เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 23

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20 http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21 http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22 http://pantip.com/topic/31186088

*****************

บทที่ 23



ปัจฉิมยามเดียวกันนั้นเอง มาร์ฒแม้นดารณีย์ อดีตพระชายาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐ ได้เดินทางมาตามป่าเปลี่ยวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ประหนึ่งดังนกดุเหว่าที่เฝ้ารอคู่มาเคียงเขนย แต่หามีไม่

สืบเท้าตามป่ามาได้ไม่นานนัก มาร์ฒแม้นดารณีย์ก็นัยน์ตาลุกโพลงพลางร้องลั่น

" อุ๊ยตาย... !! ลืมกระโถน "

นางรีบหันกลับหมายมุ่งสู่นครละวิรัฐอีกครา แต่แล้ว ดั่งเทพยดาสะกิดร่าง นางพลันหยุดอยู่กับที่แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่จึงกล่าว

" เชอะ เสด็จพี่ฤาจะสนพระทัยในตัวเรา ห่วงก็แต่เหล่าสนมบุรุษและอำมาตย์คู่พระอุระเพียงเท่านั้น ฮึ... เทวัญมิหนุนนำ จำเราจะต้องจำแลงแปลงตนไปสมัครเป็นราชครูหญิงของเสด็จพี่ เพื่อคอยหาโอกาสปลงชีพเหล่าสนมบุรุษให้หมดไปทั้งพระนคร "

ตริชอบแล้ว มาร์ฒแม้นดารณีย์จึงนำมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลงที่ได้รับมาจากองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ มาใช้อย่างเชี่ยวชาญและช่ำชอง

ชั่วเวลาเพียงนกแซงแซวดิ้น ดวงหน้า ตลอดจนร่างกายและอาภรณ์ทุกชิ้นของมาร์ฒแม้นดารณีย์ก็ผันแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละผู้ ช่างน่าอัศจรรย์เหนือสิ่งอื่นใด นางได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังสนั่นลั่นป่าว่า

" บัดนี้ ข้านี่แหละคือ ราชครูหญิงมณีบาร์ ผู้มีมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลง "

- - - - - - - - -

กลางวนาดอนแห่งหนึ่งอันเป็นป่าโปร่งเขียวขจี พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ สองกษัตรีย์เถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น ทรงนำนางกำนัลหนึ่งล้านเก้าแสนนางเล่นซ่อนหากัน เหล่าสตรีต่างส่งเสียงสนุกสนานเป็นที่น่ารักและบันเทิงใจแก่ผู้พบเห็น บ้างแอบใต้ท้องจามรียา บ้างก็ใช้สไบบดบังกายาเอาไว้

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงซ่อนอยู่ใต้ท้องจามรียา ให้นางกำนัลสี่คนคอยสะบัดสไบปิดบังพระวรกายพระองค์ ในขณะที่พระนางสุบินสวรรค์เสด็จพระดำเนินมาพลางตรัส

" อย่าเลยจ้ะ ศรีตะกุมะลากาเจ้า ฉันรู้นะ เธออยู่ตรงนั้น "

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงชะโงกพระพักตร์ออกมาทำหน้าตาสลอนจึ่งตรัสตอบ

" อ้อเหรอจ๊ะ... "

พลัน เพลากาลนั้นเอง จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัยแปดสิบชันษาก็ถลามาตรงหน้าพระนางสุบินสวรรค์พลางถวายคำสาส์นในทันใด

" ขอเดชะ เกิดอุบัติอาเพทแล้วเพคะราชินีนาถ นางมาหยารัศมีผู้เคยภักดี บัดนี้หาเหตุทองชุบเภตราลอกก่อการกบฏขึ้นเพคะ

มโหรีหรีฑามารวมกันพลันประโคมฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่งในทันควัน

" ต่ำช้าคิดครองชาติครองบัลลังก์ "

พระนางสุบินสวรรค์ตรัสขึ้น

" แล้วจะทำเช่นไรดี "

พระนางศรีตะกุมะลากาตรัสถาม เมื่อนั้นพระนางสุบินสวรรค์ทรงขบพระทนต์แน่น จึ่งผินพระพักตร์มาด้วยแววพระเนตรเหี้ยม

" มันมีกำลังเพียงหยิบแสน มิต้องแล่นไปนึกกลัว "

ฉับเพลากระนั้นเอง...

บังเกิดเสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งตกลงกลางลานกองทัพอิสตรี เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท ควันธุลีฟุ้งกระจายมาเกาะแทบพระบาทแห่งกษัตรีย์ทั้งสอง ทุกคนล้ม

พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ทรงใช้สไบโบกพัดปัดฝุ่นคลุ้งทั้งปวงจึ่งตรัส

" เกิดเหตุอันใดขึ้นฤา ? "

วาริชฌาภาร์ณาคลานมากราบแทบพระบาทบงสุ์พลางทูลให้ทรงทราบ

" กระสุนพระแสงปืนใหญ่เพคะ ราชินีนาถ ตกลงกลางลานพอดี จามรียาตายไปหกตัวเพคะ "

เสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่อีกนัดหนึ่งตกลงระเบิดกึกก้อง

สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงกลิ้งตัวมากราบ

" ราชินีนาถเพคะ จามรียาหม่อมฉันดับชีพแล้ว "

" จามรียาหกตนพลีชีพอีกแล้วเพคะ "

มะจั่นฟาร์ตีฏ์ทูลจบ พระนางสุบินสวรรค์ทรงผุดพระวรกายขึ้นอย่างฉับพลันพลางทรงมีพระปุจฉา

" นังทรราชย์มันเอาปืนใหญ่มาจากหนใด "

ศริพารฟาร์ถลามาหมอบ

" เดชะพระนางขา มาหยารัศมีหล่อเภตราทองเป็นพระแสงปืนใหญ่ยาวสามโยชน์เพคะ "

จบคำ มโหรีรัวฉาบคราหนึ่ง

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผุดขึ้นเคียงข้างพระนางสุบินสวรรค์

" มันหล่อปืนใหญ่จากเภตราทองมาฆ่าจามรียาข้า หนอยยย... นังทรชนทรชาติทรราชย์ทรลักษณ์ "

จบคำ ทรงชูซึงทองหางจามรียาขึ้นชนกับฆ้องวงหยกปกเกศเกล้าของพระนางสุบินสวรรค์ ฉับพลัน ด้วยบารมีแห่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ปรากฏเกราะแก้วโคตรเพชรเกล็ดมณีศรีมหาดาราสมุทราวิมานประทานประเสริฐเลิศสุดวิมุติสวรรค์ ปกคลุมกองทัพอิสตรีแห่งเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นเอาไว้ กระสุนปืนใหญ่หลายสิบนัดมิอาจระแคะระคายกองทัพได้

ครู่หนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ก็สงบลง กองทัพหญิงต่างร้องกรีดด้วยความดีใจก่อนจะหมอบกราบพระนางผู้มีฤทธาทั้งสองพระองค์

มหามโหรีเถมรูฯ ชับประโคมบรรเลงเพลงมหานฤมิตตับเถมรูสิบแปดชั้น

ดอกดาวกระจายสวรรค์บานสะพรั่งไปทั้งกองทัพ

- - - - - - - - -

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคแห่งองค์เจ้าฟ้ามูรตี กำลังเคลื่อนคล้อยมาตามลำน้ำสุทธาราริณีโยคอย่างเชื่องช้าและสง่างาม ขาดมิได้สำหรับเสียงเห่กล่อมอันเป็นสัญญลักษณ์ประจำกระบวนพยุหฯ นี้

เรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี ก็เคลื่อนมาอย่างเพริดแพร้วเช่นกัน หากแต่บนเรือนั้นมีเพียงฝีพายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หามีองค์เจ้าฟ้ามูรตีและพระนางแก้วกานดาพร้อมโหราและมหาอำมาตย์ไม่

เนื่องเพราะบุคคลทั้งสี่ต่างรี่ลงจากเรือไปเพลิดเพลินอารมณ์อยู่บนฝั่งตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุที่กระบวนเรือไปช้ามาก ทำให้มีเวลาพอที่จะเดินเที่ยวเล่น

ณ บัดนี้ มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทัพว่า เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระราชดำริที่จะจัดพระราชพิธราชาภิเษกสมรสกับพระนางแก้วกานดาอย่างเป็นทางการ และจะทรงสถาปนาพระนางขึ้นเป็นพระอัครมเหสีบรมราชเทวีพันปีแสง แต่... พระนางหาทรงสนพระทัยไม่ คงทรงเพลิดเพลินกับกอซุ้มมะเดื่อและซุ้มหนวดไปวันๆกระนั้น

พระเกี้ยวทองของพระนางแก้วกานดาถูกวางอยู่ตรงลานกว้าง ส่วนองค์พระนางเองกำลังทรงสำราญกับกอซุ้มทั้งสองอยู่อย่างปรีดา ปราโมทย์ล้นประมาณมี เหล่านางกำนัลทั้งหลายเองก็เช่นกัน ต่างร่วมสำราญกันในกออย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

" อ้า... พอฤทัยยิ่ง นางกำนัลจ๊ะ เรามาแข่งขันกันทีฤา ว่าผู้ใดจะถูกปลุกปั่นจนสไบแลผ้านุ่งโจงกระเบนฟูฟ่องก่อนกัน "

พระนางตรัส

" อุ้ย... ของหม่อมฉันฟูแล้วเพคะพระนาง "

" ดีจ้ะดี... นางกำนัล ปั่นต่อไปสิจ๊ะ "

บัดดลกันนั้น....

บังเกิดเสียงหนึ่งแผดก้องไปทั่ว

" นางแก้วกานดา... !! "

" ท่านเจ้าฟ้ามูรตี ...!! "

" มิไยไม่กระทำการชอบกิจราชาภิเษกสมรส "

พระนางทรงเชิดพระพักตร์หนี

" วุ๊ย... ตาย ทรงอย่าลืมนะเพคะ ทรงมีพระประยูรญาติกาพระชนม์มากๆอยู่อนันตามากมาย ที่นี่มีแต่พระชนม์น้อยๆ หากกระทำการข้ามพระพักตร์พระชนม์มากๆ พระชนม์มากๆจะทรงพิโรธเหล่าพระชนม์น้อยๆ จนอาจก่อศึกระหว่างพระชนม์ขึ้นได้นะเพคะ "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงฉุดคะนึง

" อึ่ม... เจ้าก็ตรัสชอบอยู่ "

ทันใด... มหาอำมาตย์ลีลาศเข้ามากราบถวายบังคมด้วยสีหน้าตื่น

" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้พิฆาตศัตรู ณ บัดนี้ เกิดกองทัพใหม่ขึ้นในพสุธาแล้วพระเจ้าข้า "

" พจนามาสิ "

" นางมาหยารัศมีก่อกบฏ ตั้งตนเป็นเจ้า ใช้พระแสงปืนใหญ่ต่างอาวุธยุทธนาเข้าโจมตีพระเจ้าข้า "

" ต่ำเสียไม่มี ชาติไพร่คิดกลายพันธุ์ชัดๆ "

ตรัสพลางทรงกำพระหัตถาแน่น

ฉับพลันกันนั้น

เกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาท เรือพระที่นั่งสำรองพังพินาศไปสามลำ ฝุ่นธุลีควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เคล้าคลอกับเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่านางพระกำนัล เหล่านางพัดวีถูกเกณฑ์มาอย่างถ้วนหน้าเพื่อไปโบกฝุ่นให้จางหาย

" ยาไฉน อาเพทใดกัน ? "

มหาอำมาตย์ลีลาศไปคุมงาน โหราจารย์ทะยานเข้าทูลแทน

" ชะรอยนางมาหยารัศมีจะโจมตีเราแล้วพระเจ้าข้า "

พระนางแก้วกานดาทรงหันมาตบพระหัตถ์จึ่งตรัส

" ดีจ้ะดี น่าสนุกกันนะจ๊ะ "

" หึ... บ้าที่สุด "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงแลพระพักตร์ออกไกล

กระสุนปืนใหญ่ปะทุหลายลูก เสียงระเบิดลั่นสนั่นวนา แลสายชบก็สะเทือนสะท้าน เหล่าทหารกล้าอนันตาต่างล้มตายลง กระบวนเรือถูกทำลายร่อยหรอจนเหลือเพียงไม่กี่ลำ

ควันจางลง เจ้าฟ้ามูรตี พระนางแก้วกานดา โหราจารย์ และนางกำนัลทั้งหลายใบพักตร์เต็มไปด้วยรอยเขม่า ภูษาผ้านุ่งขาดวิ่นเป็นรอยปริ

เจ้าฟ้ามูรตีทรงผุดขึ้นด้วยพระท่วงทีหวั่นหวาดพลางตรัสลั่น

" กลับกรุง ! กลับกรุง ! "

ในที่สุด กระบวนพยุหยาตราซึ่งร่อยหรอลงไปมากก็หันเหกลับสู่กรุงอนันตาในทันที

- - - - - - - - -

ณ กรุงเถมรู

เจ้านางมาหยารัศมีทรงคุมพระแสงปืนใหญ่สุวรรณที่ทรงให้หล่อจากสำ เภาทองของพระนางศรีตะกุมะลากา ตัวกระบอกปืนนั้นยาวสามโยชน์ เป็นทองคำทั้งแท่ง ตัดแต่งฉลุลวดลายแบบเถมรูและภูธราผสมผสานกันอย่างวิจิตรพิสดารหลือบรรยาย

เจ้านางทรงผินพระพักตร์จากปากกระบอกปืนไปยังขอบฟ้าด้านหนึ่งซึ่ งมีกลุ่มควันอันมหาศาลโชยคลุ้งสู่นภากาศเบื้องบน

" กอบกิจครบ เราสามารถโจมตีกองทัพมูรตีได้ "

ดำรัสขึ้น

" มิควรสะดุดหยุดชะงักเพียงแค่นี้เพคะ "

โซซาร์ฏิตทูลจบ ปรันเปรินทูลต่อ

" หากหมายกอบกิจถ้วน สมควรถล่มอนันตา "

" ให้เหล่าญาติกามันวอดวายสิ้น "

ฎิวต์เสริมส่ง

เมื่อนั้น เจ้านางมาหยารัศมีทรงมีพระดำรัสลั่น

" วาจาชอบ... เล็งพระแสงปืนไปอนันตา "

" พระราชโองการเพคะ เจ้านาง "

ฎิวต์เอ่ยจบ เจ้านางมาหยารัศมีทรงเชิดพระศออย่างสมพระราชหฤทัยปองจึ่งตรัสด้วยพระสุรเสียงผงาด

" กรุงราบ !!! "

กระบอกปืนหันเหมุ่งสู่จุดหมายอย่างช้าๆ ด้วยการฉุดลากของบรรดาทหารหญิงหลายแสน

เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นเคล้าคลอกับเสียงวงเครื่องสายผสมมโหรีและปี่พาทย์ กระหึ่มประโคมเพลง อสุราบานผลาญพลโลก

ลูกกระสุนสีทองอร่ามตาอันเป็นทองคำแท้บรรจุดินระเบิดอยู่ภายในพุ่งทะยานแทรกหมู่เมฆาแลปักษิณที่บินร่อนอยู่ไปสู่จุดหมายในทันที

ในไม่ช้า ณ ตำแหน่งแหงที่กรุงอนันตาตั้งอยู่นั้น

บังเกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า เหล่าทหารหญิงแห่งเจ้านางมาหยารัศมีต่างโลดเต้นดีใจจนอึงคนึง


* * * * * * * * *

จบบทที่ 23 โปรดติดตามต่อบทที่ 24
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่