หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (63)...เพียงเท่านี้ที่ขอมา

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (63)...เพียงเท่านี้ที่ขอมา
           
            คืนนั้นปิดท้ายด้วยฝีมือหนอยเดี่ยวๆ  “A girl like you ของคริฟ ริชาร์ด...เทพธิดาของฉัน เราเพิ่งพบกันแต่เธอคือคนที่ฉันรอคอย
แสงดาวในดวงตาเธอบอกถึงความรัก ฉันรู้ว่านี่แหละความสุขของเราทั้งสอง....”
 
            เพลงสนุกมีความหมายจบลง พร้อมบรรดาหนุ่มเป่าปากกันอย่างพอใจ ตามมาด้วยเสียงปรบมือ “ขอบคุณครับ สำหรับความอุปถัมภ์และความ
สุขในค่ำคืนนี้ที่มีพวกเราทั้งหมด แม้เราต้องโบยบินจากกันไปทีละตัวสองตัวแต่เราจะไม่มีวันลืมความผูกพันและมิตรภาพอันยิ่งใหญ่นี้ ทั้งหมดจะอยู่
กับพวกเราตลอดไป...ครับผม” เขาถอดหมวกแล้วก้มศีรษะลง นักร้องน้ำตารื้นเมื่อกล่าวจบ คนฟังน้ำตาไหล...มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ พี่ภัทรต้องเข้ามา
เบรกเดี๋ยวน้ำท่วมบ้าน
            “เอาละครับ คืนนี้พอก่อนจะได้เข้านอนพักผ่อนกายา แล้วเราจะไปส่งผู้ใหญ่ทุกท่านที่สนามบินพรุ่งนี้กัน...จบ ๆ ” 
คืนนี้เป็นคืนแห่งความสุขของครอบครัวโดมิโนและพ้องเพื่อน
 
            ดวงเนตรตื่นแต่เช้าอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้พี่ ๆ หลับใหลอยู่ในความฝันของใครของมัน อาบน้ำเสร็จเธอเดินไปบ้านใหญ่ เข้าครัวเตรียมอาหาร
เช้า น้ำส้มคั้นสด และกาแฟ คุณป้าสุรีย์ลุกขึ้นแต่เช้า
            “มีอะไรให้ป้าช่วยบ้างไหมจ๊ะ”
            “เนตรเตรียมเสร็จแล้วค่ะคุณป้า นมอุ่น ๆ สักแก้วหรือกาแฟดีคะ”
            “กาแฟก็ดีจ้ะ” ดวงเนตรเอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ อากาศวันนี้สดชื่นตะวันเพิ่งโผล่พ้นเหลี่ยม ทุกคนทยอยมารวมกัน ดอกเตอร์เแฮรี่และลุงหมอตื่น
ตามมา เมื่อทุกคนมาพร้อมกัน อาหารเช้าเป็นแบบบริการตัวเอง เชอรี่ล้างใส่ในตะกร้าใหญ่วางเสิร์ฟไว้ให้หลังอาหาร หลังจากทุกคนพร้อมแล้ว
หนุ่ม ๆ ก็เข้าไปยกสัมภาระมาใส่รถ
 
            รถสองคันวิ่งตามกันมา จอดที่สนามบินชิคาโกโอแฮร์ ดวงเนตรเข้ามากอดป้าสุรีย์แล้วยื่นกล่องของขวัญให้
            “อะไรลูก”
            “เนตรไม่มีอะไรจะให้แทนคำขอบคุณที่ทั้งสองท่านดูแลพวกเราด้วยดีตลอดมา” คุณป้าแกะกล่องออกมามันเป็นภาพปักคลอสติส รูปผู้หญิง
ในชุดกิโมโนยืนอย่างสงบบนเก๋งจีนกลางน้ำ ขนาดสิบสี่นิ้วใส่กรอบไม้สีโอ๊คขลิบขอบด้วยสีทอง หนอยกับพี่น้อยมองมาแล้วทึ่ง น้าวิวเข้ามาดูกับพี่ศิริ
            “อุ๊ย! สวยมากเลย ทำได้ไงเนี่ย” ดวงเนตรยิ้ม ทุกคนร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว พวกผู้ใหญ่ก็เช็กอินเข้าไปด้านใน
 
            กลับเข้ามาที่บ้านอีกรอบ พี่ภัทรแยกไปทำงาน ที่เหลือกำลังกางหนังสือพิมพ์หายาร์ดเซล พี่น้อยไปไหนไปด้วยแต่ไม่ซื้ออะไรแล้วเพราะใกล้
จะกลับเมืองไทย
            “น้าและพี่ศิริกับดวงเนตรคงจบไล่ ๆ กัน” น้าวิวเอ่ยขึ้น
            “โอ๊ย! ” เหล็กร้องขึ้นมาเหมือนโดนขัดใจ
            “ใครเหยียบหางแกเหล็ก” หมากถามน้อง
            “เปล่าครับ...ดูสิทุกคนจะพากันจบไปหมดทิ้งผมอยู่อย่างนี้นี่นะ” เหล็กโวยวายด้วยความรู้สึกที่ใจหาย แต่นั้นคือสิ่งที่จะเกิด พี่ ๆ เริ่มบินขึ้นสู่
ฟากฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตเริ่มหมุนไปตามวงล้อและธรรมชาติของสรรรพสิ่ง
            “หยุดโวยวายได้แล้วนะ เรากะจะออกไปซื้อของให้สนุก เลยสะดุดเพราะอารมณ์เธอนั่นแหละ” น้าวิวดุเหล็ก นักล่าของราคาถูกเคลื่อนทัพออก
จากที่มั่น จนเลยบ่ายไปแล้วก็ได้อาหารจีนมาคนละกล่องกลับเข้าบ้าน สรุปคนที่ได้ของคือดวงเนตรคนเดียว เธอได้โซฟาขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป
ตั้งลงหน้าห้องน้ำพอดี ไว้ดูทีวี ดวงเนตรชวนพี่ไปเดินชมสวนหย่อม
            “สวนมุมนี้เนตรลงเองเหรอ” น้าวิวถาม
            “เนตรไปซื้อต้นไม้และดอกไม้จากร้านมิสเซลลี่แล้วเอามาจัดเองค่ะ”
            “สวยมากค่ะ”
            “หมากเอาเครื่องมือเจาะและสอนการใช้สว่านให้พี่เนตร เลยมีระแนงไม้ให้องุ่นเลื้อยสวยงามค่ะ” สายตามองหมากอย่างขอบคุณ ความเป็นพี่ใหญ่...หมากจึงวางตัวสุภาพ เขาจำได้ในยามนั้นแม้พี่เนตรจะโศกเศร้าและรอคอย แต่เธอเป็นผู้หญิงที่อดทนและต่อสู้ ยามออกไปหัดขับรถ หมากนับถือ
ฝีมือขับขี่ของพี่ดวงเนตรที่ไม่นานก็คล่องแคล่วจนเขาวางใจ
            พี่หนอยขอเครดิต เอ่ยว่า “ครับเขาเป็นแฟนผมน่ะ แถมสวยด้วย”
            “แกไม่ต้องเสริมฉันก็รู้ย่ะ”น้าวิวตอบ หนอยยิ้ม
            “แต่งบ้านก็น่าอยู่ แถมทำสวนดอกไม้สวยงามช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บ้านดูอบอุ่นดี” พี่ศิริดูจะชอบมาก
            น้าวิวขึ้นไปเหยียดสบายบนเก้าอี้โยก
            “นี่ไงหนอยที่ซื้อมาจากบ้านมาเรียน่ะ”
            “พี่พลและพวกเราไปหายาร์ดเซลกัน มาถึงแรก ๆ เคว้งคว้างเหมือนใบไม้ ต้องใช้ความอดทนมากกว่าจะได้พบกันอีก” เสียงหญิงสาวแผ่วหายไป
ในลำคอ
            “ไม่เศร้าแล้วนะคนสวย เก้าอี้เอนนี้คุ้มนะครับ นั่งสบายถ้ามีคนมานั่งเบียดอีกคนยิ่งสบายใหญ่”
            “ทะลึ่ง แกนี่ถ้าวันไหนไม่โดนฉันด่านอนไม่หลับหรือไง”
            “น้าวิวอย่าเข้มนักสิครับ หนอยเขาเพิ่งหายเป็นปกติเอง” ชูพลเอ่ยพลางมองหน้าหนอย เขารู้สึกกับหนอยเหมือนน้องชาย ช่วงที่เขานอนอยู่โรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุก็ได้หนอยดูแล สายตาชูพลสบตาน้าวิวแล้วเหม่อ น้าวิวเพิ่งมาอยู่ไม่นานในตอนนั้น มหาวิทยาลัยยังไม่เปิดจึงตามหนอยมาดูแล
พี่พลด้วย สายตาสบตาน้าวิวอย่างขอบคุณ ยามลำบากจะมีใครเล่า ครอบครัวและเพื่อน ๆ เป็นกำลังใจยิ่งใหญ่ที่มอบแก่กัน

            เหล็กยืนดูพวงองุ่นสองพวงที่กำลังเติบโต “พี่เนตรเขาเป็นคนมือเย็นปลูกอะไรติดหมด ผมเคยขอพ่อปลูกพริกริมรั้ว มันขึ้นงามมากเลยครับแต่มี
แต่ใบ” เหล็กพูดแล้วหัวเราะตัวเอง
            “น่าภูมิใจนะ” พัดแหย่น้องแต่เขาไม่สนใจยังพูดต่ออีก
            “ผมเข้าไปสำรวจในบ้านพี่เนตรแล้วจัดได้สวยน่าอยู่จัง”
            “ขออนุญาตเจ้าของเขาแล้วหรือครับ” พี่หนอยแกล้งถามเหล็ก
            เขาทำหน้าเจื่อน ๆ แล้วพูดว่า “เหล็กต้องขอโทษด้วยลืมขอ...อิอิ”
            “ไม่เป็นไรหรอกพี่เนตรไม่มีความลับนี่คะ” ดวงเนตรเอ่ยขึ้น น้าวิวนั่งลูบเซรามิกที่เนตรซื้อมาด้วย มันมีความหมายลึกซึ้งมาก เป็นรูปเด็กหญิง
ชายยืนเกาะบ่าสลับกับเป็นวงกลม หน้าตาแจ่มใส
            “มันเหมือนที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนะครับ” พี่หนอยเอ่ยขึ้น ทุกคนก็คิดเช่นเดียวกัน
            “ว้า! ไม่เอา ๆ ไปไหนต่อดีกว่าพี่พล” เหล็กรีบชวนออกไปอีกรอบ
            “ไปทะเลสาบมิชิแกน แล้วกลับมาพี่เนตรทำกับข้าวอร่อยให้ทานดีไหมคะ”
            “ดีครับ”
            “แต่ยังมีเวลาอีกเราช่วยพี่เนตรเตรียมอาหารก่อนดีไหมค่ะ” คุณครูพี่น้อยหันมาพยักหน้ากับพี่ศิริ ก่อนจะไปหลังบ้านเตรียมผัก เครื่องปรุง และ
หมักเนื้อหมู...อาหารมีทั้งผัดกะเพรา ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ต้มข่าไก่ หมูทอดกระเทียมพริกไทย
            “ไปเถอค่ะพี่ ๆ ที่เหลือเนตรทำต่อเอง”

            พวกหนุ่มสาวพร้อมออกเดินทางด้วยใบหน้าผ่องใส เป้าหมายที่ตรงไปคือทะเลสายมิชิแกนและสวนสาธารณะมิลเลเนี่ยม
            “ไปเล้ย! ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่