
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (21)...ที่นี่ประเทศไทย
เจ้าหล่อนที่ทุกคนหาตัวไม่เจอ กำลังใช้เข็มร้อยมาลัยจวนเสร็จแล้วอยู่ที่บ้านป้าแม็กกี้ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานเธอแวะมาถามป้าแม็กกี้ ว่าดอก
กุหลาบสีแดงเข้มกลีบหนากำลังบานเต็มที่จะใช้มันทำอะไร ป้าบอกว่าไม่ได้ใช้ ดวงเนตรเลยขอทำเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สวยมาก เธอไม่มีปัญญาอธิบาย
ได้มากนักเลยบอกให้ป้าแม็กกี้ดูเอา พอเธอได้เข็มและใบเตยหอมจากบ้านพี่พล ซึ่งเธอเคยเห็นมีกอใบเตย ตอนไปแวะและเจอพี่สาวพี่พล...
ชื่อสิริวรรณหรือพี่วรรณ ปลูกไว้ในเรือนดอกไม้เป็นกอใหญ่
ดวงเนตรใช้ใบเตยแทนใบแก้วส่วนยอดตัดให้ได้ขนาดใบแก้ว ป้าแม็กกี้เห็นดวงเนตรทำเป็นใบ ๆ เลยอาสาเป็นลูกมือตัดใบให้ไม่นานก็เสร็จ
ป้าแม็กกี้มองดูมือเรียวงามร้อยเรียงดอกใบสลับไปมาอย่างคล่องแคล่ว เมื่อใส่อุบะสามเส้นก็เสร็จเรียบร้อย
“ว้าว! สวยที่สุดเลยป้าไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้หญิงไทยเก่งจริง ๆ ”
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นงานฝีมือศิลปะไทย ถ้าป้าไม่ให้กุหลาบแล้วช่วยหนู คงทำไม่ได้หรอก เอาไว้วันเกิดป้าแม็กกี้ นิคกี้จะทำให้เอาไหมคะ”
“เอาสิ...พวงดอกไม้สวยมาก”
“นิคกี้ (ดวงเนตร) ต้องไปก่อนนะคะเพราะวันนี้เราต้องเตรียมงานเยอะเลย อย่าลืมชวนทุกคนไปที่งานนะคะ Bye.”
ดวงเนตรกลับมาที่หอ และแวะเข้ามาในห้องน้าวิว เธอเคาะประตู
“เข้ามาเลยจ้า” เจ้าของห้องส่งเสียงโดยไม่ได้มอง ดวงเนตรเดินเลยพี่หนอยมาที่น้าวิว
“อ้าว! นี่หายไปไหนมา...เป็นห่วงกันหมด ไอ้หนอยหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองไปแล้ว” ดวงเนตรยื่นพวงมาลัยพวงใหญ่ให้เธอดู
“เนตรขอโทษนะคะเพราะอยากเซอร์ไพร์สน้าวิวกับทุกคน” พวงมาลัยใหญ่พวงสวยวางลงอย่างเบามือ ทุกคนเข้ามามุ่งดู
“อุ๊ย! สวยมาก” พี่น้อยลุกจากที่แล้วเอ่ยชม
“สวยจริง เรานี้เก่งหลายอย่างนะ...อย่างนี้ใครสู้ราคาไหวก็เอาไป” หนอยหายกังวลเมื่อเห็นหน้าสาวเจ้า เขาพูดโต้กลับ
“ได้เลยผมสู้แค่หมดตัว”
“ถ้าแกหมดตัวแล้วจะเอาอะไรเลี้ยงเนตร” น้าวิวยังไม่ยอมเลิก
“ผมจบโทเมืองนอก เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนี่นะไม่มีปัญหาแน่ ๆ ” ดวงเนตรหน้าแดง ทำไมสองคนนี้ชอบเอาเธอเป็นประเด็นโต้กันอยู่นั่นแหละ
พี่น้อยยิ้มชอบใจ เธอชอบนักเวลาสองคนนี้ประคารมกันไม่เลิกรา
“ความคิดเป็นเลิศ ผสมกันลงตัวและหอมมาก” พี่ศิริพูดด้วยความจริงใจ
“ใช่ ๆ ” น้าวิวเห็นด้วย
“เอาวางใส่พานเงินของพี่ศิริสวยงามเลย” หนอยช่วยคิดและเขยิบมาเรื่อย ๆ จนชิดดวงเนตร “ไอ้ตี๋ ไปห่าง ๆ หน่อย” ยิ่งพูดหนอยยิ่งเบียดจน
ชิด เลยโดนฟาดเพี้ยะเข้าที่แขน พอจะฟาดอีกทีหนอยดึงตัวดวงเนตรบังไว้ ทุกคนเฮฮากันใหญ่แต่ดวงเนตรหน้าแดงก่ำ พี่ศิริเรียกทีมงานมาเบรกกิน
กาแฟกับคุกกี้กันก่อน บางคนเสร็จแล้วก็ย้ายวงมาช่วยมุมอื่น ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
"ข่าวดี ๆ เย็นนี้ชมรมรับเป็นเจ้ามืออาหารจีน“
“ที่เสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับมีงานจะขอความร่วมมืออีกอย่าง” งานแกะผลไม้ของพี่น้อยและสุดาใกล้เสร็จแล้ว ดวงเนตรมองแล้วทึ่งฝีมือพี่
น้อยจริง ๆ พี่น้อยนี่ก็หนึ่งในยุทธจักรเหมือนกัน
น้าวิวเริ่มประเด็นที่ค้างอยู่ “พี่ศิริเช็กคนดูแลบูธทั้งสี่วันว่าทุกคนมีชุดไทยไหม ถ้าใครไม่มีก็ใช้วิธียืมจากนักศึกษาไทยคนอื่นนะ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง
คือวันสุดท้ายของงานเราจะส่งอะไรเป็นการแสดงโชว์ ช่วยกันออกความเห็นหน่อย”
“ให้พี่หนอยแสดงศิลปะการป้องกันตัว...ยูโด” มีเสียงหนึ่งเรียกร้องมา
“จะบ้าเหรอ เรามาจากประเทศไทยนะไม่ใช่ญี่ปุ่น...เฮ้อ!” หัวหน้าทีมเริ่มอ่อนใจ ทุกปีที่ผ่านมาเราเจอแต่รางวัลชมเชยเสื้อผ้าชุดไทย ปีนี้เอา
อะไรไปโชว์เขาดี...น้าวิวมึนตึบ
“ส่งรำไทย” มีเสียงน้อง ๆ แนะมา
“เคยส่งไปแล้วไม่ได้” หัวหน้าตอบ
“งั้นปีนี้ก็ชวด ฉลู ขาล เถาะ เหมือนเดิม” หนอยต่อให้
“หมาตัวไหนพูดวะ” น้าวิวที่ยังคิดอะไรไม่ออก เริ่มแสดงอาการโมโหหิว
“คน ครับไม่ใช่หมา” พี่หนอยตอบแล้วทำหน้าตาเฉย ทำให้ทุกคนอมยิ้ม
“หรือจะให้หนอยใส่โสร่งเดินโชว์กล้ามให้สาว ๆ กรี๊ด” น้าวิวแกล้งว่า
“เนตรว่าสาวคงวิ่งหนีแน่”
“ถ้าวิ่งหนีพี่จะไล่ปล้ำ” หนอยย้อนให้แถมทำท่าจะโผเข้าหาดวงเนตร
“มัวแต่เล่นกันอยู่นั่นแหละ พี่น้อยหิวตาลายแล้วนะคะ”
“เอางี้ไหมให้ดวงเนตรแสดงจำอวดหน้าม่าน” หนอยพูดเป็นการรู้กันเฉพาะกลุ่มคนพูด แล้วเอามือลูบเบา ๆ ที่รอยช้ำ ครู่หนึ่งน้าวิวก็บอกพี่ศิริว่า
"พาเพื่อน ๆ น้อง ๆ ไปกินที่ร้านอาหารจีนก่อน แล้วกลุ่มเราจะตามไป OK! ”
ที่เหลืออยู่มีแต่พี่พล น้านิด พี่น้อย ดวงเนตร และพี่หนอย ทั้งหมดเล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ให้พี่พลฟัง
“ดวงเนตรฝึกไว้ป้องกันตัว เอาไปโชว์เขาจะไหวเหรอคะ เดี๋ยวเนตรก็ทำพวกเราหน้าแตกกันเป็นแถวหรอก” เสียงไม่มั่นใจของเธอ
“พวกเราแน่ใจค่ะทำให้ดีที่สุด...แล้วค่อยว่ากันนะคะ” พี่น้อยให้กำลังใจ น้านิดมองหน้าดวงเนตรตาประสานกันใจถึงใจ
“ตกลงค่ะ”
ดูเหมือนพี่พลไม่ค่อยแน่ใจเพราะไม่ได้เห็นกับตา แต่เขาคิดว่าลองซ้อมดูก่อน โดยใช้โรงยิมที่ตึกศูนย์กิจกรรมนักศึกษา เขาโทรหาดอกเตอร์
เดวิส พอวางสายแล้วหันมายิ้ม
“OK! ไปกันเลย”
ทั้งหมดไปที่ห้องยิม พี่พลเปิดแอร์ ดวงเนตรหลบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาขายาวสีกรมท่า รองเท้าผ้าใบ พี่พลช่วยเอาผ้าสีขาวพันมือ
หญิงสาวจนกระชับเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ข้อมือ พี่พลพอสันทัดกรณีเพราะชอบไปแวะค่ายมวยเล็ก ๆ ที่เซนหลุยส์ทุกครั้งที่มีโอกาส น้าวิวช่วยหวีผม
รวบม้วนขึ้นไปชิดโคนผมแล้วติดด้วยกิ๊บตัวโตให้ดวงเนตร มองดูหน้าใสสวยของน้องหนูทุกคนคิดเหมือนกันว่า
“ไหวเหรอ” มีหนอยคนเดียวที่เชื่อว่าเธอทำได้ จากประสบการณ์ของวันวาน
“แล้วใครจะเป็นเป้าให้เนตรล่ะ” พี่พลถาม
“หนอย...แกนั่นแหละเหมาะที่สุด ยูโดสายดำเจอมวยไทย ไง ๆ แกก็ยังรู้วิธีป้องกันตัวเอง” น้าวิวรวบรัด การซ้อมเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
พอดี จบด้วยท่าไม้ตายดวงเนตรยั้งมือไว้ก่อนถึงเป้า พี่น้อยหลับตาปี๋
‘หนอยเละแน่’ เธอคิด พี่พลอ้าปากค้างแทบไม่หน้าเชื่อว่าผู้หญิงร่างสูงบางคนนี้นี่ไม่ธรรมดา
“สุดยอดเลย”
“พอแล้วผ่านๆ ” พี่พลหันไปถาม
"หนอยมีชุดกีฬาใช่ไหม”
“ครับ”
“เอาละล็อกห้อง คืนกุญแจแล้วไปกินข้าวกันนี่จะสองทุ่มแล้วนะ” น้าวิวเอ่ย
กว่ากลุ่มหัวแถวจะมา เพื่อน ๆ บ้างคนก็กลับกันบ้างแล้ว น้านิดแยกไปอีกโต๊ะเพื่อคุยรายละเอียดเพิ่ม
“พล สั่งอาหารเลย หิวกันแย่แล้ว” น้าวิวออกคำสั่ง
“ตกลงพี่พลหรือน้าวิวเป็นหัวหน้านักศึกษาไทยกันแน่พี่” หนอยถามพี่พล
“เฮ้ย! แกเป็นตั่วเจ๊ ยกให้แกคนแล้วกัน”
“หนอยแกนินทาอะไรฉัน”
“ถ้าพูดแล้วน้าวิวได้ยินเขาไม่เรียกนินทาหรอก” หนอยแหย่
“แกนี่มันน่าให้เนตรลงมือให้หนัก ๆ หน่อยนะ”
“ถ้าไม่พูดกับผมดี ๆ ผมไม่ยอมเป็นคู่ชกให้นะ”
“ก็ได้ไอ้น้องที่เหลือเอาไว้คิดบัญชีตอนเสร็จงาน” ดวงเนตรนั่งกินข้าวเงียบ ๆ แอบมองพี่หนอยแล้วยิ้ม
‘ช่างยั่วโมโหนัก และช่างเจรจาด้วย’ นึก
แล้วขำ หนอยพูดไปก็ตักกับข้าวให้ดวงเนตรไป พี่พลลุกไปจ่ายบิลที่เคาน์เตอร์ แล้วทุกคนก็แยกกันกลับ มีนัดหมายพรุ่งนี้เช้าหกโมงที่ห้องน้านิด
กลุ่มแรกจะไปจัดส่วนที่เหลือตรงบูธอีกเล็กน้อยก็เสร็จ ส่วนดวงเนตรให้ไปพร้อมกับหนอยตอนแปดโมง ป้าย Thailand ตัวใหญ่ติดไว้ตรงหัวเสา มุมที่ได้
ตั้งบูธปีนี้สะดุดตาที่สุด ของต่าง ๆ ถูกจัดวางอย่างสวยงาม พี่ศิริใช้กระบอกฉีดน้ำคอยพ่นลงบนผลไม้ที่แกะ และพวงมาลัยพวงสวยที่วางไว้บนพานเงิน
“ฉีดน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งนะคะ ถ้าน้ำเยอะเดี๋ยวจะเน่าซะก่อนค่ะ”
พี่น้อยแนะนำ
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (21)...ที่นี่ประเทศไทย
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (21)...ที่นี่ประเทศไทย
เจ้าหล่อนที่ทุกคนหาตัวไม่เจอ กำลังใช้เข็มร้อยมาลัยจวนเสร็จแล้วอยู่ที่บ้านป้าแม็กกี้ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานเธอแวะมาถามป้าแม็กกี้ ว่าดอก
กุหลาบสีแดงเข้มกลีบหนากำลังบานเต็มที่จะใช้มันทำอะไร ป้าบอกว่าไม่ได้ใช้ ดวงเนตรเลยขอทำเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สวยมาก เธอไม่มีปัญญาอธิบาย
ได้มากนักเลยบอกให้ป้าแม็กกี้ดูเอา พอเธอได้เข็มและใบเตยหอมจากบ้านพี่พล ซึ่งเธอเคยเห็นมีกอใบเตย ตอนไปแวะและเจอพี่สาวพี่พล...
ชื่อสิริวรรณหรือพี่วรรณ ปลูกไว้ในเรือนดอกไม้เป็นกอใหญ่
ดวงเนตรใช้ใบเตยแทนใบแก้วส่วนยอดตัดให้ได้ขนาดใบแก้ว ป้าแม็กกี้เห็นดวงเนตรทำเป็นใบ ๆ เลยอาสาเป็นลูกมือตัดใบให้ไม่นานก็เสร็จ
ป้าแม็กกี้มองดูมือเรียวงามร้อยเรียงดอกใบสลับไปมาอย่างคล่องแคล่ว เมื่อใส่อุบะสามเส้นก็เสร็จเรียบร้อย
“ว้าว! สวยที่สุดเลยป้าไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้หญิงไทยเก่งจริง ๆ ”
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นงานฝีมือศิลปะไทย ถ้าป้าไม่ให้กุหลาบแล้วช่วยหนู คงทำไม่ได้หรอก เอาไว้วันเกิดป้าแม็กกี้ นิคกี้จะทำให้เอาไหมคะ”
“เอาสิ...พวงดอกไม้สวยมาก”
“นิคกี้ (ดวงเนตร) ต้องไปก่อนนะคะเพราะวันนี้เราต้องเตรียมงานเยอะเลย อย่าลืมชวนทุกคนไปที่งานนะคะ Bye.”
ดวงเนตรกลับมาที่หอ และแวะเข้ามาในห้องน้าวิว เธอเคาะประตู
“เข้ามาเลยจ้า” เจ้าของห้องส่งเสียงโดยไม่ได้มอง ดวงเนตรเดินเลยพี่หนอยมาที่น้าวิว
“อ้าว! นี่หายไปไหนมา...เป็นห่วงกันหมด ไอ้หนอยหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองไปแล้ว” ดวงเนตรยื่นพวงมาลัยพวงใหญ่ให้เธอดู
“เนตรขอโทษนะคะเพราะอยากเซอร์ไพร์สน้าวิวกับทุกคน” พวงมาลัยใหญ่พวงสวยวางลงอย่างเบามือ ทุกคนเข้ามามุ่งดู
“อุ๊ย! สวยมาก” พี่น้อยลุกจากที่แล้วเอ่ยชม
“สวยจริง เรานี้เก่งหลายอย่างนะ...อย่างนี้ใครสู้ราคาไหวก็เอาไป” หนอยหายกังวลเมื่อเห็นหน้าสาวเจ้า เขาพูดโต้กลับ
“ได้เลยผมสู้แค่หมดตัว”
“ถ้าแกหมดตัวแล้วจะเอาอะไรเลี้ยงเนตร” น้าวิวยังไม่ยอมเลิก
“ผมจบโทเมืองนอก เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนี่นะไม่มีปัญหาแน่ ๆ ” ดวงเนตรหน้าแดง ทำไมสองคนนี้ชอบเอาเธอเป็นประเด็นโต้กันอยู่นั่นแหละ
พี่น้อยยิ้มชอบใจ เธอชอบนักเวลาสองคนนี้ประคารมกันไม่เลิกรา
“ความคิดเป็นเลิศ ผสมกันลงตัวและหอมมาก” พี่ศิริพูดด้วยความจริงใจ
“ใช่ ๆ ” น้าวิวเห็นด้วย
“เอาวางใส่พานเงินของพี่ศิริสวยงามเลย” หนอยช่วยคิดและเขยิบมาเรื่อย ๆ จนชิดดวงเนตร “ไอ้ตี๋ ไปห่าง ๆ หน่อย” ยิ่งพูดหนอยยิ่งเบียดจน
ชิด เลยโดนฟาดเพี้ยะเข้าที่แขน พอจะฟาดอีกทีหนอยดึงตัวดวงเนตรบังไว้ ทุกคนเฮฮากันใหญ่แต่ดวงเนตรหน้าแดงก่ำ พี่ศิริเรียกทีมงานมาเบรกกิน
กาแฟกับคุกกี้กันก่อน บางคนเสร็จแล้วก็ย้ายวงมาช่วยมุมอื่น ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
"ข่าวดี ๆ เย็นนี้ชมรมรับเป็นเจ้ามืออาหารจีน“
“ที่เสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับมีงานจะขอความร่วมมืออีกอย่าง” งานแกะผลไม้ของพี่น้อยและสุดาใกล้เสร็จแล้ว ดวงเนตรมองแล้วทึ่งฝีมือพี่
น้อยจริง ๆ พี่น้อยนี่ก็หนึ่งในยุทธจักรเหมือนกัน
น้าวิวเริ่มประเด็นที่ค้างอยู่ “พี่ศิริเช็กคนดูแลบูธทั้งสี่วันว่าทุกคนมีชุดไทยไหม ถ้าใครไม่มีก็ใช้วิธียืมจากนักศึกษาไทยคนอื่นนะ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง
คือวันสุดท้ายของงานเราจะส่งอะไรเป็นการแสดงโชว์ ช่วยกันออกความเห็นหน่อย”
“ให้พี่หนอยแสดงศิลปะการป้องกันตัว...ยูโด” มีเสียงหนึ่งเรียกร้องมา
“จะบ้าเหรอ เรามาจากประเทศไทยนะไม่ใช่ญี่ปุ่น...เฮ้อ!” หัวหน้าทีมเริ่มอ่อนใจ ทุกปีที่ผ่านมาเราเจอแต่รางวัลชมเชยเสื้อผ้าชุดไทย ปีนี้เอา
อะไรไปโชว์เขาดี...น้าวิวมึนตึบ
“ส่งรำไทย” มีเสียงน้อง ๆ แนะมา
“เคยส่งไปแล้วไม่ได้” หัวหน้าตอบ
“งั้นปีนี้ก็ชวด ฉลู ขาล เถาะ เหมือนเดิม” หนอยต่อให้
“หมาตัวไหนพูดวะ” น้าวิวที่ยังคิดอะไรไม่ออก เริ่มแสดงอาการโมโหหิว
“คน ครับไม่ใช่หมา” พี่หนอยตอบแล้วทำหน้าตาเฉย ทำให้ทุกคนอมยิ้ม
“หรือจะให้หนอยใส่โสร่งเดินโชว์กล้ามให้สาว ๆ กรี๊ด” น้าวิวแกล้งว่า
“เนตรว่าสาวคงวิ่งหนีแน่”
“ถ้าวิ่งหนีพี่จะไล่ปล้ำ” หนอยย้อนให้แถมทำท่าจะโผเข้าหาดวงเนตร
“มัวแต่เล่นกันอยู่นั่นแหละ พี่น้อยหิวตาลายแล้วนะคะ”
“เอางี้ไหมให้ดวงเนตรแสดงจำอวดหน้าม่าน” หนอยพูดเป็นการรู้กันเฉพาะกลุ่มคนพูด แล้วเอามือลูบเบา ๆ ที่รอยช้ำ ครู่หนึ่งน้าวิวก็บอกพี่ศิริว่า
"พาเพื่อน ๆ น้อง ๆ ไปกินที่ร้านอาหารจีนก่อน แล้วกลุ่มเราจะตามไป OK! ”
ที่เหลืออยู่มีแต่พี่พล น้านิด พี่น้อย ดวงเนตร และพี่หนอย ทั้งหมดเล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ให้พี่พลฟัง
“ดวงเนตรฝึกไว้ป้องกันตัว เอาไปโชว์เขาจะไหวเหรอคะ เดี๋ยวเนตรก็ทำพวกเราหน้าแตกกันเป็นแถวหรอก” เสียงไม่มั่นใจของเธอ
“พวกเราแน่ใจค่ะทำให้ดีที่สุด...แล้วค่อยว่ากันนะคะ” พี่น้อยให้กำลังใจ น้านิดมองหน้าดวงเนตรตาประสานกันใจถึงใจ
“ตกลงค่ะ”
ดูเหมือนพี่พลไม่ค่อยแน่ใจเพราะไม่ได้เห็นกับตา แต่เขาคิดว่าลองซ้อมดูก่อน โดยใช้โรงยิมที่ตึกศูนย์กิจกรรมนักศึกษา เขาโทรหาดอกเตอร์
เดวิส พอวางสายแล้วหันมายิ้ม
“OK! ไปกันเลย”
ทั้งหมดไปที่ห้องยิม พี่พลเปิดแอร์ ดวงเนตรหลบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาขายาวสีกรมท่า รองเท้าผ้าใบ พี่พลช่วยเอาผ้าสีขาวพันมือ
หญิงสาวจนกระชับเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ข้อมือ พี่พลพอสันทัดกรณีเพราะชอบไปแวะค่ายมวยเล็ก ๆ ที่เซนหลุยส์ทุกครั้งที่มีโอกาส น้าวิวช่วยหวีผม
รวบม้วนขึ้นไปชิดโคนผมแล้วติดด้วยกิ๊บตัวโตให้ดวงเนตร มองดูหน้าใสสวยของน้องหนูทุกคนคิดเหมือนกันว่า
“ไหวเหรอ” มีหนอยคนเดียวที่เชื่อว่าเธอทำได้ จากประสบการณ์ของวันวาน
“แล้วใครจะเป็นเป้าให้เนตรล่ะ” พี่พลถาม
“หนอย...แกนั่นแหละเหมาะที่สุด ยูโดสายดำเจอมวยไทย ไง ๆ แกก็ยังรู้วิธีป้องกันตัวเอง” น้าวิวรวบรัด การซ้อมเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
พอดี จบด้วยท่าไม้ตายดวงเนตรยั้งมือไว้ก่อนถึงเป้า พี่น้อยหลับตาปี๋
‘หนอยเละแน่’ เธอคิด พี่พลอ้าปากค้างแทบไม่หน้าเชื่อว่าผู้หญิงร่างสูงบางคนนี้นี่ไม่ธรรมดา
“สุดยอดเลย”
“พอแล้วผ่านๆ ” พี่พลหันไปถาม
"หนอยมีชุดกีฬาใช่ไหม”
“ครับ”
“เอาละล็อกห้อง คืนกุญแจแล้วไปกินข้าวกันนี่จะสองทุ่มแล้วนะ” น้าวิวเอ่ย
กว่ากลุ่มหัวแถวจะมา เพื่อน ๆ บ้างคนก็กลับกันบ้างแล้ว น้านิดแยกไปอีกโต๊ะเพื่อคุยรายละเอียดเพิ่ม
“พล สั่งอาหารเลย หิวกันแย่แล้ว” น้าวิวออกคำสั่ง
“ตกลงพี่พลหรือน้าวิวเป็นหัวหน้านักศึกษาไทยกันแน่พี่” หนอยถามพี่พล
“เฮ้ย! แกเป็นตั่วเจ๊ ยกให้แกคนแล้วกัน”
“หนอยแกนินทาอะไรฉัน”
“ถ้าพูดแล้วน้าวิวได้ยินเขาไม่เรียกนินทาหรอก” หนอยแหย่
“แกนี่มันน่าให้เนตรลงมือให้หนัก ๆ หน่อยนะ”
“ถ้าไม่พูดกับผมดี ๆ ผมไม่ยอมเป็นคู่ชกให้นะ”
“ก็ได้ไอ้น้องที่เหลือเอาไว้คิดบัญชีตอนเสร็จงาน” ดวงเนตรนั่งกินข้าวเงียบ ๆ แอบมองพี่หนอยแล้วยิ้ม ‘ช่างยั่วโมโหนัก และช่างเจรจาด้วย’ นึก
แล้วขำ หนอยพูดไปก็ตักกับข้าวให้ดวงเนตรไป พี่พลลุกไปจ่ายบิลที่เคาน์เตอร์ แล้วทุกคนก็แยกกันกลับ มีนัดหมายพรุ่งนี้เช้าหกโมงที่ห้องน้านิด
กลุ่มแรกจะไปจัดส่วนที่เหลือตรงบูธอีกเล็กน้อยก็เสร็จ ส่วนดวงเนตรให้ไปพร้อมกับหนอยตอนแปดโมง ป้าย Thailand ตัวใหญ่ติดไว้ตรงหัวเสา มุมที่ได้
ตั้งบูธปีนี้สะดุดตาที่สุด ของต่าง ๆ ถูกจัดวางอย่างสวยงาม พี่ศิริใช้กระบอกฉีดน้ำคอยพ่นลงบนผลไม้ที่แกะ และพวงมาลัยพวงสวยที่วางไว้บนพานเงิน
“ฉีดน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งนะคะ ถ้าน้ำเยอะเดี๋ยวจะเน่าซะก่อนค่ะ” พี่น้อยแนะนำ