหญิงรับใช้ ที่มักจะมีเรื่องพูดคุยกันสารพัด สารพัน จนเธอแทบจะรู้ไส้รู้พุงของแต่ละคนได้จนหมดแล้ว จะมีเพียงเรื่องของกี กับ เจ้าของปราสาทเท่านั้น ที่ไม่มีใครกล้ากล่าวถึง โดยเฉพาะบุคคลหลัง ซึ่งเธอแอบเสียดายอยู่ลึกๆเช่นกัน เพราะขณะนี้ เขาเป็นบุคคลที่เธออยากรู้จักประวัติชีวิตมากที่สุด
“เธอคงเป็นภูตสายลมที่สาวๆพูดถึงสินะ”
“ใช่..พวกนางมักพูดว่าข้าเหมือนเด็ก” เพราะส่วนใหญ่ เขาจะแฝงกายลอยล่องอยู่ในปราสาท เพื่อคอยรับใช้ผู้เป็นนาย จึงได้ยินเรื่องราวต่างๆจากพวกนางบ่อยครั้ง
“อืม..แล้ววันนี้มีอะไรกับฉันเหรอ”
“เจ้านายให้เจ้าไปพบ..แล้วเอาของพวกนี้ไปด้วย” เขาชี้ไปยังอุปกรณ์วาดรูป
“หือ..ทำไมล่ะ”
“เจ้านายสั่งเพียงแค่นี้” ตอบเสร็จก็โฉบมาช่วยหอบของทั้งหมดมาถือไว้ในอ้อมแขน
ญารินมองอย่างตื่นตา
“เธอหยิบจับสิ่งของได้ด้วยเหรอ !?” แล้วยื่นนิ้วไปจิ้มๆบริเวณแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้า สัมผัสถึงมวลอากาศหนาแน่น เย็นเฉียบ
“หูยว์..”
ภูตสายลมแค่นหัวเราะกับปฏิกิริยาของเธอ
“รีบไปกันเถอะ” แล้วก็ลอยล่องนำไปยังริมทะเลสาบ ซึ่งบัดนี้ทหารได้นำโต๊ะตัวเล็กมาตั้ง พร้อมเบาะรองนั่งตามคำสั่งผู้เป็นนายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อันทาเออัสทอดร่างนอนบนก้อนหิน แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าศีรษะ มองคันเบ็ดที่ปักไว้ริมตลิ่งอย่างเกียจคร้าน ซึ่งญารินมองแล้ว เหมือนเขาต้องการนอนหลับมากกว่าต้องการตกปลาเสียอีก
“นั่งสิ”
ภูตสายลมบอก พลางวางสัมภาระของเธอลงข้างๆโต๊ะเล็ก ก่อนจะหายตัวไป
เมื่อถูกทอดทิ้งโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ ญารินจึงนั่งลงตามความต้องการของอีกฝ่าย พลางเหลือบสายตามองคนข้างกาย ซึ่งบัดนี้ เขาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเท้าศีรษะหันมามองเธอแทนแล้ว
“ข้าเห็นว่าเจ้ายังต้องวาดรูปให้อีกหลายคน เกรงว่าจะเบื่อ ก็เลยชวนออกมานั่งที่นี่..อาจจะทำให้เจ้ารู้สึกดีกว่าการอุดอู้อยู่แต่ภายในห้องนะ”
“แล้วพระองค์รู้ได้อย่างไร ว่าหม่อมฉันกำลังวาดรูปอยู่ในห้อง แถมยังรู้ด้วยว่า ต้องวาดให้อีกหลายคน” หญิงสาวลองหยั่งเชิง ทั้งๆที่ภายในนั้นกำลังลิงโลด กับความใส่ใจของเขา..และรู้สึกว่าตนมีความสำคัญขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าขาวละมัยนั้นเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อยามเอ่ยเสียงขรึมคล้ายดุ
“เหตุใดเจ้าถึงมีคำถามมากมายนัก..ข้าให้ทำสิ่งใดก็ทำไปเถอะ” แล้วก็หันใบหน้ากลับไปสนใจคันเบ็ด
ญารินอมยิ้ม และเริ่มลงมือวาดรูปอีกครั้ง
และไม่เพียงวันนี้เท่านั้น ที่อันทาเออัสเรียกญารินให้มาวาดรูปอยู่ข้างกาย..วันต่อๆมา เขายังคงให้เธอนั่งอยู่เคียงข้างไม่ห่าง ถ้าไม่ริมทะเลสาบ ก็จะเป็นที่สวนข้างปราสาท จนกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาข้าราชบริพาร ที่เข้าใจเป็นนัยว่า หญิงสาวคือคนพิเศษของเจ้าผู้ครองปราสาท
แม้แต่ไซนอน และแพนดารัสเองก็เห็นถึงความพิเศษนี้เช่นกัน เพราะไม่ว่าญารินจะเดินไปไหน หรือนั่งอยู่กับใคร หญิงสาวจะต้องอยู่ในสายตาของอันทาเออัสแทบจะทุกอิริยาบถ
วันนี้ก็เช่นกัน..
ญารินนั่งวาดรูปอยู่บนตั่งไม้ภายในสวนข้างปราสาท โดยมีอันทาเออัสนอนหลับอยู่ข้างกาย แสงแดดอ่อนๆที่โอบล้อมรอบกายนั้น ส่งให้เขางดงามเกินบรรยาย และอดไม่ได้ ที่จะวาดรูปของเขาเก็บไว้ ทว่า..ยามสายตากวาดไล้ตามรายละเอียดสัดส่วนของโครงหน้า ความรู้สึกของเธอก็เหมือนจมดิ่งหลงใหลวนเวียนอยู่กับตัวเขา แล้วยังหัวใจเจ้ากรรม ที่มันช่างเต้นรุนแรงจนก้องกังวานในโสตประสาท
อาการแบบนี้ แปลว่า เธอกำลังตกหลุมรักปิศาจหน้าสวยคนนี้เข้าอย่างจังแล้วใช่ไหม ?
เขากำลังล่อลวงเธอด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนและการเอาอกเอาใจอย่างแสนอ่อนโยนกระนั้นหรือ?
แล้วเธอเล่า..จะยินยอมพร้อมใจกระโจนลงสู่กับดักนั้นไหม ?
แม้จะเป็นการตั้งคำถามให้ตัวเอง ทว่า..คำตอบนั้นกระจ่างชัดอยู่ในความคิดคำนึงทันที
การได้อยู่กับเขา สร้างความสุขได้เหลือคณานับ แต่อีกใจก็ยังหวาดหวั่นกับการถลำลึกเช่นกัน..เธอยังไม่ประสีประสากับความรู้สึกซับซ้อนของจิตใจ แล้วต่อไป จะให้จัดการกับความสับสนนี้อย่างไร
และขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้น สบกับสายตาของเธอที่กำลังก้มสำรวจเขาอย่างจัง และเหมือนถูกดวงตาสีอำพันสะกดตรึงจนไม่อาจเคลื่อนไหว ได้แต่จับจ้องสายตาของเขาที่หลุบมองริมฝีปากของเธอชั่วอึดใจ ก่อนช้อนสายตาขึ้นสบอีกครั้ง และเป็นวินาทีที่ญารินรู้สึกทรมานกับการหักห้ามใจไม่ให้มองใบหน้าที่แสนดึงดูด ไม่อยากต้องคอยระวังโสตประสาทไม่ให้สูดดมกลิ่นหอมละมุนเย้ายวน จนนึกอยากฝังจมูกและขบกัดผิวกายขาวละเอียดนั้น
ซึ่งความคิดนี้มันช่างอันตรายขึ้นทุกวัน จนตัวเธอเองยังตกใจ
“เจ้ากำลังจะลวนลามข้าเรอะ” คำพูดหยอกเย้าของเขาจี้ใจอย่างจัง ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก รีบยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง พูดกลบเกลื่อน ใบหน้าแดงจัด
“เปล่าเสียหน่อย..ใครจะกล้าทำอย่างนั้นกับพระองค์กันเล่า..หม่อมฉันแค่ เห็นว่าพระองค์ยามหลับนั้นสวยดี เลยอยากวาดรูปน่ะเพคะ” แก้ตัวพลางเลื่อนปิดรูปของเขาที่เธอวาดไปแล้ว
อันทาเออัสขยับตัวพลิกตะแคงข้าง ยกมือขึ้นเท้าศีรษะมองคนพูดอย่างเต็มตา รอยยิ้มหยัดมุมปาก พลางลอบระบายลมหายใจด้วยความเสียดายที่แฝงลึกในใจ ยามที่ลมหายใจอุ่นๆรินรดใบหน้า ผสานกลิ่นกายหอมละมุน จนนึกอยากเหนี่ยวรั้งร่างนุ่มนวลเข้ามากกกอด เพียงแต่เกรงจะทำให้เธอตกใจและหวาดกลัว จึงได้แต่หักห้ามใจไม่กระทำดั่งความคิด
“ข้าไม่ได้ สวย ดั่งเจ้าว่า เพราะข้าไม่ใช่สตรี”
“อืม..ขออภัยเพคะ หากหม่อมฉันใช้คำพูดผิดไป..งั้นหม่อมฉันต้องบอกว่า พระองค์งดงามปานเทพบุตร”
ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ ก่อนแย้งเสียงขรึม
“ข้าไม่ใช่เทพบุตร..แต่เป็นปิศาจ”
ญารินหันมาสบเขม็ง ยืนยันหนักแน่น ไม่ใคร่พอใจนัก ที่เขารู้สึกกับตัวเองเช่นนั้น
“พระองค์ไม่ใช่ปิศาจ” แล้วก็หันกลับมาตั้งใจวาดรูปอีกครั้ง
อันทาเออัสนิ่งขึง มึนงงกับสายตาขุ่นเคืองของเธอ..และไม่เข้าใจว่าเขาพูดผิดตรงไหน ในเมื่อตลอดมาผู้คนต่างก็มองเขาเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางขึงขังของเธอ เขาก็ไม่อยากเอ่ยแย้ง
รอยยิ้มละไมเจือบนใบหน้าอีกครั้ง พร้อมๆความอุ่นวาบในใจ ที่เกิดจากความปลื้มปิติ เมื่อเห็นถึงความชื่นชมในตัวเขา มากกว่าความหวาดกลัวดั่งเช่นบุคคลทั่วไป...ชายหนุ่มทอดร่างลงนอนอีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้ มือเขายื่นไปจับชายกระโปรงของเธอ ก่อนหลับตาสู่ห้วงนิทรา
(ต่อค่ะ)