
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (30)...หิมะแรก
เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว...ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“เชิญค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก” พี่หนอยโผล่หน้าเข้ามา เขาใส่เสื้อตัวใหญ่อย่างหนาแถมใส่หมวกไหมพรมด้วย ถุงมือก็ใส่ พร้อมด้วยรองเท้าหนังบูท
บุขนสัตว์อย่างหน้า ดวงเนตรมองแล้วออกอาการงง
“จะไปไหนค่ะพี่หนอยดูแต่งตัวซิ”
“จะพาออกไปดูหิมะ มันตกตั้งแต่ค่อนแจ้งแล้ว ไม่รู้เลยเหรอหนูมัวแต่ทำอะไรครับ”
“จริง ๆ เหรอค่ะ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ หนอยดึงแขนมาที่หน้าต่าง
“ว้าว! สวยจังเลย” ทั้งสองจ้องมองออกไปทางหน้าต่าง หิมะโปรยตัวลงสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ นี่เป็นหิมะแรกในชีวิตที่ดวงเนตรเคยเห็น
พื้นหญ้าปกคลุมไปด้วยสีขาว กิ่งก้านต้นไม้ถูกหิมะปกคลุมจนหมดสิ้น ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งหลังคาบ้านและดงต้นสน ก็มีหิมะเกาะอยู่
เป็นหย่อม ๆ สีเขียวและขาวตัดสีกันดูงดงาม ปุยหิมะทิ้งตัวลงสู่พื้นช่างงดงามและอ่อนโยนนัก พี่หนอยถามอยู่ใกล้หู
“สวยมากใช่ไหม”
“ค่ะ มันเป็นบรรยากาศที่เหงาแต่สวยมากค่ะ”
“ข้างบ้านผมที่เช่าอยู่ มีเด็ก ๆ ออกมาเล่นปั้นหิมะ ตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“ไปเตรียมตัวกันแล้วออกไปข้างนอกดีกว่า” พี่หนอยดูดวงเนตรใส่เสื้อจนหนาพอแล้ว สวมหมวกไหมพรมสีสด กับผ้าพันคอสีขาว สวมถุง
มือหนัง พร้อมบูทหนังซึ่งบุด้วยขนสัตว์อ่อนนุ่ม
“ข้างในสวมลองจอนรึเปล่าครับ”...ลองจอนเป็นเสื้อกางเกงยืดชั้นในเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย
“ค่ะ”
ทั้งสองมาปั้นหิมะเล่นข้างล่างด้านหลังหอพัก ดวงเนตรใช้มือจับ มันนุ่มมาก พี่หนอยกระโดดตัวลอยแล้วทิ้งตัวลงไปบนหิมะ มันยุบวูบ
ตามน้ำหนักตัว ดูเขาสนุกเหมือนเด็ก หน้าแจ่มใส คิ้วเข้ม แถมปล่อยเคราเขียวเป็นไรบาง ๆ จากจอนผมลงมาดูหล่อนัก
ทั้งสองนั่งปั้นหิมะเป็นลูก ๆ หลายลูก แล้วสงครามก็เริ่มโดยดวงเนตรโยนใส่หนอยก่อน โดนหัวเข้าอย่างจัง เธอหัวเราะชอบใจ เขาพูดว่า
“แน่ใจนะ โอเคเลย” คราวนี้ตาหนอยบ้าง สุดท้ายก็ลุยกันจนหิมะเกาะบนหมวกเต็มไปหมด พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ประสานกันอย่างมี
ความสุข
“โอ๊ย! เนตรยอมแล้วค่ะ... เหนื่อย” ทั้งสองนั่งลงกับพื้น อากาศหนาวมากขึ้น พี่หนอยดึงดวงเนตรขึ้นผวาเข้าหาอ้อมแขนอันอบอุ่น เขากอด
อยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบข้างหู
“ขึ้นเถอะ เดี๋ยวไม่สบายนะครับ” เสียงหนอยเอ่ยอย่างเป็นห่วง
เข้ามาในห้อง พี่หนอยรีบเปิดฮีตเตอร์ ช่วยดวงเนตรถอดเสื้อตัวหนาออก แล้วเดินไปดึงประตูเข้ามาจนเกือบปิด
“ทำไมล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวความร้อนออกหมด ดูซิหัวหูแดงหมดแล้ว แก้มด้วย เนตรช่วงนี้อากาศจะหนาวตลอดเนตรอาบน้ำอุ่นแล้วทาครีมเยอะ ๆ นะครับ โดย
เฉพาะบริเวณหน้า ผิวจะแตกแห้งง่ายนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ไม่ห่วงเนตรแล้วจะให้พี่หนอยไปห่วงใครล่ะ ฮึ” ดวงเนตรยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณ เธอเสียบไฟกาน้ำร้อน ชงชานมแก้วใหญ่ แล้วสองคน
ก็นั่งชิดกันมองดูความสวยงามภายนอก
“ชาร้อน ๆ ช่วยให้อบอุ่นขึ้นมากเลยนะคะ”
“อกพี่หนอยอุ่นกว่านะ”
“บ้า” หนอยหัวเราะชอบใจ
“หัวเราะทำไมคะ” เธอถาม
“บ้าก็บ้ารักเนตรล่ะ พูดดีนักเดี๋ยวปล้ำเลยดีไหม”
“เฮ้ย ๆ ๆ ! แกทำอะไรละก็ฉันฆ่าแกแน่” เสียงน้าวิวดังขัดจังหวะ
“แหมเด็กเขาหยอกกันเล่น จะฆ่าแกงกันเลยหรือค่ะ” พี่น้อยแทรกขึ้น บรรดาพี่ ๆ ปรากฏกายขึ้นในชุดเตรียมพร้อมลุย
“ไปเล่นหิมะกันเถอะด้านหลังหอพักกว้างดี เร็วเข้า” พี่ศิริเร่ง
“เพิ่งกลับกันเข้ามาสักครึ่งชั่วโมงเองครับ ล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวสักพักเราจะตามไปนะครับ”
“จ้ะ...อย่ามัวอ้อนกันอยู่ล่ะ” พี่ศิริล้อเอา
ดวงเนตรเตรียมแซนด์วิซกล้วยหอมใส่ชีสกับชานมอีกคนละแก้ว นั่งกินไปมองออกไปข้างนอก เพราะถ้าไปตอนนี้แย่แน่ ทั้งคู่ยังไม่หายเหนื่อย
พักใหญ่พี่หนอยมองหน้าเหมือนถามว่า...ไหวไหม
“ไหวค่ะ”
ทั้งสองลงมาที่สนามหลังหอพัก กลุ่มน้าวิวกำลังเตรียมปั้นหิมะไว้รอ พอเห็นทั้งคู่มาถึงก็ระดมกันมาเป็นชุดใหญ่เลย ดวงเนตรนั่งลงปั้นหิมะ
ด้วยความเร็วสูงส่งให้พี่หนอยขว้างใส่ฝั่งโน้น ถึงพี่ ๆ จะมีกระสุนมากกว่าแต่ความแม่นยำผิดกัน หิมะเกาะเต็มหมวกไหมพรมของทุกคน เสียงตะโกน
และเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีฝรั่งกลุ่มหนึ่งมาหยุดดู แล้วขอร่วมวงด้วย...ฝรั่งผู้หญิงชื่อลินดา บอกให้เราแบ่งเป็นกลุ่มหญิงชาย แต่น้าวิวว่าใช้
“โอน้อยออก” คือพูดว่าโอน้อยแล้วทุกคนจะคว่ำหรือหงายมือก็ได้” กลุ่มคว่ำมือไปจับกลุ่มกัน กลุ่มเพื่อนชาวอเมริกันมาห้าคน ของเราห้าคน...รวมแล้ว
มีคนเล่นสิบคนพอดี
ทุกคนจะส่งเสียงหัวเราะเวลาพูดโอน้อยออก เพราะเสียงพวกเขาฟังตลกมาก เขาเองก็ขำตัวเองด้วย พอเซทอัพทีมได้ ก็ลงมือตะลุมบอนกัน
หัวหูดูไม่ได้เพราะเต็มไปด้วยหิมะ เพลินจนเกือบชั่งโมงผู้หญิงเริ่มยกมือยอมแพ้ มันเป็นการเล่นที่มีความสุขสนุกสนานมาก เพราะนาน ๆ ที พวกเขา
จะเล่นเป็นเด็กแบบนี้ ทั้งกลุ่มที่เข้ามาร่วมวงด้วยลากลับ
“สนุกไหมน้องหนู”
“ค่ะ” ดวงเนตรตอบ
“เป็นห่วงแต่ดวงเนตร แกจะไม่ดูดีดูดายกับคนอื่นเลยนะ” น้าวิวบ่น ทุกคนยังนั่งหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย
“ครับ ๆ มาแล้ว” และเขาก็ยื่นมือไปดึงพี่ ป้า น้า อาให้ลุกขึ้นมาจากกองหิมะ
“สนุกเป็นบ้าเลย” น้าวิวพูดและหัวเราะ
“อย่าถึงกับบ้านะครับ เป็นงานต้องพาไปส่งโรงพยาบาล” หนอยออกวิ่งก่อนเพราะรู้ว่าพูดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น น้าวิววิ่งตามกำหมัดแน่น เขา
คล่องกว่า โยกไปโยกมาจนน้าวิวต้องยอมแพ้
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ” หนอยยั่วต่อ
“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนนะครับขี้เกียจเฝ้า” เขาหัวเราะชอบใจท่าทางคู่กรณี
“เข้าหอกันเถอะ หิวแล้ว” พี่ศิริเอ่ยขึ้นด้วยความหิว พี่น้อยและทุกคนเห็นด้วย
ดวงเนตรเอ่ยขึ้น “ไปเปลี่ยนเลื้อผ้ารอเลยนะคะเดี๋ยวเนตรทำมาม่าผัดไปกินกันที่ห้องน้าวิว”
“อุ๊ย! ดีจังเลยกำลังอยากกิน” น้าวิวพูด แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป
หนอยกับดวงเนตรเข้าในห้อง เขาเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดเบา ๆ ให้ดวงเนตร นั่งรอจนหญิงสาวเปลี่ยนชุดใหม่ เธอเอาครีมทาจนทั่ว
หน้าโดยเฉพาะแก้มที่ออกสีแดง ล้างมือเสร็จหนอยเอาเสื้อคลุมยาวตัวนอกออก แล้วนั่งลงข้าง ๆ
“จะให้พี่หนอยทำอะไรบ้างครับ”
“พี่หนอยเหนื่อยก็พักเถอะค่ะ”
“เนตรก็เหนื่อยยังจะทำอาหารอีก”
“มาพี่ช่วย” ทั้งสองช่วยกันพักใหญ่กลิ่นมาม่าผัดก็หอมฉุยมาแต่ไกล
“เชิญครับท่านพี่...รูมเซอร์วิสมาแล้ว” เสียงหนอยดังมาแต่ไกล
“แกนี่เค้าเรียกว่าเจ๊ก ไปไหนมาไหนเสียงดังโวยวาย”
“อ้าว! น้าวิวพูดแบบนี้มันโดนกันทั่วหน้าเลยนะนี่” พี่ศิริชักฉุนแล้วทุกคนก็หัวเราะ
“พวกเราประเภทลูกผสมค่ะ มีทั้งผสมเสร็จแล้วและยังไม่เสร็จ” พี่น้อยเล่นคำ ทุกคนเริ่มมองไปที่ถาดแล้วคิดเหมือนกันว่าไว้ให้อิ่มแล้วค่อยมา
ปะทะคารมกันใหม่ ตอนนี้หิวจนตาลายแล้ว
“ทำมาเยอะเลยนะคะ” พี่น้อยทัก
“เดี๋ยวก็หมดค่ะ ยิ่งกำลังหิวกันอยู่” แป๊บเดียวจริง ๆ หมดเกลี้ยง
“อย่างนี้เขาใช้คำว่ารับประทานได้ไหมครับพี่น้อย”
“อย่างนี้เขาเรียกว่า...ยัดค่ะ” พี่น้อยหัวเราะชอบใจ
นาน ๆ คุณครูจะหลุดคำไม่สุภาพออกมา
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (30)...หิมะแแรก
Cr.Net
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (30)...หิมะแรก
เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว...ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“เชิญค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก” พี่หนอยโผล่หน้าเข้ามา เขาใส่เสื้อตัวใหญ่อย่างหนาแถมใส่หมวกไหมพรมด้วย ถุงมือก็ใส่ พร้อมด้วยรองเท้าหนังบูท
บุขนสัตว์อย่างหน้า ดวงเนตรมองแล้วออกอาการงง
“จะไปไหนค่ะพี่หนอยดูแต่งตัวซิ”
“จะพาออกไปดูหิมะ มันตกตั้งแต่ค่อนแจ้งแล้ว ไม่รู้เลยเหรอหนูมัวแต่ทำอะไรครับ”
“จริง ๆ เหรอค่ะ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ หนอยดึงแขนมาที่หน้าต่าง
“ว้าว! สวยจังเลย” ทั้งสองจ้องมองออกไปทางหน้าต่าง หิมะโปรยตัวลงสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ นี่เป็นหิมะแรกในชีวิตที่ดวงเนตรเคยเห็น
พื้นหญ้าปกคลุมไปด้วยสีขาว กิ่งก้านต้นไม้ถูกหิมะปกคลุมจนหมดสิ้น ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งหลังคาบ้านและดงต้นสน ก็มีหิมะเกาะอยู่
เป็นหย่อม ๆ สีเขียวและขาวตัดสีกันดูงดงาม ปุยหิมะทิ้งตัวลงสู่พื้นช่างงดงามและอ่อนโยนนัก พี่หนอยถามอยู่ใกล้หู
“สวยมากใช่ไหม”
“ค่ะ มันเป็นบรรยากาศที่เหงาแต่สวยมากค่ะ”
“ข้างบ้านผมที่เช่าอยู่ มีเด็ก ๆ ออกมาเล่นปั้นหิมะ ตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“ไปเตรียมตัวกันแล้วออกไปข้างนอกดีกว่า” พี่หนอยดูดวงเนตรใส่เสื้อจนหนาพอแล้ว สวมหมวกไหมพรมสีสด กับผ้าพันคอสีขาว สวมถุง
มือหนัง พร้อมบูทหนังซึ่งบุด้วยขนสัตว์อ่อนนุ่ม
“ข้างในสวมลองจอนรึเปล่าครับ”...ลองจอนเป็นเสื้อกางเกงยืดชั้นในเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย
“ค่ะ”
ทั้งสองมาปั้นหิมะเล่นข้างล่างด้านหลังหอพัก ดวงเนตรใช้มือจับ มันนุ่มมาก พี่หนอยกระโดดตัวลอยแล้วทิ้งตัวลงไปบนหิมะ มันยุบวูบ
ตามน้ำหนักตัว ดูเขาสนุกเหมือนเด็ก หน้าแจ่มใส คิ้วเข้ม แถมปล่อยเคราเขียวเป็นไรบาง ๆ จากจอนผมลงมาดูหล่อนัก
ทั้งสองนั่งปั้นหิมะเป็นลูก ๆ หลายลูก แล้วสงครามก็เริ่มโดยดวงเนตรโยนใส่หนอยก่อน โดนหัวเข้าอย่างจัง เธอหัวเราะชอบใจ เขาพูดว่า
“แน่ใจนะ โอเคเลย” คราวนี้ตาหนอยบ้าง สุดท้ายก็ลุยกันจนหิมะเกาะบนหมวกเต็มไปหมด พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ประสานกันอย่างมี
ความสุข
“โอ๊ย! เนตรยอมแล้วค่ะ... เหนื่อย” ทั้งสองนั่งลงกับพื้น อากาศหนาวมากขึ้น พี่หนอยดึงดวงเนตรขึ้นผวาเข้าหาอ้อมแขนอันอบอุ่น เขากอด
อยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบข้างหู
“ขึ้นเถอะ เดี๋ยวไม่สบายนะครับ” เสียงหนอยเอ่ยอย่างเป็นห่วง
เข้ามาในห้อง พี่หนอยรีบเปิดฮีตเตอร์ ช่วยดวงเนตรถอดเสื้อตัวหนาออก แล้วเดินไปดึงประตูเข้ามาจนเกือบปิด
“ทำไมล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวความร้อนออกหมด ดูซิหัวหูแดงหมดแล้ว แก้มด้วย เนตรช่วงนี้อากาศจะหนาวตลอดเนตรอาบน้ำอุ่นแล้วทาครีมเยอะ ๆ นะครับ โดย
เฉพาะบริเวณหน้า ผิวจะแตกแห้งง่ายนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ไม่ห่วงเนตรแล้วจะให้พี่หนอยไปห่วงใครล่ะ ฮึ” ดวงเนตรยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณ เธอเสียบไฟกาน้ำร้อน ชงชานมแก้วใหญ่ แล้วสองคน
ก็นั่งชิดกันมองดูความสวยงามภายนอก
“ชาร้อน ๆ ช่วยให้อบอุ่นขึ้นมากเลยนะคะ”
“อกพี่หนอยอุ่นกว่านะ”
“บ้า” หนอยหัวเราะชอบใจ
“หัวเราะทำไมคะ” เธอถาม
“บ้าก็บ้ารักเนตรล่ะ พูดดีนักเดี๋ยวปล้ำเลยดีไหม”
“เฮ้ย ๆ ๆ ! แกทำอะไรละก็ฉันฆ่าแกแน่” เสียงน้าวิวดังขัดจังหวะ
“แหมเด็กเขาหยอกกันเล่น จะฆ่าแกงกันเลยหรือค่ะ” พี่น้อยแทรกขึ้น บรรดาพี่ ๆ ปรากฏกายขึ้นในชุดเตรียมพร้อมลุย
“ไปเล่นหิมะกันเถอะด้านหลังหอพักกว้างดี เร็วเข้า” พี่ศิริเร่ง
“เพิ่งกลับกันเข้ามาสักครึ่งชั่วโมงเองครับ ล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวสักพักเราจะตามไปนะครับ”
“จ้ะ...อย่ามัวอ้อนกันอยู่ล่ะ” พี่ศิริล้อเอา
ดวงเนตรเตรียมแซนด์วิซกล้วยหอมใส่ชีสกับชานมอีกคนละแก้ว นั่งกินไปมองออกไปข้างนอก เพราะถ้าไปตอนนี้แย่แน่ ทั้งคู่ยังไม่หายเหนื่อย
พักใหญ่พี่หนอยมองหน้าเหมือนถามว่า...ไหวไหม
“ไหวค่ะ”
ทั้งสองลงมาที่สนามหลังหอพัก กลุ่มน้าวิวกำลังเตรียมปั้นหิมะไว้รอ พอเห็นทั้งคู่มาถึงก็ระดมกันมาเป็นชุดใหญ่เลย ดวงเนตรนั่งลงปั้นหิมะ
ด้วยความเร็วสูงส่งให้พี่หนอยขว้างใส่ฝั่งโน้น ถึงพี่ ๆ จะมีกระสุนมากกว่าแต่ความแม่นยำผิดกัน หิมะเกาะเต็มหมวกไหมพรมของทุกคน เสียงตะโกน
และเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีฝรั่งกลุ่มหนึ่งมาหยุดดู แล้วขอร่วมวงด้วย...ฝรั่งผู้หญิงชื่อลินดา บอกให้เราแบ่งเป็นกลุ่มหญิงชาย แต่น้าวิวว่าใช้
“โอน้อยออก” คือพูดว่าโอน้อยแล้วทุกคนจะคว่ำหรือหงายมือก็ได้” กลุ่มคว่ำมือไปจับกลุ่มกัน กลุ่มเพื่อนชาวอเมริกันมาห้าคน ของเราห้าคน...รวมแล้ว
มีคนเล่นสิบคนพอดี
ทุกคนจะส่งเสียงหัวเราะเวลาพูดโอน้อยออก เพราะเสียงพวกเขาฟังตลกมาก เขาเองก็ขำตัวเองด้วย พอเซทอัพทีมได้ ก็ลงมือตะลุมบอนกัน
หัวหูดูไม่ได้เพราะเต็มไปด้วยหิมะ เพลินจนเกือบชั่งโมงผู้หญิงเริ่มยกมือยอมแพ้ มันเป็นการเล่นที่มีความสุขสนุกสนานมาก เพราะนาน ๆ ที พวกเขา
จะเล่นเป็นเด็กแบบนี้ ทั้งกลุ่มที่เข้ามาร่วมวงด้วยลากลับ
“สนุกไหมน้องหนู”
“ค่ะ” ดวงเนตรตอบ
“เป็นห่วงแต่ดวงเนตร แกจะไม่ดูดีดูดายกับคนอื่นเลยนะ” น้าวิวบ่น ทุกคนยังนั่งหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย
“ครับ ๆ มาแล้ว” และเขาก็ยื่นมือไปดึงพี่ ป้า น้า อาให้ลุกขึ้นมาจากกองหิมะ
“สนุกเป็นบ้าเลย” น้าวิวพูดและหัวเราะ
“อย่าถึงกับบ้านะครับ เป็นงานต้องพาไปส่งโรงพยาบาล” หนอยออกวิ่งก่อนเพราะรู้ว่าพูดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น น้าวิววิ่งตามกำหมัดแน่น เขา
คล่องกว่า โยกไปโยกมาจนน้าวิวต้องยอมแพ้
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ” หนอยยั่วต่อ
“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนนะครับขี้เกียจเฝ้า” เขาหัวเราะชอบใจท่าทางคู่กรณี
“เข้าหอกันเถอะ หิวแล้ว” พี่ศิริเอ่ยขึ้นด้วยความหิว พี่น้อยและทุกคนเห็นด้วย
ดวงเนตรเอ่ยขึ้น “ไปเปลี่ยนเลื้อผ้ารอเลยนะคะเดี๋ยวเนตรทำมาม่าผัดไปกินกันที่ห้องน้าวิว”
“อุ๊ย! ดีจังเลยกำลังอยากกิน” น้าวิวพูด แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป
หนอยกับดวงเนตรเข้าในห้อง เขาเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดเบา ๆ ให้ดวงเนตร นั่งรอจนหญิงสาวเปลี่ยนชุดใหม่ เธอเอาครีมทาจนทั่ว
หน้าโดยเฉพาะแก้มที่ออกสีแดง ล้างมือเสร็จหนอยเอาเสื้อคลุมยาวตัวนอกออก แล้วนั่งลงข้าง ๆ
“จะให้พี่หนอยทำอะไรบ้างครับ”
“พี่หนอยเหนื่อยก็พักเถอะค่ะ”
“เนตรก็เหนื่อยยังจะทำอาหารอีก”
“มาพี่ช่วย” ทั้งสองช่วยกันพักใหญ่กลิ่นมาม่าผัดก็หอมฉุยมาแต่ไกล
“เชิญครับท่านพี่...รูมเซอร์วิสมาแล้ว” เสียงหนอยดังมาแต่ไกล
“แกนี่เค้าเรียกว่าเจ๊ก ไปไหนมาไหนเสียงดังโวยวาย”
“อ้าว! น้าวิวพูดแบบนี้มันโดนกันทั่วหน้าเลยนะนี่” พี่ศิริชักฉุนแล้วทุกคนก็หัวเราะ
“พวกเราประเภทลูกผสมค่ะ มีทั้งผสมเสร็จแล้วและยังไม่เสร็จ” พี่น้อยเล่นคำ ทุกคนเริ่มมองไปที่ถาดแล้วคิดเหมือนกันว่าไว้ให้อิ่มแล้วค่อยมา
ปะทะคารมกันใหม่ ตอนนี้หิวจนตาลายแล้ว
“ทำมาเยอะเลยนะคะ” พี่น้อยทัก
“เดี๋ยวก็หมดค่ะ ยิ่งกำลังหิวกันอยู่” แป๊บเดียวจริง ๆ หมดเกลี้ยง
“อย่างนี้เขาใช้คำว่ารับประทานได้ไหมครับพี่น้อย”
“อย่างนี้เขาเรียกว่า...ยัดค่ะ” พี่น้อยหัวเราะชอบใจ นาน ๆ คุณครูจะหลุดคำไม่สุภาพออกมา