หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (40)...ตะวันหายไปไหน

กระทู้คำถาม


หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (40)...ตะวันหายไปไหน
 
            การลงทะเบียนภาคเรียนฤดูหนาวเสร็จเอาเกือบบ่าย หิมะตกหนักตั้งแต่เช้า รถเกรดถนนทำงานหนัก ส่วนทางเดินไปมาตามตัวตึกต้อง
ใช้คนงานในมหาวิทยาลัยคอยเคลียร์ทางตลอดเวลา พี่หนอยไปดักรอที่ตึกลงทะเบียน ดวงเนตรเดินลงมาพอดี พอเห็นเท่านั้นดวงหน้าสดใสด้วย   
รอยยิ้ม
            “อ้าว! พี่หนอยมาทำไมคะ”
            “ข้างนอกหิมะตกหนักมาก พี่หนอยเลยหอบเสื้อหนาวกับที่ปิดหูมาให้ ใส่ถุงมือหรือเปล่าครับ” เสียงพี่หนอยอ่อนโยนและเป็นห่วง
            “ใส่อย่างหนาเลยค่ะ”
            “เสร็จแล้วใช่ไหม มาพี่หนอยจะสวมเสื้อให้อีกตัว” ดวงเนตรกางแขนออก เขาสวมเสื้อทับให้และขยับผ้าพันคอให้กระชับขึ้น เอาที่ปิดหูกัน
ความหนาวมาใส่
            “ไปได้แล้วค่ะ” เธอยื่นหน้าไปหอมพี่หนอยหนึ่งที
            “ขอบคุณนะคะ”
            “ค่อย ๆ เดิน มานี่” เขาโอบดวงเนตรไว้จนชิด พี่หนอยสวมหมวกไหมพรมขนสัตว์อย่างหนาดึงลงมาเห็นแต่ลูกตา ตาคู่นี้แม้เห็นในความมืด
เนตรก็จำได้  
            “น่ารักจังอุตส่าห์มารับถึงตึกเลย  พี่หนอยทำแบบนี้บ่อย ๆ  เดี๋ยวเนตรก็ไม่โตชักทีหรอกค่ะ”
            “พี่ทำเพราะพี่รัก พี่มาเพราะพี่ห่วง” หนอยตอบ นักศึกษาทุกคนอยู่ในสภาพเดียวกันคือไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะเห็นแต่ลูกตา เดินสวนกันทุก
วัน บ่อยครั้งยังเข้ามาถามอีกว่าไม่ค่อยเจอเลย หายไปไหนมา
 
            ทั้งสองคนค่อย ๆ เดินกลับหอด้วยกัน พอถึงห้องพี่หนอยช่วยปัดหิมะออกจากหมวกให้ ทั้งสองถอดเสื้อเอามาสลัดหิมะออกแล้วรีบเข้าห้อง
ดวงเนตรเสียบกาน้ำร้อน พี่หนอยเดินไปเร่งฮีตเตอร์ อากาศในห้องเริ่มอุ่นขึ้น ทั้งคู่ทยอยถอดเสื้อกันหนาวออกเหลือเพียงสเวตเตอร์ ดวงเนตรมอง
หน้าเขา...แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะ หน้าตาแต่ละคน...แดงเหมือนลูกตำลึง ดวงเนตรล้างมือจนสะอาด หยิบครีมทาหน้าอย่างดีที่พี่หนอยซื้อให้วันปีใหม่มา
ทาเบา ๆ จนทั่วหน้าพี่หนอย
            “กลัวพี่ไม่หล่อเหรอ”
            “เปล่าค่ะ กลัวหน้าแตกซะมากกว่า” เธอพูดยิ้ม ๆ
            “ปากดีนักมาให้หอมที” เขาคว้าดวงเนตรเข้ามาในอ้อมแขนแล้วจุ๊บเบา ๆ ที่ปาก  มันอบอุ่นทั้งกายและใจ ทั้งสองอยู่ในท่านั้นเหมือนอยาก
ให้โลกหยุดหมุน
             ดวงเนตรผละออกมาหน้าแดงอยู่แล้วเลยมองไม่ออก“ดื่มอะไรอุ่น ๆ หน่อยนะคะ” ชานมสองถ้วยใหญ่ ถูกประคองไว้กับมือทำให้อุ่นขึ้น แล้ว
ค่อย ๆ จิบ หนอยวางลงเมื่อชาหมด แล้วหยิบหมอนอิงให้ดวงเนตร ส่วนตัวเองก็ลงไปนอนหนุนตักเธอ ดวงเนตรก้มมองหน้าขาวเนียน และคิ้วดก
สวย เธอเอามือไล้เบา ๆ ไปที่หัวคิ้ว เจอแผลเป็นที่หัวคิ้วเป็นรอยบุ๋ม
            “โดนอะไรคะพี่หน่อย”
            “โดนอัดตอนแข่งยูโดกับจุฬาฯ เลือดอาบเลย เย็บหลายเข็ม แต่ได้เหรียญทอง”  แม่มาดูด้วยแทบเป็นลม แล้วห้ามเล่นอีกเลย ดีว่าก๋งพูด
เองว่า “มันไม่ตายหรอกไกลหัวใจให้มันเล่นต่อ อย่าไปห้าม เป็นผู้ชายแค่นี้เรื่องเล็ก สุดท้ายแม่ต้องยอมก๋ง”
            ดวงเนตรบอกให้พี่หนอยกินข้าวก่อน เขาตอบปฏิเสธ “งานเยอะมาก เอาไว้พี่หนอยว่าง ๆ จะมาบ่อย ๆ นะครับ” เขาสวมเสื้อแล้วเข้ามากอด
จูบแผ่วที่หน้าผาก
            “คิดถึงพี่หนอยทุก ๆ วันนะคนดี... Bye.”
     
            คาร์บอนเดลในช่วงนี้ของปีจะมีหิมะตกหนักตลอด เพราะอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เทอมนี้ดวงเนตรลงเรียนกับดอกเตอร์
จินนี่สองคลาส ทุกอย่างเป็นไปตามรูปแบบเดิม คือเรียน ๆ แล้วก็เรียน อ่านหนังสือเป็นตั้ง พี่น้อยหนักกว่าใครเพราะวิทยานิพนธ์จวนจะเสร็จแล้ว
ต้องเตรียมสรุป กับตอบคำถามสารพัดซึ่งคณะอาจารย์ที่ปรึกษาจะถาม สำหรับดวงเนตรหนังสือกองโตตั้งอยู่บนโต๊ะ ทุกครั้งที่ดวงเนตรเหนื่อย เธอจะ
มองรูปบนชั้นหัวเตียง มีรูปทุก ๆ คนที่อยู่ในใจดวงน้อยของดวงเนตร รวมถึงรูปคู่ของเนตรกับพี่หนอยในงานเทศกาลนักศึกษานานาชาติ พี่หนอยแวะ
มาบ้าง แต่ยังยุ่งกับงานวิจัยของดอกเตอร์แฮรี่ พี่ ๆ และเพื่อน ๆ ต่างคนต่างเรียน แทบไม่ได้เจอกันเลย ทุกคนพยายามเอาตัวรอดในแต่ละเทอม

            ดวงเนตรนั่งชิดหน้าต่าง ข้างนอกมีแต่สีขาว กองหิมะ กองใหญ่น้อยเต็มทุ่งหญ้าและเนินเขากับไม้ยืนต้นเดียวดายท่ามกลางความหนาวจัด
บ้านทุกหลังก่อเตาผิง ควันจาง ๆ พุ่งขึ้นไปตามปล่องไฟหลังคาบ้าน ดวงเนตรสวมเสื้อหนาวเพิ่มอีกตัว แล้วย้ายมานั่งอ่านหนังสือต่อบนฟูก อีกสอง
วันก็จะสอบกลางเทอมเสร็จ ดวงเนตรเร่งเครื่องเต็มที่ กะเก็บแต้มไว้ให้มากที่สุดกันพลาด เรื่องกินดูจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับทุกคน มีอะไรก็กินพอให้อิ่ม
ดวงเนตรก็เหมือนนักศึกษาคนอื่น แต่ที่จะขาดไม่ได้คือบนตู้เย็นต้องมีผลไม้โดยเฉพาะแอบเปิล วันเวลาผ่านไปเหมือนติดปีก อาจเป็นเพราะทุกคน
หมกมุ่นอยู่กับตำราจนลืมมัน อีกอาทิตย์เดียวก็จะสอบเทอมปลายแล้ว  

             แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเป็นบางวันครู่เดียวก็จางหาย ทิ้งไว้แต่อากาศหม่นหมอง หลาย ๆ ครั้งดวงใจดวงเนตรเหมือนจะจางหายไป
พร้อมแสงตะวัน
            “ตะวันของดวงเนตรหายไปไหนนะ คิดถึงดวงเนตรบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าเนตรคิดถึงพี่หนอยทุกวัน” ความคิดดวงเนตรโลดแล่นไปไกล
เธอวางหนังสือเข้าที่ เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ไหว้พระ สวดมนต์  แล้วเอาพี่หมีสองตัวมากอดแนบอก
            “เนตรรักพี่หนอยนะ” เสียงพูดแผ่วแล้วหลับไป

            ในความฝันที่สับสน ดวงเนตรเห็นพี่หนอยยืนอยู่ เขาโบกมือและยิ้มกว้าง ดวงเนตรผวาเข้าไปหา แต่พี่หนอยยิ่งห่างออกไป
            “พี่หนอยคะ รอเนตรด้วยอย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งเนตรไปรอเนตรด้วย” ท่ามกลางหมอกจาง เธอยืนเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย ดวงเนตรเริ่มสะอื้น
ไห้ปานจะขาดใจ แล้วเธอก็ผวาตื่นเอาตอนค่อนแจ้ง น้ำตายังเปียกชื้น
            “โอ้พระเจ้า มันเป็นความฝันที่โหดร้ายเหลือเกิน”
 
            ***แสงเอยแสงตะวัน       ยังมิทันลับขอบฟ้า
                มองหาสุดสายตา        มินำพาไร้ตะวัน...
 
            ดวงเนตรเข้าห้องอาบน้ำแต่เช้าเธอปล่อยให้น้ำอุ่นไหลผ่านจากหัวลงไป  เหมือนจะให้ชะล้างความฝันอันเลวร้ายไปให้พ้น นานมากจนเธอ   
รู้สึกดีขึ้น แล้วสวมลองจอห์นทับด้วยชุดวอร์มเนื้อหนา หญิงสาวเดินไปมาไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี
            “ดวงเนตรตั้งสติให้ดี หายใจลึก ๆ มันเป็นแค่ความฝัน” เธอบอกตัวเอง กาแฟร้อนซักถ้วยคงทำให้รู้สึกดีขึ้นกว่านี้  เสียบกาน้ำร้อน ทอดสายตา
มองไปไกล ตะวันระเรื่อยเรียบขอบฟ้าขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง
             “บางทีและหลายทีที่ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนให้ได้...อย่าอ่อนแอ” ดวงเนตรพูดเบา ๆ กับตนเอง
 
            “ก๊อก ก๊อกๆ ก็อก ๆ ๆ ” เนตรผวาไปที่ประตูอย่างดีใจ ประตูถูกเปิด
            “พี่หนอย ๆ จริงด้วย”
            “คิดถึงใช่ไหมล่ะ” พี่หนอยแหย่ ดวงเนตรโผเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นของพี่หนอย  ดั่งนกน้อยซุกตัวอยู่ใต้ปีกแม่ มือทั้งสองสอดแล้วกอดตัวชาย
หนุ่มไว้แน่น
            พี่หนอยออกอาการตกใจกับกริยาแบบนี้ของดวงเนตร  “ดวงเนตร ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” หนอยเชยคางเธอขึ้นมา ตาสบตาตาสวยคู่นั้น
ซึ่งมีแต่ความหวาดกลัว เหมือนเด็กน้อยซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง
            “เกิดอะไรขึ้นครับ” น้ำตารินซบหน้าลงบนอกกว้าง แรงสะอื้นบอกถึงความหวาดกลัวยังคงมีอยู่  กว่าพี่หนอยจะปลอบได้ก็ครู่ใหญ่
น้าวิวแวะมาชวนไปกินข้าวต้มและเห็นพอดี  
            “อ้าว! กอดกันคาประตูเลยนะน้องหนู”  
            แต่พอเห็นสีหน้าและอาการสะอื้นไห้ของเนตรทำให้น้าวิวตกใจ “เนตร ๆ หนูเป็นอะไรจ๊ะ”
            “เนตรฝันร้ายค่ะ”  ดวงเนตรเล่าปนเสียงสะอื้น
            “เข้ามาข้างในกันก่อนเถอะ” พี่หนอยโอบดวงเนตรเข้ามาในห้อง ฝันร้ายขนาดเสียขวัญ  และเนตรกอดหนอยซะแน่นขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้น
น้าวิวมีสีหน้ากังวล
            “ฝันอะไรเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ” หนอยพูดขณะที่ประคองเธอไปนั่งลงบนเตียง
            “เมื่อคืนเนตรฝันเห็นพี่หนอย พอเนตรวิ่งไปหาพี่หนอยโบกมือแล้วหายไป” เสียงดวงเนตรแผ่วลงและหายไปในลำคอ
            “พี่หนอยสัญญากับเนตรนะคะ ถ้าพี่หนอยต้องจากเนตรไปจริง ๆ เนตรจะไม่รั้งพี่ให้อยู่ ขอเพียงแค่คำกล่าวลาเท่านั้นก็พอ”  
            “พี่หนอยสัญญา” คำมั่นสัญญานั้นมั่นคงและจริงจัง
            “โอ๋! พี่หนอยไม่ไปไหนหรอก ถึงไล่ก็ไม่ไป เราสองคนจะอยู่กันจนแก่เลยล่ะ” เขามองสบตา ดวงตาของพี่หนอยมีความหมายเช่นนั้นจริง ๆ
            
            น้าวิวจัดการหนอยทันทีเหมือนเดิม “แกนะแก มันจะยุ่งขนาดไหนกันนักหนาถึงได้หายหัวไปแบบนี้ฮะ”
            “คุยกันให้รู้เรื่องแล้วไปกินข้าวต้มเครื่องห้องน้านิด OK! ”
            “ครับผม” หนอยยังโอบดวงเนตรอยู่
            “โอ๋ขวัญเอ๋ยขวัญมา...มาอยู่กับตัวดวงเนตรนะครับ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่