
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (25)...มวยไทย ศิลปะชาติไทย
สามสาวกลับจากงานมา พี่น้อยยกมือขึ้นจะเคาะประตู น้าวิวคว้าไว้ เพราะเสียงในห้องเงียบผิดปกติ ทั้งสามคนเดินเข้ามายืนมองอยู่ใกล้ ๆ
แล้วยิ้ม ทั้งหมดมีความรู้สึกใกล้เคียงกัน เหนื่อยจนหลับสนิททั้งคู่เลย...น้าวิวคิดด้วยความสงสาร แต่ออกหมั่นไส้ท่านอนของหนอย
“ตื่นได้แล้วค่ะ”เสียงนุ่มของพี่น้อยปลุก ดวงเนตรรู้สึกตัวก่อน ลืมตาขึ้นออกอาการตกใจเพราะที่เห็นคือพี่หนอยก็หลับด้วย แถมไถลซบลงบนหมอนข้างใบหน้าไม่ห่างกัน หนอยตื่นทีหลังเห็นท่านอนของตัวเองแล้วทำหน้าไม่ถูก
“ผมเผลอหลับไป...ขอโทษ” คำขอโทษ หนอยพูดขณะหันมาทางดวงเนตรซึ่งลุกขึ้นนั่งแล้ว
พี่ศิริแกล้งแหย่ “ไม่ยกโทษให้ ขนาดพี่เข้ามาตั้งพักหนึ่งยังไม่รู้สึกตัวเลยนะพ่อองครักษ์ยอดรัก” ดวงเนตรแก้มแดงเมื่อนึกถึงว่าทั้งสามคนเข้า
มาได้ครู่หนึ่งแล้ว
“นอนหลับสนิทแบบนี้ถ้าลูกสาวเขาหายจะไปเอาที่ไหนมาใช้ ฮือ!” น้านิดทำเสียงเข้ม
“ตัวโตขนาดนี้ใครเขาจะขโมยไปได้น้าวิวก็ เอากันใหญ่เหนื่อยขนาดหลับคาเก้าอี้ แทนที่จะสงสารเล่นงานกันใหญ่เลยนะครับ” หนอยต่อว่า
“อ้าว ๆ ! ลุกขึ้นล้างหน้า แล้วมากินข้าวกัน รู้ไหมว่าจะทุ่มหนึ่งแล้วนะ”
“วันนี้มีข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวค่ะ” พี่น้อยนำเสนอเมนูอาหาร
“สุดยอดเลย ดวงเนตรคงถูกใจแน่” หนอยเอ่ย
“ช่วงนี้เนตรกินอาหารฝรั่งไม่ค่อยได้ เป็นอาหารไทยรสแซ่บอย่างนี้น่าจะดีกว่า” หนอยพูดอย่างเป็นห่วง
“น้องเขาคงเหนื่อยเลยไม่เจริญอาหาร นี่น้าวิวลงมือเองเลยนะ” พี่น้อยบอก ดวงเนตรล้างหน้าออกมาพอดี
“เยี่ยมเลย กำลังอยากกินอะไรเผ็ด ๆ พอดี ขอบพระคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาเร็ว ! เดี๋ยวเย็นหมด” มื้อเย็นอิ่มกันถ้วนหน้า
“นี่ขนาดกะเผื่อแล้วนะเกือบไม่พอ” พี่ศิริพูดขึ้น
“ใครยังไม่อิ่มคะ ช่วงนี้เชอรี่กำลังออก สวย กรอบ น่ากินพี่น้อยล้างสะอาดแล้ว” เธอวางตะกร้าลง ทุกคนร่วมมือกันจัดการกับเชอรี่แสนอร่อย
ไม่นานหมดเกลี้ยง
“เอ้า! อิ่มแล้วแยกกันกลับห้องดีกว่า” เจ๊ใหญ่พูดขึ้น
“หนอยแกดูให้เนตรกินนมก่อนนอนด้วย แล้วรีบ ๆ กลับนะ”
“OK! ครับเจ๊”
วันนี้เป็นวันแข่งขัน ดวงเนตรตื่นไปวิ่งแต่เช้า แล้วกลับมาอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จออกมาเจอพี่พลและพี่หนอยรออยู่แล้ว ทั้งสามกินอาหารกล่อง
ส่วนดวงเนตรตามด้วยนมหนึ่งแก้ว พี่พลให้รอก่อน เขาว่าจะออกไปธุระสักครึ่งชั่วโมงแล้วจะมารับไปฝึกซ้อม ทั้งหมดตรงไปที่ยิมซ้อมได้อีกหนึ่งรอบ
กลับมาแยกกันไปอาบน้ำ ส่วนพี่พลตรงไปที่งาน หนอยกลับมาอีกทีดวงเนตรอาบน้ำแล้ว กำลังนั่งเอนหลังพักบนเตียง
“ลงมาเลยที่รัก มาให้นวดซะดี ๆ แล้วค่อยงีบหลับสักพัก” หนอยเตรียมเก้าอี้นั่งแล้วนวดให้เธอ
“สบายตัวจังเลย ทำอย่างนี้ทุกวันได้ไหมคะ”
“คร้าบผม ไม่เห็นใจคนเป็นพี่เลี้ยงเลยนะ”
“เห็นสิคะว่าอยู่ตรงนี้” พูดแล้วเอามือมาจิ้มที่หน้าอก เขาคว้ามือเธอมาแล้วยกขึ้นจูบเบา ๆ
“วันนี้อย่าให้ถึงกับเลือดตกยางออกนะจ๊ะ” เสียงหนอยอ้อน ดวงเนตรยิ้มให้ ความจริงระดับหนอยไม่โดนเจ็บง่าย ๆ อยู่แล้ว ที่ผ่านมาเพราะ
ประมาทสาวน้อยเท่านั้น
การแสดงจัดในห้องโถงใหญ่จุคนได้นับพันคน การแสดงทุกปีผู้คนจะให้ความสนใจมากกับเรื่องมวยไทย เพราะประเทศต่าง ๆ ล้วนมีสิ่ง
สวยงามมาโชว์ทุกปีเหมือน ๆ เดิม แต่มวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่มีชื่อไปทั่วโลก
น้าวิวกลับมาที่หออีกทีช่วงบ่ายโมงครึ่ง
“เป็นไงพร้อมไหม” ถามขึ้น...ดูจะเป็นกังวล ดวงเนตรว่าทุกคนที่ลุ้นล้วนเป็นกังวลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนเล่น แต่หนอยดูจะเฉย ๆ เพราะการ
แข่งขันเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ สำหรับเขาซะแล้ว
“เกินร้อยครับผม”
“เออ! ดีแล้ว ดวงเนตรอยู่ไหนล่ะ”
“มาแล้วนั้นไง” ดวงเนตรอยู่ในชุดกีฬารัดกุมสีดำดูทะมัดทะแมง ผ้าพันข้อมือพร้อม ผมถักเปียแน่นแล้วรวบขึ้นพันทับด้วยผ้าแถบแดง ขาว
น้ำเงิน ขาว แดง...ธงชาติไทย
“สุดยอดเลย ไปเอาผ้าพันผมมาจากไหนจ๊ะ”
“พี่วรรณทำแล้วฝากพี่พลมาให้ค่ะ”
“น้าวิวครับผมว่า ดวงเนตรเขาแต่งชุดไทยได้อย่างสวยงาม คนทั่วไปเห็นแบบนั้นมาตลอดงาน วันสุดท้ายเป็นนักมวยเฉยเลย มันชอบกล
นะครับ”
“น้าวิวก็คิดอยู่ ครั้งแรก ๆ เรายังแทบไม่เชื่อเลยเอาไงดีนะ”
“แต่ผมว่าฝรั่งมองคนเอเชียแยกกันไม่ค่อยออก...ไทย จีน ญี่ปุ่น น้องแต่งตัวรัดกุม อีกอย่างมองจากเวทีไม่ใช่มองแบบประชิด น่าจะไม่มี
ปัญหานะครับ” ความคิดของพี่พลก็โอเค จากสาวสวยหวาน กลายเป็นสาวเท่ก็ด้วยการแต่งกายชุดนักกีฬา
“เนตรจัดเต็มเลยนะ ไอ้ตี๋ก็แชมป์เก่าน่าจะรับมือได้”
“เนตรกลัวพลาดจังนะพี่หนอย พอเครื่องติดกลัวจะยั้งมือไม่ทันค่ะ”
“เอาเถอะครับ พี่หนอยจะระวังตัว”
ทั้งหมดยกขบวนไปยังสถานที่แสดงด้วยรถพี่พล อุปกรณ์พร้อม ดวงเนตรมองออกไปจากหลังเวที เห็นพี่วรรณมากับจอร์ชแถวหน้า และ
ส่วนที่กั้นไว้ให้ผู้สูงอายุเข้าออกสะดวก กลุ่มป้าแมรี่กับลุงพอลมาครบทีม พวกสูงวัยอยากมาเป็นแรงเชียร์แรงใจให้กับนักศึกษาไทย ผู้ชมเข้ามาจน
เต็มน่าจะเป็นผลจากการการแต่งกายชุดไทยได้สวยงามน่าชื่นชมและจัดบูธได้น่าสนใจ การแสดงโชว์ช่วงนี้มีการวางเสริมเก้าอี้ด้วย
“ตายแล้วคนเยอะมากเลยพี่หนอย” ตอนนี้ในใจดวงเนตรมีพี่หนอยเป็นที่พึ่งเท่านั้น คงเป็นเพราะมาดเขานิ่งมากในยามนี้ มองดูสุขุมด้วย
พี่หนอยเข้ามาโอบพูดกับดวงเนตรเสียงนุ่ม
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เราต้องมั่นใจ ทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และที่สำคัญพี่หนอยอยู่นี่แล้วไง” คำสุดท้ายฟังดูอ่อนโยน
เพราะมันออกมาจากหัวใจของเขานั่นเอง ทั้งคู่นั่งลงรอใกล้ ๆ กันมือเขาจับมือดวงเนตรบีบ
พี่พลเข้ามาหลังเวที จวนถึงรอบเราซึ่งเป็นโชว์สุดท้าย เขาตรวจเช็คผ้าพันมือ สวมนวมเสร็จแล้วหันไปช่วยหนอยคาดเป้าท้องขณะที่หนอย
สวมเป้าหมัดเอง ได้เวลาดวงเนตรออกมาพร้อมพี่หนอย หนอยแยกมายืนห่าง ขณะที่หญิงสาวไหว้รอบทั้งสี่ทิศ ผู้ชมปรบมือกันดังลั่น และทุกคน
พร้อมใจกันลุกขึ้น เมื่อพี่พลในชุดกีฬา...โบกธงไทยปลิวสะบัด อีกด้านพี่ศิริในชุดไทยอัญเชิญพระบรมรูปของในหลวงขึ้นมาด้วย
“โอ้! สวยงามจริง ๆ ” เสียงจอร์ชตะโกน พี่วรรณไม่ต้องพูดถึงมองภาพที่เห็นด้วยความชื่นชม สายตามองมาที่ดวงเนตรอย่างภูมิใจ
เสียงเริ่มเงียบเมื่อผู้นำทีมลงจากเวที เสียงปี่พาทย์ดังมาจากเครื่องเสียงบนเวทีคือคู่ชก ดวงเนตรเริ่มไหว้ครูด้วยท่านกยูงลำแพนและสอด
สร้อยมาลา เธอคุกเข่าลงเท้าซ้ายวางแนบพื้น เข่าขวาตั้งขึ้นกระดกปลายเท้าขึ้นลงเป็นจังหวะ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะในท่าไหว้ควงหมัดเป็นวงไปมา
สามรอบ แล้วคลี่ออกเหมือนนกยูงรำแพน ยกมือซ้ายขนานหน้าอกเป็นแนวฉาก ส่วนมือขวาหมุนตวัดเข้าออกสามรอบในท่าสอดสร้อยมาลา ท่าทาง
มั่นคงแข็งแรง
ดวงเนตรยกมือขึ้นจดศีรษะอีกรอบ ยืนตัวตรงในท่าตั้งการ์ดป้องมือทั้งสองไว้ที่ตาและกกหู เธอสืบเท้าเป็นจังหวะเข้าหาเป้า แล้วปล่อยหมัด
ตรงซ้าย ขวา ซ้าย สองชุดรัวติดกัน หนอยเซเพราะไม่คิดว่าสาวน้อยจะปล่อยหมัดรัว และเร็วกว่าที่ฝึกซ้อม ด้วยความแรงและเร็วเป็นชุดขนาดนี้
หนอยนึกขอบคุณพระเจ้าที่ส่งอุปกรณ์ป้องกันตัวมาให้ ดวงเนตรใช้จังหวะเซเข้าเตะขวาเต็ม ๆ อีกสองที หนอยย้ายเป้ารับแทบไม่ทัน เธอไม่ปล่อย
จังหวะตามติดปล่อยหมัดอีกเข้าเป้ารับเต็มที่ ด้วยแรงเหวี่ยงและบิดลำตัวตาม ต่อด้วยอัพเพอะคัทซ้ายขวา และหมัดฮุกแบบยั้งไม่ทัน เข้าปลายคาง
หนอยเต็ม ๆ เลือดทะลัก ดวงเนตรไม่ทันเห็นเลือดเพียงแต่รู้ว่าหมัดนั้นยั้งไม่ทัน เธอยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นเครื่องหมายของชุดสุดท้าย เท้ายังตั้งไว้มั่น ซ้าย
เป็นหลักวาดเท้าเป็นครึ่งวงกลมหมุนตัวตามเตะซ้าย หมุนอีกค่รึ่งวงเอียงตัวเป็นแนวระนาบเหวี่ยงปลายเท้าขวาเตะเข้าก้านคอในท่าจระเข้ฟาดหาง
แต่ชุดนี้ดวงเนตรกระตุกเท้ากับทันทีที่แตะก้านคอ พี่พลรีบออกมาเอาตัวหนอยเข้าไปก่อน หญิงสาวกราดไหว้สี่ทิศแล้วรีบเข้าไปด้านหลัง
“พี่หน่อย ๆ ตายแล้ว ๆ เลือด” พี่พลกับน้าวิวกำลังเช็ดหน้าและห้ามเลือดอยู่ คนที่ช่วยใครไม่ได้คือดวงเนตรเพราะน้องหนูไม่คิดว่ามันจะ
พลาดแรงขนาดนี้ เธอทรุดตัวลงแล้วร้องไห้เสียงสะอื้นเหมือนโดนเจ็บเอง หนอยขยับตัวเข้ามาโอบดวงเนตรไว้
“เนตรครับพี่หนอยไม่เป็นอะไรมาก...หยุดร้องเถอะ”
“เป็นอะไรมากไหมพล” น้าวิวถาม
“ไม่มากครับฟันคงไปกระทบกับริมฝีปาก เลือดหยุดแล้ว เดี๋ยวเอาน้ำแข็งประคบหน่อยคงไม่บวม”
“พี่หนอย...เนตรขอโทษค่ะ” เสียงสะอื้นยังไม่หยุด ใบหน้าซบอยู่กับอกอุ่น สอดมือกอดเอวไว้เหมือนกลัวว่าจะหายไป
หลังงาน International Festival “ปีนี้พี่ไทยกวาดทั้งสองรางวัล รางวัลชนะเลิศการแข่งขันมวยไทย และรางวัลชนะเลิศบูธที่มีคนให้ความสนใจ
มากที่สุด” เสียงพี่พลประกาศกับกลุ่มนักศึกษาไทย ทุกคนลุกขึ้นและปรบมือให้พวกเรากันเองเสียงดัง งานฉลองจัดขึ้นที่ร้านอาหารจีน พี่พลติดต่อ
มิสเตอร์จาง ขอจัดเป็นพิเศษเฉพาะนักศึกษาไทย
โดยปิดรับลูกค้าอื่นซึ่งก็OK! เพราะเขารู้จักกันดี
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (25)...มวยไทย ศิลปะไทย
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (25)...มวยไทย ศิลปะชาติไทย
สามสาวกลับจากงานมา พี่น้อยยกมือขึ้นจะเคาะประตู น้าวิวคว้าไว้ เพราะเสียงในห้องเงียบผิดปกติ ทั้งสามคนเดินเข้ามายืนมองอยู่ใกล้ ๆ
แล้วยิ้ม ทั้งหมดมีความรู้สึกใกล้เคียงกัน เหนื่อยจนหลับสนิททั้งคู่เลย...น้าวิวคิดด้วยความสงสาร แต่ออกหมั่นไส้ท่านอนของหนอย
“ตื่นได้แล้วค่ะ”เสียงนุ่มของพี่น้อยปลุก ดวงเนตรรู้สึกตัวก่อน ลืมตาขึ้นออกอาการตกใจเพราะที่เห็นคือพี่หนอยก็หลับด้วย แถมไถลซบลงบนหมอนข้างใบหน้าไม่ห่างกัน หนอยตื่นทีหลังเห็นท่านอนของตัวเองแล้วทำหน้าไม่ถูก
“ผมเผลอหลับไป...ขอโทษ” คำขอโทษ หนอยพูดขณะหันมาทางดวงเนตรซึ่งลุกขึ้นนั่งแล้ว
พี่ศิริแกล้งแหย่ “ไม่ยกโทษให้ ขนาดพี่เข้ามาตั้งพักหนึ่งยังไม่รู้สึกตัวเลยนะพ่อองครักษ์ยอดรัก” ดวงเนตรแก้มแดงเมื่อนึกถึงว่าทั้งสามคนเข้า
มาได้ครู่หนึ่งแล้ว
“นอนหลับสนิทแบบนี้ถ้าลูกสาวเขาหายจะไปเอาที่ไหนมาใช้ ฮือ!” น้านิดทำเสียงเข้ม
“ตัวโตขนาดนี้ใครเขาจะขโมยไปได้น้าวิวก็ เอากันใหญ่เหนื่อยขนาดหลับคาเก้าอี้ แทนที่จะสงสารเล่นงานกันใหญ่เลยนะครับ” หนอยต่อว่า
“อ้าว ๆ ! ลุกขึ้นล้างหน้า แล้วมากินข้าวกัน รู้ไหมว่าจะทุ่มหนึ่งแล้วนะ”
“วันนี้มีข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวค่ะ” พี่น้อยนำเสนอเมนูอาหาร
“สุดยอดเลย ดวงเนตรคงถูกใจแน่” หนอยเอ่ย
“ช่วงนี้เนตรกินอาหารฝรั่งไม่ค่อยได้ เป็นอาหารไทยรสแซ่บอย่างนี้น่าจะดีกว่า” หนอยพูดอย่างเป็นห่วง
“น้องเขาคงเหนื่อยเลยไม่เจริญอาหาร นี่น้าวิวลงมือเองเลยนะ” พี่น้อยบอก ดวงเนตรล้างหน้าออกมาพอดี
“เยี่ยมเลย กำลังอยากกินอะไรเผ็ด ๆ พอดี ขอบพระคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาเร็ว ! เดี๋ยวเย็นหมด” มื้อเย็นอิ่มกันถ้วนหน้า
“นี่ขนาดกะเผื่อแล้วนะเกือบไม่พอ” พี่ศิริพูดขึ้น
“ใครยังไม่อิ่มคะ ช่วงนี้เชอรี่กำลังออก สวย กรอบ น่ากินพี่น้อยล้างสะอาดแล้ว” เธอวางตะกร้าลง ทุกคนร่วมมือกันจัดการกับเชอรี่แสนอร่อย
ไม่นานหมดเกลี้ยง
“เอ้า! อิ่มแล้วแยกกันกลับห้องดีกว่า” เจ๊ใหญ่พูดขึ้น
“หนอยแกดูให้เนตรกินนมก่อนนอนด้วย แล้วรีบ ๆ กลับนะ”
“OK! ครับเจ๊”
วันนี้เป็นวันแข่งขัน ดวงเนตรตื่นไปวิ่งแต่เช้า แล้วกลับมาอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จออกมาเจอพี่พลและพี่หนอยรออยู่แล้ว ทั้งสามกินอาหารกล่อง
ส่วนดวงเนตรตามด้วยนมหนึ่งแก้ว พี่พลให้รอก่อน เขาว่าจะออกไปธุระสักครึ่งชั่วโมงแล้วจะมารับไปฝึกซ้อม ทั้งหมดตรงไปที่ยิมซ้อมได้อีกหนึ่งรอบ
กลับมาแยกกันไปอาบน้ำ ส่วนพี่พลตรงไปที่งาน หนอยกลับมาอีกทีดวงเนตรอาบน้ำแล้ว กำลังนั่งเอนหลังพักบนเตียง
“ลงมาเลยที่รัก มาให้นวดซะดี ๆ แล้วค่อยงีบหลับสักพัก” หนอยเตรียมเก้าอี้นั่งแล้วนวดให้เธอ
“สบายตัวจังเลย ทำอย่างนี้ทุกวันได้ไหมคะ”
“คร้าบผม ไม่เห็นใจคนเป็นพี่เลี้ยงเลยนะ”
“เห็นสิคะว่าอยู่ตรงนี้” พูดแล้วเอามือมาจิ้มที่หน้าอก เขาคว้ามือเธอมาแล้วยกขึ้นจูบเบา ๆ
“วันนี้อย่าให้ถึงกับเลือดตกยางออกนะจ๊ะ” เสียงหนอยอ้อน ดวงเนตรยิ้มให้ ความจริงระดับหนอยไม่โดนเจ็บง่าย ๆ อยู่แล้ว ที่ผ่านมาเพราะ
ประมาทสาวน้อยเท่านั้น
การแสดงจัดในห้องโถงใหญ่จุคนได้นับพันคน การแสดงทุกปีผู้คนจะให้ความสนใจมากกับเรื่องมวยไทย เพราะประเทศต่าง ๆ ล้วนมีสิ่ง
สวยงามมาโชว์ทุกปีเหมือน ๆ เดิม แต่มวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่มีชื่อไปทั่วโลก
น้าวิวกลับมาที่หออีกทีช่วงบ่ายโมงครึ่ง
“เป็นไงพร้อมไหม” ถามขึ้น...ดูจะเป็นกังวล ดวงเนตรว่าทุกคนที่ลุ้นล้วนเป็นกังวลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนเล่น แต่หนอยดูจะเฉย ๆ เพราะการ
แข่งขันเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ สำหรับเขาซะแล้ว
“เกินร้อยครับผม”
“เออ! ดีแล้ว ดวงเนตรอยู่ไหนล่ะ”
“มาแล้วนั้นไง” ดวงเนตรอยู่ในชุดกีฬารัดกุมสีดำดูทะมัดทะแมง ผ้าพันข้อมือพร้อม ผมถักเปียแน่นแล้วรวบขึ้นพันทับด้วยผ้าแถบแดง ขาว
น้ำเงิน ขาว แดง...ธงชาติไทย
“สุดยอดเลย ไปเอาผ้าพันผมมาจากไหนจ๊ะ”
“พี่วรรณทำแล้วฝากพี่พลมาให้ค่ะ”
“น้าวิวครับผมว่า ดวงเนตรเขาแต่งชุดไทยได้อย่างสวยงาม คนทั่วไปเห็นแบบนั้นมาตลอดงาน วันสุดท้ายเป็นนักมวยเฉยเลย มันชอบกล
นะครับ”
“น้าวิวก็คิดอยู่ ครั้งแรก ๆ เรายังแทบไม่เชื่อเลยเอาไงดีนะ”
“แต่ผมว่าฝรั่งมองคนเอเชียแยกกันไม่ค่อยออก...ไทย จีน ญี่ปุ่น น้องแต่งตัวรัดกุม อีกอย่างมองจากเวทีไม่ใช่มองแบบประชิด น่าจะไม่มี
ปัญหานะครับ” ความคิดของพี่พลก็โอเค จากสาวสวยหวาน กลายเป็นสาวเท่ก็ด้วยการแต่งกายชุดนักกีฬา
“เนตรจัดเต็มเลยนะ ไอ้ตี๋ก็แชมป์เก่าน่าจะรับมือได้”
“เนตรกลัวพลาดจังนะพี่หนอย พอเครื่องติดกลัวจะยั้งมือไม่ทันค่ะ”
“เอาเถอะครับ พี่หนอยจะระวังตัว”
ทั้งหมดยกขบวนไปยังสถานที่แสดงด้วยรถพี่พล อุปกรณ์พร้อม ดวงเนตรมองออกไปจากหลังเวที เห็นพี่วรรณมากับจอร์ชแถวหน้า และ
ส่วนที่กั้นไว้ให้ผู้สูงอายุเข้าออกสะดวก กลุ่มป้าแมรี่กับลุงพอลมาครบทีม พวกสูงวัยอยากมาเป็นแรงเชียร์แรงใจให้กับนักศึกษาไทย ผู้ชมเข้ามาจน
เต็มน่าจะเป็นผลจากการการแต่งกายชุดไทยได้สวยงามน่าชื่นชมและจัดบูธได้น่าสนใจ การแสดงโชว์ช่วงนี้มีการวางเสริมเก้าอี้ด้วย
“ตายแล้วคนเยอะมากเลยพี่หนอย” ตอนนี้ในใจดวงเนตรมีพี่หนอยเป็นที่พึ่งเท่านั้น คงเป็นเพราะมาดเขานิ่งมากในยามนี้ มองดูสุขุมด้วย
พี่หนอยเข้ามาโอบพูดกับดวงเนตรเสียงนุ่ม
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เราต้องมั่นใจ ทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และที่สำคัญพี่หนอยอยู่นี่แล้วไง” คำสุดท้ายฟังดูอ่อนโยน
เพราะมันออกมาจากหัวใจของเขานั่นเอง ทั้งคู่นั่งลงรอใกล้ ๆ กันมือเขาจับมือดวงเนตรบีบ
พี่พลเข้ามาหลังเวที จวนถึงรอบเราซึ่งเป็นโชว์สุดท้าย เขาตรวจเช็คผ้าพันมือ สวมนวมเสร็จแล้วหันไปช่วยหนอยคาดเป้าท้องขณะที่หนอย
สวมเป้าหมัดเอง ได้เวลาดวงเนตรออกมาพร้อมพี่หนอย หนอยแยกมายืนห่าง ขณะที่หญิงสาวไหว้รอบทั้งสี่ทิศ ผู้ชมปรบมือกันดังลั่น และทุกคน
พร้อมใจกันลุกขึ้น เมื่อพี่พลในชุดกีฬา...โบกธงไทยปลิวสะบัด อีกด้านพี่ศิริในชุดไทยอัญเชิญพระบรมรูปของในหลวงขึ้นมาด้วย
“โอ้! สวยงามจริง ๆ ” เสียงจอร์ชตะโกน พี่วรรณไม่ต้องพูดถึงมองภาพที่เห็นด้วยความชื่นชม สายตามองมาที่ดวงเนตรอย่างภูมิใจ
เสียงเริ่มเงียบเมื่อผู้นำทีมลงจากเวที เสียงปี่พาทย์ดังมาจากเครื่องเสียงบนเวทีคือคู่ชก ดวงเนตรเริ่มไหว้ครูด้วยท่านกยูงลำแพนและสอด
สร้อยมาลา เธอคุกเข่าลงเท้าซ้ายวางแนบพื้น เข่าขวาตั้งขึ้นกระดกปลายเท้าขึ้นลงเป็นจังหวะ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะในท่าไหว้ควงหมัดเป็นวงไปมา
สามรอบ แล้วคลี่ออกเหมือนนกยูงรำแพน ยกมือซ้ายขนานหน้าอกเป็นแนวฉาก ส่วนมือขวาหมุนตวัดเข้าออกสามรอบในท่าสอดสร้อยมาลา ท่าทาง
มั่นคงแข็งแรง
ดวงเนตรยกมือขึ้นจดศีรษะอีกรอบ ยืนตัวตรงในท่าตั้งการ์ดป้องมือทั้งสองไว้ที่ตาและกกหู เธอสืบเท้าเป็นจังหวะเข้าหาเป้า แล้วปล่อยหมัด
ตรงซ้าย ขวา ซ้าย สองชุดรัวติดกัน หนอยเซเพราะไม่คิดว่าสาวน้อยจะปล่อยหมัดรัว และเร็วกว่าที่ฝึกซ้อม ด้วยความแรงและเร็วเป็นชุดขนาดนี้
หนอยนึกขอบคุณพระเจ้าที่ส่งอุปกรณ์ป้องกันตัวมาให้ ดวงเนตรใช้จังหวะเซเข้าเตะขวาเต็ม ๆ อีกสองที หนอยย้ายเป้ารับแทบไม่ทัน เธอไม่ปล่อย
จังหวะตามติดปล่อยหมัดอีกเข้าเป้ารับเต็มที่ ด้วยแรงเหวี่ยงและบิดลำตัวตาม ต่อด้วยอัพเพอะคัทซ้ายขวา และหมัดฮุกแบบยั้งไม่ทัน เข้าปลายคาง
หนอยเต็ม ๆ เลือดทะลัก ดวงเนตรไม่ทันเห็นเลือดเพียงแต่รู้ว่าหมัดนั้นยั้งไม่ทัน เธอยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นเครื่องหมายของชุดสุดท้าย เท้ายังตั้งไว้มั่น ซ้าย
เป็นหลักวาดเท้าเป็นครึ่งวงกลมหมุนตัวตามเตะซ้าย หมุนอีกค่รึ่งวงเอียงตัวเป็นแนวระนาบเหวี่ยงปลายเท้าขวาเตะเข้าก้านคอในท่าจระเข้ฟาดหาง
แต่ชุดนี้ดวงเนตรกระตุกเท้ากับทันทีที่แตะก้านคอ พี่พลรีบออกมาเอาตัวหนอยเข้าไปก่อน หญิงสาวกราดไหว้สี่ทิศแล้วรีบเข้าไปด้านหลัง
“พี่หน่อย ๆ ตายแล้ว ๆ เลือด” พี่พลกับน้าวิวกำลังเช็ดหน้าและห้ามเลือดอยู่ คนที่ช่วยใครไม่ได้คือดวงเนตรเพราะน้องหนูไม่คิดว่ามันจะ
พลาดแรงขนาดนี้ เธอทรุดตัวลงแล้วร้องไห้เสียงสะอื้นเหมือนโดนเจ็บเอง หนอยขยับตัวเข้ามาโอบดวงเนตรไว้
“เนตรครับพี่หนอยไม่เป็นอะไรมาก...หยุดร้องเถอะ”
“เป็นอะไรมากไหมพล” น้าวิวถาม
“ไม่มากครับฟันคงไปกระทบกับริมฝีปาก เลือดหยุดแล้ว เดี๋ยวเอาน้ำแข็งประคบหน่อยคงไม่บวม”
“พี่หนอย...เนตรขอโทษค่ะ” เสียงสะอื้นยังไม่หยุด ใบหน้าซบอยู่กับอกอุ่น สอดมือกอดเอวไว้เหมือนกลัวว่าจะหายไป
หลังงาน International Festival “ปีนี้พี่ไทยกวาดทั้งสองรางวัล รางวัลชนะเลิศการแข่งขันมวยไทย และรางวัลชนะเลิศบูธที่มีคนให้ความสนใจ
มากที่สุด” เสียงพี่พลประกาศกับกลุ่มนักศึกษาไทย ทุกคนลุกขึ้นและปรบมือให้พวกเรากันเองเสียงดัง งานฉลองจัดขึ้นที่ร้านอาหารจีน พี่พลติดต่อ
มิสเตอร์จาง ขอจัดเป็นพิเศษเฉพาะนักศึกษาไทย โดยปิดรับลูกค้าอื่นซึ่งก็OK! เพราะเขารู้จักกันดี