บทนำ
https://pantip.com/topic/39789680
บทที่1
https://pantip.com/topic/39803591
บทที่2
https://pantip.com/topic/39812186
บทที่3
https://pantip.com/topic/39828482
บทที่4
https://pantip.com/topic/39843959
บทที่5
https://pantip.com/topic/39874942
บทที่6
https://pantip.com/topic/39892609
บทที่7
https://pantip.com/topic/39908683
บทที่8
https://pantip.com/topic/39939836
เมื่อญารินรู้ว่า ผู้เป็นเจ้าของปราสาทต้องการพบ เธอก็ลากแอคเนสมาด้วย
“เจ้าเข้าไปสิ” นายทหารที่ไปตามหันมาบอก เมื่อเห็นเธอยังลังเล ไม่เปิดประตูเข้าไปเสียที “เร็วสิ อย่าให้พระองค์ต้องรอนาน”
“เอ่อ..ได้สิ” แอคเนสละล่ำละลักตอบพลางเปิดประตู ก่อนดันร่างญารินเข้าไป
ภายในห้องนั่งเล่น..
ผู้เป็นเจ้าของปราสาทนั่งบนแท่นไม้ สายตาจับจ้องผู้ที่ก้าวเข้ามาทุกฝีก้าว และร่างสูงของกียืนกอดอกไม่ห่างเท่าไหร่ กำลังอมยิ้มเอ็นดูกับร่างเล็กๆที่เดินห่อไหล่ เบียดซุกหลังหญิงรับใช้ จนทั้งคู่มายืนตรงหน้า
อันทาเออัสเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าเรียกให้เจ้ามาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
แอคเนสได้ยินดังนั้นก็ตื่นกลัว
“เอ่อ..โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ..หม่อมฉันแค่เดินมาส่งนางเท่านั้น..หม่อมฉันทูลลา” เหลือบมองญาริน ซึ่งหันขวับทันที
“พี่แอคเนส..”
และขยับร่างหมายรั้งเพื่อนไว้ พลัน ชะงักงัน เมื่อมีดปอกผลไม้สีเงินวาววับพุ่งผ่านหน้าไปปักแน่นกับบานประตู
ปึก!!
แอคเนสผวาเฮือก รีบก้าวออกจากห้อง และปิดบานประตูอีกครึ่งลงทันที ในขณะที่ญารินไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว หรือแม้แต่การกลืนน้ำลายยังยาก
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจภาษาแล้ว ก็ตอบคำถามของข้ามาเสียที”
เสียงทุ้มต่ำ เอ่ยเรียบเรื่อยราวโน้ตตัวเดียว..หญิงสาวค่อยๆหันกลับมา ยามเมื่อสบสีหน้าเย็นชาของเขาก็รู้สึกถึงแรงกดจากอากาศรอบกาย..แม้หลายวันมานี้ จะไม่ได้ฝันว่ากำลังถูกฆ่าด้วยการบีบคออย่างในช่วงคืนแรกๆ..ทว่า ความทรงจำที่ถูกเขาจับบีบคอห้อยต่องแต่งอยู่ริมระเบียง มันก็ทำให้เธอเข็ดขยาดและหวาดระแวง เกรงว่าเขาจะทำเช่นนั้นอีก หรือโยนเธอลงไป หากว่าพูดอะไรไม่เข้าหู
แล้ว..เธอคงต้องใช้ราชาศัพท์แบบงูๆ ปลาๆ สินะ!
“..คุณ..เอ่อ..พระองค์จะถามอะไรเพคะ”
เสียงตอบเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าสวยหวานแปลกตาก้มงุด ปล่อยให้เรือนผมยาวเหยียดตรงปรกหน้า สยายคลุมลาดไหล่บาง ฝ่ามือทั้งสองข้างกำชายกระโปรงแน่น
อันทาเออัสเอียงคอเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร..มาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร..แล้วก็ เจ้าอยากพูดอะไร ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากความสงสัยของข้าได้ ก็จงพูดมาให้หมด”
หญิงสาวสูดหายใจลึก ก่อนเปล่งถ้อยคำ
“..คือ วันนั้น หม่อมฉันกำลังล่องเรือกับพวกพี่ชาย..แล้วจู่ๆก็โดนพายุซัดจนตกทะเล..หลังจากนั้นก็มาโผล่ที่นี่ คือ..หม่อมฉันไม่รู้ ว่าจู่ๆมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง..หม่อมฉัน ไม่มีจุดประสงค์อะไรในการมาทั้งนั้นนะเพคะ หม่อมฉันไม่เคยรู้จักที่นี่เลย แล้วก็..”
“นี่เจ้าพูดอะไร..คิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องโกหกเช่นนี้เรอะ”
“แต่ที่หม่อมฉันพูด เป็นความจริงทั้งหมด”
ญารินยืนยันหนักแน่น พลัน สะดุ้งเฮือกกับเงาดำทะมึนพุ่งมาหยุดตรงหน้าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ร่างสูงของอันทาเออัสอยู่ห่างไม่ถึงก้าว เธอเลื่อนสายตาขึ้นสบดวงตาคมกริบสีอำพันอย่างตื่นตระหนกจนคอตั้งบ่า นึกอยากขยับถอยหนี ทว่า..ขาทั้งสองข้างแข็งค้าง ติดตรึงจนก้าวไม่ออก
“เจ้าเป็นคนที่แอนโดรจีอัสส่งมาใช่ไหม”
“ไม่ใช่..หม่อมฉันไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร..หม่อมฉันเป็นแค่คนหลงทางเท่านั้น..แล้วตอนนี้ก็อยากกลับบ้านแล้ว”
เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เขาเข้าใจกับเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ ได้แต่ยืนกรานความจริง และเมื่อเห็นมือของเขายกขึ้นมา หัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ริมฝีปากขยับค้าง แต่ไม่มีเสียงใดลอดผ่านออกมา ขอบตาร้อนผะผ่าวหวาดกลัวว่าเขาจะบีบคอเธออีกหรือไม่
ทันทีที่ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาเกี่ยวพันปอยผมด้านข้าง เธอแทบกลั้นใจและเมื่อปลายนิ้วนั้นรูดลงอย่างเชื่องช้าตามความยาวของปอยผม เธอจึงผ่อนลมหายใจ..มองสบเขาอย่างงุนงง
“ข้าจะทำเช่นไรกับเจ้าดี”
เขาพึมพำ ราวพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เธอได้แต่ยืนนิ่ง จนปลายนิ้วเขาละจากปอยผม
“นับจากนี้..เจ้าต้องอยู่ในสายตาของข้า” ร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ ซุ่มเสียงแฝงความอำมหิต แค่นผ่านลำคอราวเสียงกระซิบของปิศาจดังอยู่ข้างหู
“หากวันใดเจ้าเผยธาตุแท้ออกมา ข้าจะได้มีเหตุผลอันขาวสะอาด ในการฆ่าเจ้าทิ้ง !”
ญารินเบิกตาค้าง เหลือบมองร่างที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันกลับไปนั่งที่เดิม
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ไม่ต้องให้เขาเอ่ยไล่เป็นครั้งที่สอง..แม้สองขาจะเปลี้ยแทบไร้แรง แต่ก็พยายามฝืนเต็มกำลังรีบพาร่างตัวเองออกมาจากห้องที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
คล้อยหลังญารินไปแล้ว กีหันมาถาม
“การกระทำเมื่อครู่ของท่าน มันทำให้ข้าแปลกใจมากทีเดียว..ราวกับไม่ใช่ท่าน”
อันทาเออัสเองก็ไม่เข้าใจการกระทำของตนเช่นกัน ว่าเหตุใดจึงนึกอยากลูบเส้นผมยาวนั้น ด้วยความสงสัย ว่ามันจะนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหมหรือไม่ และไม่เข้าใจว่า เหตุใดหัวใจของตนจึงหวั่นไหว ยามเห็นดวงตากลมโตคู่นั้น สั่นระริกอย่างหวาดกลัวหลังม่านน้ำตา
นี่ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยเรอะ !?
“ท่านก็เห็น ว่านี่คือข้า..แล้วเหตุใดท่านถึงว่าไม่ใช่ข้าล่ะ” เขาตอบพลางรินไวน์คราเตอร์ใส่จอกยกดื่ม
“เพราะท่านไม่เคยอ่อนโยนกับสตรีคนไหน”..
‘นอกเสียจาก...’ กีหยุดความสงสัยไว้พียงแค่นั้นไม่กล้าเอ่ยถึงบุคคลในอดีตออกมา
“ก็ท่านบอกให้ข้าถามนางเช่นคนปกติ” อันทาเออัสหาข้อโต้แย้ง
“ใช่..เพียงแต่”
“รึท่านจะให้ข้าเค้นคอนาง” ชายหนุ่มพูดเป็นการตัดบท
กีหายใจพรืด
“ข้าไม่ใช่คนใจร้ายเช่นท่านหรอก”
อันทาเออัสเพียงแค่นยิ้ม และลุกขึ้นเดินนำออกจากห้อง พูดคุยกันบ้าง เหน็บแนมกันไปมาตามประสา จนกระทั่งถึงลานกว้างกลางแจ้ง อาวุธสารพัดชนิดถูกจัดเรียงไว้สำหรับให้เหล่าทหารฝึกซ้อมในยามว่าง
(ต่อค่ะ)
ชะตารักเหนือกาล : A Timeless Love. #9#
บทที่1 https://pantip.com/topic/39803591
บทที่2 https://pantip.com/topic/39812186
บทที่3 https://pantip.com/topic/39828482
บทที่4 https://pantip.com/topic/39843959
บทที่5 https://pantip.com/topic/39874942
บทที่6 https://pantip.com/topic/39892609
บทที่7 https://pantip.com/topic/39908683
บทที่8 https://pantip.com/topic/39939836
เมื่อญารินรู้ว่า ผู้เป็นเจ้าของปราสาทต้องการพบ เธอก็ลากแอคเนสมาด้วย
“เจ้าเข้าไปสิ” นายทหารที่ไปตามหันมาบอก เมื่อเห็นเธอยังลังเล ไม่เปิดประตูเข้าไปเสียที “เร็วสิ อย่าให้พระองค์ต้องรอนาน”
“เอ่อ..ได้สิ” แอคเนสละล่ำละลักตอบพลางเปิดประตู ก่อนดันร่างญารินเข้าไป
ภายในห้องนั่งเล่น..
ผู้เป็นเจ้าของปราสาทนั่งบนแท่นไม้ สายตาจับจ้องผู้ที่ก้าวเข้ามาทุกฝีก้าว และร่างสูงของกียืนกอดอกไม่ห่างเท่าไหร่ กำลังอมยิ้มเอ็นดูกับร่างเล็กๆที่เดินห่อไหล่ เบียดซุกหลังหญิงรับใช้ จนทั้งคู่มายืนตรงหน้า
อันทาเออัสเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าเรียกให้เจ้ามาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
แอคเนสได้ยินดังนั้นก็ตื่นกลัว
“เอ่อ..โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ..หม่อมฉันแค่เดินมาส่งนางเท่านั้น..หม่อมฉันทูลลา” เหลือบมองญาริน ซึ่งหันขวับทันที
“พี่แอคเนส..”
และขยับร่างหมายรั้งเพื่อนไว้ พลัน ชะงักงัน เมื่อมีดปอกผลไม้สีเงินวาววับพุ่งผ่านหน้าไปปักแน่นกับบานประตู
ปึก!!
แอคเนสผวาเฮือก รีบก้าวออกจากห้อง และปิดบานประตูอีกครึ่งลงทันที ในขณะที่ญารินไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว หรือแม้แต่การกลืนน้ำลายยังยาก
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจภาษาแล้ว ก็ตอบคำถามของข้ามาเสียที”
เสียงทุ้มต่ำ เอ่ยเรียบเรื่อยราวโน้ตตัวเดียว..หญิงสาวค่อยๆหันกลับมา ยามเมื่อสบสีหน้าเย็นชาของเขาก็รู้สึกถึงแรงกดจากอากาศรอบกาย..แม้หลายวันมานี้ จะไม่ได้ฝันว่ากำลังถูกฆ่าด้วยการบีบคออย่างในช่วงคืนแรกๆ..ทว่า ความทรงจำที่ถูกเขาจับบีบคอห้อยต่องแต่งอยู่ริมระเบียง มันก็ทำให้เธอเข็ดขยาดและหวาดระแวง เกรงว่าเขาจะทำเช่นนั้นอีก หรือโยนเธอลงไป หากว่าพูดอะไรไม่เข้าหู
แล้ว..เธอคงต้องใช้ราชาศัพท์แบบงูๆ ปลาๆ สินะ!
“..คุณ..เอ่อ..พระองค์จะถามอะไรเพคะ”
เสียงตอบเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าสวยหวานแปลกตาก้มงุด ปล่อยให้เรือนผมยาวเหยียดตรงปรกหน้า สยายคลุมลาดไหล่บาง ฝ่ามือทั้งสองข้างกำชายกระโปรงแน่น
อันทาเออัสเอียงคอเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร..มาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร..แล้วก็ เจ้าอยากพูดอะไร ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากความสงสัยของข้าได้ ก็จงพูดมาให้หมด”
หญิงสาวสูดหายใจลึก ก่อนเปล่งถ้อยคำ
“..คือ วันนั้น หม่อมฉันกำลังล่องเรือกับพวกพี่ชาย..แล้วจู่ๆก็โดนพายุซัดจนตกทะเล..หลังจากนั้นก็มาโผล่ที่นี่ คือ..หม่อมฉันไม่รู้ ว่าจู่ๆมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง..หม่อมฉัน ไม่มีจุดประสงค์อะไรในการมาทั้งนั้นนะเพคะ หม่อมฉันไม่เคยรู้จักที่นี่เลย แล้วก็..”
“นี่เจ้าพูดอะไร..คิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องโกหกเช่นนี้เรอะ”
“แต่ที่หม่อมฉันพูด เป็นความจริงทั้งหมด”
ญารินยืนยันหนักแน่น พลัน สะดุ้งเฮือกกับเงาดำทะมึนพุ่งมาหยุดตรงหน้าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ร่างสูงของอันทาเออัสอยู่ห่างไม่ถึงก้าว เธอเลื่อนสายตาขึ้นสบดวงตาคมกริบสีอำพันอย่างตื่นตระหนกจนคอตั้งบ่า นึกอยากขยับถอยหนี ทว่า..ขาทั้งสองข้างแข็งค้าง ติดตรึงจนก้าวไม่ออก
“เจ้าเป็นคนที่แอนโดรจีอัสส่งมาใช่ไหม”
“ไม่ใช่..หม่อมฉันไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร..หม่อมฉันเป็นแค่คนหลงทางเท่านั้น..แล้วตอนนี้ก็อยากกลับบ้านแล้ว”
เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เขาเข้าใจกับเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ ได้แต่ยืนกรานความจริง และเมื่อเห็นมือของเขายกขึ้นมา หัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ริมฝีปากขยับค้าง แต่ไม่มีเสียงใดลอดผ่านออกมา ขอบตาร้อนผะผ่าวหวาดกลัวว่าเขาจะบีบคอเธออีกหรือไม่
ทันทีที่ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาเกี่ยวพันปอยผมด้านข้าง เธอแทบกลั้นใจและเมื่อปลายนิ้วนั้นรูดลงอย่างเชื่องช้าตามความยาวของปอยผม เธอจึงผ่อนลมหายใจ..มองสบเขาอย่างงุนงง
“ข้าจะทำเช่นไรกับเจ้าดี”
เขาพึมพำ ราวพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เธอได้แต่ยืนนิ่ง จนปลายนิ้วเขาละจากปอยผม
“นับจากนี้..เจ้าต้องอยู่ในสายตาของข้า” ร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ ซุ่มเสียงแฝงความอำมหิต แค่นผ่านลำคอราวเสียงกระซิบของปิศาจดังอยู่ข้างหู
“หากวันใดเจ้าเผยธาตุแท้ออกมา ข้าจะได้มีเหตุผลอันขาวสะอาด ในการฆ่าเจ้าทิ้ง !”
ญารินเบิกตาค้าง เหลือบมองร่างที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันกลับไปนั่งที่เดิม
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ไม่ต้องให้เขาเอ่ยไล่เป็นครั้งที่สอง..แม้สองขาจะเปลี้ยแทบไร้แรง แต่ก็พยายามฝืนเต็มกำลังรีบพาร่างตัวเองออกมาจากห้องที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
คล้อยหลังญารินไปแล้ว กีหันมาถาม
“การกระทำเมื่อครู่ของท่าน มันทำให้ข้าแปลกใจมากทีเดียว..ราวกับไม่ใช่ท่าน”
อันทาเออัสเองก็ไม่เข้าใจการกระทำของตนเช่นกัน ว่าเหตุใดจึงนึกอยากลูบเส้นผมยาวนั้น ด้วยความสงสัย ว่ามันจะนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหมหรือไม่ และไม่เข้าใจว่า เหตุใดหัวใจของตนจึงหวั่นไหว ยามเห็นดวงตากลมโตคู่นั้น สั่นระริกอย่างหวาดกลัวหลังม่านน้ำตา
นี่ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยเรอะ !?
“ท่านก็เห็น ว่านี่คือข้า..แล้วเหตุใดท่านถึงว่าไม่ใช่ข้าล่ะ” เขาตอบพลางรินไวน์คราเตอร์ใส่จอกยกดื่ม
“เพราะท่านไม่เคยอ่อนโยนกับสตรีคนไหน”.. ‘นอกเสียจาก...’ กีหยุดความสงสัยไว้พียงแค่นั้นไม่กล้าเอ่ยถึงบุคคลในอดีตออกมา
“ก็ท่านบอกให้ข้าถามนางเช่นคนปกติ” อันทาเออัสหาข้อโต้แย้ง
“ใช่..เพียงแต่”
“รึท่านจะให้ข้าเค้นคอนาง” ชายหนุ่มพูดเป็นการตัดบท
กีหายใจพรืด
“ข้าไม่ใช่คนใจร้ายเช่นท่านหรอก”
อันทาเออัสเพียงแค่นยิ้ม และลุกขึ้นเดินนำออกจากห้อง พูดคุยกันบ้าง เหน็บแนมกันไปมาตามประสา จนกระทั่งถึงลานกว้างกลางแจ้ง อาวุธสารพัดชนิดถูกจัดเรียงไว้สำหรับให้เหล่าทหารฝึกซ้อมในยามว่าง
(ต่อค่ะ)