หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (34)...ภัยร้าย หัวใจพี่หนอย

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (34)...ภัยร้าย เจ็บหัวใจพี่หนอย
 
            รถออกจากร้านอาหารแล้ว แจคกี้ขับรถวนส่งทุกคนเหลือเพียงดวงเนตรคนเดียวนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
            “ฉันบอกนายแล้วว่าฉันต้องรีบกลับหอมีนัด ให้ส่งฉันก่อนพูดไม่เข้าใจหรือไง” เสียงเธอเข้มและห้วน
            “เอาน่าแป๊บเดียวไปแวะที่บ้านผม ผมมีของขวัญวันคริสต์มาสจะให้ เมื่อวานไปหาที่หอก็ไม่เจอ”
            
            ดวงเนตรรู้สึกกลัวและขยะแขยงแจคกี้มาก ท่าทางที่เขาแสดงออกมีบางอย่างเตือนให้เธอต้องระวังตัว รถมาจอดที่หน้าบ้าน ดวงเนตรหัน
ซ้ายหันขวา ข้าง ๆ ยังมีบ้านอีกหลายหลังไม่ไกลกัน
            “ผมจะเข้าไปหยิบของมาให้รออยู่ที่รถก็ได้”  เขาจะล่อให้เธอเข้าไปติดบ่วงเอง ความคิดชั่วร้ายของแจคกี้ผุดขึ้น เขารู้ดีว่าดวงเนตรเป็นคนรอ
อะไรได้ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องตามเข้าไปติดบ่วงเอง เขาหายไปพักใหญ่  เธอตัดสินใจจะเดินกลับเพราะออกทะลุถนนนี้ไปไม่ไกลก็ถึงหอพักแล้ว
ด้วยความซื่อหรือความโง่ไม่รู้ ที่ออกจากรถเข้าไปบอกเขาว่าเธอจะเดินกลับเอง ไม่ทันจะถึงประตู ประตูถูกเปิดออกมากระแทกดวงเนตรจนเซไป
อย่างไม่ทันตั้งตัว แจคกี้ออกมาคว้ามือเธอแล้วลากเข้าในไปบ้าน ตาที่จ้องหญิงสาวหื่นกระหาย
            “ปล่อยนะ ไอ้บ้า ช่วยด้วย ๆ ” เขาเอามือปิดปากไม่ให้ร้อง ดวงเนตรกัดมืออย่างแรงด้วยความโกรธ แจคกี้ตบเข้าที่หน้าเธอและตะคอกใส่  
            “ไม่มีอะไรที่ฉันจะเอาแล้วไม่ได้” ดวงเนตรพยายามดิ้นแต่ไม่หลุดจากวงแขน เธอย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว พอหลุดออกมาได้ก็ตามด้วยศอก
กระแทกเข้าไปที่จมูกสุดแรง “ผัวะ” เลือดกำเดาทะลักออกมา  ยิ่งไปเพิ่มความบ้าให้เขาอีก ดวงเนตรยกหมัดขึ้นคิดในใจ ‘ตายเป็นตายไง ๆ ก็ไม่
ยอมให้มันมาข่มแหงแน่’  เธอปล่อยหมัด เขาหลบทัน ดวงเนตรถอยปล่อยหมัดฮุกซ้ายขวา ตามด้วยอัพเพอะคัทแต่โดนมันรวบตัวไว้ทัน ใบหน้า
ไอ้ชั่วโดนหมัดเข้าทั้งตาซ้ายและปากเลือดกลบปาก มันไม่ยอมแพ้คว้าเธอแล้วกอดไว้แน่น พยายามจะลวนลามดวงเนตร ไซร้ไปมาอยู่ตามชายผม
เธอยกศอกกระทุ้งเข้าที่กกหูอย่างจัง 
            “โอ๊ย” เสียงร้องดัง แล้วคลายมือข้างหนึ่งออกจับที่กกหู ดวงเนตรหมุนตัวกลับกระทุ้งเข่าเข้าไปเต็มแรงที่ลิ้นปี่จนจุกตัวงอลงไปกองกับพื้น
เธอถลันไปที่ประตู แต่ช้ากว่าแจคกี้ ด้วยความโกรธคว้ามีดปลายแหลมที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวแทงเข้าช่วงไหล่ด้านหลังดวงเนตรเจ็บร้าวไปทั้งแขนขวา
แล้วตามมาคว้ามือซ้ายดวงเนตรจับเหวี่ยงเข้าใส่มุมโต๊ะกินข้าวสุดแรง ด้วยสันชาตญาณทำให้เธอยกแขนขวาขึ้นป้องหน้าและใบหู “โครม”  เสียง
ตัวเธอพาดกับโต๊ะดังสนั่น มืออีกข้างของมันจับแขนเสื้อกระชากจนขาด ดวงเนตรเห็นประตูอยู่เพียงแค่เอื้อมแต่เธอเริ่มหมดแรงแล้ว
            “ช่วยด้วย ๆ ๆ ” เธอใช้เสียงที่เหลืออยู่ตระโกนสุดเสียง ดวงตาพร่ามัวแล้วความรู้สึกก็ดับวูบลง
             “พี่พล ๆ ไอ้แจคกี้อยู่ในบ้านกับเนตรเร็ว” หนอยส่งเสียงเรียก แต่ตัวเองไปถึงประตูแล้ว ดวงเนตรฟุบอยู่ข้างประตู หนอยมองเห็นแจคกี้กำลัง
เดินเข้ามาหาเธอ หนอยกระโดดเข้าไปประชิดตัวจับไอ้ชั่วไว้แน่น แววตาเหมือนเสือร้ายที่เจ็บปวด คว้าเสื้อได้ทุ่มลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำอย่างบ้าคลั่ง
หากมีปืนมันไม่รอดแน่ ต้องเอาให้ถึงตาย จนพี่พลมาคว้าตัวออกไป
            “เดี๋ยวมันก็ตายคาตีนหรอก ไปดูเนตรก่อนเร็ว” น้าวิวประคองดวงเนตรอยู่ ทั้งเธอและดวงเนตรเสื้อเปรอะไปด้วยเลือด
            “เนตร ๆ อย่าเป็นอะไรนะ” เสียงน้าวิวปนเสียงสะอื้น หนอยเข้ามาอุ้มดวงเนตรขึ้นรถพี่พล
            “เร็วพี่พาดวงเนตรไปโรงพยาบาลก่อน”
           
            รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว หนอยอุ้มดวงเนตรตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอและเจ้าหน้าที่เอารถเข็นนอนมารับและบอกให้ทุกคนไปรอที่ห้องโถง
ทั้งกลุ่มไปนั่งรอที่ห้องโถง น้าวิวยังสะอื้นไม่หยุด หรือเธอจะเสียดวงเนตรไปอีกคนเหมือนน้องสาว พี่น้อยอยู่ติดกันเอามือโอบน้าวิวเข้ามาใกล้
            “ทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง เนตรถึงมือหมอแล้วนะคะ” น้าวิวซบพี่น้อย พี่น้อยเข้าใจดีทุกอย่างไม่ว่าหน้าตา หรือแม้แต่ชื่อของดวงเนตรและ
ดวงแก้วน้องที่น้าวิวสูญเสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ มันเป็นความผูกพันที่ก่อตัวอย่างช้าระหว่างสองสาว และมากขึ้นตามเวลา ดวงเนตรเข้ามา
เหมือนเป็นตัวแทนที่ช่วยเยียวยาหัวใจให้เธอ พี่พลกลับมาพร้อมกับบอกทุกคนว่าลุงหมอปกรณ์กำลังมาจากเซนต์หลุยส์ ส่วนพี่วรรณและจอร์จคงมา
ถึงไว ๆ นี้ ทุกคนทำได้อย่างเดียวคือรอ พี่วรรณวิ่งมาพร้อมจอร์จ
            “เนตรเป็นไงบ้าง”
            “หมอยังไม่ออกมาเลยครับ”  เธอมองไปที่น้าวิวด้วยอาการตกใจ
            “ถึงกับเลือดตกยางออกเลยหรือนี่” น้าวิวพยักหน้า ทุกคนอยู่ในสภาพใกล้เคียงกัน แม้แต่พี่ศิริที่ว่าใจแข็งก็นั่งเงียบซับน้ำตา พี่วรรณมองหา
หนอย เขาแยกไปนั่งเงียบคนเดียวก้มหน้ามือกำหมัดแน่น เธอนั่งลงใกล้ ๆ มือหนึ่งโอบไว้ อีกมือค่อย ๆ แกะมือที่กำไว้แน่นของเขา
            “หนอย ๆ อย่าทำอย่างนี้เลย มันไม่ใช้ความผิดของใคร แล้วยังดีที่ดวงเนตรไม่ถูกไอ้เลวนั่นข่มแหง” เธอรู้คร่าว ๆ มาจากพี่พลบ้างแล้ว พี่วรรณ
เอามือโอบหนอยเข้ามา มือที่กำใว้จิกลงบนฝ่ามือเป็นรอยลึก มันยังเจ็บเพียงเสี้ยวเดียวของหัวใจหนอย แล้วหนอยก็กอดพี่วรรณ ไม่มีเสียง แต่น้ำตา
ลูกผู้ชายที่ไหลรินและแรงสะอื้นไห้ บอกถึงความเจ็บร้าวในใจดวงนี้  พี่วรรณไม่สามารถสรรหาคำพูดใด ๆ ได้ สัมผัสได้คือความรู้สึกของใจและใจ
หนอยก็เหมือนน้องคนหนึ่งที่พี่วรรณเห็นมาตั้งแต่สมัยมาเรียนใหม่ ๆ ตอนพลได้รับอุบัติเหตุก็ได้หนอยคอยวิ่งเข้าวิ่งออกจัดการโน่นนี่ให้อย่างเต็มใจ “พระเจ้าโปรดทรงคุ้มครองดวงเนตรด้วยเถิด”
 
ห่างจากพี่วรรณมาถึงเพียงยี่สิบนาที ลุงหมอปกรณ์ก็มาถึง พี่พลเล่าเรื่องฉบับย่อให้ลุงหมอฟัง ครู่เดียวเขาโชว์บัตร แล้วเข้าไปเปลี่ยนชุด เดินเข้าห้อง
ฉุกเฉินไป ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงลุงหมอออกมา ทุกคนมารุมฟังว่าดวงเนตรมีอาการอย่างไรตอนนี้  
            “ที่ลุงหมอกังวลคือดวงเนตรซึ่งเสียเลือดมากแม้แผลที่ถูกแทงไม่โดนส่วนสำคัญ เธอต้องเติมเลือด แต่ตอนนี้โรงพยาบาลขาดสต๊อกเลือด”
ลุงหมอถอนใจด้วยว่าห่วงใย
            “ลุงหมอครับเลือดผมกรุ๊ปโอ”
            “โอ้! เยี่ยมมาก เพราะเธอสามารถบริจาคให้ดวงเนตรได้” เลือดกรุ๊ปโอ...บริจาคให้ทุกคนได้ แต่ตัวเองใช้ได้เพียงกรุ๊ปโอเท่านั้น”  หนอยถูก  
พาตัวเข้าไปอีกห้องหนึ่งนานที่เดียว เขาจึงออกมาพี่วรรณรีบประกบ ยื่นน้ำเกลือแร่ขวดใหญ่ให้พร้อมกับกล้วยหอมหนึ่งลูก
            “หนอยกินก่อน เดี๋ยวจะเป็นลม” น้าวิวเข้ามาใกล้ ๆ เอามือโอบหนอยไว้
            “หิวไหมเดี๋ยวจะไปหาอะไรมาให้กิน”
            “ไม่ครับขอบคุณน้าวิวมาก”
            “ตอนพลได้รับอุบัติเหตุก็ได้หนอยบริจาคเลือดให้นี่แหละ”  พี่วรรณพูดพร้อมกับกอดหนอยไว้

            ลุงหมอออกมาอีกรอบ “ดวงเนตรคิ้วแตกต้องเย็บห้าเข็ม แผลที่ไหล่หมอทำให้อย่างดี แต่แขนขวาหักต้องเข้าเผือก ลุงหมอเป็นจักษุแพทย์
ได้ตรวจเช็กรูม่านตาตาดูว่ามีอาการอย่างที่แกวิตกซึ่งเกี่ยวกับสมอง และให้ทางโรงพยาบาลตรวจเช็ค MRI เพื่อความแน่ใจ
             “เป็นอะไรคะลุงหมอ เนตรจะตาบอดไหม”
             “แรงกระแทกลุงกลัวจะมีผลกับปลายประสาทตา แล้วเป็นจริง ๆ แต่อาจเป็นเพียงชั่วคราว ใจดีไว้รอกันก่อน” หนอยเซไปปะทะพี่พล
            “อะไรกันครับเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอครับ”
            “ใจเย็น ๆ ลุงสั่งให้เข้าให้สเตอรอยย์ทางน้ำเกลือแล้ว ประมาณสามวัน เราจะตามอาการอีกที  ไม่น่าจะมีผลกับสายตามากนัก อย่าเพิ่ง
ถามเลย เดี๋ยวเขาก็จะพาดวงเนตรไปส่งให้ที่ห้องพักไข้ ลุงขอเป็นห้องพิเศษเพราะพวกเราหลายคนจะสะดวกกว่า ส่วนค่าใช้จ่าย นักศึกษาต่างชาติ
ต้องซื้อประกันทุกปีอยู่แล้ว แต่ลุงไม่แน่ใจว่าส่วนต่างจะมากไหม”
            “ผมรับผิดชอบเองครับ” หนอยบอกกับลุงหมอ  ดวงเนตรถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน คนแรกที่ผวาไปถึงตัวเธอคือหนอย สภาพอันบอบช้ำ
ทำให้เขาเจ็บเสียยิ่งกว่าโดนทำร้ายเอง ทั้งสองแขนมีทั้งน้ำเกลือและถุงเลือด ตาหลับพริ้มเพราะยาที่หมอให้ ซึ่งต้องการให้คนไข้ได้พักผ่อน รอบวง
ตาขวาเขียวช้ำ หัวคิ้วถูกปิดไว้ด้วยผ้ากลอส  ทุกคนอยู่ในอาการคล้ายกัน แม้แต่พี่วรรณเอง...จอร์จต้องเข้ามาประคอง น้ำตาพี่วรรณไหลไม่มีเสียง
            'สภาพไม่ต่างจากพลเลย  พี่ยังจำติดตา' พี่วรรณนึก พลเข้ามาประคองพี่สาวอีกด้าน ทุกคนไปรวมกันที่มุมห้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงาน พอ
หมอและพยาบาลออกไปหมดทุกคนก็เข้ามายืนล้อมเตียงของผู้บาดเจ็บ มองดูเธอด้วยสายตาเป็นห่วงและสงสาร พี่วรรณเข้าไปหาลุงหมอ
             “ลุงหมอไปนอนที่บ้านวรรณก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะให้พลขับรถไปส่ง" บ้านพี่วรรณใกล้คาร์บอนเดลกว่าบ้านลุงหมอมมาก
            “ขอบคุณครับ อาจต้องรบกวนหลายวัน ก่อนมานี่คุณสุรีย์... ภรรยาลุงก็กำชับให้ดูแลเด็กให้ดี ๆ ก่อนค่อยกลับเพราะเป็นช่วงพักร้อนของ
ผมด้วย” 
            “ถ้าอย่างนั้นลุงหมอขอตัวกลับพร้อมคุณวรรณและคุณจอร์จก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ทุกคนหันมาไหว้ขอบพระคุณลุงหมอ น้าวิวพูดขึ้น
            “ถ้าไม่ได้รับความกรุณาจากลุงหมอคงวุ่นวายกว่านี้มาก” ลุงหมอลูบหัวเธออย่างปลอบโยน
            “ไม่เป็นไรเราคนไทยเหมือนกันใช่คนอื่นที่ไหน ทางตำรวจ...ลุงได้รับความช่วยเหลือจากทางผู้ซึ่งดูแลนักศึกษานานาชาติ เราแจ้งความ
แต่ขอให้ช่วยอย่าให้เป็นประเด็นเชื่อมโยงมาถึงเหยื่อเพื่อความปลอดภัย”
           
            พวกพี่วรรณและลุงหมอกลับไปแล้ว พี่ศิริเริ่มประเด็นว่าจะให้ใครเฝ้าดวงเนตร พี่น้อยช่วยสรุป
             “หนอยกับน้าวิวแล้วกันนะคะ”
            “พี่น้อยจะให้พี่พลเอาฟูกในห้องดวงเนตรที่อยูใกล้ตู้เย็นมาให้หนอยนอน ส่วนน้านิดนอนบนโซฟาจะสะดวกกว่า และพวกเราจะกลับมาอีกที
ตอนเช้า เรื่องอาหารไม่ต้องห่วงพี่น้อยจะจัดมาให้ อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม อ้อ! แปรงสีฟันกับยาสีฟันและสบู่เดี๋ยวจัดเตรียมให้ไม่ต้องห่วง กลับกัน
เถอะดึกแล้วจะได้พักผ่อนเอาแรงไว้พรุ่งนี้นะคะ” พี่น้อยกล่าว
            ทุกคนกลับไปหมดแล้ว หนอยยกเก้าอี้มานั่งเฝ้าจนชิดเตียงใช้มือลูบเบา ๆ ไปมาที่แขนดวงเนตร สายตาอ่อนโยน บอกถึงความรักจากหัวใจ
พี่หนอย ส่วนน้าวิวมองด้วยแววตาสงสารทั้งคู่
            “โอ้! โชคชะตาช่างโหดร้ายกับพวกเรานัก”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่