ชะตารักเหนือกาล : A Timeless Love. #ึ7#

บทนำ  https://pantip.com/topic/39789680
บทที่1 https://pantip.com/topic/39803591
บทที่2 https://pantip.com/topic/39812186
บทที่3 https://pantip.com/topic/39828482
บทที่4 https://pantip.com/topic/39843959
บทที่5 https://pantip.com/topic/39874942
บทที่6 https://pantip.com/topic/39892609
"""""
“แอคเนส !”

ญารินตะโกนสุดเสียง แต่กลับได้ยินแต่เสียงของตนสะท้อนกลับมาเท่านั้น อากาศเริ่มหนาวเย็นจนแทบสั่น แต่ในอ้อมแขนยังคงกอดช่อดอกไม้ไม่ปล่อย
“แอคเนส ! พี่ได้ยินฉันไหม”

เธอหยุดเงี่ยหูฟัง โดยหวังว่าเพื่อนจะได้ยินเสียงตะโกนของเธอบ้าง..แต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงเธอ หรือของแอคเนส...แต่เป็นเสียงแหบแห้งของชายชรา
“โอ้ย..นังหนู..เจ้าจะตะโกนไปถึงไหน หูข้าจะแตกอยู่แล้ว”

ญารินเพ่งสายตาไปยังที่มาของเสียง เงาของชายชราถือไม้เท้ายาวค่อยก้าวผ่านไอหมอกออกมาให้เห็นรูปร่างผอมสูงในชุดทูนิคยาว และสวมเสื้อคลุมแบบพาดห่มรอบตัว จับจีบและมีลวดลายตามชายผ้าและเชิงชายสวยงามสีขาวสะอาด เส้นผมยาวสีเงินยวงเช่นเดียวกับหนวดเครายาวถึงกลางอก ริมฝีปากแย้มยิ้ม ดวงตาหยีลงจนแทบปิดให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

“เอ่อ..ขอโทษค่ะ..หนูหาทางออกไม่เจอ ก็เลยตะโกนเรียกเพื่อนน่ะค่ะ”

“ต่อให้ตะโกนจนคอแตก เพื่อนของเจ้าก็ไม่มีทางได้ยินหรอก”

ญารินยิ้มแหย “อย่างนั้นเหรอคะ” พลันนิ่วหน้า “เอ๊ะ ! คุณตาพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเหรอคะ” 
เพราะเมื่อครู่ หลังจากที่เธอตะโกนออกไป ชายชราตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ เธอจึงตอบกลับด้วยภาษาเดียวกันอย่างลืมตัว และเพิ่งฉุกคิดได้เมื่ออึดใจนี้เอง

ชายชรายิ้มอ่อนโยน “ข้าเป็นนักปราชญ์ ความสามารถของข้ามีมากมายเกินกว่าเจ้าจะคาดเดาได้”

“หูยว์” หญิงสาวอมยิ้มกับการยกตัวของอีกฝ่าย ซึ่งกำลังมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนล้วงเข้าไปในชายเสื้อ หยิบแอปเปิ้ลสีทองส่งให้

“เอ้า เจ้าคงเหนื่อย แล้วก็คงจะหิวด้วย..กินนี่สิ จะช่วยเจ้าดับกระหายได้”

ญารินรับมาถือไว้ และมองอย่างลังเลกับการรับของจากคนแปลกหน้า และเหมือนชายชราจะรู้ความคิดนี้ จึงล้วงมือเข้าชายเสื้อ หยิบแอปเปิ้ลออกมาอีกลูก
“เจ้ากลัวมียาพิษเรอะ” หัวเราะในลำคอ ก่อนกัดแอปเปิ้ลในมือเคี้ยวตุ้ย

ญารินเหลือบมองอย่างสงสัย ว่าภายในชายแขนเสื้อนั้น ยังเก็บแอปเปิ้ลเอาไว้อีกกี่ลูก

“กินสิ..หวานนะ”

เมื่อถูกคะยั้นคะยอ เธอจึงกัดแอปเปิ้ลสีเหลืองนวลในมือบ้าง แล้วก็เผลอร้องออกมาอย่างลืมตัวกับความหวานกรอบ ชุ่มฉ่ำ ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหายเหนื่อยเลยทีเดียว
“หืม..อร่อยมากเลยค่ะคุณตา”

“ข้าบอกเจ้าแล้ว” ชายชราหัวเราะในลำคอ ขณะพาเดินไปเรื่อยๆ
 

เหล่าทหารยามเห็นแอคเนสวิ่งกลับมาหน้าตาตื่น ก็รีบถาม
“เจ้าหนีอะไรมา”

“ข้าไม่ได้หนีอะไรมาทั้งนั้น..แต่เจ้าช่วยไปตามคนที่รู้ทางเข้า เขาวงกตให้ข้าหน่อย..ยูรินางหลงเข้าไปในนั้น” แอคเนสละล่ำละลัก และเร่งทหารยาม ที่ยังงงงัน “เร็วๆสิ ขืนชักช้า นางได้ถูกพวกภูติผีในเขาวงกตฆ่าตายแน่”

“แล้วข้าจะไปหาผู้ใดเล่า..ผู้ที่สามารถผ่านเขาวงกตได้ก็มีเพียงองค์อันทาเออัส กับท่านกีเท่านั้น”

แอคเนสได้ยินชื่อของผู้เป็นนาย ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้ว ก็ซีดหนักขึ้นไปอีก “ไม่ได้นะ ขืนองค์อันทาเออัสรู้เข้า ข้าตายแน่ๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาท่านกี” 

“คงไม่ได้ เพราะข้าเห็นท่านกีล่องเรือไปกับทหารติดตามสองนายตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย” ทหารยามอีกคนเอ่ยขึ้น
“อ้อ ! ยังมีท่านผู้เฒ่าอีกคนที่เคยเข้าออกเขาวงกต”

“งั้นรีบพาข้าไปหาท่านผู้เฒ่าเลย” แอคเนสพูดอย่างมีหวัง ทหารยามคนนั้น จึงพานางไปหาผู้เฒ่า ซึ่งเคยเป็นนายกองทหารลาดตระเวน ก่อนปลดเกษียณด้วยความชรา

ไม่นาน..ชายชราทหารเก่าก็ควบม้านำแอคเนสที่นั่งซ้อนหลังนายทหารอีกคน มาหยุดตรงหน้าเขาวงกต ก่อนเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า เพ่งมองความน่าสะพรึงกลัวตรงหน้าด้วยความรู้สึกครามครัน

แอคเนสลงจากหลังม้า มาเร่งชายชรา
“รีบเข้าไปสิท่านผู้เฒ่า ข้าเป็นห่วงนางจะแย่อยู่แล้ว”

“ฮึ่ย..เดี๋ยวสินังหนู ถึงข้าจะเคยผ่านมันได้ก็จริง แต่นั่นมันหลายปีมาแล้ว..ขอเวลาข้าฟื้นความจำบ้างสิ”

“ข้าแค่ร้อนใจ เกรงว่านางจะเป็นอันตราย”

“ฮึ! ก็ใครใช้ให้นางรนหาที่เล่า”

แอคเนสหน้าเจื่อน..ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เพราะเหตุใด เพื่อนใหม่ของเธอถึงเดินเข้าไปในเขาวงกตได้ ทั้งๆที่รับปากกันแล้ว
ผู้เฒ่าใช้เวลาทบทวนความทรงจำไม่นานเท่าไหร่นัก ก็หันไปบอกทหารยาม 

“เจ้าเข้ามากับข้า..ส่วนเจ้า รออยู่ตรงนี้”

แอคเนสพยักหน้ารับรัวๆ เพราะไม่กล้าเข้าไปเช่นกัน..สองหนุ่มต่างวัยกระชับดาบในมือ แต่ยังไม่ทันก้าวขาเข้าไป ร่างของผู้ที่กำลังตามหาก็ก้าวผ่านไอหมอกออกมาเสียก่อน สองมือยังหอบช่อดอกไม้ แม้จะช้ำไปบ้าง สีหน้าท่าทางไม่มีความตื่นกลัวเลยนิดเดียว 

ญารินมองชายหนุ่มทหารยามที่คุ้นหน้าคุ้นตา กับชายชราอีกคนที่ไม่เคยเห็น..ทว่า ทั้งสองกลับพร้อมใจกันจ้องเธอราวกับเห็นสิ่งประหลาด
“เอ๋ ! พวกคุณทำไมมองฉันแบบนี้ล่ะ” แล้วก็ก้ม สำรวจหาความผิดปกติบนร่างกายตนเอง

แอคเนสหายจากอาการตื่นตะลึงกับการปรากฏกายของเพื่อนใหม่ โดยไร้บาดแผลแม้แต่รอยขีดข่วน มิหนำซ้ำยังหน้าระรื่น ไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า ทำให้คนอื่นเขาลำบากลำบนมากแค่ไหน..เธอปรี่เข้าไปชี้นิ้วต่อว่า

“เจ้านี่นะ..เจ้านี่นะ..ข้าย้ำนักย้ำหนา ว่าห้ามเข้าไปในนั้น แต่เจ้าก็ยังดื้อรั้นเข้าไปอีก..รู้ไหม เจ้าทำให้ข้ากลุ้มใจแทบบ้า ทั้งเป็นห่วง ทั้งกลัว..ถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไป ข้าได้ถูกตัดหัวตายตามเจ้าไปด้วยแน่..ทำอะไรก็หัดคิดถึงข้าบ้าง”

ญารินก้มหน้างุดกับคำต่อว่ายืดยาว และรอจนอีกฝ่ายได้ระบายอารมณ์ออกมาจนยืนหอบหายใจแฮ่กๆแล้ว จึงเงยใบหน้าขึ้นยิ้มเจื่อน
“ฉันขอโทษ..พอดีเห็นกระต่ายมันน่ารักดี ก็เลยวิ่งไล่ตามเพลินไปหน่อย..รู้ตัวอีกทีก็หลุดเข้าไปในนั้นแล้ว..โชคดีที่เจอคุณตาคนนึง เขาพาฉันออกมาน่ะ”

แอคเนสหันขวับ
“ตาแก่ที่ไหน..ในนั้นจะมีใครอยู่ได้บ้าง” พลันชะงัก จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “นี่เจ้าพูดภาษาของข้าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน !?”

“หือ !?” ญารินจับริมฝีปากตนเอง สีหน้างุนงง “เออ..นั่นสิ” เธอเพิ่งโต้ตอบกับแอคเนสราวกับเป็นภาษาของตนเอง

“นี่เจ้าหลอกอะไรข้ารึเปล่า”

“ไม่นะ..ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเข้าใจ แล้วก็พูดภาษาของพี่ได้อย่างไร..พี่ก็เห็น ว่าก่อนหน้านี้ฉันยังฟัง ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย..พี่ต้องเชื่อฉันนะ” ญารินรีบอธิบาย

ผู้เฒ่านิ่งฟังการโต้ตอบอยู่นาน ก็ขัดขึ้น
“เมื่อครู่ เจ้าบอกว่า มีคนพาเจ้าออกมาเรอะ”

ญารินหันมาตอบชายชรา
“ใช่ค่ะ..เป็นคุณตาคนหนึ่ง อายุน่าจะพอๆกับคุณตาล่ะค่ะ..เขาบอกว่าเป็นนักปราชญ์”

ผู้เฒ่าฟังแล้วก็นิ่วหน้า โดยปกติทั่วไป เหล่านักปราชญ์ไม่สามารถทางเดินเข้าออกในเขาวงกตนี้ได้อย่างไร้ร่องรอย นอกเสียจาก ผู้นั้นจะเป็นผู้ใช้เวทย์ชั้นสูง
“แล้วเขาให้เจ้าดื่ม หรือกินอะไรไหม”

“ค่ะ..คุณตาให้แอปเปิ้ลสีทองมาลูกหนึ่ง..หวานอร่อยมากเลยค่ะ” ญารินยิ้มกว้างดวงตาสุกใส ยามนึกถึงรสชาติหวานฉ่ำของแอปเปิ้ลผลนั้น แล้วก็สะดุ้งโหยง เมื่อถูกแอคเนสหยิกแขน

“เจ้านี่นะ ขนาดเจอเรื่องแบบนี้ ยังจะเห็นแก่กินอีก”

“อูยย์..” ญารินทำปากยื่น ถูแขนข้างที่ถูกหยิก ส่งสายตาออดอ้อนขอลุแก่โทษให้เพื่อนรุ่นพี่

ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ แอคเนสยังไม่เคยเห็นใครทำกิริยาเช่นนี้กับเธอเลยสักครั้ง และมันชวนให้นึกขำปนหมั่นเขี้ยวจนบอกไม่ถูก อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านเมื่อครู่ก็ไม่หลงเหลือแล้ว แต่กระนั้นก็นึกอยากบิดเนื้อของอีกคนให้เขียวนัก

และเธอก็ทำจริงๆ โดยยื่นมือไปหยิกเนื้อต้นแขนของอีกฝ่าย พาเดินไปที่ม้า
“ไปเลย..กลับกันได้แล้ว วันนี้เจ้าก่อเรื่องให้ข้ามากพอแล้ว”

“โอ้ยยย..” ญารินได้แต่ครวญครางเดินแขนเอียงตามแอคเนส

ผู้เฒ่าหันมากระซิบกับทหารยาม
“เจ้าต้องรีบนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อท่าน กี...จู่ๆมีผู้ใช้เวทย์มาปรากฏในเขาวงกต มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่”

“ขอรับ ท่านผู้เฒ่า”

(ต่อค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่