เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10
http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11
http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12
http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13
http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14
http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15
http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16
http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17
http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18
http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19
http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20
http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21
http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22
http://pantip.com/topic/31186088
*****************
บทที่ 23
ปัจฉิมยามเดียวกันนั้นเอง มาร์ฒแม้นดารณีย์ อดีตพระชายาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐ ได้เดินทางมาตามป่าเปลี่ยวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ประหนึ่งดังนกดุเหว่าที่เฝ้ารอคู่มาเคียงเขนย แต่หามีไม่
สืบเท้าตามป่ามาได้ไม่นานนัก มาร์ฒแม้นดารณีย์ก็นัยน์ตาลุกโพลงพลางร้องลั่น
" อุ๊ยตาย... !! ลืมกระโถน "
นางรีบหันกลับหมายมุ่งสู่นครละวิรัฐอีกครา แต่แล้ว ดั่งเทพยดาสะกิดร่าง นางพลันหยุดอยู่กับที่แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่จึงกล่าว
" เชอะ เสด็จพี่ฤาจะสนพระทัยในตัวเรา ห่วงก็แต่เหล่าสนมบุรุษและอำมาตย์คู่พระอุระเพียงเท่านั้น ฮึ... เทวัญมิหนุนนำ จำเราจะต้องจำแลงแปลงตนไปสมัครเป็นราชครูหญิงของเสด็จพี่ เพื่อคอยหาโอกาสปลงชีพเหล่าสนมบุรุษให้หมดไปทั้งพระนคร "
ตริชอบแล้ว มาร์ฒแม้นดารณีย์จึงนำมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลงที่ได้รับมาจากองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ มาใช้อย่างเชี่ยวชาญและช่ำชอง
ชั่วเวลาเพียงนกแซงแซวดิ้น ดวงหน้า ตลอดจนร่างกายและอาภรณ์ทุกชิ้นของมาร์ฒแม้นดารณีย์ก็ผันแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละผู้ ช่างน่าอัศจรรย์เหนือสิ่งอื่นใด นางได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังสนั่นลั่นป่าว่า
" บัดนี้ ข้านี่แหละคือ ราชครูหญิงมณีบาร์ ผู้มีมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลง "
- - - - - - - - -
กลางวนาดอนแห่งหนึ่งอันเป็นป่าโปร่งเขียวขจี พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ สองกษัตรีย์เถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น ทรงนำนางกำนัลหนึ่งล้านเก้าแสนนางเล่นซ่อนหากัน เหล่าสตรีต่างส่งเสียงสนุกสนานเป็นที่น่ารักและบันเทิงใจแก่ผู้พบเห็น บ้างแอบใต้ท้องจามรียา บ้างก็ใช้สไบบดบังกายาเอาไว้
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงซ่อนอยู่ใต้ท้องจามรียา ให้นางกำนัลสี่คนคอยสะบัดสไบปิดบังพระวรกายพระองค์ ในขณะที่พระนางสุบินสวรรค์เสด็จพระดำเนินมาพลางตรัส
" อย่าเลยจ้ะ ศรีตะกุมะลากาเจ้า ฉันรู้นะ เธออยู่ตรงนั้น "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงชะโงกพระพักตร์ออกมาทำหน้าตาสลอนจึ่งตรัสตอบ
" อ้อเหรอจ๊ะ... "
พลัน เพลากาลนั้นเอง จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัยแปดสิบชันษาก็ถลามาตรงหน้าพระนางสุบินสวรรค์พลางถวายคำสาส์นในทันใด
" ขอเดชะ เกิดอุบัติอาเพทแล้วเพคะราชินีนาถ นางมาหยารัศมีผู้เคยภักดี บัดนี้หาเหตุทองชุบเภตราลอกก่อการกบฏขึ้นเพคะ
มโหรีหรีฑามารวมกันพลันประโคมฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่งในทันควัน
" ต่ำช้าคิดครองชาติครองบัลลังก์ "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสขึ้น
" แล้วจะทำเช่นไรดี "
พระนางศรีตะกุมะลากาตรัสถาม เมื่อนั้นพระนางสุบินสวรรค์ทรงขบพระทนต์แน่น จึ่งผินพระพักตร์มาด้วยแววพระเนตรเหี้ยม
" มันมีกำลังเพียงหยิบแสน มิต้องแล่นไปนึกกลัว "
ฉับเพลากระนั้นเอง...
บังเกิดเสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งตกลงกลางลานกองทัพอิสตรี เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท ควันธุลีฟุ้งกระจายมาเกาะแทบพระบาทแห่งกษัตรีย์ทั้งสอง ทุกคนล้ม
พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ทรงใช้สไบโบกพัดปัดฝุ่นคลุ้งทั้งปวงจึ่งตรัส
" เกิดเหตุอันใดขึ้นฤา ? "
วาริชฌาภาร์ณาคลานมากราบแทบพระบาทบงสุ์พลางทูลให้ทรงทราบ
" กระสุนพระแสงปืนใหญ่เพคะ ราชินีนาถ ตกลงกลางลานพอดี จามรียาตายไปหกตัวเพคะ "
เสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่อีกนัดหนึ่งตกลงระเบิดกึกก้อง
สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงกลิ้งตัวมากราบ
" ราชินีนาถเพคะ จามรียาหม่อมฉันดับชีพแล้ว "
" จามรียาหกตนพลีชีพอีกแล้วเพคะ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ทูลจบ พระนางสุบินสวรรค์ทรงผุดพระวรกายขึ้นอย่างฉับพลันพลางทรงมีพระปุจฉา
" นังทรราชย์มันเอาปืนใหญ่มาจากหนใด "
ศริพารฟาร์ถลามาหมอบ
" เดชะพระนางขา มาหยารัศมีหล่อเภตราทองเป็นพระแสงปืนใหญ่ยาวสามโยชน์เพคะ "
จบคำ มโหรีรัวฉาบคราหนึ่ง
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผุดขึ้นเคียงข้างพระนางสุบินสวรรค์
" มันหล่อปืนใหญ่จากเภตราทองมาฆ่าจามรียาข้า หนอยยย... นังทรชนทรชาติทรราชย์ทรลักษณ์ "
จบคำ ทรงชูซึงทองหางจามรียาขึ้นชนกับฆ้องวงหยกปกเกศเกล้าของพระนางสุบินสวรรค์ ฉับพลัน ด้วยบารมีแห่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ปรากฏเกราะแก้วโคตรเพชรเกล็ดมณีศรีมหาดาราสมุทราวิมานประทานประเสริฐเลิศสุดวิมุติสวรรค์ ปกคลุมกองทัพอิสตรีแห่งเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นเอาไว้ กระสุนปืนใหญ่หลายสิบนัดมิอาจระแคะระคายกองทัพได้
ครู่หนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ก็สงบลง กองทัพหญิงต่างร้องกรีดด้วยความดีใจก่อนจะหมอบกราบพระนางผู้มีฤทธาทั้งสองพระองค์
มหามโหรีเถมรูฯ ชับประโคมบรรเลงเพลงมหานฤมิตตับเถมรูสิบแปดชั้น
ดอกดาวกระจายสวรรค์บานสะพรั่งไปทั้งกองทัพ
- - - - - - - - -
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคแห่งองค์เจ้าฟ้ามูรตี กำลังเคลื่อนคล้อยมาตามลำน้ำสุทธาราริณีโยคอย่างเชื่องช้าและสง่างาม ขาดมิได้สำหรับเสียงเห่กล่อมอันเป็นสัญญลักษณ์ประจำกระบวนพยุหฯ นี้
เรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี ก็เคลื่อนมาอย่างเพริดแพร้วเช่นกัน หากแต่บนเรือนั้นมีเพียงฝีพายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หามีองค์เจ้าฟ้ามูรตีและพระนางแก้วกานดาพร้อมโหราและมหาอำมาตย์ไม่
เนื่องเพราะบุคคลทั้งสี่ต่างรี่ลงจากเรือไปเพลิดเพลินอารมณ์อยู่บนฝั่งตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุที่กระบวนเรือไปช้ามาก ทำให้มีเวลาพอที่จะเดินเที่ยวเล่น
ณ บัดนี้ มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทัพว่า เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระราชดำริที่จะจัดพระราชพิธราชาภิเษกสมรสกับพระนางแก้วกานดาอย่างเป็นทางการ และจะทรงสถาปนาพระนางขึ้นเป็นพระอัครมเหสีบรมราชเทวีพันปีแสง แต่... พระนางหาทรงสนพระทัยไม่ คงทรงเพลิดเพลินกับกอซุ้มมะเดื่อและซุ้มหนวดไปวันๆกระนั้น
พระเกี้ยวทองของพระนางแก้วกานดาถูกวางอยู่ตรงลานกว้าง ส่วนองค์พระนางเองกำลังทรงสำราญกับกอซุ้มทั้งสองอยู่อย่างปรีดา ปราโมทย์ล้นประมาณมี เหล่านางกำนัลทั้งหลายเองก็เช่นกัน ต่างร่วมสำราญกันในกออย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
" อ้า... พอฤทัยยิ่ง นางกำนัลจ๊ะ เรามาแข่งขันกันทีฤา ว่าผู้ใดจะถูกปลุกปั่นจนสไบแลผ้านุ่งโจงกระเบนฟูฟ่องก่อนกัน "
พระนางตรัส
" อุ้ย... ของหม่อมฉันฟูแล้วเพคะพระนาง "
" ดีจ้ะดี... นางกำนัล ปั่นต่อไปสิจ๊ะ "
บัดดลกันนั้น....
บังเกิดเสียงหนึ่งแผดก้องไปทั่ว
" นางแก้วกานดา... !! "
" ท่านเจ้าฟ้ามูรตี ...!! "
" มิไยไม่กระทำการชอบกิจราชาภิเษกสมรส "
พระนางทรงเชิดพระพักตร์หนี
" วุ๊ย... ตาย ทรงอย่าลืมนะเพคะ ทรงมีพระประยูรญาติกาพระชนม์มากๆอยู่อนันตามากมาย ที่นี่มีแต่พระชนม์น้อยๆ หากกระทำการข้ามพระพักตร์พระชนม์มากๆ พระชนม์มากๆจะทรงพิโรธเหล่าพระชนม์น้อยๆ จนอาจก่อศึกระหว่างพระชนม์ขึ้นได้นะเพคะ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงฉุดคะนึง
" อึ่ม... เจ้าก็ตรัสชอบอยู่ "
ทันใด... มหาอำมาตย์ลีลาศเข้ามากราบถวายบังคมด้วยสีหน้าตื่น
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้พิฆาตศัตรู ณ บัดนี้ เกิดกองทัพใหม่ขึ้นในพสุธาแล้วพระเจ้าข้า "
" พจนามาสิ "
" นางมาหยารัศมีก่อกบฏ ตั้งตนเป็นเจ้า ใช้พระแสงปืนใหญ่ต่างอาวุธยุทธนาเข้าโจมตีพระเจ้าข้า "
" ต่ำเสียไม่มี ชาติไพร่คิดกลายพันธุ์ชัดๆ "
ตรัสพลางทรงกำพระหัตถาแน่น
ฉับพลันกันนั้น
เกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาท เรือพระที่นั่งสำรองพังพินาศไปสามลำ ฝุ่นธุลีควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เคล้าคลอกับเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่านางพระกำนัล เหล่านางพัดวีถูกเกณฑ์มาอย่างถ้วนหน้าเพื่อไปโบกฝุ่นให้จางหาย
" ยาไฉน อาเพทใดกัน ? "
มหาอำมาตย์ลีลาศไปคุมงาน โหราจารย์ทะยานเข้าทูลแทน
" ชะรอยนางมาหยารัศมีจะโจมตีเราแล้วพระเจ้าข้า "
พระนางแก้วกานดาทรงหันมาตบพระหัตถ์จึ่งตรัส
" ดีจ้ะดี น่าสนุกกันนะจ๊ะ "
" หึ... บ้าที่สุด "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงแลพระพักตร์ออกไกล
กระสุนปืนใหญ่ปะทุหลายลูก เสียงระเบิดลั่นสนั่นวนา แลสายชบก็สะเทือนสะท้าน เหล่าทหารกล้าอนันตาต่างล้มตายลง กระบวนเรือถูกทำลายร่อยหรอจนเหลือเพียงไม่กี่ลำ
ควันจางลง เจ้าฟ้ามูรตี พระนางแก้วกานดา โหราจารย์ และนางกำนัลทั้งหลายใบพักตร์เต็มไปด้วยรอยเขม่า ภูษาผ้านุ่งขาดวิ่นเป็นรอยปริ
เจ้าฟ้ามูรตีทรงผุดขึ้นด้วยพระท่วงทีหวั่นหวาดพลางตรัสลั่น
" กลับกรุง ! กลับกรุง ! "
ในที่สุด กระบวนพยุหยาตราซึ่งร่อยหรอลงไปมากก็หันเหกลับสู่กรุงอนันตาในทันที
- - - - - - - - -
ณ กรุงเถมรู
เจ้านางมาหยารัศมีทรงคุมพระแสงปืนใหญ่สุวรรณที่ทรงให้หล่อจากสำ เภาทองของพระนางศรีตะกุมะลากา ตัวกระบอกปืนนั้นยาวสามโยชน์ เป็นทองคำทั้งแท่ง ตัดแต่งฉลุลวดลายแบบเถมรูและภูธราผสมผสานกันอย่างวิจิตรพิสดารหลือบรรยาย
เจ้านางทรงผินพระพักตร์จากปากกระบอกปืนไปยังขอบฟ้าด้านหนึ่งซึ่ งมีกลุ่มควันอันมหาศาลโชยคลุ้งสู่นภากาศเบื้องบน
" กอบกิจครบ เราสามารถโจมตีกองทัพมูรตีได้ "
ดำรัสขึ้น
" มิควรสะดุดหยุดชะงักเพียงแค่นี้เพคะ "
โซซาร์ฏิตทูลจบ ปรันเปรินทูลต่อ
" หากหมายกอบกิจถ้วน สมควรถล่มอนันตา "
" ให้เหล่าญาติกามันวอดวายสิ้น "
ฎิวต์เสริมส่ง
เมื่อนั้น เจ้านางมาหยารัศมีทรงมีพระดำรัสลั่น
" วาจาชอบ... เล็งพระแสงปืนไปอนันตา "
" พระราชโองการเพคะ เจ้านาง "
ฎิวต์เอ่ยจบ เจ้านางมาหยารัศมีทรงเชิดพระศออย่างสมพระราชหฤทัยปองจึ่งตรัสด้วยพระสุรเสียงผงาด
" กรุงราบ !!! "
กระบอกปืนหันเหมุ่งสู่จุดหมายอย่างช้าๆ ด้วยการฉุดลากของบรรดาทหารหญิงหลายแสน
เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นเคล้าคลอกับเสียงวงเครื่องสายผสมมโหรีและปี่พาทย์ กระหึ่มประโคมเพลง อสุราบานผลาญพลโลก
ลูกกระสุนสีทองอร่ามตาอันเป็นทองคำแท้บรรจุดินระเบิดอยู่ภายในพุ่งทะยานแทรกหมู่เมฆาแลปักษิณที่บินร่อนอยู่ไปสู่จุดหมายในทันที
ในไม่ช้า ณ ตำแหน่งแหงที่กรุงอนันตาตั้งอยู่นั้น
บังเกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า เหล่าทหารหญิงแห่งเจ้านางมาหยารัศมีต่างโลดเต้นดีใจจนอึงคนึง
* * * * * * * * *
จบบทที่ 23 โปรดติดตามต่อบทที่ 24
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 23
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://pantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://pantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://pantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://pantip.com/topic/31171824
บทที่ 20 http://pantip.com/topic/31176304
บทที่ 21 http://pantip.com/topic/31182066
บทที่ 22 http://pantip.com/topic/31186088
*****************
บทที่ 23
ปัจฉิมยามเดียวกันนั้นเอง มาร์ฒแม้นดารณีย์ อดีตพระชายาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐ ได้เดินทางมาตามป่าเปลี่ยวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ประหนึ่งดังนกดุเหว่าที่เฝ้ารอคู่มาเคียงเขนย แต่หามีไม่
สืบเท้าตามป่ามาได้ไม่นานนัก มาร์ฒแม้นดารณีย์ก็นัยน์ตาลุกโพลงพลางร้องลั่น
" อุ๊ยตาย... !! ลืมกระโถน "
นางรีบหันกลับหมายมุ่งสู่นครละวิรัฐอีกครา แต่แล้ว ดั่งเทพยดาสะกิดร่าง นางพลันหยุดอยู่กับที่แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่จึงกล่าว
" เชอะ เสด็จพี่ฤาจะสนพระทัยในตัวเรา ห่วงก็แต่เหล่าสนมบุรุษและอำมาตย์คู่พระอุระเพียงเท่านั้น ฮึ... เทวัญมิหนุนนำ จำเราจะต้องจำแลงแปลงตนไปสมัครเป็นราชครูหญิงของเสด็จพี่ เพื่อคอยหาโอกาสปลงชีพเหล่าสนมบุรุษให้หมดไปทั้งพระนคร "
ตริชอบแล้ว มาร์ฒแม้นดารณีย์จึงนำมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลงที่ได้รับมาจากองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ มาใช้อย่างเชี่ยวชาญและช่ำชอง
ชั่วเวลาเพียงนกแซงแซวดิ้น ดวงหน้า ตลอดจนร่างกายและอาภรณ์ทุกชิ้นของมาร์ฒแม้นดารณีย์ก็ผันแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละผู้ ช่างน่าอัศจรรย์เหนือสิ่งอื่นใด นางได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังสนั่นลั่นป่าว่า
" บัดนี้ ข้านี่แหละคือ ราชครูหญิงมณีบาร์ ผู้มีมหาวิชาคุรุฑานุชาแปลง "
- - - - - - - - -
กลางวนาดอนแห่งหนึ่งอันเป็นป่าโปร่งเขียวขจี พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ สองกษัตรีย์เถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น ทรงนำนางกำนัลหนึ่งล้านเก้าแสนนางเล่นซ่อนหากัน เหล่าสตรีต่างส่งเสียงสนุกสนานเป็นที่น่ารักและบันเทิงใจแก่ผู้พบเห็น บ้างแอบใต้ท้องจามรียา บ้างก็ใช้สไบบดบังกายาเอาไว้
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงซ่อนอยู่ใต้ท้องจามรียา ให้นางกำนัลสี่คนคอยสะบัดสไบปิดบังพระวรกายพระองค์ ในขณะที่พระนางสุบินสวรรค์เสด็จพระดำเนินมาพลางตรัส
" อย่าเลยจ้ะ ศรีตะกุมะลากาเจ้า ฉันรู้นะ เธออยู่ตรงนั้น "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงชะโงกพระพักตร์ออกมาทำหน้าตาสลอนจึ่งตรัสตอบ
" อ้อเหรอจ๊ะ... "
พลัน เพลากาลนั้นเอง จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัยแปดสิบชันษาก็ถลามาตรงหน้าพระนางสุบินสวรรค์พลางถวายคำสาส์นในทันใด
" ขอเดชะ เกิดอุบัติอาเพทแล้วเพคะราชินีนาถ นางมาหยารัศมีผู้เคยภักดี บัดนี้หาเหตุทองชุบเภตราลอกก่อการกบฏขึ้นเพคะ
มโหรีหรีฑามารวมกันพลันประโคมฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่งในทันควัน
" ต่ำช้าคิดครองชาติครองบัลลังก์ "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสขึ้น
" แล้วจะทำเช่นไรดี "
พระนางศรีตะกุมะลากาตรัสถาม เมื่อนั้นพระนางสุบินสวรรค์ทรงขบพระทนต์แน่น จึ่งผินพระพักตร์มาด้วยแววพระเนตรเหี้ยม
" มันมีกำลังเพียงหยิบแสน มิต้องแล่นไปนึกกลัว "
ฉับเพลากระนั้นเอง...
บังเกิดเสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งตกลงกลางลานกองทัพอิสตรี เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท ควันธุลีฟุ้งกระจายมาเกาะแทบพระบาทแห่งกษัตรีย์ทั้งสอง ทุกคนล้ม
พระนางศรีตะกุมะลากาและพระนางสุบินสวรรค์ทรงใช้สไบโบกพัดปัดฝุ่นคลุ้งทั้งปวงจึ่งตรัส
" เกิดเหตุอันใดขึ้นฤา ? "
วาริชฌาภาร์ณาคลานมากราบแทบพระบาทบงสุ์พลางทูลให้ทรงทราบ
" กระสุนพระแสงปืนใหญ่เพคะ ราชินีนาถ ตกลงกลางลานพอดี จามรียาตายไปหกตัวเพคะ "
เสียงหวีดหวิวสะท้านฟ้า กระสุนปืนใหญ่อีกนัดหนึ่งตกลงระเบิดกึกก้อง
สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงกลิ้งตัวมากราบ
" ราชินีนาถเพคะ จามรียาหม่อมฉันดับชีพแล้ว "
" จามรียาหกตนพลีชีพอีกแล้วเพคะ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ทูลจบ พระนางสุบินสวรรค์ทรงผุดพระวรกายขึ้นอย่างฉับพลันพลางทรงมีพระปุจฉา
" นังทรราชย์มันเอาปืนใหญ่มาจากหนใด "
ศริพารฟาร์ถลามาหมอบ
" เดชะพระนางขา มาหยารัศมีหล่อเภตราทองเป็นพระแสงปืนใหญ่ยาวสามโยชน์เพคะ "
จบคำ มโหรีรัวฉาบคราหนึ่ง
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผุดขึ้นเคียงข้างพระนางสุบินสวรรค์
" มันหล่อปืนใหญ่จากเภตราทองมาฆ่าจามรียาข้า หนอยยย... นังทรชนทรชาติทรราชย์ทรลักษณ์ "
จบคำ ทรงชูซึงทองหางจามรียาขึ้นชนกับฆ้องวงหยกปกเกศเกล้าของพระนางสุบินสวรรค์ ฉับพลัน ด้วยบารมีแห่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ปรากฏเกราะแก้วโคตรเพชรเกล็ดมณีศรีมหาดาราสมุทราวิมานประทานประเสริฐเลิศสุดวิมุติสวรรค์ ปกคลุมกองทัพอิสตรีแห่งเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้นเอาไว้ กระสุนปืนใหญ่หลายสิบนัดมิอาจระแคะระคายกองทัพได้
ครู่หนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ก็สงบลง กองทัพหญิงต่างร้องกรีดด้วยความดีใจก่อนจะหมอบกราบพระนางผู้มีฤทธาทั้งสองพระองค์
มหามโหรีเถมรูฯ ชับประโคมบรรเลงเพลงมหานฤมิตตับเถมรูสิบแปดชั้น
ดอกดาวกระจายสวรรค์บานสะพรั่งไปทั้งกองทัพ
- - - - - - - - -
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคแห่งองค์เจ้าฟ้ามูรตี กำลังเคลื่อนคล้อยมาตามลำน้ำสุทธาราริณีโยคอย่างเชื่องช้าและสง่างาม ขาดมิได้สำหรับเสียงเห่กล่อมอันเป็นสัญญลักษณ์ประจำกระบวนพยุหฯ นี้
เรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี ก็เคลื่อนมาอย่างเพริดแพร้วเช่นกัน หากแต่บนเรือนั้นมีเพียงฝีพายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หามีองค์เจ้าฟ้ามูรตีและพระนางแก้วกานดาพร้อมโหราและมหาอำมาตย์ไม่
เนื่องเพราะบุคคลทั้งสี่ต่างรี่ลงจากเรือไปเพลิดเพลินอารมณ์อยู่บนฝั่งตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุที่กระบวนเรือไปช้ามาก ทำให้มีเวลาพอที่จะเดินเที่ยวเล่น
ณ บัดนี้ มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทัพว่า เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระราชดำริที่จะจัดพระราชพิธราชาภิเษกสมรสกับพระนางแก้วกานดาอย่างเป็นทางการ และจะทรงสถาปนาพระนางขึ้นเป็นพระอัครมเหสีบรมราชเทวีพันปีแสง แต่... พระนางหาทรงสนพระทัยไม่ คงทรงเพลิดเพลินกับกอซุ้มมะเดื่อและซุ้มหนวดไปวันๆกระนั้น
พระเกี้ยวทองของพระนางแก้วกานดาถูกวางอยู่ตรงลานกว้าง ส่วนองค์พระนางเองกำลังทรงสำราญกับกอซุ้มทั้งสองอยู่อย่างปรีดา ปราโมทย์ล้นประมาณมี เหล่านางกำนัลทั้งหลายเองก็เช่นกัน ต่างร่วมสำราญกันในกออย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
" อ้า... พอฤทัยยิ่ง นางกำนัลจ๊ะ เรามาแข่งขันกันทีฤา ว่าผู้ใดจะถูกปลุกปั่นจนสไบแลผ้านุ่งโจงกระเบนฟูฟ่องก่อนกัน "
พระนางตรัส
" อุ้ย... ของหม่อมฉันฟูแล้วเพคะพระนาง "
" ดีจ้ะดี... นางกำนัล ปั่นต่อไปสิจ๊ะ "
บัดดลกันนั้น....
บังเกิดเสียงหนึ่งแผดก้องไปทั่ว
" นางแก้วกานดา... !! "
" ท่านเจ้าฟ้ามูรตี ...!! "
" มิไยไม่กระทำการชอบกิจราชาภิเษกสมรส "
พระนางทรงเชิดพระพักตร์หนี
" วุ๊ย... ตาย ทรงอย่าลืมนะเพคะ ทรงมีพระประยูรญาติกาพระชนม์มากๆอยู่อนันตามากมาย ที่นี่มีแต่พระชนม์น้อยๆ หากกระทำการข้ามพระพักตร์พระชนม์มากๆ พระชนม์มากๆจะทรงพิโรธเหล่าพระชนม์น้อยๆ จนอาจก่อศึกระหว่างพระชนม์ขึ้นได้นะเพคะ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงฉุดคะนึง
" อึ่ม... เจ้าก็ตรัสชอบอยู่ "
ทันใด... มหาอำมาตย์ลีลาศเข้ามากราบถวายบังคมด้วยสีหน้าตื่น
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้พิฆาตศัตรู ณ บัดนี้ เกิดกองทัพใหม่ขึ้นในพสุธาแล้วพระเจ้าข้า "
" พจนามาสิ "
" นางมาหยารัศมีก่อกบฏ ตั้งตนเป็นเจ้า ใช้พระแสงปืนใหญ่ต่างอาวุธยุทธนาเข้าโจมตีพระเจ้าข้า "
" ต่ำเสียไม่มี ชาติไพร่คิดกลายพันธุ์ชัดๆ "
ตรัสพลางทรงกำพระหัตถาแน่น
ฉับพลันกันนั้น
เกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาท เรือพระที่นั่งสำรองพังพินาศไปสามลำ ฝุ่นธุลีควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เคล้าคลอกับเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่านางพระกำนัล เหล่านางพัดวีถูกเกณฑ์มาอย่างถ้วนหน้าเพื่อไปโบกฝุ่นให้จางหาย
" ยาไฉน อาเพทใดกัน ? "
มหาอำมาตย์ลีลาศไปคุมงาน โหราจารย์ทะยานเข้าทูลแทน
" ชะรอยนางมาหยารัศมีจะโจมตีเราแล้วพระเจ้าข้า "
พระนางแก้วกานดาทรงหันมาตบพระหัตถ์จึ่งตรัส
" ดีจ้ะดี น่าสนุกกันนะจ๊ะ "
" หึ... บ้าที่สุด "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงแลพระพักตร์ออกไกล
กระสุนปืนใหญ่ปะทุหลายลูก เสียงระเบิดลั่นสนั่นวนา แลสายชบก็สะเทือนสะท้าน เหล่าทหารกล้าอนันตาต่างล้มตายลง กระบวนเรือถูกทำลายร่อยหรอจนเหลือเพียงไม่กี่ลำ
ควันจางลง เจ้าฟ้ามูรตี พระนางแก้วกานดา โหราจารย์ และนางกำนัลทั้งหลายใบพักตร์เต็มไปด้วยรอยเขม่า ภูษาผ้านุ่งขาดวิ่นเป็นรอยปริ
เจ้าฟ้ามูรตีทรงผุดขึ้นด้วยพระท่วงทีหวั่นหวาดพลางตรัสลั่น
" กลับกรุง ! กลับกรุง ! "
ในที่สุด กระบวนพยุหยาตราซึ่งร่อยหรอลงไปมากก็หันเหกลับสู่กรุงอนันตาในทันที
- - - - - - - - -
ณ กรุงเถมรู
เจ้านางมาหยารัศมีทรงคุมพระแสงปืนใหญ่สุวรรณที่ทรงให้หล่อจากสำ เภาทองของพระนางศรีตะกุมะลากา ตัวกระบอกปืนนั้นยาวสามโยชน์ เป็นทองคำทั้งแท่ง ตัดแต่งฉลุลวดลายแบบเถมรูและภูธราผสมผสานกันอย่างวิจิตรพิสดารหลือบรรยาย
เจ้านางทรงผินพระพักตร์จากปากกระบอกปืนไปยังขอบฟ้าด้านหนึ่งซึ่ งมีกลุ่มควันอันมหาศาลโชยคลุ้งสู่นภากาศเบื้องบน
" กอบกิจครบ เราสามารถโจมตีกองทัพมูรตีได้ "
ดำรัสขึ้น
" มิควรสะดุดหยุดชะงักเพียงแค่นี้เพคะ "
โซซาร์ฏิตทูลจบ ปรันเปรินทูลต่อ
" หากหมายกอบกิจถ้วน สมควรถล่มอนันตา "
" ให้เหล่าญาติกามันวอดวายสิ้น "
ฎิวต์เสริมส่ง
เมื่อนั้น เจ้านางมาหยารัศมีทรงมีพระดำรัสลั่น
" วาจาชอบ... เล็งพระแสงปืนไปอนันตา "
" พระราชโองการเพคะ เจ้านาง "
ฎิวต์เอ่ยจบ เจ้านางมาหยารัศมีทรงเชิดพระศออย่างสมพระราชหฤทัยปองจึ่งตรัสด้วยพระสุรเสียงผงาด
" กรุงราบ !!! "
กระบอกปืนหันเหมุ่งสู่จุดหมายอย่างช้าๆ ด้วยการฉุดลากของบรรดาทหารหญิงหลายแสน
เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นเคล้าคลอกับเสียงวงเครื่องสายผสมมโหรีและปี่พาทย์ กระหึ่มประโคมเพลง อสุราบานผลาญพลโลก
ลูกกระสุนสีทองอร่ามตาอันเป็นทองคำแท้บรรจุดินระเบิดอยู่ภายในพุ่งทะยานแทรกหมู่เมฆาแลปักษิณที่บินร่อนอยู่ไปสู่จุดหมายในทันที
ในไม่ช้า ณ ตำแหน่งแหงที่กรุงอนันตาตั้งอยู่นั้น
บังเกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า เหล่าทหารหญิงแห่งเจ้านางมาหยารัศมีต่างโลดเต้นดีใจจนอึงคนึง
* * * * * * * * *
จบบทที่ 23 โปรดติดตามต่อบทที่ 24