[แชร์ประสบการณ์] ระบบเผาผลาญพัง ไม่กินไขมันจน ส่งผลให้กินของมัน ของทอด ไม่ได้ตั่งแต่เข้าปาก

สืบเนื่องจากกระทู้ที่เคยเขียนเรื่อง

"ระบบเผาผลาญพังมาหลายปี อยู่ในช่วงปรับ เป็นข้อมูลเผื่อคนที่รักษาสุขภาพครับ"
http://pantip.com/topic/32235066

(และกระทู้ขั้นต้นของการเข้าใจร่างกายคนเรานะครับ http://pantip.com/topic/32240517)

เมื่อกระทู้ที่แล้วผมได้กล่าวไปแล้วเกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่หลงทางอย่างหาทางกลับแทบไม่เจอ กับความเชื่อผิดๆๆ(ที่หลายๆคนยังคงเชื่ออยู่) คือ อยากผอมห้ามกินแป้ง!!! แต่ประสบการณ์ตรงของผมมันไม่จบ หรือสิ้นสุดตรงที่ผมเลิกกินแป้งนะครับ เพราะว่า "ไ ข มั น" ผมก็ไม่ได้บริโภคเช่นเดียวกัน

ไขมันอะไรล่ะที่ว่าไม่กิน??

สำหรับผมที่เป็นเด็กไร้ความรู้เรื่องสารอาหารคนนึง ที่อยากจะดีขึ้นผอมลง สารภาพตรงๆครับสมัยก่อนผมไม่สนใจหรอกครับ ว่ามันจะมีกี่ชนิด อิ่มตัวไม่อิ่มตัว โอเมก้ามั้ย ทรานส์รึเปล่า เพราะสำหรับเด็กหุ่นอ้วนกลมอย่างผมอ่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นมันคือ   ไ   ข   มั   น ทั้งนั้นแหละ!!!

ตอนเริ่มลดเลิกกันยังไง??

ผมหักดิบเลยครับ คำว่า เลิก นี่มีอยู่จริง ผมไม่กินเลยคือเวลาปกติไขมันที่เห็นเด่นชัดเลยมักจะมากับ  "เนื้อ" เนื้อที่ว่านี่ไม่ใช่เนื้อวัวเท่านั้นนะครับ มันคือเนื้อสัตว์ติดมันทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่ว่าะเป็นประเภท คอหมูย่าง เสือร้องไห้ เนื้อติดมัน หรือรวมไปถึง หนัง ของสัตว์ชนิดต่างๆด้วย!!!


แต่ไอ้การหยุดทานของพวกนี้ อีกสาเหตุมันเป็นเพราะเราสามารถเห็นมันได้ด้วยตาเปล่าครับ และไขมันทีว่านี้มันจะทวีความน่าเกลียดสำหรับร่างกายเรามากยิ่งขึ้นเมื่อมันเจออีก 2 สเต็ปต่อไปนี้คือ
1. ทอด!!!
        คุณเชื่อมั้ยครับ เนื้อสัตว์ที่เรากินๆกัน เอาเนื้อเน้นๆเลยนะ ลีนๆเลย 100กรัม มีพลังงานประมาณ 200++ แคล (ในกรณีที่คุณ ต้ม นึ่ง ย่าง หรือโยนมันลงกะทะเทฟล่อนเฉยๆ) แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณโยมมันลงกะทะที่มีน้ำมันชุ่มๆ นองๆ พลังงานของมันจะเด้งจาก 200++ --->> 450++ ....................รู้เท่านั้น ผมเลิกเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น หมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว หมูทอด หมูปั้นก้อนทอด

2. ทอด!!! หึ๊.... เหมือนเดิม? ไม่หรอกเพราะมัย   ชุ บ แ ป้ ง ด้ ว ย ย ย ย ย ! ! !
        นี่คือสิ่งที่น่าสยดสยองเป็นที่สุดไปเลยครับ เพราะถ้าใครได้อ่านกระทู้ที่แล้วจะรู้ว่าผมเลิกกินแป้ง พอมาเลิกกินไขมันของทอดนี่มันศัตรูตัวฉกาจอยู่แล้วไม่ว่าจะมันที่ติดมาหรือหนัง นี่มันยังเอาไปคลุกกับ "แป้ง" ชุบเกล็ดขนมปังมั่งล่ะ แล้วลงไป..... ทอดดดดดดดดดดดดด โห่ไอ่บ้าเอร้ยยยยยยยยยยยยยยย ใครจะกินวะ ไม่กินสิครัช เลิกเลยตอนนั้น ไม่แตะเลยครับ

ไม่แตะเลย!!! อ้าวแล้วถ้ามันผสมกันมาล่ะ??

ผสมกันมา คำนี้ไม่เกินจริงเลยนะครับ เพราะเนื้อสัตว์แต่ละชนิด(ซึ่งช่วงเวลานั้นถือเป็นอาหารหลักของผมเลยเพราะไม่ทานทั้งแป้งและไขมัน)จะมีไขมันแทรกอยู่ตามเนื้อแดงๆที่เราเห็น ไอ้เนื้อวัวแดงๆล้วนๆที่เราเห็น ไม่ใช่ว่ามันไม่มีไขมันนะครับ แค่มันแทรกอยู่น้อยมาก ไม่นักพวกเนื้อลายหินอ่อนตามร้านเนื้อย่างแพงๆอะไรพวกนี้นะครับ

งั้นอะไรล่ะที่มันผสมกันมา??

ยกตัวอย่างของใกล้ตัวเลยนะครับ เอาสัก2อย่างละกัน
1. ข้าวเหนียว + หมูปิ้ง

2. ข้าว + กระเพราหมูสับ

ใช่ครับ มันแฝงตัวอยู่ในอาหารที่หาทานง่ายแสนง่าย(จริงๆมีอีกหลายชนิดแต่เอาที่เห็นภาพง่ายๆมาให้ดูเลยนะครับ)
หมูปิ้ง นอกเหนีอจากมันก้อนๆที่คุณเห็นมันอยู่ตรงสุดปลายไม้แล้ว มันยังแทรกอยู่ตามเนื้อหมูที่เกาะอยู่บนไม้ด้วยนะครับ เวลาคุณทานเข้าไปคุณจะรู้สึกได้เลยถึงความนุ่มของมัน ความหวานที่ไม่ใช่ซอส และความหอมหวนของมัน นั่นแหละครับ มันหมู
ส่วนกระเพราหมูสับ ผมไม่ได้เหมารวมว่าทุกๆร้านจะใช้แบบนี้นะครับ แต่ส่วนใหญ่ถ้าคุณไปซื้อหมูสับที่ตลอดที่เขาชั่งกิโลขาย 100 ละ 80 คุณจะได้ก้อนหมูสับที่มีสีชมพูปนสีขาว บ้างก็สีขาวน้อย บ้างก็สีขาวเยอะ รายเลวร้ายๆหน่อยก็สีขาวซะสีชมพูของเนื้อหมูดูซีดไปเลยก็มี สีขาวที่คุณเห็นนั่นแหละครับ คือไขมันหมู งั้นทำไมเขาถึงต้องเอามาผสมกัน สาเหตุที่ผมเดาอาจจะเป็นเพราะว่า ไขมัน มีราคาถูก ผู้ประกอบการบางรายคงหวังจะเพิ่มรายได้เล็กๆน้อยๆจากการนำไขมันมาผสมในอัตราส่วนที่มากกว่าปกติเพื่อจะเพิ่มน้ำหนักต่อ ขีด ที่จะชั่งขายให้มากขึ้นนั่นเองครับ

แล้วยังไม่แตะอะไรอีกไหม?

อาหารง่ายๆที่เลิกแตะไปอีกเลยก็มีครับ เฟรนชไฟรส์ ปาท่องโก๋ โรตี เกี๊ยวทอด ลูกชิ้นปลาระเบิด ไก่ทอด รวมไปถึงอาหารดีๆแบบ ปลากระพงทอดน้ำปลา หรือ ไข่เจียว ที่เป็นเมนูเด็ดๆสำหรับหลายๆคนเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของหวานนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยนะครับ เรียกว่า่ส่งขึ้นยานแม่ออกไปนอกโลกเลยทีเดียว










อ้าว..... ก็ดีแล้วนี่ แล้วมาเล่าทำไม??

ที่เอามาเล่า เพราะเรื่องมันไม่ได้มีตอนเลิกกินนี่สิครับ มันเกิดหลังจากนั้น ผมอดมัน ตัดมัน ไม่สนใจมัน แล้วคุณเชื่อไหมครับ ว่าเวลาถ้าคุณได้กลับมากินมันอีกครั้ง สิ่งเลวร้ายมันจะตามคุณมาอย่างไวมาก เพราะช่วงเวลานั้นผมกีดกันมันออกจากชีวิตจนมีความสามารถพิเศษอย่างนึงที่เพื่อนๆจะพอรู้ว่าเวลาผมตักอะไรเข้าปากไปแล้ว มันเหมือน ออโต้ มากเลย ในปากผมจะมีความรู้สึกพิเศษต่อ ไขมัน ถ้ามันเข้ามาเวลาผมเคี้ยว มาจะใช้ลิ้นดุลๆๆๆ มันเพื่อให้มันหลุดออกมาจากเนื้อที่เรากินอยู่แล้วบ้วนมันออกมา................. มันน่าแหวะใช่ป่ะ แต่เรื่องจริงนะพูดเลย -*- ผมเคยเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คือไม่ว่าอะไรก็ตามที่เข้าไป หรือแม้แต่เวลากินอาไรที่ซับรวมกับน้ำมันผมก็จะดูดๆๆๆน้ำมันออกมาแล้วบ้วนทิ้ง............ แหวะชอต2 คือมันเป็นอาการออโต้ที่ผมทำไปโดยไม่รู้ตัวอยู่นานปี จนมันเลวร้ายขึ้นๆ เพราะเวลาผมไปทานข้าวกับที่บ้าน คือที่บ้านเป็นคนจีน จะชอบให้ลูกๆทานเยอะๆ ทานให้อิ่ม เหลือดีกว่าขาดอะไรเทือกนั้น ซึ่งพี่สาวผมก็จะบอกว่า เฮ้ยอาทิตย์นึงทานข้าวด้วยกันครั้งเดียว ป๊าให้กินอะไรก็กินๆไปเหอะ.............

จุดพี้คมันอยู่ตรงที่วันนึงไปทานอาหารญี่ปุ่นกับที่บ้านครับ ก็สั่งๆๆๆกัน ผมก็เน้นปลาดิบไปดิ่ ข้าวไม่แตะอยู่แล้วนี่ ที่บ้างสั่งนู่นนี่นั่น มาเสิร์ฟๆๆๆ จนมันถึงจาน เพชรฆาต "กุ้งเทมปุระ" ................. วางตรงหน้าเลยครับ ทุกคนก็กินๆๆอย่างเอร็ดอร่อย เหลือแต่ผม และมันเหลือตัวสุดท้ายวางอยู่ ป๊าก็บอกว่า เอ้ากินสิ เหลือผมคนเดียวยังไม่ได้กิน สารภาพ หน้าเจ๊กเลยครับ -*- แบบไม่ได้กินมานานเฮ้ยอยู่ๆให้กินแล้วคือคุณเข้าใจมะ มันมาทั้งตัว มีหางครบ ชุบมาเลย ชุบมาแบบไม่มีส่วนของกุ้งงอกออกมาให้เห็นเลย............... ทำใจ 3 วิครับ กินเข้าไปๆๆๆ ระหว่างกัดจำได้ครับ ว่าน้ำมันมันออกมาจากแป้งที่ห่อหุ้มกุ้งอยู่แล้วมันก็ไปเกาะตามลิ้นเรา พอเราเคี้ยวละเอียดจะกลืนๆ น้ำมันก็ไหลไปตามลิ้นพร้อมกุ้งที่จะกลืน........ เท่านั้นแหละครับ ผมก็วิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ แล้วทุกๆอย่างที่กินลงไปมันก็............... แหวะ3 -*-

แล้วหลังจากนั้นอ่ะ.....??

ก็ยังคงไม่กินมันต่อไปครับ เพราะผมรู้สึกแล้วว่าผมอยู่ได้ (หลอกตัวเองชัดๆ) โดยที่ไม่กินไขมัน แต่เชื่อผมเถอะคุณจะพลาดสิ่งดีๆในชีวิตที่เรียกว่า "ไ ข มั น ดี" ไปครับ เพราะผมไม่กินเลย หนังปลาก็ไม่กิน น้ำมันมะพร้าวก็ไม่แตก ก็น้ำมันธรรมดายังไม่กินเลยอ่ะ ถั่วก็ไม่กินครับ คือทั้งชีวิตดำรงอยู่ด้วยโปรตีนทั้งนั้นจริงๆ จนกระทั่งทุกคนทักครับว่าผอมลงเนอะ เออดูตัวเล็กลง และมันก็ตามมาด้วยคำถามที่ว่า

เฮ้ย ดำขึ้นป่าวเนี่ย หรือตากแดดเยอะ
ช่วงนี้นอนน้อยไปป่าวทำไมดูโทรมๆ
ผมบางไปป่าววะ หรือผลัดขน(แซวกันตามประสาเพื่อน)
ผิดดูหม่นๆแห้งๆนะ เหมือนคนตามแดดสลับแอร์เย็นบ่อยเลย

ผมอยู่อย่างงี้โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับเพราะผม

ส น ใ จ แ ค่ ว่ า ผ ม ผ อ ม ล ง จ น ไ ม่ ใ ส่ ใ จ ใ น ค ว า ม อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ข อ ง ร่ า ง ก า ย ที่ แ ท้ จ ริ ง

ครับจนผมรับรู้พร้อมๆกับตอนที่หันกลับมากินแป้งเลยว่า เฮ้ยยยยย เราอยู่อย่างงี้ทั้งชีวิตไม่ได้นะ จริงๆแล้วไขมันไม่ได้เลวร้ายแบบนั้นนะเว้ย เราเลือกกินได้นี่ ทำไมไม่เลือกกินไขมันที่ดีๆล่ะ

อโวคาโด้

แซลม่อน

ถั่วเปลือกแข็ง

น้ำมันมะพร้าว



กินเข้าไปสิ พวกนี้มันช่วยได้

ช่วยอะไรได้???

ไขมันเป็นตัวย่อยวิตามินบางชนิดครับ ซึ่งถ้าคุณไม่ทานมันเข้าไปวิตามินพวกนี้นอาจจะไม่ส่งผมแม้คุณบริโภคมันเข้าไปก็ตามที และไขมันยังช่วยบำรุงผิดพรรณคุณให้ดูชุ่มชื้นขึ้น ผิวคุณจะดูดีขึ้นมีน้ำมีนวล(ได้ยินว่า อโวคาโด้ ช่วยได้เยอะมาก)

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมเริ่มหันกลับมาสนใจและบริโภคไขมันที่ดีค่อร่างกายแล้วครับ แต่ก็ยังคงต้องจำกัดปริมาณในการกินครับเพราะพลังงานจากไขมัน 1 กรัม ก็ยังคงให้ 9 แคลลอรี่ เหมือนกันไม่ว่าจะดีหรือเลว

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่คิดจะเลิกกินไขมันนะครับ ปรับเปลี่ยนแนวคิดสักนิด มาเป็น เลือกกินดีกว่าครับ เลือกซะหน่อยว่าอะไรควรไม่ควร อันไหนกินแล้วให้อะไรกับร่างกาย อันไหนคุ้มไม่คุ้ม แล้วชีวิตคุณจะปกติสุขมากขึ้นพร้อมสุขภาพที่ดีและแข็งแรงๆ ไม่ดูแก่ก่อนวัย ไม่หมองคล้ำ นะครับ^^

ปล. ใครมีความรู้เรื่องที่ขาดไขมันดีแล้วเป็นอย่างไรมาแชร์กันนะครับ^^
ปล2. ผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรนะครับ แต่อยากให้ทุกๆคนสู้ๆและสุขภาพดีครับ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่