หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (57)...วันนี้ที่รอคอย

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (57)...วันนี้ที่รอคอย
            
            ดวงเนตรปล่อยให้น้ำฝักบัวไหลผ่านอย่างช้า ๆ และเนิ่นนาน เธอถอนหายใจ นานพอควรกว่าจะเสร็จ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เหน็ดเหนื่อย
ทั้งกายและใจ เพราะสายน้ำช่วยให้เธอปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจและช่วยให้เธอผ่อนคลายได้ ดวงเนตรใส่ชุดหมีตัวเก่งที่เริ่มเก่า สวมเสื้อยืด
แขนยาวสีม่วงอ่อน เธอแกะผ้าพันผมออก สลัดผมไปมาอยู่ที่โต๊ะใหญ่ใต้ต้นเมเปิล  ใช้หวี หวีลงมา ลมโชยมาพากลิ่นหอมอ่อนของพันธุ์ไม้ดอกมา
ให้ได้ชื่นใจ ผมเริ่มแห้งแล้ว เธอยังไม่เคยตัดเลยนับจากที่มาถึงใหม่ ๆ ผมยาวมาจนถึงกลางหลัง ผมเส้นเล็กยาวสลวยเป็นคลื่นอ่อน ผมหนาต้อง
แสงตะวันเป็นประกายสีน้ำตาลเข้ม แม่มักพูดว่าผมที่สลวยเป็นลอน เพราะได้เชื้อมาจากทวดซึ่งมีผมหยิก ส่วนสีผมที่ออกเป็นสีน้ำตาลเข้ม
เพราะตอนเด็กยายเอาไปเลี้ยงและปล่อยให้วิ่งเล่นกลางแดดจนหัวแดง
            หญิงสาวนั่งทอดสายตาเหม่อลอย ในมือถือแก้วนม เธอยกขึ้นดื่มช้า ๆ เหมือนรอ แล้วก็รอ “พี่หนอยจะให้เนตรรอจนขาดใจเลยใช่ไหม”
ดวงเนตรพูดกับตัวเอง
            “ไม่หรอกครับ พี่หนอยก็รอทุกเวลาที่จะพบเนตร” เสียงตอบกลับมานั่นคุ้นเคยนัก เธอหันไปตามเสียง
            “พี่หนอย ๆ จริง ๆ ด้วย โอ้พระเจ้า! ท่านตอบคำถามแล้ว” ดวงตาปริ่มไปด้วยน้ำตาที่ค่อย ๆ หยาดไหลล้นทำนบออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
เธอลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้ววิ่งเข้าหาอ้อมแขนของเขา ทั้งสองกอดกันแน่น น้ำตาพี่หนอยหยาดไหลลงมาเช่นกัน ตลอดเวลาที่ต่างคนต่างรอ และ
ความเจ็บปวดทั้งกายและใจของหนอย มีเพียงดวงดาว ที่ทอแสงสกาวให้เห็นแทนหน้าของคนที่เขารัก มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน...ชายหนุ่มคิด
เสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ยาวนานและเริ่มหยุดลง ดวงเนตรยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา ใช้สองมือประคองใบหน้าพี่หนอย เรียวนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอยู่ใต้
แว่นกันแดด พี่หนอยใส่เสื้อตาสก๊อตสีเขียวเข้มตัดขาว กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ ผมยาวลงมาเกือบถึงบ่าถูกรวบไว้ จากแนวจอนผมลงมาไว้เครา
ยาวลงมาถึงคาง เหนือริมฝีปากไว้หนวดที่ขลิบไว้อย่างเป็นระเบียบ พี่หนอยก้มลงจูบเรียวปากสวยของดวงเนตรนาน ...นานจนพอใจ ทั้งคู่อยาก
อยู่เช่นนั้นตลอดไป อ้อมแขนอบอุ่นนัก รอยจูบแผ่วเบานุ่มนวลและเนิ่นนาน เขาใช้นิ้วไล้ไปทั่วทุกส่วนของใบหน้าดวงเนตร ผิวเนียนละเอียดหอม
ละมุนนี่เองที่เขาเฝ้าครวญหา
            “เจ็บตรงไหนอีกไหมค่ะพี่หนอย”
            “ไม่แล้วครับ มีแต่...”
            “พี่หนอยทำใจให้สบายนะคะ ลุงหมอปกรณ์เขาเป็นบอร์ดของจักษุแพทย์ทั่วประเทศ อีกอย่างหมอไมเคิลก็ลงชื่อยื่นขอรับการบริจาคดวงตา
ไปตั้งแต่เกิดเหตุ อดทนอีกหน่อยนะคะ เนตรจะอยู่ข้างพี่หนอยเสมอ”
            “ครับพี่หนอยรู้ใจเนตรดี...คิดถึงเหลือเกินรู้ไหม” ดวงเนตรไม่ตอบ เอามือสองข้างสอดแล้วกอดพี่หนอยไว้แน่นเหมือนกลัวหายไป
            “ถ้าพี่หนอยไม่เหมือนเดิมเนตรยังรักพี่หนอยอีกไหม”
            “รักเสมอและตลอดไปไม่ว่าเนตรต้องเป็นดวงตาทั้งสองข้างของพี่หนอยหรือเป็นทุกอย่างก็ตาม” เขาก้มลงจูบหน้าผากแล้วใช้มือลูบไล้
เรือนผมงามดั่งของรักที่หายไปแล้วกลับมา
            “ขึ้นไปที่ตึกกันเถอะค่ะ ทุกคนกำลังรอพี่อยู่” ทั้งสองเดินโอบกันไปช้า ๆ ลำแสงตะวันทับทาบขอบฟ้าสีสวยงาม อากาศแม้เย็นแต่อบอุ่นนัก
เมื่อต่างมีกันและกัน อย่าถามถึงความรู้สึกเลย มันมากจนเกินจะบอกกล่าวได้
     
            “เนตรหายไปจนจะต้องลงไปตามแล้วนะ” น้าวิวพูดแล้วเงยหน้าจากแมกกาซีนที่อ่าน
            “โอ้พระเจ้า! ” น้าวิวเอ่ยและอ้าปากค้าง ทำให้ทุกคนหันไปมอง ดอกเตอร์แฮรี่ทั้งตกใจและดีใจ แม้หวังมาทั้งวันว่าจะได้พบเจอศิษย์รัก เช่น
เดียวกับพี่พล น้าวิวลุกขึ้นได้ก็กระโดดกอดหนอยไว้แน่นด้วยความดีใจที่สุด ดอกเตอร์แฮรี่เข้ามากอดเป็นคนต่อไป ทั้งสองโอบกันแน่น สัมผัสได้
ถึงความรักและผูกพันระหว่างเขาและลูกศิษย์ พี่พลเข้ามาเป็นคนสุดท้าย น้ำตาคลอ
            “แกห้ามหนีไปไหนอีกนะดวงเนตรแทบพลิกแผ่นดินหา”
            “ครับผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว เราจะมีกันและกันตลอดไป ไม่ว่าผลการผ่าตัดจะออกมาเป็นอย่างไร” หนอยเอ่ยขึ้น
            น้านิดกล่าวคำขอโทษดอกเตอร์แฮรี่  แล้วเธอก็ตะโกนออกมาดัง ๆ เหมือนยกภูเขาพระสุเมรุออกจากอก “โอ๊ย! ดีใจที่สุดเลย”  ดอกเตอร์
แฮรี่ออกอาการตกใจ แต่แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบใจ
            “เธอทำได้ถูกใจมากเลยผมก็อยากตะโกนดัง ๆ บ้างแต่ผมมันแก่แล้ว” ทุกคนหัวเราะพร้อมกันเพราะขำและมีความสุข แม้ความทุกข์เกี่ยว
กับตาหนอยยังมีอยู่แต่ก็เล็กเกินกว่าจะมานั่งกังวลตอนนี้  ดวงเนตรแยกตัวเข้าไปในครัวแล้วกลับมาพร้อมอะโวคาโดแซนวิชสองคู่  ชานมร้อน
และน้ำแครนเบอรี่  
            “ทานก่อนคะพี่หนอย”
            “ขอบคุณครับ”เขาถอดแว่นออก  ตาข้างขวาปิดไว้เรียบร้อยด้วย “Eye Shield”...ที่ปิดตาทำจากวัสดุน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงกันการกระแทก
ได้เป็นอย่างดี ดวงเนตรยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ตาเธอบอกให้รู้ถึงดวงใจน้อย ๆ ดวงนี้ ทุกคนเก็บความรู้สึกสงสารไว้อย่างมิดชิด ดอกเตอร์แฮรี่เริ่ม
เรื่องก่อนเพื่อทุกคนจะได้สบายใจกับสิ่งที่เห็น
            “แนท...ยูนี่โชคดีนะนิคกี้เอาใจใส่เธอดีมาก มาถึงก็ได้กินอาหารอร่อย อาจารย์ต้องไปบอกให้ภรรยาดูแลให้ดี ๆ แล้ว ไม่งั้นจะให้แนทหา
แฟนคนไทยให้” มุกของอาจารย์ใช้ได้ เพราะทุกคนหัวเราะ เมื่อนึกไปตามที่เขาพูด ดวงเนตรยื่นชานมร้อนให้ เขายิ้มกว้าง
            “ฟันชุดนี้ของเดิมเหรอหนอย” น้าวิวสงสัย
            “ครับ”
            “ตกเครื่องลงมาเกือบตาย ฟันไม่หักสักซี่เลยเป็นไปได้อย่างไงวะ” คำลงท้ายเป็นคำที่เคยชินของแกกับหนอย
            “น้าวิวครับ...เขาใส่ที่ล็อคกรามให้ผม เพราะมันเคลื่อนเกือบหลุด เพิ่งมาเอาออกไม่นานมานี้เองถึงได้เคี้ยวอะไรได้ นี่ยังจะซ้ำเติมให้ฟันผม
หักหมดปากอีกเหรอครับ”
            “น้าวิวเขาแหย่เล่นน่ะ” พี่พลรีบแก้ให้ คนถามก็ใจเสียเมื่อนึกภาพหนอยต้องดูดอาหารด้วยหลอดอยู่ถึงหลายเดือน 
            “อีกแก้วนะคะพี่หนอย”ดวงเนตรยื่นแก้วที่สองเป็นน้ำแครนเบอรี่ให้ เขารับไปดื่มจนหมด
            “ขอบคุณครับ อร่อยเหมือนเดิม”
 
            “เอาใจกันอย่างนี้เชียวเหรอหนอย” เสียงพี่ภัทรดังขึ้น เขายืนมองดูได้ครู่หนึ่งแล้ว แววตาสลดและสงสารทั้งคู่ คนหนึ่งก็เฝ้าค้นหาและรอคอย
อีกคนก็บาดเจ็บสาหัสผ่าตัดมาแล้วหลายรอบ
            “มา ๆ ไอ้เสือ ขอกอดหน่อย” พี่ภัทรเดินมานั่งข้างหนอยกอดเขาไว้กระชับ เขามองหน้าหนอย แต่เก็บอาการไว้ทั้งที่รู้เรื่องตาหนอยแต่ก็อด
สะท้อนใจไม่ได้
            “มีคนดูแลดีอย่างนี้ไม่นานก็ขุนเอาไปชั่งขายได้แล้ว” พี่ภัทรแหย่หนอย
            “แม่หนอยจะมาให้ได้ ดีว่าลุงหมอกับป้าสุรีย์ยั้งไว้ก่อน บอกว่าให้ผ่าตัดเรียบร้อย แล้วค่อยบินมา ทางนี้ลุงหมอจะดูแลให้ แถมด้วยนาง
พยาบาลสวย ๆ อีกคน ไม่นานก็หายใช่ไหมน้าวิว"
            “เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” เธอพูดลอย ๆ
            “พี่โทรไปบอกลุงหมอตอนอยู่ที่ทำงานว่าเจอหนอยแล้วทุกอย่างเรียบร้อยยกเว้นตา ลุงหมอเขาบอกว่าได้วันหยุดพักร้อนพอดี พรุ่งนี้จะบิน
มากับคุณป้าสุรีย์ไฟลท์เช้าเวลาแปดโมง
            “พลไปรับลุงหมอนะ พี่เห็นรถพวกหัวขโมยจอดแอบชิดรั้วอยู่ข้างบ้าน” เขาพูดแล้วยิ้มให้หนอย รถหัวขโมยที่เอ่ยถึงเป็นรถเช่าของหนอยเอง
            “ที่ติดตัวมากับผมตอนเกิดอุบัติเหตุก็มีแค่นี้แหละครับ” หนอยยื่นให้ดู “มีบัตรนักศึกษา กับบัตรเครดิตเลยใช้เช่ารถเอวิสเป็นรายเดือน ถ้าจะ   
เอาไปรับลุงหมอก็ใช้รถผมจะนั่งสบายกว่านะครับ” เขาหันไปทางดวงเนตร  
            “ดีค่ะเพราะผู้ใหญ่ท่านจะได้นั่งสะดวกกว่ารถเล็ก”
            พี่ภัทรดูเครดิตการ์ดของหนอย “โอ้! เสี่ย...นี่มันเป็นบัตรไม่จำกัดวงเงินนี่”
            “ครับเตี่ยทำให้ก่อนมาเรียนที่นี่” หนอยไม่ค่อยอยากเอ่ยถึงเตี่ย เพราะปัญหาที่เตี่ยทำให้แม่เสียใจมีมากมาย แต่อย่างไรเขาก็เป็นพ่อหนอย 
การคุยกันมีพี่พลคอยเป็นล่ามให้ดอกเตอร์แฮรี่ จากท่าทางที่ทุกคนใส่ใจกับหนอยอย่างนี้เขาก็มีความสุขแล้ว เขานั่งฟังเงียบ ๆ เหมือนดูลูก ๆ คุยกัน
แม้จะเป็นคนละภาษา
            “ผมว่าแยกย้ายกันไปนอนก่อนเถอะ แต่ละคนอย่างกับผ่านสงครามเวียตนามมางั้นแหละ” พี่ภัทรพูดแล้วหันมายิ้มกับน้าวิว เธอเลยส่งค้อนให้
            “ดีเหมือนกันแนทและนิคกี้ต้องพักผ่อนมาก ๆ เหนื่อยยากกันมายาวนานเลย แยกกันไปเถอะ”
            “ผมก็จะอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย” ดอกเตอร์แฮรี่ตัดบท 
            “อ้าว! หนอยแกจะไปไหน แกนอนห้องนั้น ห้องเล็กน่ะเครื่องนอนครบ”  
            “ครับ ๆ เดี๋ยวผมมาจะไปบ้านเนตรดูว่าเป็นอย่างไร"
            “เจ้าเล่ห์นะแกนะ” พี่ภัทรพูดเหมือนรู้ใจ
            น้าวิวเองก็คิดคล้ายกันว่า ‘ไง ๆ หนอยต้องอ้อนขอนอนที่บ้านเนตรแน่นอน’ เธอสบตาพี่พล เขาพยักหน้า
            “Good night everyone , good night.”
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่