“แหมพี่หนอยก็...ไม่เกรงใจชาวบ้านเลย หวานกันอยู่นั่นแหละ”
“อิจฉาเขาล่ะสิ อุตส่าห์วางเหยื่อไว้ตั้งหลายจุด แต่ไม่มีปลามาติดซักตัวน่าสงสารเนอะ” หมัดพูดเยาะเย้ยน้อง
พัดต่อให้ “ของแกพ่อเคยดูหมอไว้ ต้องรอถึงเลขห้าถึงจะได้แต่ง”
“บ้าเหรอพี่พัด ห้าสิบมีลูกก็วิ่งตามมันไม่ทันแล้ว”
ทุกคนตั้งวง ก่อไฟ หมากอาสาคุ้มน้องคอยย่างบาร์บีคิว ดวงเนตรเข้าไปหยิบกีต้าร์มาส่งให้หนอย “ไหวมั๊ยคะ” ดวงตาสบกันมองลึกเข้าไปถึง
ก้นบึ้งของหัวใจ หนอยรับมาลูบอย่างเบามือ ดวงเนตรขนมาจากห้องพักเขา และดูแลเป็นอย่างดี พี่พลยืมของพี่ภัทรมาเล่นคู่ ระหว่างรอพี่พลตั้งสาย
หนอยก็เดินเข้าไปหยิบตะกร้าสานใบย่อมมาวางด้านหน้า “เชิญมิตรรักแฟนเพลงช่วยแหลือเด็กผู้ยากไร้นะครับ เงินก้อนนี้จะขอมอบให้ลุงหมอเอา
ไปช่วยคนไทยที่เดือดร้อนเชิญครับ” เสียงหนอยประกาศก่อนเริ่มคอนเสิร์ต ดอกเตอรแฮรี่ขอเพลงคนแรก My endless love หนอยขึ้นอินโทรฯ
แล้วหลับตาพริ้มส่งเสียงนุ่มไพเราะเรียกคะแนนผู้ฟังให้เคลิ้ม ไปกับความรักที่หาที่สุดมิได้ของพี่หนอยที่มีต่อดวงเนตร พี่ภัทรมาทันฟังพอดี เขาเป่า
ปาก
“สุดยอด เอ๊ย! อย่างมองดวงเนตรนานเดี๋ยวก็ละลายหรอก” พี่ภัทรแหย่ ดอกเตอร์แฮรี่ประเดิมด้วยแบงค์ร้อยเหรียญปลิวลงตะกร้า
“ลุงหมอเอาเพลงอะไรครับ”
“น้ำเซาะทรายของจำรัส เศวตาภรณ์”
วิ่งหารักมาอ่อนใจ เอื่อยไหลซบทรายกระเซ็น ชื่นฉ่ำเย็นอยากเป็นน้ำเซาะทราย...
เพลงไพเราะชวนให้เคลิ้มไปกับเสียงเกลียวคลื่น ที่ซัดซาดเข้าหาฝั่ง และความรักที่รำพันอย่างเจ็บปวดของชีวิตหนึ่งซึ่งรอคอย ณ.ชายฝั่งที่
มีเสียงคลื่นมากระทบเป็นระยะดั่งเช่นบริบทแห่งความรัก เสียงผสมผสานกันอย่างลงตัวของสองหนุ่มและดนตรีที่เล่นทำให้มิตรรักแฟนเพลงโดน
กลืนหายไปหลายคนกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าสู่ฝั่ง ลุงหมอปรบมืออย่างพอใจ แบงค์หนึ่งร้อยเหรียญใบที่สองปลิวตามมา พี่หนอยถอดหมวกแล้วโค้งตัว
ให้ลุงหมอ ผมที่ยาวละบ่าถูกมัดไว้ด้วยหนังยาง สวมหมวกคาวบอย เสื้อตาสก๊อตแดงขาวทับด้วยเสื้อหนัง วันนี้หนอยมาดเท่ห์ดึงความหล่อของพี่
พลไปจนหมด แม้ตาขวาจะปิดด้วย eye shield แต่ตาอีกข้างส่งประกายระยิบให้ดวงเนตรตลอดเวลา คุณป้าขอเพลง รักข้ามขอบฟ้า นี่ก็ไพเราะ
จนทำให้สูงวัยยิ้มอย่างมีความสุข
“โอ๊ย! ทั้งหล่อ ทั้งเพราะ...” น้าวิวกระโกนใส่ หนอยยิ้มกว้าง พี่พลอมยิ้มเพราะน้าวิวสบตาอย่างเผลอตัว ป้าสุรีย์ถูกใจ
“ใบร้อยใบที่สามแล้วครับท่าน” หนอยเอ่ย หลังจากที่เหล็กรับจากคุณป้ามาหย่อนลงตะกร้า
“วันนี้เงินไม่เต็มไม่เลิกครับ” หนอยพูด
“บ้านแกสิ ขืนเต็มก็หมดตัวแล้วจะเหลือเงินช็อปปิงเหรอ” น้าวิวบ่น คืนนั้นขอตามมาอีกหลายเพลง เป็นความสุขที่ทุกคนมีร่วมกัน นี้แหละ
ชีวิตของพวกเราที่ระหกระเหินในต่างแดน ความสุขความทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า อุปสรรคที่ต้องอดทนและฝ่าฟัน และมิตรภาพอันยิ่งใหญ่
อาหารหมดตามด้วยส้มฟลอริด้าที่หวานเจี๊ยบ เปรี้ยวได้ใจ ถูกแจกไปจนหมดถาด เหล็กเป็นบริกรคอยเติมไวน์และเบียร์ ตัวเองก็ดื่มเข้าไป
หลายกระป๋อง “พวกเราคอทองแดงขอบอก ๆ ” เสียงบาร์เทนเดอร์เริ่มเพี้ยน พี่หนอยให้พี่พลเบรก ลงมาพักกินบาร์บิคิวที่เก็บเตรียมไว้ ตัวเองนั่งเกา
กีต้าร์รอแฟน ๆ ขอเพลงขึ้นมา แล้วพี่น้อยที่เพิ่งมุดออกมาจากเกลียวคลื่น ด้วยสายตายิ้มจนหยีและเยิ้มเพราะกระดกโรเซ่เข้าไปแล้วหลายแก้ว
“พี่น้อยขอบ้างนะค่ะ”
“ได้ครับคุณพี่คนสวย” หนอยแหย่พี่น้อย
“นั่นไงเมาน้ำเปล่าละสิถึงเห็นพี่น้อยสวย...ขอ I always love youค่ะ”
“จัดให้ครับ”ดนตรีขึ้นอินโทรฯ เกากีต้าร์แบบมือโปร...
****** I will always love you If I should stay
I would only on your way…So I will go but I know
I will think of you … And I will always love you…..uuh…
“โอ้พระเจ้า! เพราะม๊ากมากค่ะ” พี่น้อยโยนแบงค์ยี่สิบลงตะกร้า
“เฮ้ย ๆ ! พี่น้อยนั่นมันแบงค์ยี่สิบนะ” พี่ศิริออกอาการตกใจ เพราะปกติพี่น้อยจะประหยัดมาก
“ไม่เป็นไรคนร้องหล่อ” เธอทำตาเยิ้มใส่หนอย ทำให้ทุกคนได้เฮกับบทรักของเธอกับหนอย หนอยรับได้อยู่แล้วมุกนี้เขาทำตาหวานใส่พี่น้อย
ตอบ พี่น้อยหันไปยิ้มกับดวงเนตร เธอหัวเราะพี่น้อยที่เริ่มได้ที่แล้ว ดวงเนตรจิบไวน์แดงช้า ๆ แต่หมดไปแล้วสองแก้วเหมือนกัน หลังจากหยอกกับ
พี่น้อยแล้วพี่หนอยก็ไม่วายส่งสายตาไปถึงหัวใจของดวงเนตร
“เฮ้ย! อย่าหวานกันนักสิ เกรงใจคนดูบ้างส่งสัญาณรักกันอยู่นั่นแหละ” พี่ภัทรโวย
“อิจฉาเขาล่ะสิ ช่วยไม่ได้อยากลอยไป ๆ มา ๆ เลยไม่มีใครเอาซักคน” น้าวิวได้โอกาสเหมาะกัดพี่ภัทรอย่างตั้งใจ
“แหม! อย่างกับตัวเองหาได้แล้วงั้นแหละ” พี่ภัทรปะทะคารมด้วยอย่างสนุก
“น้าวิวเขามีคนแอบชอบอยู่นะครับ แต่เธอไม่ยอมเปิดประตูหัวใจให้ซะที” พี่พลเอ่ย
“เฮ้ย! พูดให้ตัวเองรึเปล่า” คราวนี้เข้าตัวเองอย่างจัง พากันหน้าแดงทั้งคู่ พวกผู้ใหญ่และเพื่อน ๆ หัวเราะถูกใจ นานทีน้าวิวจะโดนแบบหมัด
ตรงซะครั้ง...เซเลย เธอทำหน้างอใส่พี่ภัทร
“เดี๋ยวครับ พ่อแม่พี่น้องอย่าเพิ่งตีกันครับฟังเพลงต่อดีกว่า” หนอยหยุดวาทะกรรมวิวาท
แล้วคาวบอยก็ลงมาเปิบข้าวเหนียว เอ๊ย! กินบาร์บีคิว พี่พลขึ้นแทน ดวงเนตรส่งจานบาร์บีคิวให้ กับน้ำส้มแก้วใหญ่
“โอ้โฮ! ใจดำจังให้กินสองอย่างนี้มันไม่เข้ากันเลยนะน้องหนู” พี่หนอยโอดครวญ
“ห้ามเถียงพยาบาลนะคะ” ดวงเนตรขู่ พี่หนอยหันไปทางลุงหมอแบบอ้อน ๆ
“ไวน์สักครึ่งแก้วก็พอไหวนะเนตร”
“ขอบคุณครับ...ใจร้าย”
“ว่าใครค่ะ” เอานิ้วกระตุกขนที่แขนพี่หนอย
“โอ๊ย! เจ็บนะจ๊ะคนสวย คนป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา” ดวงเนตรยิ้ม พี่พลขึ้นไปบันเทิงเหล่าสาวกด้วยเพลงของเอวิส เพรสลี่
“Are you lonesome tonight” หนอยวางจานลง มือหนึ่งถือแก้ว อีกข้างโอบดวงเนตรไว้ชิดตัว ตาสบตากัน พี่พลบบรรเลงไปตามบริบทของ
เพลงแห่งความรัก
“Are you lonesome tonight … “ค่ำคืนแห่งความเงียบเหงา คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่าคนดี... หากหัวใจของเธอเจ็บปวด เพียงเอ่ยปาก ฉันจะโบยบินมาหา และโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของความรักอีกครั้งหนึ่ง...”
ทั้งสองนั่งโอบกัน ลมพัดมาเย็นสบาย ไออุ่นแห่งความรักกระจัดกระจายไปตามสายลม แม้แต่พี่ภัทรยังสัมผัสได้
“อะไรจะหวานได้ขนาดนั้นหนอย แกนี่มันสุดยอดจริง ๆ อย่างนี้ต่อให้ร้อยนางก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งละลายเข้าไปในหัวใจแกหมดแล้ว”
“มีอะไรเด็ด ๆ เอาออกมาแบ่งกันบ้างสิ” พี่ภัทรแซวไม่เลิก ผู้ใหญ่ทั้งสามมองดูพวกเด็กอย่างมีความสุข
เพลงพี่พลจบลง กองทุนลุงหมอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกำลังศรัทธาและน้ำหนักในกระเป๋า ทั้งเพลงที่มีนัยแห่งความรักที่อ่อนหวาน ตาพี่พลมองไปเรื่อย ๆ
และมาหยุดที่น้าวิว ทั้งพี่ศิริ และพี่น้อย ทำตาโต
“โอะโอ!”
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (62)...ต่อ
“อิจฉาเขาล่ะสิ อุตส่าห์วางเหยื่อไว้ตั้งหลายจุด แต่ไม่มีปลามาติดซักตัวน่าสงสารเนอะ” หมัดพูดเยาะเย้ยน้อง
พัดต่อให้ “ของแกพ่อเคยดูหมอไว้ ต้องรอถึงเลขห้าถึงจะได้แต่ง”
“บ้าเหรอพี่พัด ห้าสิบมีลูกก็วิ่งตามมันไม่ทันแล้ว”
ทุกคนตั้งวง ก่อไฟ หมากอาสาคุ้มน้องคอยย่างบาร์บีคิว ดวงเนตรเข้าไปหยิบกีต้าร์มาส่งให้หนอย “ไหวมั๊ยคะ” ดวงตาสบกันมองลึกเข้าไปถึง
ก้นบึ้งของหัวใจ หนอยรับมาลูบอย่างเบามือ ดวงเนตรขนมาจากห้องพักเขา และดูแลเป็นอย่างดี พี่พลยืมของพี่ภัทรมาเล่นคู่ ระหว่างรอพี่พลตั้งสาย
หนอยก็เดินเข้าไปหยิบตะกร้าสานใบย่อมมาวางด้านหน้า “เชิญมิตรรักแฟนเพลงช่วยแหลือเด็กผู้ยากไร้นะครับ เงินก้อนนี้จะขอมอบให้ลุงหมอเอา
ไปช่วยคนไทยที่เดือดร้อนเชิญครับ” เสียงหนอยประกาศก่อนเริ่มคอนเสิร์ต ดอกเตอรแฮรี่ขอเพลงคนแรก My endless love หนอยขึ้นอินโทรฯ
แล้วหลับตาพริ้มส่งเสียงนุ่มไพเราะเรียกคะแนนผู้ฟังให้เคลิ้ม ไปกับความรักที่หาที่สุดมิได้ของพี่หนอยที่มีต่อดวงเนตร พี่ภัทรมาทันฟังพอดี เขาเป่า
ปาก
“สุดยอด เอ๊ย! อย่างมองดวงเนตรนานเดี๋ยวก็ละลายหรอก” พี่ภัทรแหย่ ดอกเตอร์แฮรี่ประเดิมด้วยแบงค์ร้อยเหรียญปลิวลงตะกร้า
“ลุงหมอเอาเพลงอะไรครับ”
“น้ำเซาะทรายของจำรัส เศวตาภรณ์”
วิ่งหารักมาอ่อนใจ เอื่อยไหลซบทรายกระเซ็น ชื่นฉ่ำเย็นอยากเป็นน้ำเซาะทราย...
เพลงไพเราะชวนให้เคลิ้มไปกับเสียงเกลียวคลื่น ที่ซัดซาดเข้าหาฝั่ง และความรักที่รำพันอย่างเจ็บปวดของชีวิตหนึ่งซึ่งรอคอย ณ.ชายฝั่งที่
มีเสียงคลื่นมากระทบเป็นระยะดั่งเช่นบริบทแห่งความรัก เสียงผสมผสานกันอย่างลงตัวของสองหนุ่มและดนตรีที่เล่นทำให้มิตรรักแฟนเพลงโดน
กลืนหายไปหลายคนกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าสู่ฝั่ง ลุงหมอปรบมืออย่างพอใจ แบงค์หนึ่งร้อยเหรียญใบที่สองปลิวตามมา พี่หนอยถอดหมวกแล้วโค้งตัว
ให้ลุงหมอ ผมที่ยาวละบ่าถูกมัดไว้ด้วยหนังยาง สวมหมวกคาวบอย เสื้อตาสก๊อตแดงขาวทับด้วยเสื้อหนัง วันนี้หนอยมาดเท่ห์ดึงความหล่อของพี่
พลไปจนหมด แม้ตาขวาจะปิดด้วย eye shield แต่ตาอีกข้างส่งประกายระยิบให้ดวงเนตรตลอดเวลา คุณป้าขอเพลง รักข้ามขอบฟ้า นี่ก็ไพเราะ
จนทำให้สูงวัยยิ้มอย่างมีความสุข
“โอ๊ย! ทั้งหล่อ ทั้งเพราะ...” น้าวิวกระโกนใส่ หนอยยิ้มกว้าง พี่พลอมยิ้มเพราะน้าวิวสบตาอย่างเผลอตัว ป้าสุรีย์ถูกใจ
“ใบร้อยใบที่สามแล้วครับท่าน” หนอยเอ่ย หลังจากที่เหล็กรับจากคุณป้ามาหย่อนลงตะกร้า
“วันนี้เงินไม่เต็มไม่เลิกครับ” หนอยพูด
“บ้านแกสิ ขืนเต็มก็หมดตัวแล้วจะเหลือเงินช็อปปิงเหรอ” น้าวิวบ่น คืนนั้นขอตามมาอีกหลายเพลง เป็นความสุขที่ทุกคนมีร่วมกัน นี้แหละ
ชีวิตของพวกเราที่ระหกระเหินในต่างแดน ความสุขความทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า อุปสรรคที่ต้องอดทนและฝ่าฟัน และมิตรภาพอันยิ่งใหญ่
อาหารหมดตามด้วยส้มฟลอริด้าที่หวานเจี๊ยบ เปรี้ยวได้ใจ ถูกแจกไปจนหมดถาด เหล็กเป็นบริกรคอยเติมไวน์และเบียร์ ตัวเองก็ดื่มเข้าไป
หลายกระป๋อง “พวกเราคอทองแดงขอบอก ๆ ” เสียงบาร์เทนเดอร์เริ่มเพี้ยน พี่หนอยให้พี่พลเบรก ลงมาพักกินบาร์บิคิวที่เก็บเตรียมไว้ ตัวเองนั่งเกา
กีต้าร์รอแฟน ๆ ขอเพลงขึ้นมา แล้วพี่น้อยที่เพิ่งมุดออกมาจากเกลียวคลื่น ด้วยสายตายิ้มจนหยีและเยิ้มเพราะกระดกโรเซ่เข้าไปแล้วหลายแก้ว
“พี่น้อยขอบ้างนะค่ะ”
“ได้ครับคุณพี่คนสวย” หนอยแหย่พี่น้อย
“นั่นไงเมาน้ำเปล่าละสิถึงเห็นพี่น้อยสวย...ขอ I always love youค่ะ”
“จัดให้ครับ”ดนตรีขึ้นอินโทรฯ เกากีต้าร์แบบมือโปร...
****** I will always love you If I should stay
I would only on your way…So I will go but I know
I will think of you … And I will always love you…..uuh…
“โอ้พระเจ้า! เพราะม๊ากมากค่ะ” พี่น้อยโยนแบงค์ยี่สิบลงตะกร้า
“เฮ้ย ๆ ! พี่น้อยนั่นมันแบงค์ยี่สิบนะ” พี่ศิริออกอาการตกใจ เพราะปกติพี่น้อยจะประหยัดมาก
“ไม่เป็นไรคนร้องหล่อ” เธอทำตาเยิ้มใส่หนอย ทำให้ทุกคนได้เฮกับบทรักของเธอกับหนอย หนอยรับได้อยู่แล้วมุกนี้เขาทำตาหวานใส่พี่น้อย
ตอบ พี่น้อยหันไปยิ้มกับดวงเนตร เธอหัวเราะพี่น้อยที่เริ่มได้ที่แล้ว ดวงเนตรจิบไวน์แดงช้า ๆ แต่หมดไปแล้วสองแก้วเหมือนกัน หลังจากหยอกกับ
พี่น้อยแล้วพี่หนอยก็ไม่วายส่งสายตาไปถึงหัวใจของดวงเนตร
“เฮ้ย! อย่าหวานกันนักสิ เกรงใจคนดูบ้างส่งสัญาณรักกันอยู่นั่นแหละ” พี่ภัทรโวย
“อิจฉาเขาล่ะสิ ช่วยไม่ได้อยากลอยไป ๆ มา ๆ เลยไม่มีใครเอาซักคน” น้าวิวได้โอกาสเหมาะกัดพี่ภัทรอย่างตั้งใจ
“แหม! อย่างกับตัวเองหาได้แล้วงั้นแหละ” พี่ภัทรปะทะคารมด้วยอย่างสนุก
“น้าวิวเขามีคนแอบชอบอยู่นะครับ แต่เธอไม่ยอมเปิดประตูหัวใจให้ซะที” พี่พลเอ่ย
“เฮ้ย! พูดให้ตัวเองรึเปล่า” คราวนี้เข้าตัวเองอย่างจัง พากันหน้าแดงทั้งคู่ พวกผู้ใหญ่และเพื่อน ๆ หัวเราะถูกใจ นานทีน้าวิวจะโดนแบบหมัด
ตรงซะครั้ง...เซเลย เธอทำหน้างอใส่พี่ภัทร
“เดี๋ยวครับ พ่อแม่พี่น้องอย่าเพิ่งตีกันครับฟังเพลงต่อดีกว่า” หนอยหยุดวาทะกรรมวิวาท
แล้วคาวบอยก็ลงมาเปิบข้าวเหนียว เอ๊ย! กินบาร์บีคิว พี่พลขึ้นแทน ดวงเนตรส่งจานบาร์บีคิวให้ กับน้ำส้มแก้วใหญ่
“โอ้โฮ! ใจดำจังให้กินสองอย่างนี้มันไม่เข้ากันเลยนะน้องหนู” พี่หนอยโอดครวญ
“ห้ามเถียงพยาบาลนะคะ” ดวงเนตรขู่ พี่หนอยหันไปทางลุงหมอแบบอ้อน ๆ
“ไวน์สักครึ่งแก้วก็พอไหวนะเนตร”
“ขอบคุณครับ...ใจร้าย”
“ว่าใครค่ะ” เอานิ้วกระตุกขนที่แขนพี่หนอย
“โอ๊ย! เจ็บนะจ๊ะคนสวย คนป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา” ดวงเนตรยิ้ม พี่พลขึ้นไปบันเทิงเหล่าสาวกด้วยเพลงของเอวิส เพรสลี่
“Are you lonesome tonight” หนอยวางจานลง มือหนึ่งถือแก้ว อีกข้างโอบดวงเนตรไว้ชิดตัว ตาสบตากัน พี่พลบบรรเลงไปตามบริบทของ
เพลงแห่งความรัก
“Are you lonesome tonight … “ค่ำคืนแห่งความเงียบเหงา คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่าคนดี... หากหัวใจของเธอเจ็บปวด เพียงเอ่ยปาก ฉันจะโบยบินมาหา และโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของความรักอีกครั้งหนึ่ง...”
ทั้งสองนั่งโอบกัน ลมพัดมาเย็นสบาย ไออุ่นแห่งความรักกระจัดกระจายไปตามสายลม แม้แต่พี่ภัทรยังสัมผัสได้
“อะไรจะหวานได้ขนาดนั้นหนอย แกนี่มันสุดยอดจริง ๆ อย่างนี้ต่อให้ร้อยนางก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งละลายเข้าไปในหัวใจแกหมดแล้ว”
“มีอะไรเด็ด ๆ เอาออกมาแบ่งกันบ้างสิ” พี่ภัทรแซวไม่เลิก ผู้ใหญ่ทั้งสามมองดูพวกเด็กอย่างมีความสุข
เพลงพี่พลจบลง กองทุนลุงหมอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกำลังศรัทธาและน้ำหนักในกระเป๋า ทั้งเพลงที่มีนัยแห่งความรักที่อ่อนหวาน ตาพี่พลมองไปเรื่อย ๆ
และมาหยุดที่น้าวิว ทั้งพี่ศิริ และพี่น้อย ทำตาโต
“โอะโอ!”