หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (38)...หนาวนี่เรายังมีกัน

กระทู้คำถาม

หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (38)...หนาวนี้เรายังมีกัน            
 
            กว่าขบวนทั้งสองคันรถจะถึงคาร์บอนเดล ก็เกือบทุ่มและมืดแล้ว  ทั้งหมดช่วยกันขนของคนละอย่างสองอย่างจนหมด น้าวิวอุ่นโดมิโน
พิซซ่าในไมโครเวฟให้เป็นอาหารมื้อเย็นแบบง่ายรวดเร็ว เพราะงานนี้หอบของกลับมาด้วยใบหน้าแห้ง ๆ เหมือนอากาศข้างนอก เพราะทุกคนอยู่
ในสภาพกระเป๋าฉีกสาเหตุจากอาการช็อปปิงเพลิน
 
            อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะเปิดลงทะเบียนภาคฤดูหนาวแล้ว ช่วงนี้หิมะหยุดตกมาสองวัน พี่น้อยบอกว่ามันทิ้งช่วง พอเริ่มภาคเรียนใหม่หิมะจะตก
แทบทุกวัน และอากาศจะเย็นลงอีกมาก บางช่วงหิมะตกสูงสามถึงห้าฟุตก็เคยตกมาแล้ว  หลังจากกลับจากเซนหลุยส์ ทุกคนเก็บตัวจัดการธุระ ที่ยัง
ค้างอยู่ ไม่ว่าเรื่องเก็บข้าวของเข้าที่ ทำความสะอาดห้อง ดวงเนตรก็เป็นคนหนึ่งในบรรดานั้น ข้างนอกแทบจะไม่เห็นแสงแดดเลย อากาศน่านอนนัก  
แต่ดวงเนตรจะนอนไม่หลับ ถ้าไม่ใช่เวลานอน นอนพักกลิ้งไปมาก็ทำได้ไม่นาน เธอเตรียมแจกันและอุปกรณ์ทุกตัวที่ต้องใช้ลงในตะกร้าสาน วาง
กระดาษหนังสือพิมพ์รองกันเปื้อนบนฟูกอีกชั้นหนึ่ง เอาผ้าคล้องแขนออก เตรียมจัดแจกันดอกไม้เป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่ ๆ
            เธอเลือกจัดแจกันทรงกลมสีขาว ที่ทำจากกระเบื้อง ตัวกระถางมีลายเส้นเล็กจางสีเขียวและเทา พาดไปมาดูแปลกตาและสวย  สำหรับแจกัน
ทรงกลมดวงเนตรจะจัดแต่งด้วยกุหลาบเป็นไฮไลท์ เริ่มตัดก้อนฟลอร่าก่อน ให้ได้ขนาด แล้วใส่ลงในแจกันกลม...ฟลอร่าเป็นแท่งคล้ายโฟม สีเขียว
แต่มีรูพรุนเล็ก ๆ ง่ายต่อการนำดอกไม้มาปักแต่งตามต้องการ ดวงเนตรเริ่มแต่งจากตรงกลางก่อน ด้วยกุหลาบดอกใหญ่สีชมพูอ่อน สีขาวอมม่วง และ
สีชมพูโอรสแทรกด้วยดอกฟอเก็ตมีนอตสีม่วงอ่อน และชมพู เสียบใบเฟิน และดอกหญ้าแห้ง ลดหลั่นกันลงมาจนชิดขอบล่างของแจกัน แจกันทรง
กลมถูกแต่งได้สวยงามสมใจ  อันต่อไปเป็นแจกันแก้วทรงเหลี่ยมแต่ทาด้วยสีทึบคล้ายสีดิน ดวงเนตรตัดฟลอร่าได้ขนาดแล้วลงมือจัดแต่งด้วย
ลิลลี่ดอกบานสีขาว และชมพูอ่อน แซมด้วยดอกหญ้า และเฟิน แทรกตรงมุมแจกันด้วยดอกแครบแอปเบิล...Crabapple เป็นดอกที่รวมกันเป็นกระจุก
คล้ายไม้เลื้อย ดอกใหญ่กว่าดอกมะลิกลีบดอกกลมมนมีเกสรสีเหล่องอ่อน  อันสุดท้ายเป็นแจกันทรงสูง เริ่มจากใจกลางด้วยดอกฟอเก็ตมีนอตสีม่วง
ช่อใหญ่ชูอวดสีสันงดงาม ตามด้วยพวงช่อดอกแครบแอปเบิลหลายช่อ เพื่อให้เกิดการลดหลั่นลงมา รับกับดอกใหญ่ของแมกโนเลียสีชมพูอมม่วง
ดวงเนตรมองผลงานของตัวเองอย่างพอใจ เธอมองนาฬิกาเกือบหกโมงแล้ว น้าวิวเข้ามาโดยไม่เคาะประตู  

            “เนตรทำอะไรอยู่จ๊ะ วันนี้หายไปทั้งวันเลย อ้าว! แล้วซื้อแจกันดอกไม้แห้งมาจากเซนต์หลุยส์ด้วยเหรอสวยมากแพงไหม” น้าวิวตั้งคำถามเธอยิ้ม
            “เนตรทำเองค่ะ เนตรทำให้พี่ ๆ ทุกคน น้าวิวเลือกก่อนนะคะ ชอบอันไหน ดวงเนตรเพิ่งทำเสร็จเองค่ะ”
            เธอมองไปที่ฟูกซึ่งยังไม่ได้เก็บ
            “หนูนี่อยู่ไม่สุขจริง ๆ นะ ทำโน่นทำนี่”
            “จะให้น้าวิวเลือกก่อนแล้วคนอื่นล่ะ” น้าวิวถาม 
            “ไม่เป็นไรค่ะ”
            “น้าวิวว่ามันสวยทั้งสามอัน แต่สวยคนละแบบ ถ้าเปรียบกับผู้หญิงก็มีแบบมองแล้วสวยมาก มองแล้วน่ามองอีกประเภทงามพิศคือต้องมอง
นาน ๆ กับมองแล้วชื่นตาชื่นใจสดใสสวยงามอย่างเนตรไงจ๊ะ”  
            “อ้าว! เนตรโดนสาปเป็นแจกันตั้งแต่เมื่อไรคะ”
            “เดี๋ยวนี้ช่างเจรจานะติดเชื้อมาจากไอ้ตี๋หน้าหยกเหรอจ๊ะ”
            “ความจริงเนตรก็พูดมากนะคะ แต่อยู่ใกล้ ๆ พี่หนอยแล้วพูดไม่ทัน”
            “หนอยเขาพูดไม่ค่อยคิดอะไรมาก เลยจ้อได้ทั้งวัน แล้วนี่หายหัวไปไหนนะ” 
            “ไม่ทราบค่ะ น่าจะมัวแต่ทำอะไรอยู่เพลินแน่” น้าวิวมองมาที่แจกันแล้วเลือกทรงกลม
            “ดวงเนตรเก็บของเรียบร้อยแล้วตามไปที่ห้องนะ...วันนี้น้าทำข้าวผัด”
            “ค่ะ เนตรเก็บของแป๊บเดียว”
 
             เพียงชั่วครู่ เธอเดินมาที่ห้องน้าวิวที่เปิดกว้างอยู่  พี่ ๆ กำลังตั้งวงตักข้าวใส่จานกันแล้ว
            “อุ๊ย! แจกันสวยจังเลย เมื่อครู่น้าวิวก็ถือมาอันแล้วนั่นสวยหวานเชียวค่ะ” พี่น้อยออกปากชม  
            “ค่ะ... เนตรทำมาเป็นของขวัญปีใหม่ใหม่ให้พี่ ๆ ค่ะ”
            “พี่น้อยชอบอันไหนคะ”
            “ให้พี่ศิริเลือกก่อน ของพี่อันไหนก็สวย”
            “ถ้าให้เลือกก่อนพี่เอาแจกันสูง”
            “ของพี่น้อย เป็นทรงสี่เหลี่ยมนะค่ะ”  ดวงเนตรพูดหลังจากต่างคนต่างเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว
            “ขอบใจนะค่ะ” พี่น้อยรับของมา
            “เนตรสวัสดีปีใหม่ ขอให้พี่ ๆ ทุกคนมีความสุขตลอดปีค่ะ”  
            “จ้ะ” ทุกคนยิ้มอย่างสดชื่นสำหรับของขวัญที่ถูกใจ
            “เนตรต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ที่ต้อนรับเนตรเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างอบอุ่น ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ค่ะ” ดวงเนตรยกมือไหว้พี่ทุกคนแทนคำขอบคุณที่
มีอีกมากมายเกินกว่าจะเอ่ยถึง
            “ดีแล้ว พี่น้อยเห็นว่าคนที่ระลึกถึงบุญคุณคนที่เคยให้ทั้งความรู้ ความช่วยเหลือ หรือให้ความรักแก่เรา พวกนี้จะเจริญรุ่งเรืองจากเหตุและผลดี
ที่เขากระทำ” แม้จะเป็นเพียงข้าวผัดจานเดียวแต่ความรักและผูกพันอบอวนอยู่ภายในห้องนี้
   
            วันรุ่งขึ้นที่ดวงเนตรนั่งทำงานฝีมืออยู่เกือบทั้งวัน ตะกร้าสานมีไหมพรมสีดำและเทา ทำจากฝ้ายผสมขนสัตว์ กับอุปกรณ์ในการถัก ถุงมือถูก
ถักทอตามแบบในหนังสือเล่มที่วางอยู่ข้างหน้า  ดวงเนตรกำลังถักถุงมือคู่หนาให้พี่หนอย มือเรียวยาวตวัดเส้นไหมพรมขึ้นลงอย่างคล่องแคล่ว
เสียงเพลงบรรเลงเปิดเบา ๆ  กาแฟถ้วยแรกหมดตั้งแต่เริ่มข้างที่สอง ความเพลิดเพลินกับรอยไหมและลายเส้น การขึ้นรูปจนได้ขนาดที่กะไว้
ดวงเนตรได้ทักษะการถักผ้าจากอาสะใภ้ ที่สอน ทั้งโครเชต์และนิตติ้ง เธอวางงานลงบนตะกร้าสาน แล้วเริ่มนับลายใหม่เพื่อความแน่ไจว่าสอง
ข้างต้องเท่ากัน ดวงเนตคิดว่ามันทั้งใหญ่และหนานุ่มคนใส่คงชอบ ลายที่ปีนเกลียวกันสองเส้นด้วยไหมสีเทาเพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับถุงมือคู่นี้
            
            เธอเก็บของทีเหลือลงตะกร้าหวายจนเรียบร้อย  แล้วเอากระดาษสาสีครีมมาห่อถุงมือไหมพรมทับด้วยดอกกุหลาบแห้งที่ดวงเนตรเคลือบด้วย
แวกซ์อีกทีกันกลีบที่แห้งแล้วไม่ให้หลุดจากก้าน ปิดกล่องห่อเรียบร้อย ดวงเนตรบิดตัวไปมาเพราะท่านั่งทำให้เมื่อยน่าดู  เสียบกาน้ำร้อน อยากดื่ม
ชานมร้อนชักถ้วยกับขนมปังทาแยมคงพอสำหรับกลางวัน เอาผ้าลงไปซักและอบแห้งที่ชั้นล่างของหอพัก กลับขึ้นมาแยกเสื้อกางเกงใส่ตู้ ดวงเนตร
เสียบกาน้ำร้อนอีกรอบนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เนินเขาลิบ ๆ มีสีขาวของหิมะแต้มแต่งเป็นหย่อมสลับกับทิวสนสีเขียว ฝูงนกเริ่มบินกลับรัง อากาศ
ฤดูนี้แถบมองไม่เห็นแสงตะวันเลย ผู้คน...นาน ๆ จะเดินมาเป็นกลุ่มเพราะเป็นช่วงปิดเทอม  ต้นไม้ยืนต้นทนความเหน็บหนาวอยู่เดียวดาย มันเหงา ๆ
เศร้า ๆ และ สุข  ดวงเนตรก็ไม่เข้าใจว่ามันมารวมตัวกันได้อย่างไรอารมณ์เหล่านี้  อีกปีครึ่งก็จะเรียนจบแล้ว เร็วเหมือนกัน เธอนึกดีใจจะได้เจอเตี่ย แม่
น้อง ๆ และก๊วนเพื่อนม.ช.ซะที  สำหรับเธอกับพี่หนอยจะเป็นอย่างไรนะ ความรักความอบอุ่นของพี่เพื่อน ๆ จะคงอยู่ในหัวใจดวงเนตรตลอดไป     
            “ก๊อก ก๊อกๆ ก๊อก ๆ ๆ ”  
            “ค่ะ” ดวงเนตรเปิดประตูออก
            “พี่หนอยจริง ๆ ด้วย”  
            “มีพี่หนอยตัวปลอมด้วยเหรอครับ” เขาแหย่แล้วรีบเบียดตัวเข้ามา
            “หนาว ๆ”
            “พี่หนอยเดินมาเหรอค่ะ”
            “ครับ อากาศจะหนาวลงไปอีก ไม่กี่วันก็คงเห็นหิมะตกคราวนี้คงตกยาวเลยล่ะ” พี่หนอยคว้าตัวดวงเนตรเข้ามากอด ก้มหน้าซุกลงบนเรือนผม
นุ่มสลวย ‘แค่วันสองวันไม่เจอหน้ากันเหมือนใจจะขาด’ หนอยคิด  ดวงเนตรอยู่ใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวพี่หนอย  
            “พอแล้วค่ะ เข้ามาข้างในแล้วงับประตูเข้ามาหน่อยดีกว่านะคะ”
            เธอผละจากอ้อมแขน เร่งฮีตเตอร์ แล้วชงกาแฟร้อนให้  ส่วนหน่อยถอดเสื้อหนาวตัวหนาใหญ่แขวน เหลือเพียงสเวตเตอร์ กับเสื้อเชิ้ตแขน
ยาวรายสวย
            “นั่งมองดูอะไรอยู่เหรอจ๊ะคนสวย”
            “ถ้าเนตรอายุเข้าหกสิบแล้วยังจะเรียกเนตรว่าคนสวยอีกไหมค่ะ” ดวงเนตรแหย่
            “แก่ก็ยังสวย แก่ก็ยังรัก”
            “พี่หนอยดื่มน้ำผึ้งมาเหรอค่ะ”
            “แหม ๆ เดี๋ยวนี้ช่างยอกย้อนนะครับ”
            “สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่หนอย” ดวงเนตรยื่นกล่องของขวัญให้ ผู้ชายก็คือผู้ชาย พี่หนอยแสดงความดีใจแล้วรีบฉีกห่อของขวัญดูถุงมือหนาสีน้ำเงิน
ริ้วลายสีเทา กับดอกกุหลาบแห้ง  
            “กุหลาบแห้งดอกที่พี่หน่อยเอามาใส่แจกันแล้วจุดเทียนวันนั้น” หนอยจำได้ส่วนก้นกล่องมีเสื้อแขนยาวค่อนข้างหนาตาสกอต สีน้ำตาลอมส้ม
ตัดขาว
            “โอ้โฮ! มียี่ห้อด้วย มันแพงนะครับ”
            “ก็แพงค่ะ แต่มันลดราคาอยู่ เลยตัดใจซื้อ สีก็สวยด้วย”
            “ขอบคุณครับ” พี่หนอยจุ๊บข้างแก้ม เขามองดูถุงมือ พลิกหน้าพลิกหลังคงมองหาป้าย ดวงเนตรยิ้มหวาน
            “อันนี้เนตรถักด้วยโครเชต์ค่ะ”
            “ลองใส่สิคะ อยากรู้ว่าใส่พอดีไหม” หนอยลองดู เขาใส่ได้พอดีกระชับหน่อยแต่อุ่นมาก เขาวางของขวัญลงบนเตียง หยิบกระดาษห่อใส่ถังขยะ
แล้วรับกาแฟหอมกรุ่นมานั่งจนชิดโอบเธอไว้ด้วยแขนอีกข้าง ทั้งสองส่งสายตามองออกไปดูสิ่งต่าง ๆ ข้างนอก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่