หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (43)...อุบัติเหตุ
สายมากแล้ว ดวงเนตรทำธุระเก็บห้องเรียบร้อย แต่ยังไม่มีวี่แววพี่หนอย เธอเดินไปมาแล้วตัดสินใจวิ่งมาที่ห้องน้าวิว เสียงเคาะประตู
“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อก”
“น้าวิว พี่หนอยหายไปไหนคะ”
“อ้าว! ยังไม่มาเหรอ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวน้าจะลองโทรหาพลหน่อย ว่าพอรู้ไหมหนอยไปทำธุระอะไร ดวงเนตรนั่งก่อนนะ” น้าวิวยังไม่ได้ทันโทรหาพลพี่น้อยกับพี่ศิริวิ่งหน้าตื่น
มา
“น้าวิวเปิดทีวีค่ะ เครื่องบินจากเซนต์หลุยส์ไปชิคาโก เมื่อเช้านี้สไลด์ออกจากรันเวย์เครื่องระเบิด มีคนรอดออกมาได้แค่ครึ่งเดียว” สีหน้าน้าวิว
และดวงเนตรซีดเผือด
“ศิริโทรหาพลเร็ว หนอยมันไปไหนหรือเปล่า” พี่น้อยหน้าเริ่มเสีย มีพี่ศิริตั้งสติได้คนเดียว พี่ศิริวางสายหลังคุยเสร็จ ตัวเธอรูดลงไปกองกับพื้น
ท่านั้นกระชากดวงใจดวงเนตรให้หลุดออกไปเรียบร้อยแล้ว
“บอกมาไว ๆ ว่าไง” น้าวิวเร่ง
“ชูพล ๆ บอกว่า หนอยบินไปกับดอกเตอร์แฮรี่เมื่อเช้านี้ไปพรีเซ้นต์งานที่ชิคาโก พี่พลกำลังเช็กดูว่าเป็นเที่ยวบินไหน” ทุกคนอยู่ในอาการ
เดียวกันหมด เมื่อพลมาถึงดวงเนตรมีแต่น้ำตาที่ไหลริน น้าวิวสะอื้นเบา ๆ
“พล ๆ คนละเที่ยวบินใช่ไหม” เสียงถามด้วยความหวัง
“เที่ยวที่ตกครับ” ดวงเนตรล้มพับไปกับพื้นห้อง พี่พลรีบเข้ามาประคอง น้าวิวปล่อยโฮ ส่วนพี่น้อยนั่งร้องไห้เงียบ ๆ ที่มุมห้อง พี่ศิริน้ำตาไห้
พราก แต่ยังพอมีแรงไปหยิบยาดมมาให้พล แล้วคว้าพัดมาโบกใกล้ ๆ
เสียงพี่พลเรียก “เนตร ๆ ๆ ” ครู่หนึ่งเธอลืมตาขึ้น น้ำตาไหลรินไม่หยุดยั้ง ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ เพราะความเจ็บปวดที่สุดมันลงลึกไปถึงขั้วหัวใจ
ความปวดร้าวดั่งใจจะขาด แล้วเสียงสะอื้นที่เก็บกลืนลงไปก็เปล่งออกมาถี่หยิบ เธอรู้แต่ว่าทั้งตัวสะท้านไปหมด โลกทั้งโลกของดวงเนตรถล่มทลาย
จนหมดสิ้น
ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่พลคนเดียวแล้วเพราะแต่ละคนหมดสภาพไปตามกัน
“ทุกคนฟังพี่พลพูดนะครับเราต้องเข้มแข็งไว้ เพราะทางโน้นยังไม่มีรายละเอียดของผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต ทุกคนต้องมีความหวังว่าหนอย
เป็นหนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิต” ทุกคนคล้อยตาม ดวงเนตรคิด
“ใช่! ตราบใดที่เนตรไม่เห็นหรือเจอพี่หนอย พี่หนอยจะยังคงกลับมาหาเนตรนะคะ”
“พี่พลคิดว่าเราไปหาลุงหมอ เพราะหลานชายแกเป็นแพทย์นิติเวชอยู่ที่ชิคาโก”
“ดี ๆ ! ไปเอารถมาเร็ว”
“รถอยู่ข้างล่างแล้วครับ” พี่ศิริหยิบแซนวิชติดมือมาพร้อมน้ำสองขวด รถขับมาถึงหน้าบ้านลุงหมอ ดวงเนตรถลันตัวตรงไปที่ประตู
ลุงหมอกำลังออกมาดูว่าใครมา เขาเปิดประตู...คนที่โผมาหาลุงหมอเป็นคนแรกคือดวงเนตร
“ลุงหมอคะ...ช่วยเนตรด้วย ๆ ” ลุงหมอโอบเธอไว้...ตัวสั่นเทา เสียงสะอื้นไห้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“มา ๆ เข้ามาในบ้านกันก่อน”
ป้าสุรีย์รีบเข้ามาประคองพาไปห้องรับแขก ทั้งคู่มองดูเด็กกลุ่มนี้มีอาการคล้าย ๆ กัน มีแต่พลที่แม้จะเสียใจ แต่ทำหน้าที่อย่างมีสติ ชูพลเล่า
เรื่องหนอยให้คุณลุงคุณป้าฟัง ทั้งสองตารื่นเช่นกันแล้วถอนใจ
ป้าสุรีย์เทน้ำส้มมาให้ดวงเนตร แล้วบอกให้พี่พลเทให้ทุกคน “เนตรฟังป้านะลูก หนอยเขาเป็นคนดีพระย่อมคุ้มครอง เขาไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก
เขามีหนูที่คอยอยู่ ถึงเราจะต้องค้นหากันกี่วันกี่คืน หนูต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะพาเนตรไปพบเขา” ดวงเนตรเงยหน้ามองคุณป้าแล้วพยักหน้า ป้าสุรีย์ยื่นแก้วน้ำส้มมาให้
“ดื่มให้หมดนะลูกจะได้มีแรง”
“ลุงหมอคะ คือ...” ดวงเนตรพูดแล้วสะดุด พี่พลเลยต่อให้
“ลุงหมอครับ พี่ภัทรอยู่หน่วยนิติเวชที่ชิคาโกให้เขาช่วยเราได้ไหมครับ” ลุงหมอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ความสูญเสียมันผ่านเข้าออกในชีวิตของทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง เขาและภรรยาก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบากที่สูญเสียลูกสาวคนเล็กเมื่อสอง
ปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง ลุงหมอมองไปที่ดวงเนตร...ส่วนเด็กคนนี้ยิ่งกว่าลูกนกปีกหัก ร่ำไห้อยู่ต่อหน้า สายตาที่มองมาเหมือนเขาเป็นที่พึ่งที่เดียวที่มีอยู่
เสียงถอนใจยาวแล้วเอ่ยว่า
“เอาล่ะ ลุงกับพลและดวงเนตรจะบินไปชิคาโกวันนี้ คุณสุรีย์ช่วยติดต่อสายการบินเที่ยวที่ไวที่สุด”
“ค่ะ”
คุณป้าเข้าไปในครัวโทรจองตั๋ว “ได้แล้วค่ะพ่อ เที่ยวเที่ยงสี่สิบห้า”
“ดีแล้ว ลุงว่าพลโทรบอกพี่วรรณก่อน”
“ครับผม”
“คุณช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้สักสองสามชุด ของพลยืมภัทร (หลานชายลุงหมอ)ใส่ก็พอไหว ส่วนดวงเนตร...แม่ยังเก็บชุดของสุรีภรณ์ไว้
บ้างไหม”
“ค่ะ พอมีอยู่เดี๋ยวไปจัดให้สองกระเป๋าค่ะ” ดวงเนตรก้มลงกราบบนตักคุณป้า
“บุญรักษานะลูก”
พอคุณป้าลุก พี่น้อยก็เข้ามากอดดวงเนตร พูดเบา ๆ เริ่มเล่าเรื่องความสูญเสียของคนรอบข้าง
“พี่น้อยเล่าไม่ได้หมายความว่าเนตรจะเป็นหนึ่งในผู้สูญเสียสิ่งที่รัก เพียงแค่ให้รู้ว่าชีวิตแต่ละคนผ่านหลายสิ่งในชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ น้าวิวกับ
ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว พอตั้งสติได้ไม่นานก็มาเสียดวงแก้วน้องสาวเพราะอุบัติเหตุ พี่พลก็นอนเป็นผักอยู่หลายปี หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ไม่มี
สักวันที่พี่วรรณจะละทิ้งความหวังและกำลังใจจนพี่พลหาย ดวงเนตรต้องเข้มแข็ง จำคำพี่น้อยนะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ลุงหมอก็เพิ่งเสียลูกสาวไป
เมื่อสองปีก่อนด้วยโรคร้าย อย่าละทิ้งความหวังแม้มันจะริบหรี่เหมือนแสงเทียนที่ปลายอุโมงค์” ดวงเนตรยกมือขึ้นไหว้น้ำตาไหลอาบหน้า
น้าวิวนั่งใกล้ ๆ พี่ศิริ เหตุที่เกิดกับหนอยคือความสูญเสียอีกครั้งของเธอ
'อีกแล้วหรือ.... ดวงเนตรที่แกรักเหมือนน้องสาว กับหนอยที่แกให้ความคุ้นเคยและเอ็นดู’ น้ำตายังคงไหลริน พี่ศิริเอาแขนโอบเพื่อนเข้า
มาชิด
“เฮ้อ! คนหนึ่งเสียคนในครอบครัวโดมิโน่ไปสองคน ส่วนดวงเนตรถ้าหาหนอยไม่พบ เธอคงมีแต่ร่างที่ไร้หัวใจ” พี่ศิริพูดกับตัวเองเบา ๆ
สัมภาระเตรียมเรียบร้อยแล้ว ป้าสุรีย์ให้แท็กซี่มารับไปสนามบิน ลุงหมอหันมาถาม
“พลบอกพี่วรรณแล้วนะ”
“ครับผม แกกับจอร์จจะไปสวดมนต์ที่โบสถ์แกหวังว่าเราจะหาหนอยพบไว ๆ ”
“แท็กซี่มาแล้ว ลุงหมอไปก่อนนะ พวกเราก็อยู่เป็นเพื่อนป้าเขาที่นี่ก่อน”
“ค่ะลุงหมอไม่ต้องห่วงนะคะ” พี่ศิริรับปาก
ทุกคนเช็กกระเป๋าเรียบร้อย ไม่นานก็มีเสียงประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง พอได้เวลาเครื่องบินวิ่งขึ้นจากรันเวย์ และทะยานขึ้นสู่ฟาก
ฟ้าจุดหมายปลายทางที่ชิคาโก
เครื่องลดระดับเข้าจอดที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อย ที่นี่คือที่แรกที่ดวงเนตรลงเหยียบบนแผ่นดินนี้ แต่การกลับมาอีกครั้ง มันแตกต่างกับครั้ง
ที่มาถึงใหม่ ๆ อย่างสิ้นเชิง ครั้งแรกที่มาถึง...มาด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและอนาคตในดินแดนแห่งใหม่ ครั้งนี้มาในลักษณะหมดสภาพ
เพื่อตามหาคนที่ตนมอบหัวใจไปให้แล้วหมดทั้งดวง สนามบินค่อนข้างพลุกพล่าน สืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุเมื่อเช้า ผู้คนส่วนหนึ่งเป็นเหมือนดวงเนตร
คือมาที่นี่เพื่อตามหาคนในครอบครัวอันเป็นที่รัก มีจุดบริการเหตุฉุกเฉินตั้งขึ้นเฉพาะกิจ สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นตอนเช้าวันนี้ ให้บริการสอบถาม
ให้ข้อมูล รวมถึงการรับฝากกระเป๋า และอื่น ๆ
ลุงหมอพามาฝากสัมภาระก่อนแล้วเดินออกมา
“ลุงหมอทางนี้ครับ” เสียงห้าว ๆ ตะโกนเรียกอยู่ไม่ไกล ลุงหมอโทรให้ภัทรมารับตรงจุดนี้ คนที่ตะโกนเรียกคือพี่ภัทรเป็นลูกน้องชายลุงหมอ
พ่อและแม่มาคลอดพี่ภัทรที่นี่เลยได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ พอพ่อแม่เรียนจบก็ฝากพี่ภัทรไว้กับลุงหมอก่อน รอให้งานเข้าที่แล้วจะมารับ
แต่ภัทรไม่ยอมกลับเอาไปเอามาเลยทำงานอยู่ที่นี่ ลุงหมอเล่าให้ฟังแบบฉบับย่อตอนอยู่บนเครื่อง พี่ภัทรรูปร่างสูงโปร่ง สูงไล่ ๆ พี่พล แต่ตัวหนากว่า
ผิวสองสี ตาคมโต เท่านั้นเองที่ดวงเนตรมองแบบผ่าน ๆ หลังจากสวัสดีกันแล้ว ลุงหมอแนะนำหลานว่าดวงเนตรเป็นแฟนหนอย
“อ้าวร้องไห้ซะตาสวยช้ำหมดมันหมายความว่า...” ภัทรไม่อยากเดาเรื่องต่อ เพราะในอดีตหนอยจะขับรถพาพี่วรรณไป ๆ มา ๆ ดูแลชูพล
จนเขาหาย ทั้งสามเลยค่อนข้างคุ้นเคยกัน
“โอ้พระเจ้า! นี่มาตามหาหนอยเหรอครับ” เสียงอุทานฟังตกใจและหดหู่
“ครับพี่ภัทร หนอยมาพรีเชนต์งานกับดอกเตอร์แฮรี่”
“อ้อ! ใช่แล้ว ดอกเตอร์แฮรี่จากคาร์บอนเดล ที่ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อสายวันนี้ครับ” พี่ภัทรบอกชื่อโรงพยาบาล ลุงหมอพยักหน้า
“ภัทรพาเราเข้าไปได้แค่ไหน” ลุงหมอถามขึ้น
“ตามมาทางนี้เลยครับ” เขาพาเดินเข้าทางประตูที่เขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น เลยเข้าไปเป็นรั้วมีผู้คนมากมายมาเกาะรั้ว รอดูว่าการค้น
หาคนที่ตนมารอ ว่าจะออกมาในสภาพไหน ภายในเข้าไปอีกไม่ไกลนัก มีเชือกสีเหลืองคาดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุและจุดค้นหา ลุงหมอกับพี่ภัทรเข้า
ได้ ลุงหมอแสดงบัตร พี่ภัทรเป็นเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ก่อนเข้าไปลุงหมอถามดวงเนตรว่า...อยู่คนเดียวสักครู่ใหญ่ได้ไหม ดวงเนตรพยักหน้า น้ำตา
ร่วงรินลงมาตามร่องแก้ม เมื่อเห็นเครื่องบินระเบิดกระจาย ชิ้นส่วนเครื่องบิน และเลือดกองเป็นหย่อม ๆ ความวุ่นวายยังคงมีอยู่...วิกฤต น้ำตา ศรัทธา
และความหวัง...ความหวังที่ริบหรี่
ก่อนเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ “ลุงหมอจะให้พลไปตามหาดอกเตอร์แฮรี่ที่โรงพยาบาล” ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดียวกับตอนพี่พลพักรักษาตัวอยู่
“ไปถูกนะ”
“ครับ” พี่พลตอบ
“สอบถามรายละเอียดมาให้มากที่สุดเข้าใจไหม”
“ครับผม”
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (43)...อุบัติเหตุ
สายมากแล้ว ดวงเนตรทำธุระเก็บห้องเรียบร้อย แต่ยังไม่มีวี่แววพี่หนอย เธอเดินไปมาแล้วตัดสินใจวิ่งมาที่ห้องน้าวิว เสียงเคาะประตู
“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อก”
“น้าวิว พี่หนอยหายไปไหนคะ”
“อ้าว! ยังไม่มาเหรอ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวน้าจะลองโทรหาพลหน่อย ว่าพอรู้ไหมหนอยไปทำธุระอะไร ดวงเนตรนั่งก่อนนะ” น้าวิวยังไม่ได้ทันโทรหาพลพี่น้อยกับพี่ศิริวิ่งหน้าตื่น
มา
“น้าวิวเปิดทีวีค่ะ เครื่องบินจากเซนต์หลุยส์ไปชิคาโก เมื่อเช้านี้สไลด์ออกจากรันเวย์เครื่องระเบิด มีคนรอดออกมาได้แค่ครึ่งเดียว” สีหน้าน้าวิว
และดวงเนตรซีดเผือด
“ศิริโทรหาพลเร็ว หนอยมันไปไหนหรือเปล่า” พี่น้อยหน้าเริ่มเสีย มีพี่ศิริตั้งสติได้คนเดียว พี่ศิริวางสายหลังคุยเสร็จ ตัวเธอรูดลงไปกองกับพื้น
ท่านั้นกระชากดวงใจดวงเนตรให้หลุดออกไปเรียบร้อยแล้ว
“บอกมาไว ๆ ว่าไง” น้าวิวเร่ง
“ชูพล ๆ บอกว่า หนอยบินไปกับดอกเตอร์แฮรี่เมื่อเช้านี้ไปพรีเซ้นต์งานที่ชิคาโก พี่พลกำลังเช็กดูว่าเป็นเที่ยวบินไหน” ทุกคนอยู่ในอาการ
เดียวกันหมด เมื่อพลมาถึงดวงเนตรมีแต่น้ำตาที่ไหลริน น้าวิวสะอื้นเบา ๆ
“พล ๆ คนละเที่ยวบินใช่ไหม” เสียงถามด้วยความหวัง
“เที่ยวที่ตกครับ” ดวงเนตรล้มพับไปกับพื้นห้อง พี่พลรีบเข้ามาประคอง น้าวิวปล่อยโฮ ส่วนพี่น้อยนั่งร้องไห้เงียบ ๆ ที่มุมห้อง พี่ศิริน้ำตาไห้
พราก แต่ยังพอมีแรงไปหยิบยาดมมาให้พล แล้วคว้าพัดมาโบกใกล้ ๆ
เสียงพี่พลเรียก “เนตร ๆ ๆ ” ครู่หนึ่งเธอลืมตาขึ้น น้ำตาไหลรินไม่หยุดยั้ง ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ เพราะความเจ็บปวดที่สุดมันลงลึกไปถึงขั้วหัวใจ
ความปวดร้าวดั่งใจจะขาด แล้วเสียงสะอื้นที่เก็บกลืนลงไปก็เปล่งออกมาถี่หยิบ เธอรู้แต่ว่าทั้งตัวสะท้านไปหมด โลกทั้งโลกของดวงเนตรถล่มทลาย
จนหมดสิ้น
ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่พลคนเดียวแล้วเพราะแต่ละคนหมดสภาพไปตามกัน
“ทุกคนฟังพี่พลพูดนะครับเราต้องเข้มแข็งไว้ เพราะทางโน้นยังไม่มีรายละเอียดของผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต ทุกคนต้องมีความหวังว่าหนอย
เป็นหนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิต” ทุกคนคล้อยตาม ดวงเนตรคิด
“ใช่! ตราบใดที่เนตรไม่เห็นหรือเจอพี่หนอย พี่หนอยจะยังคงกลับมาหาเนตรนะคะ”
“พี่พลคิดว่าเราไปหาลุงหมอ เพราะหลานชายแกเป็นแพทย์นิติเวชอยู่ที่ชิคาโก”
“ดี ๆ ! ไปเอารถมาเร็ว”
“รถอยู่ข้างล่างแล้วครับ” พี่ศิริหยิบแซนวิชติดมือมาพร้อมน้ำสองขวด รถขับมาถึงหน้าบ้านลุงหมอ ดวงเนตรถลันตัวตรงไปที่ประตู
ลุงหมอกำลังออกมาดูว่าใครมา เขาเปิดประตู...คนที่โผมาหาลุงหมอเป็นคนแรกคือดวงเนตร
“ลุงหมอคะ...ช่วยเนตรด้วย ๆ ” ลุงหมอโอบเธอไว้...ตัวสั่นเทา เสียงสะอื้นไห้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“มา ๆ เข้ามาในบ้านกันก่อน”
ป้าสุรีย์รีบเข้ามาประคองพาไปห้องรับแขก ทั้งคู่มองดูเด็กกลุ่มนี้มีอาการคล้าย ๆ กัน มีแต่พลที่แม้จะเสียใจ แต่ทำหน้าที่อย่างมีสติ ชูพลเล่า
เรื่องหนอยให้คุณลุงคุณป้าฟัง ทั้งสองตารื่นเช่นกันแล้วถอนใจ
ป้าสุรีย์เทน้ำส้มมาให้ดวงเนตร แล้วบอกให้พี่พลเทให้ทุกคน “เนตรฟังป้านะลูก หนอยเขาเป็นคนดีพระย่อมคุ้มครอง เขาไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก
เขามีหนูที่คอยอยู่ ถึงเราจะต้องค้นหากันกี่วันกี่คืน หนูต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะพาเนตรไปพบเขา” ดวงเนตรเงยหน้ามองคุณป้าแล้วพยักหน้า ป้าสุรีย์ยื่นแก้วน้ำส้มมาให้
“ดื่มให้หมดนะลูกจะได้มีแรง”
“ลุงหมอคะ คือ...” ดวงเนตรพูดแล้วสะดุด พี่พลเลยต่อให้
“ลุงหมอครับ พี่ภัทรอยู่หน่วยนิติเวชที่ชิคาโกให้เขาช่วยเราได้ไหมครับ” ลุงหมอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ความสูญเสียมันผ่านเข้าออกในชีวิตของทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง เขาและภรรยาก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบากที่สูญเสียลูกสาวคนเล็กเมื่อสอง
ปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง ลุงหมอมองไปที่ดวงเนตร...ส่วนเด็กคนนี้ยิ่งกว่าลูกนกปีกหัก ร่ำไห้อยู่ต่อหน้า สายตาที่มองมาเหมือนเขาเป็นที่พึ่งที่เดียวที่มีอยู่
เสียงถอนใจยาวแล้วเอ่ยว่า
“เอาล่ะ ลุงกับพลและดวงเนตรจะบินไปชิคาโกวันนี้ คุณสุรีย์ช่วยติดต่อสายการบินเที่ยวที่ไวที่สุด”
“ค่ะ”
คุณป้าเข้าไปในครัวโทรจองตั๋ว “ได้แล้วค่ะพ่อ เที่ยวเที่ยงสี่สิบห้า”
“ดีแล้ว ลุงว่าพลโทรบอกพี่วรรณก่อน”
“ครับผม”
“คุณช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้สักสองสามชุด ของพลยืมภัทร (หลานชายลุงหมอ)ใส่ก็พอไหว ส่วนดวงเนตร...แม่ยังเก็บชุดของสุรีภรณ์ไว้
บ้างไหม”
“ค่ะ พอมีอยู่เดี๋ยวไปจัดให้สองกระเป๋าค่ะ” ดวงเนตรก้มลงกราบบนตักคุณป้า
“บุญรักษานะลูก”
พอคุณป้าลุก พี่น้อยก็เข้ามากอดดวงเนตร พูดเบา ๆ เริ่มเล่าเรื่องความสูญเสียของคนรอบข้าง
“พี่น้อยเล่าไม่ได้หมายความว่าเนตรจะเป็นหนึ่งในผู้สูญเสียสิ่งที่รัก เพียงแค่ให้รู้ว่าชีวิตแต่ละคนผ่านหลายสิ่งในชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ น้าวิวกับ
ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว พอตั้งสติได้ไม่นานก็มาเสียดวงแก้วน้องสาวเพราะอุบัติเหตุ พี่พลก็นอนเป็นผักอยู่หลายปี หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ไม่มี
สักวันที่พี่วรรณจะละทิ้งความหวังและกำลังใจจนพี่พลหาย ดวงเนตรต้องเข้มแข็ง จำคำพี่น้อยนะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ลุงหมอก็เพิ่งเสียลูกสาวไป
เมื่อสองปีก่อนด้วยโรคร้าย อย่าละทิ้งความหวังแม้มันจะริบหรี่เหมือนแสงเทียนที่ปลายอุโมงค์” ดวงเนตรยกมือขึ้นไหว้น้ำตาไหลอาบหน้า
น้าวิวนั่งใกล้ ๆ พี่ศิริ เหตุที่เกิดกับหนอยคือความสูญเสียอีกครั้งของเธอ
'อีกแล้วหรือ.... ดวงเนตรที่แกรักเหมือนน้องสาว กับหนอยที่แกให้ความคุ้นเคยและเอ็นดู’ น้ำตายังคงไหลริน พี่ศิริเอาแขนโอบเพื่อนเข้า
มาชิด
“เฮ้อ! คนหนึ่งเสียคนในครอบครัวโดมิโน่ไปสองคน ส่วนดวงเนตรถ้าหาหนอยไม่พบ เธอคงมีแต่ร่างที่ไร้หัวใจ” พี่ศิริพูดกับตัวเองเบา ๆ
สัมภาระเตรียมเรียบร้อยแล้ว ป้าสุรีย์ให้แท็กซี่มารับไปสนามบิน ลุงหมอหันมาถาม
“พลบอกพี่วรรณแล้วนะ”
“ครับผม แกกับจอร์จจะไปสวดมนต์ที่โบสถ์แกหวังว่าเราจะหาหนอยพบไว ๆ ”
“แท็กซี่มาแล้ว ลุงหมอไปก่อนนะ พวกเราก็อยู่เป็นเพื่อนป้าเขาที่นี่ก่อน”
“ค่ะลุงหมอไม่ต้องห่วงนะคะ” พี่ศิริรับปาก
ทุกคนเช็กกระเป๋าเรียบร้อย ไม่นานก็มีเสียงประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง พอได้เวลาเครื่องบินวิ่งขึ้นจากรันเวย์ และทะยานขึ้นสู่ฟาก
ฟ้าจุดหมายปลายทางที่ชิคาโก
เครื่องลดระดับเข้าจอดที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อย ที่นี่คือที่แรกที่ดวงเนตรลงเหยียบบนแผ่นดินนี้ แต่การกลับมาอีกครั้ง มันแตกต่างกับครั้ง
ที่มาถึงใหม่ ๆ อย่างสิ้นเชิง ครั้งแรกที่มาถึง...มาด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและอนาคตในดินแดนแห่งใหม่ ครั้งนี้มาในลักษณะหมดสภาพ
เพื่อตามหาคนที่ตนมอบหัวใจไปให้แล้วหมดทั้งดวง สนามบินค่อนข้างพลุกพล่าน สืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุเมื่อเช้า ผู้คนส่วนหนึ่งเป็นเหมือนดวงเนตร
คือมาที่นี่เพื่อตามหาคนในครอบครัวอันเป็นที่รัก มีจุดบริการเหตุฉุกเฉินตั้งขึ้นเฉพาะกิจ สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นตอนเช้าวันนี้ ให้บริการสอบถาม
ให้ข้อมูล รวมถึงการรับฝากกระเป๋า และอื่น ๆ
ลุงหมอพามาฝากสัมภาระก่อนแล้วเดินออกมา
“ลุงหมอทางนี้ครับ” เสียงห้าว ๆ ตะโกนเรียกอยู่ไม่ไกล ลุงหมอโทรให้ภัทรมารับตรงจุดนี้ คนที่ตะโกนเรียกคือพี่ภัทรเป็นลูกน้องชายลุงหมอ
พ่อและแม่มาคลอดพี่ภัทรที่นี่เลยได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ พอพ่อแม่เรียนจบก็ฝากพี่ภัทรไว้กับลุงหมอก่อน รอให้งานเข้าที่แล้วจะมารับ
แต่ภัทรไม่ยอมกลับเอาไปเอามาเลยทำงานอยู่ที่นี่ ลุงหมอเล่าให้ฟังแบบฉบับย่อตอนอยู่บนเครื่อง พี่ภัทรรูปร่างสูงโปร่ง สูงไล่ ๆ พี่พล แต่ตัวหนากว่า
ผิวสองสี ตาคมโต เท่านั้นเองที่ดวงเนตรมองแบบผ่าน ๆ หลังจากสวัสดีกันแล้ว ลุงหมอแนะนำหลานว่าดวงเนตรเป็นแฟนหนอย
“อ้าวร้องไห้ซะตาสวยช้ำหมดมันหมายความว่า...” ภัทรไม่อยากเดาเรื่องต่อ เพราะในอดีตหนอยจะขับรถพาพี่วรรณไป ๆ มา ๆ ดูแลชูพล
จนเขาหาย ทั้งสามเลยค่อนข้างคุ้นเคยกัน
“โอ้พระเจ้า! นี่มาตามหาหนอยเหรอครับ” เสียงอุทานฟังตกใจและหดหู่
“ครับพี่ภัทร หนอยมาพรีเชนต์งานกับดอกเตอร์แฮรี่”
“อ้อ! ใช่แล้ว ดอกเตอร์แฮรี่จากคาร์บอนเดล ที่ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อสายวันนี้ครับ” พี่ภัทรบอกชื่อโรงพยาบาล ลุงหมอพยักหน้า
“ภัทรพาเราเข้าไปได้แค่ไหน” ลุงหมอถามขึ้น
“ตามมาทางนี้เลยครับ” เขาพาเดินเข้าทางประตูที่เขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น เลยเข้าไปเป็นรั้วมีผู้คนมากมายมาเกาะรั้ว รอดูว่าการค้น
หาคนที่ตนมารอ ว่าจะออกมาในสภาพไหน ภายในเข้าไปอีกไม่ไกลนัก มีเชือกสีเหลืองคาดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุและจุดค้นหา ลุงหมอกับพี่ภัทรเข้า
ได้ ลุงหมอแสดงบัตร พี่ภัทรเป็นเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ก่อนเข้าไปลุงหมอถามดวงเนตรว่า...อยู่คนเดียวสักครู่ใหญ่ได้ไหม ดวงเนตรพยักหน้า น้ำตา
ร่วงรินลงมาตามร่องแก้ม เมื่อเห็นเครื่องบินระเบิดกระจาย ชิ้นส่วนเครื่องบิน และเลือดกองเป็นหย่อม ๆ ความวุ่นวายยังคงมีอยู่...วิกฤต น้ำตา ศรัทธา
และความหวัง...ความหวังที่ริบหรี่
ก่อนเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ “ลุงหมอจะให้พลไปตามหาดอกเตอร์แฮรี่ที่โรงพยาบาล” ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดียวกับตอนพี่พลพักรักษาตัวอยู่
“ไปถูกนะ”
“ครับ” พี่พลตอบ
“สอบถามรายละเอียดมาให้มากที่สุดเข้าใจไหม”
“ครับผม”