หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (45)...ยังไม่สิ้นหวัง

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (45)...ยังไม่สิ้นหวัง
 
            ดวงเนตรลุกขึ้นแต่เช้าแล้วอาบน้ำ ส่วนน้าวิวกลับไปที่ห้อง ทุกคนเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะไปบ้านพักพี่หนอย พี่พลรออยู่ที่รถตรงเวลาตาม
ที่นัดหมายกับน้าวิวเมื่อคืน ที่พักพี่หนอยอยู่ไม่ไกลแต่จำเป็นต้องใช้รถขนของ
           
            เมื่อถึงบ้านเพื่อนของพี่หนอยรออยู่แล้ว ทั้งสองคนเข้ามาแสดงความเสียใจกับดวงเนตร เธอยิ้มรับและขอบคุณในน้ำใจ ความดีที่ทั้งสองคน
เอื้อนเอ่ยถึงพี่หนอยเป็นที่รู้อยู่แล้วในหมู่คนไทย เขาเป็นคนมีน้ำใจที่กว้างขวาง ทุกอย่างที่เคยช่วยเหลือ...ทุกคนยังคงระลึกถึงเสมอ ดวงเนตรนิ่ง
เงียบระหว่างการสนทนา เงียบจนบางครั้งน้าวิวอยากเห็นการร้องไห้ระบายความเจ็บปวดออกมาเสียยังจะดีกว่า  

            ทั้งหมดเข้าไปในห้องหนอย เปิดประตูสิ่งที่เห็นมันน่าสะท้อนใจนัก ภาพในกรอบรูปที่ถ่ายคู่กับดวงเนตรในเทศกาลนักศึกษานานาชาติ...ใต้
ภาพเขียนอย่างบรรจง “You’re the only one I love”...เธอคือคนเดียวที่ผมรัก”  ภาพนี้ยิ่งมองยิ่งบาดลึกลงไปที่แผลให้เจ็บร้าวนัก ภาพครอบครัว
หนอย และรูปหมู่ของนักเรียนไทยในคาร์บอนเดล ตามด้วยอีกหลายภาพของดวงเนตรในท่าต่าง ๆ ข้าวของพี่หนอยเก็บอยู่ในที่ทางอย่างเป็น
ระเบียบ
             ดวงเนตรเริ่มเก็บเสื้อผ้าลงกล่อง กล่องที่พี่พลได้มาจากร้านมิสเตอร์คัง เครื่องใช้ส่วนตัว รวมทั้งโคโลญจน์กลิ่นหอมจาง ๆ ทั้งหมดเก็บลง
ตะกร้าน้าวิวที่ดวงเนตรได้รับในวันเกิด พี่พลช่วยดึงลังไม้ ที่เก็บอยู่ใต้เตียงออกมาแล้วเอาเครื่องมือมางัดให้เปิดออก  ดอกกุหลาบแห้งที่ถูกผูกรวม
กันไว้แล้วใช้กระดาษสาห่อ เป็นสิ่งแรกที่เห็น ทุกครั้งที่หนอยให้กุหลาบขาวดอกใหญ่ พอมันบานเต็มที่เขาจะขอเก็บคืนไป ดวงเนตรเข้าใจเองว่า
อย่างเก่งพี่หนอยก็คงโยนมันลงในถังขยะ แต่เปล่าเลย...เขาสู้เก็บมันไว้อย่างดีเช่นที่เห็น ยังมีสมุดภาพสเก็ตด้วยดินสอแล้วแรงเงา นี่ก็เป็นงานอดิเรก
อีกชิ้น ที่ทำให้ทุกคนเพิ่งรู้ตัวตนของหนอยมากขึ้น ส่วนดวงเนตรเคยเห็นบ่อยครั้ง  ยามล้าจากหนังสือหรืองานวิจัยพี่หนอยจะอยู่เงียบ ๆ สักพัก
แล้วใช้พรสวรรค์ร่างลายเส้นขีดเขียนและเติมแต่งแรงเงา ออกมาเป็นภาพพวกนี้ เขาเอามาเข้าเป็นเล่ม ลงวันที่ซึ่งวาดไว้อย่างเป็นเรื่องราว มีหลาย
ภาพที่พี่หนอยวาดขณะที่ดวงเนตรเผลอ เส้นสายการร่างภาพอ่อนไหวเหมือนภาพนั้นเขียนจากมือและหัวใจของพี่หนอยอย่างตั้งใจ ตลับคริสตัลรูป
หัวใจ เมื่อเปิดทุกคนมองดูอย่างสนใจ แต่ใจดวงเนตรกลับบอบช้ำยิ่งนัก มันเป็นปอยผมของดวงเนตรที่พี่หนอยขอมา...เธอจำได้  
“จะเอาไปทำเสน่ห์หรือคะ แค่นี้เนตรก็รักพี่หนอยสุดใจแล้ว” แล้วสองคนก็หัวเราะ  มันเหมือนเพิ่งเกิดไม่นาน เขาเก็บใส่ตลับอย่างดี กลิ่นผมยังหอม
กรุ่น น้ำตาดวงเนตรไหลรินอย่างเงียบ ๆ หลายครั้งน้าวิวกับพี่น้อยต้องออกมาเพื่อให้พ้นจากภาพที่เห็น มันมากเกินไปสำหรับผู้หญิงรูปร่างบอบบาง
คนหนึ่งจะรับไหว ยังมีกระดาษเขียนภาพเหลืออีกหลายแผ่น แต่แผ่นหลังสุดเขียนเป็นการ์ตูนสองตัวอยู่ในชุดแต่งงาน “เก็บไว้ก่อนนะพี่หนอยค่อย
ให้ในวันแต่งงาน” ลายมือเขียนไว้ใต้ภาพ ดวงเนตรเก็บสมุดภาพไว้ในเป้ของตัวเอง ‘เนตรจะเอามันติดตัวตลอดเวลา’ ดวงเนตรคิด
            
            สิ่งสุดท้ายที่เหลือในลังไม้ คือสมุดธนาคารสองเล่ม ดวงเนตรส่งให้น้าวิว เธอรับมาแล้วเปิดดู
            “อ้าว! เล่มนี้เป็นของดวงเนตรนี่”
            “เป็นไปได้อย่างไรคะ” แล้วเธอก็จำได้...หลังจากที่ตัดผมให้พี่หนอยไม่นาน เขามาถามหาบัตรนักศึกษาขอเอาไปถ่ายสำเนาไปประกอบใน
การเข้าเป็นสมาชิกชมรมนักศึกษา
            “อย่างนี้นี่เอง” ประโยคสุดท้ายเป็นการพูดกับตัวเองมากกว่า  

            น้าวิวคิด ‘ดูซิความกระล่อนของหนอย ถ้าบอกดวงเนตร เธอไม่ยอมอยู่แล้ว แกเลยใช้วิธีนี้ใช่ไหมหนอย’ น้าวิวและพี่ ๆ ดูเหมือนจะคิดเหมือน
กัน น้าวิวมองอีกบัญชี เป็นชื่อหนอยแต่มีการแก้ไขไม่นานมานี้ โดยเป็นบัญชีสองชื่อ และ/หรือดวงเนตร ศิริภักดี น้าวิวน้ำตาไหล
‘แกห่วงเนตรขนาดนี้ หรือแกก็มีรางสังหรณ์ที่ไม่ดี ก่อนที่แกจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวหายไปอย่างนี้หรือ แกมันใจร้ายนัก แกรู้ไหมดวงเนตรแทบจะไม่
เป็นผู้เป็นคน เจ็บปวดขนาดไหน’ ความคิดของน้าวิวสะดุดลงเมื่อ พี่ศิริบอกให้เปิดดูเงินในบัญชี เงินที่เตี่ยและแม่ที่ต่างคนต่างส่งมาให้ ในสมุด
ชื่อหนอยมีการใช้เป็นระยะ จำนวนค่อนข้างคงที่ไม่เพียงเท่านั้นการใช้จ่ายค่อนข้างมัธยัสถ์อีก ในสมุดของหนอยมีเกือบแปดหมื่นเหรียญ ส่วนเล่ม
ของดวงเนตรมีสามหมื่นห้าพันเหรียญ  ดูจากการเอาเช็คเข้าจำนวนเงินจะแบ่งเป็นสองส่วนเข้าในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ทุกคนถอนใจอย่างหนักอก
            น้าวิวยื่นคืนให้ดวงเนตร “เนตรรับไม่ได้...มันไม่ใช้ของเนตร”  
            “ดูชื่อบัญชีแล้วเนตรจะเข้าใจเอง เอาเก็บไว้ดี ๆ ถ้าไม่ได้ใช้ดวงเนตรเอาไปคืนกับแม่หนอยเองก็ได้ เชื่อน้าเถอะ” ดวงเนตรไม่ได้เปิดดูด้วย
ซ้ำเพราะระหว่างที่พี่ ๆ ดูกัน เธอยังคงลงมือเก็บทุกอย่างจริง ๆ ไม่เหลือไว้แม้แต่ดินสอสั้นแท่งเดียวที่กลิ้งอยู่บนพื้นใกล้ตู้เย็น

            หมากมาแวะหาพร้อมน้องที่โดมิโนไม่เจอใคร เลยตามมาที่บ้านพี่หนอย ทั้งสี่หนุ่มสงขลาสัมผัสได้ถึงความสูญเสียที่ทุกคนรู้สึกโดยเฉพาะ
พี่ดวงเนตร ทุกคนช่วยกันขนของขึ้นและขนลงเอาไปเก็บไว้ในห้องดวงเนตร หมากชวนพวกเราไปกินข้าว ที่ร้านมิสเตอร์คัง       
 
            หลังอาหารกลางวันทั้งหมดยังรวมกันอยู่ที่ห้องน้าวิว
 
            ส่วนดวงเนตรขอตัวไปพบดอกเตอร์จินนี่ “เรื่องนิคกี้จะขอย้ายไปมหาวิทยาลัยชิคาโก ...University of Chicago อาจารย์จัดการให้เรียบร้อย
ทุกอย่าง จะเหลือภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน นิคกี้น่าจะเก็บหน่วยกิตครบแล้วจบได้ อาจารย์มีเพื่อนสนิท สอน MBA ด้านการตลาดชื่อ
ดอกเตอร์คริสตี้และได้ฝากให้ช่วยดูแลนิคกี้ด้วย เธอบอกว่ายินดีอย่างยิ่งไม่ต้องห่วงถ้าไปถึงแวะคุยก่อนนะ มานี่ก่อนสิ” ดวงเนตรเข้าไปยืนข้าง ๆ   
โต๊ะ เธอยื่นถุงผ้าใบเล็กให้ ถุงผ้ามีลายปัก ดูแล้วเป็นถุงผ้าที่เก็บไว้นานมากแล้ว ข้างในมีหินหลายรูปทรงอยู่สามก้อน  
            “อาจารย์ให้เธอมันเป็นถุงนำโชค ย่าทวดเชื่อว่าหากเราขอสิ่งใดจะได้สมดังใจ”
            “นิคกี้รับไว้ไม่ได้ค่ะ มันเป็นของครอบครัวอาจารย์”
            “รับไว้เถอะ มันควรที่จะอยู่กับคนดี และอาจารย์ก็ไม่มีลูก เธอก็เปรียบเหมือนลูกสาวฉัน” น้ำตาร่วงลงบนถุงผ้า ดอกเตอร์จินนี่ดึงดวงเนตร
เข้ามากอดไว้
            “ต้องเข้มแข็งนะนิคกี้ เธอต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้” ดวงเนตรไหว้ลงที่ไหล่ไม่มีเสียงใด ดวงเนตรกอดเธอไว้แน่นก่อนกล่าวลาจาก ดร.จินนี่
มีความสนิทในกับลูกศิษย์สาวคนนี้ นับแต่ได้รู้จักและได้เธอมาเป็นผู้ช่วยในการทำวิจัย ดวงเนตรกระตือรือล้นมากและไม่เคยช้า งานทุกชิ้นออกมา
สมบูรณ์และถูกใจอาจารย์ ยิ่งนานวันความผูกพันก็เพิ่มตามด้วยว่าดวงเนตรทำขนมไทยอร่อย ๆ มาฝาก อย่างสาคูเปียกใส่เผือกราดน้ำกะทิ ขนมชั้น
หรือขนมอบฝรั่งแสนอร่อย และอาหารไทยติดมือมาฝากเสมอ
          
            ดวงเนตรเดินกลับหออย่างช้า ๆ เหลียวมองรอบ ที่ ๆ เคยเรียน ความทรงจำแสนดีของพี่ ๆ และเพื่อน กับความรักของพี่หนอย สายตาบอกลา
อย่างอาลัย 
 
            ส่วนการรวมตัวกันที่ห้องน้าวิว เธอขอให้พี่น้อยหรือศิริเป็นคนแจ้งข่าวไปทางบ้านหนอย  พี่ศิริรับหน้าที่
            “แม่หนอยใช่ไหมค่ะ” แล้วเรื่องราวก็ถูกบอกเล่าออกมา แต่แม่เป็นลมไปแล้ว ดีว่าพี่ก้อยพี่สาวของหนอยอยู่ด้วยพร้อมสามีเธอ พี่ก้อยเปิดสปีก
เกอร์โฟนได้ยินเสียงพี่ก้อยเรียก
            “พี่ ๆ ค่ะ มารับแม่ไปนั่งที่โซฟาก่อน คุณศิริเล่าใหม่สิเกิดอะไรขึ้น”  พี่ก้อยรับฟังพร้อมเสียงสะอื้น สุดท้ายคนเล่าและบรรดาสาว ๆ ก็เริ่มน้ำตา
ไหล พี่ศิริเล่าว่า...ดวงเนตรกำลังทำเรื่องย้ายไปมหาวิทยาลัยชิคาโก เธอไม่เชื่อว่าหนอยจะเสียชีวิต เขาจะตามเรื่องทั้งหมดต่อเอง ส่วนเรื่องสมุด
บัญชี...พี่ก้อยบอกว่า แม่ให้ดวงเนตรเก็บไว้รวมถึงข้าวของ ๆ หนอย
            พี่ศิริพูดต่อ “เนตรคงไม่มีกะใจคุยเรื่องหนอยตอนนี้หรอกค่ะ แต่เธอเชื่อมั่นมากกว่าหนอยยังอยู่ แม้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะตามหาและรอคอย”
คำนี้เสียงพี่ก้อยสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวด น้าวิวคุยต่อว่าถ้าแม่หนอยจะมาตอนนี้คงยังไม่มีประโยชน์ ดวงเนตรจะสืบหาหนอยต่อไป อย่างไรจะติดต่อ
ไปที่เมืองไทยเป็นระยะ จนกว่าจะแน่ใจว่าหนอยเสียชีวิตแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่ขอให้ทุกคนมีความหวังไปกับดวงเนตรว่าสุดท้ายเราจะพบหนอย
     
            ดวงเนตรแวะลาป้าแม็กกี้ ลุงพอล และทุกคน คุยได้พักใหญ่ลุงพอลจดเบอร์โทรลูกชายให้  เขาทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งใจกลาง
ย่านธุรกิจของเมืองชิคาโก และเบอร์โทรศัพท์ของลุงพอล นิคกี้กอดลาทุกคน
 
            เธอเดินไปหาน้าวิวเล่าเรื่องการย้ายเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชิคาโก  “เนตรจะเก็บของเสร็จวันนี้แล้วกะจะออกเดินทางเลย”  
            “ทำไมต้องไวขนาดนั้น” พี่ ๆ ถาม  
            “อย่าให้เนตรต้องอยู่กับความทรมานนานเลยค่ะ อีกอย่างไม่เพียงแต่เนตร ถ้าเนตรจากไปทุกคนจะค่อย ๆรู้สึกดีขึ้นตามเวลา” เสียงเธอเหมือนขอร้อง
            “เอาล่ะน้าวิวเข้าใจเนตร เอาเป็นว่าเนตรพร้อมเราจะเช่ารถตู้ไปส่งกันนะพล”
            “ดีครับ...แล้วหมากกับน้องไปด้วยไหม”
            “ครับผม...เราไปด้วยกันทั้งหมดนี้แหละครับ” พี่พลโทรติดต่อเรื่องการเช่ารถ และจะไปรับรถก่อนที่ออฟฟิศปิด หมายกำหนดการเดินทาง
คือหกโมงเช้าของวันพรุ่งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่