หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (41)...HAPPY BIRTHDAY/เหนื่อยหนักเราพักก่อน
หนอยกลับไปที่ห้อง ดวงเนตรนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เธอยิ้มให้เขาแล้วอ่านหนังสือต่อ ประตูห้องไม่ได้ล็อก หนอยหยิบเอกสารงานวิจัยมา
ดู ขึ้นไปนั่งเอาหมอนอิงสองใบ ใบหนึ่งสอดให้ดวงเนตรอีกใบให้ตัวเองทั้งคู่นั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยกัน หนอยใช้มือซ้ายโอบดวงเนตรไว้หลวม ๆ
เกือบสิบโมงครึ่ง ดวงเนตรเอนซบแล้วเลื่อนตัวลงมากอดหนอยแล้วหลับไป หนอยมองหน้าสาวน้อย คนๆ นี้ที่เอาดวงใจพี่หนอยเก็บไว้คนเดียว เขาวางเอกสาร ใช้มือลูบหางคิ้วที่ยังคงทิ้งรอยจางไว้ เสยผมนุ่มสลวย มือใหญ่ของหนอยไล้ไปทั่วใบหน้างดงามนั้นมาหยุดที่ริมฝีปาก ใช้มือเตะไล้ไปมา
ด้วยความคิดถึง หนอยก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วแต่ดวงเนตรยังหลับอยู่ เขาค่อย ๆ เลื่อนตัวออกเอาหมอนช้อนไว้อีกใบ
หนอยเตรียมอาหารกลางวันเสร็จ ดวงเนตรยังหลับอยู่ เขาขึ้นไปคดตัวบนเตียงคู่กันตามองเธอ เหมือนจะจดจำดวงหน้าและรายละเอียดเก็บไว้
ในแฟ้มของหัวใจ
***แม้นความตายมาพราก พี่มิจากเจ้าไปไหน
จะอยู่ข้างดวงใจ พี่จะอยู่ในสองตา***
“เนตรครับตื่นเถอะ...มาทานข้าว เกือบบ่ายโมงแล้วนะครับ” ดวงเนตรตื่นขึ้น ลุกไปล้างหน้า
“พี่หนอยทำไข่เจียวอีกแล้ว”
“ก็พี่ทำได้อย่างเดียวนี้ครับ”
“แต่อร่อยนะคะ เนตรชอบ” เธอเปิดขวดน้ำพริกเผา
“มันเข้ากันมากเลย” พี่หนอยตักข้าวเพิ่ม อาหารเย็นเป็นแซนวิซไข่น้ำกับชีส ง่าย ไว แถมอร่อยอีกต่างหาก..ไข่น้ำคือการทอดไข่ในน้ำเดือด
รอให้น้ำเดือดแล้วต่อยไข่ลงไป
“พี่หนอยกลับเถอะค่ะ เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องคุยเรื่องงานต่อไม่ใช่หรือคะ”
“งั้นพี่หนอยกลับนะ”
“ค่ะ”
“I love you” หนอยกระซิบ ดวงเนตรกอดคอพี่หนอย พร้อมตอบ
“I love you too” ดวงเนตรหลับตา พี่หนอยก้มลงจูบที่ริมฝีปากนานมาก ดวงเนตรอยากหยุดโลกไว้เพียงเท่านี้
หนอยเอางานมาส่งดอกเตอร์แฮรี่ ทั้งคู่คุยกันนานร่วมชั่วโมง ดูจะพอใจกับงานที่ออกมา ดอกเตอร์แฮรี่เอ่ยว่า
“เราพร้อมจะฟรีเซ้นท์งานแล้วล่ะ อีกสัปดาห์หนึ่งผมจะนัดไปทางชิคาโก” หนอยลุยหิมะกลับมาที่ห้องดวงเนตร เธอสอบวิชาสุดท้ายวันนี้
อีกไม่นานคงกลับมา หนอยไปขอกุญแจสำรองที่ผู้จัดการ พี่หนอยเข้าไปในห้องวางเป้ลงแล้วหยิบแจกันสวยออกมาพร้อมกล่อง ดอกไม้ราคาแพง
ทางร้านจะจัดลงกล่องทรงสูงให้ เตรียมน้ำใส่แจกัน เอาดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ กลีบหนา กลางกลีบเป็นลายเส้นสีม่วงอ่อน เสียบลงไปหลาย
ดอกดูงดงาม ถุงใบใหญ่อีกใบซึ่งหนอยแกะและปล่อยให้ลูกโป่งฟอร์ย ลอยไปติดเพดาน มีทั้งเขียนว่า Happy Birthday, “รักนะคนดี”, Love you
forever, อันสุดท้ายเป็นหัวใจคู่มีปากยื่นออกมาจุ๊บกัน หนอยจำได้ว่าวันที่ 21มี.ค.เป็นวันเกิดของเธอ กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินวางอยู่บนโต๊ะ เป้ของ
หนอยอีกใบเต็มไปด้วยอาหาร มีทั้งพิซซ่า ไก่ และข้าวเคจุน มากพอสำหรับพี่ ๆ ซึ่งก็สอบเสร็จวันนี้ด้วย
เสียงไขประตูเข้ามา พี่หนอยไปแอบข้างห้องน้ำ ดวงเนตรยิ้มเมื่อเห็นแจกันเงยหน้ามองลูกโป่งด้วยดวงตาแจ่มใส หนอยค่อย ๆ ย่องเข้ามา
แต่ไม่ทันดวงเนตรเพราะเธอจำกลิ่นโคโลญจน์ได้ เธอหันเข้าไปในวงแขนพี่หนอยพอดี
“Happy Birthday My Sweet Heart”
“ขอบคุณค่ะ” ดวงเนตรยิ้มทั้งปากและตา กอดคอพี่หนอยแล้วเขย่งขาเอาหัวกดไปที่หัวเขา หลับตาด้วยความสุข
“โอ้โฮ! ของตั้งเยอะได้รางวัลแค่นี้เองเหรอ”
“ค่ะ...แค่นี้ก็พอแล้วอย่าทำให้เนตรเสียหายสิคะ”
พี่ ๆ ที่สอบเสร็จแล้ว พอถึงรังก็ปลดสัมภาระออก แล้วมาแจมกันที่ห้องดวงเนตร
“Happy Birthday”
“เฮ! ” ต่อด้วยเสียงดีใจของพี่ศิริ น้าวิวเดินนำเข้าห้องมาเห็นของเต็มไปหมด
“เฮ้ย! ไอ้ตี๋ทำอะไรเกินหน้าเกินตาพี่หรือเปล่า” หนอยยิ้มทำหน้าทะเล้น
“ขอบคุณค่ะ” ดวงเนตรกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันสดใส น้าวิวยื่นกล่องให้
“เนตรขออนุญาตแกะเลยนะคะ”
“เอาเลยครับ” หนอยกลายเป็นผู้อนุญาตไปแล้ว ของน้าวิวเป็นตะกร้าสานเย็บหุ้มด้วยผ้าลายกุหลาบดอกเล็กดูสวยงาม ส่วนพี่น้อยร่วมด้วยช่วย
กันกับพี่ศิริเป็นกระเป๋าเอกสาร พี่พลตามมาเกือบไม่ทัน เลยเป็นกล่องสุดท้ายที่ถูกแกะ ดวงเนตรได้เป็นผ้าไหมพรม พันคอถักเป็นลายสวยสีแดง
เลือดนกสลับกับสีครีม
“ฝีมือพี่วรรณแน่ ๆ เลย ใช่ไหมคะ” พี่พลยิ้ม
“เนตรฝากกราบขอบคุณพี่วรรณด้วยนะคะ” พี่พลพยักหน้าใบหน้ามีรอยยิ้มที่สุภาพและอบอุ่น
“ตื่นเต้นดีใจจังได้บรรยากาศจริง ๆ ” หนอยพูด
“เพราะเราสอบกันเสร็จวันนี้ด้วย งานนี้ไม่ไล่ไม่เลิก” เสียงน้าวิวดังขึ้น ทุกคนหัวเราะ
“ขอผมโชว์ของขวัญบ้างสิ”
“วางอยู่จนจะล้นห้องแล้วว่ายังไม่ได้ให้อีกเหรอคะ” พี่น้อยสงสัย หนอยไม่สนใจฟังเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินแล้วเปิดออก
“โอ้โห! ไอ้ตี๋ แล้วใครจะทำหน้าที่บาทหลวงให้ล่ะ” น้าวิวแซวหนัก ดวงเนตรส่ายหน้า
“ยังค่ะ เนตรยังไม่พร้อม”
“เขาแซวกันเล่นครับดวงเนตรพี่หนอยแค่ซื้อมาใส่คู่กันนะครับ” คำท้ายเป็นเหมือนคำขอกลาย ๆ แหวนคู่ทองคำขาวเรียบ แต่กลางเรือนเป็น
เกลียวลวดลายละเอียด คาดเป็นแนวรอบวง หนอยจับมือดวงเนตรแล้วบรรจงสวมลงที่นิ้วนางขวา ส่งวงใหญ่ให้ดวงเนตร เธอถือแล้วชะงักอยู่ สี่หนุ่ม
มาทันพร้อมช่วยส่งเสียงเชียร์
“สวมเลย ๆ ๆ ” แรงเชียร์แรงใจส่งเสียงเป็นจังหวะ ดวงเนตรจับนิ้วพี่หนอยแล้วสวมให้นิ้วนางขวา ทุกคนปรบมือ รอยยิ้มเรี่ยราดไปทั่วห้อง
หนอยยกมือดวงเนตรขึ้นมาจูบ งานนี้ได้เฮกันทั้งห้อง ดวงเนตรเข้าไปกอดคอพี่หนอยพลางกระซิบ
”ขอบคุณค่ะ” หนอยกระซิบตอบ
“I love you forever ..พี่จะรักเนตรตลอดไป”
“เอาดนตรีก่อนแล้วค่อยกินดีไหม” เจ๊สั่ง น้อง ๆ ปรบมือยืนยันความประสงค์ น้าวิววิ่งไปเอากีตาร์มาอีกอันให้พล
“พี่หนอยขอโอกาสมอบเพลงนี้ให้ดาวดวงที่อยู่ในใจก่อนนะครับ” *** My love , there’re only you in my life...The only thing that
bright .... คุณคือคน ๆ เดียวในชีวิต..คุณเป็นลมหายใจ และรักครั้งแรกของผม เราจะแบ่งปันและรักกันชั่วฟ้าดินสลาย หัวใจสองดวง
ของเราจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ผมจะโอบกอดคุณทุกคืนเช่นนี้ตลอดไป...
น้าวิวกลับมาทันฟัง My endless Love พอดี มันตอบทุกคำถามที่ค้างคาใจให้ทุกคนได้เข้าถึงทุกซอกทุกมุมของดวงใจสองดวง ดวงตา
หนอยหลับพริ้มไปตามอารมณ์แห่งเสียงเพลง สี่หนุ่มเป่าปาก เหล็กตาเยิ้มเหมือนเอาตัวเข้าไปอยู่ในบทเพลง
“เสียงดีสำเนียงได้ เอาไปเลยยี่สิบเหรียญ” เจ๊ใหญ่ประเดิมคนแรก แบงค์ปลิวไปด้านหน้า คราวนี้หนอยคว้าตะกร้าสานของดวงเนตรมาใส่
“กะรอให้เต็มแล้วไม่ต้องทำมาหากินเลยนะ” เสียงแซวจากพี่ศิริ พี่น้อยยิ้มตาหวานยังเคลิ้มไม่จบ คงหลงทางอยู่ในคฤหาสน์ของเคนนี่
โรเจอร์แน่ หนอยเกากีต้าร์ รอพี่พลตั้งสายแล้วเทียบเสียง พี่ศิริขอเพลง
”เชียงรายรำลึก” พี่หนอยไม่ถนัด แต่พี่พลพอได้ก็ประคองกันจนจบ ด้วยเสียงหวานจากพี่พล
“อย่าขอเพลงอย่างเดียวนะครับ ยังมีเด็กอยากไร้ตามถนนหนทางอีกหลายคนนะครับ ช่วย ๆ กันบริจาคหน่อยครับ” หนอยพูดจบ พี่ศิริค้อนให้
ก่อนส่งใบสิบเหรียญมาสมทบ หมากเป็นตัวแทนน้อง ๆ ตามมาหย่อนแบงค์สิบเหรียญบ้าง ยังไม่มีการขอเพลง คนเล่นเลยเล่นตามอารมณ์ตัวเอง
ปลดปล่อยความรักกระจัดกระจายเต็มห้องด้วยเพลง น้ำเซาะทราย, Smoky Eyes ต่อด้วย True True Happiness และเพราะขอบฟ้ากว้าง ...
ป่านนี้นิจจา แก้วตาคอยพี่ โอ้ป่านฉะนี้ คนดีคงทุกข์โศกตรม...เพลงนี้ทำให้สาวใหญ่และดวงเนตร ซึ่งกำลังเพลินกับความรักหวาน ๆ เกิดอาการ
เครื่องกระตุก น้าวิวขว้างหมอนใส่หนอย
“เลือกเพลงอย่าเศร้านักสิวะ” เสียงแบบนักเลงของเจ๊ใหญ่ดังขึ้น
“ฟังแล้วคนแก่เซ็งเข้าไจ๊! ”
“ขอโทษมิตรรักแฟนเพลงด้วยครับนึกอะไรได้ก็เล่น เพลงนี้แม่ชอบมากเลยชินมือ” เสียงหนอยพูดถึงแม่อย่างอ่อนโยน ข้อแก้ตัวทำให้น้าวิว
เงียบ รู้สึกเสียใจกับอารมณ์บู๊ล้างผลาญของเธอเอง ‘นี่ก็แม่ลูกผูกพัน นี่ก็พ่อลูกผูกพัน’ ความคิดน้าวิวคล้ายสะดุดในความหมาย
ถึงตาพี่พลโชว์เดี่ยวด้วยเพลง “กลิ่นแก้ว” มีหนอยเกากีต้าร์คู่ ...กลิ่นแก้วนี้ หอมยวนฤดีพี่อยู่ทุกวัน... ต่อด้วยเสียงเพลงจากหนอยที่ส่งสายตา
มอบเพลงนี้ให้หวานใจด้วยเพลง “รักเธอเสมอ”...หากตราบใดสายนทียังหรี่ไหล สู่มหาชลาลัยกระแสสินธุ์ เกลียวคลื่นดังกระทบฝั่งดั่งอาจินต์
เป็นนิจสินตราบนั้นฉันรักเธอ...เพลงจบมีเสียงพี่พลเป่าปากแซว ทุกคนตกอยู่ในเกลียวคลื่นแห่งความรักซะแล้ว แฮปปี้กระดี๊กระด๊าตาเยิ้มกันเป็น
แถว ดวงเนตรยิ้มอย่างสดใสส่งใจเข้าไปในอ้อมกอดแห่งรักของพี่หนอย แบงค์เล็กแบงค์ใหญ่ปลิวว่อนลงตะกร้ามากน้อยตามความถูกใจของบรรดา
แฟนเพลง
“เพลงสุดท้ายครับมอบให้แก่ทุกคนเลยครับเอาไปแบ่ง ๆ กันเอง” เสียงหนอยกวนประสาทพี่ ๆ ดีอย่างเดียวเล่นกีต้าร์และให้ความบันเทิงเก่ง
ไม่งั้นคงได้กินบาทากันบ้าง เสียงเพลง “รักในซีเมเจอร์” จบลง พร้อมการเริ่มตั้งวงรอน้าวิวกับพี่น้อยลงไปอบอาหารอีกรอบให้ร้อน ดวงเนตรและ
หนอยช่วยกันจัดวงไว้พร้อมเครื่องดื่ม
“อ้าว! มาแล้วลงมือกันให้เต็มที่” น้าวิวเริ่ม อิ่มแล้วก็คุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนยกภูเขาพระสุเมรุออกจากอกเรียบร้อยแล้ว มันเป็นความสุข
ของแวดวงครอบครัวน้อย ๆ ในหอโดมิโน คุยกันเสร็จก็ตามด้วยการนินทาคนอื่นตามภาษาและวัฒนะธรรมไทย วนไปวนมาก็มานินทากันเองเป็นเสร็จ
พิธี
“อ้าว! มาช่วยกันเก็บแล้วไปพักท้อง”
“เจอกันอีกทีหกโมงเย็น เงินบริจาคมีเท่าไรที่เหลือเอาจากกองกลาง” น้าวิวสรุปเองคนเดียว
“เจอกันที่นี่แล้วต่ออาหารค่ำที่ร้านอาหารจีนนะจ๊ะ”
“ส่วนพี่พลไปตามหานักศึกษา เท่าที่พอหาได้เพราะหลายคนลงใต้หนีหิมะไปบ้างแล้ว อีกอย่างตามเอาแถว ๆ นี้ ถ้าไปไกลถนนมันลื่น OK!”
“ครับผม”
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (41)...HAPPY BIRTHDAY/เหนื่อยนักเราพักก่อน
หนอยกลับไปที่ห้อง ดวงเนตรนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เธอยิ้มให้เขาแล้วอ่านหนังสือต่อ ประตูห้องไม่ได้ล็อก หนอยหยิบเอกสารงานวิจัยมา
ดู ขึ้นไปนั่งเอาหมอนอิงสองใบ ใบหนึ่งสอดให้ดวงเนตรอีกใบให้ตัวเองทั้งคู่นั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยกัน หนอยใช้มือซ้ายโอบดวงเนตรไว้หลวม ๆ
เกือบสิบโมงครึ่ง ดวงเนตรเอนซบแล้วเลื่อนตัวลงมากอดหนอยแล้วหลับไป หนอยมองหน้าสาวน้อย คนๆ นี้ที่เอาดวงใจพี่หนอยเก็บไว้คนเดียว เขาวางเอกสาร ใช้มือลูบหางคิ้วที่ยังคงทิ้งรอยจางไว้ เสยผมนุ่มสลวย มือใหญ่ของหนอยไล้ไปทั่วใบหน้างดงามนั้นมาหยุดที่ริมฝีปาก ใช้มือเตะไล้ไปมา
ด้วยความคิดถึง หนอยก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วแต่ดวงเนตรยังหลับอยู่ เขาค่อย ๆ เลื่อนตัวออกเอาหมอนช้อนไว้อีกใบ
หนอยเตรียมอาหารกลางวันเสร็จ ดวงเนตรยังหลับอยู่ เขาขึ้นไปคดตัวบนเตียงคู่กันตามองเธอ เหมือนจะจดจำดวงหน้าและรายละเอียดเก็บไว้
ในแฟ้มของหัวใจ
***แม้นความตายมาพราก พี่มิจากเจ้าไปไหน
จะอยู่ข้างดวงใจ พี่จะอยู่ในสองตา***
“เนตรครับตื่นเถอะ...มาทานข้าว เกือบบ่ายโมงแล้วนะครับ” ดวงเนตรตื่นขึ้น ลุกไปล้างหน้า
“พี่หนอยทำไข่เจียวอีกแล้ว”
“ก็พี่ทำได้อย่างเดียวนี้ครับ”
“แต่อร่อยนะคะ เนตรชอบ” เธอเปิดขวดน้ำพริกเผา
“มันเข้ากันมากเลย” พี่หนอยตักข้าวเพิ่ม อาหารเย็นเป็นแซนวิซไข่น้ำกับชีส ง่าย ไว แถมอร่อยอีกต่างหาก..ไข่น้ำคือการทอดไข่ในน้ำเดือด
รอให้น้ำเดือดแล้วต่อยไข่ลงไป
“พี่หนอยกลับเถอะค่ะ เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องคุยเรื่องงานต่อไม่ใช่หรือคะ”
“งั้นพี่หนอยกลับนะ”
“ค่ะ”
“I love you” หนอยกระซิบ ดวงเนตรกอดคอพี่หนอย พร้อมตอบ
“I love you too” ดวงเนตรหลับตา พี่หนอยก้มลงจูบที่ริมฝีปากนานมาก ดวงเนตรอยากหยุดโลกไว้เพียงเท่านี้
หนอยเอางานมาส่งดอกเตอร์แฮรี่ ทั้งคู่คุยกันนานร่วมชั่วโมง ดูจะพอใจกับงานที่ออกมา ดอกเตอร์แฮรี่เอ่ยว่า
“เราพร้อมจะฟรีเซ้นท์งานแล้วล่ะ อีกสัปดาห์หนึ่งผมจะนัดไปทางชิคาโก” หนอยลุยหิมะกลับมาที่ห้องดวงเนตร เธอสอบวิชาสุดท้ายวันนี้
อีกไม่นานคงกลับมา หนอยไปขอกุญแจสำรองที่ผู้จัดการ พี่หนอยเข้าไปในห้องวางเป้ลงแล้วหยิบแจกันสวยออกมาพร้อมกล่อง ดอกไม้ราคาแพง
ทางร้านจะจัดลงกล่องทรงสูงให้ เตรียมน้ำใส่แจกัน เอาดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ กลีบหนา กลางกลีบเป็นลายเส้นสีม่วงอ่อน เสียบลงไปหลาย
ดอกดูงดงาม ถุงใบใหญ่อีกใบซึ่งหนอยแกะและปล่อยให้ลูกโป่งฟอร์ย ลอยไปติดเพดาน มีทั้งเขียนว่า Happy Birthday, “รักนะคนดี”, Love you
forever, อันสุดท้ายเป็นหัวใจคู่มีปากยื่นออกมาจุ๊บกัน หนอยจำได้ว่าวันที่ 21มี.ค.เป็นวันเกิดของเธอ กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินวางอยู่บนโต๊ะ เป้ของ
หนอยอีกใบเต็มไปด้วยอาหาร มีทั้งพิซซ่า ไก่ และข้าวเคจุน มากพอสำหรับพี่ ๆ ซึ่งก็สอบเสร็จวันนี้ด้วย
เสียงไขประตูเข้ามา พี่หนอยไปแอบข้างห้องน้ำ ดวงเนตรยิ้มเมื่อเห็นแจกันเงยหน้ามองลูกโป่งด้วยดวงตาแจ่มใส หนอยค่อย ๆ ย่องเข้ามา
แต่ไม่ทันดวงเนตรเพราะเธอจำกลิ่นโคโลญจน์ได้ เธอหันเข้าไปในวงแขนพี่หนอยพอดี
“Happy Birthday My Sweet Heart”
“ขอบคุณค่ะ” ดวงเนตรยิ้มทั้งปากและตา กอดคอพี่หนอยแล้วเขย่งขาเอาหัวกดไปที่หัวเขา หลับตาด้วยความสุข
“โอ้โฮ! ของตั้งเยอะได้รางวัลแค่นี้เองเหรอ”
“ค่ะ...แค่นี้ก็พอแล้วอย่าทำให้เนตรเสียหายสิคะ”
พี่ ๆ ที่สอบเสร็จแล้ว พอถึงรังก็ปลดสัมภาระออก แล้วมาแจมกันที่ห้องดวงเนตร
“Happy Birthday”
“เฮ! ” ต่อด้วยเสียงดีใจของพี่ศิริ น้าวิวเดินนำเข้าห้องมาเห็นของเต็มไปหมด
“เฮ้ย! ไอ้ตี๋ทำอะไรเกินหน้าเกินตาพี่หรือเปล่า” หนอยยิ้มทำหน้าทะเล้น
“ขอบคุณค่ะ” ดวงเนตรกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันสดใส น้าวิวยื่นกล่องให้
“เนตรขออนุญาตแกะเลยนะคะ”
“เอาเลยครับ” หนอยกลายเป็นผู้อนุญาตไปแล้ว ของน้าวิวเป็นตะกร้าสานเย็บหุ้มด้วยผ้าลายกุหลาบดอกเล็กดูสวยงาม ส่วนพี่น้อยร่วมด้วยช่วย
กันกับพี่ศิริเป็นกระเป๋าเอกสาร พี่พลตามมาเกือบไม่ทัน เลยเป็นกล่องสุดท้ายที่ถูกแกะ ดวงเนตรได้เป็นผ้าไหมพรม พันคอถักเป็นลายสวยสีแดง
เลือดนกสลับกับสีครีม
“ฝีมือพี่วรรณแน่ ๆ เลย ใช่ไหมคะ” พี่พลยิ้ม
“เนตรฝากกราบขอบคุณพี่วรรณด้วยนะคะ” พี่พลพยักหน้าใบหน้ามีรอยยิ้มที่สุภาพและอบอุ่น
“ตื่นเต้นดีใจจังได้บรรยากาศจริง ๆ ” หนอยพูด
“เพราะเราสอบกันเสร็จวันนี้ด้วย งานนี้ไม่ไล่ไม่เลิก” เสียงน้าวิวดังขึ้น ทุกคนหัวเราะ
“ขอผมโชว์ของขวัญบ้างสิ”
“วางอยู่จนจะล้นห้องแล้วว่ายังไม่ได้ให้อีกเหรอคะ” พี่น้อยสงสัย หนอยไม่สนใจฟังเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินแล้วเปิดออก
“โอ้โห! ไอ้ตี๋ แล้วใครจะทำหน้าที่บาทหลวงให้ล่ะ” น้าวิวแซวหนัก ดวงเนตรส่ายหน้า
“ยังค่ะ เนตรยังไม่พร้อม”
“เขาแซวกันเล่นครับดวงเนตรพี่หนอยแค่ซื้อมาใส่คู่กันนะครับ” คำท้ายเป็นเหมือนคำขอกลาย ๆ แหวนคู่ทองคำขาวเรียบ แต่กลางเรือนเป็น
เกลียวลวดลายละเอียด คาดเป็นแนวรอบวง หนอยจับมือดวงเนตรแล้วบรรจงสวมลงที่นิ้วนางขวา ส่งวงใหญ่ให้ดวงเนตร เธอถือแล้วชะงักอยู่ สี่หนุ่ม
มาทันพร้อมช่วยส่งเสียงเชียร์
“สวมเลย ๆ ๆ ” แรงเชียร์แรงใจส่งเสียงเป็นจังหวะ ดวงเนตรจับนิ้วพี่หนอยแล้วสวมให้นิ้วนางขวา ทุกคนปรบมือ รอยยิ้มเรี่ยราดไปทั่วห้อง
หนอยยกมือดวงเนตรขึ้นมาจูบ งานนี้ได้เฮกันทั้งห้อง ดวงเนตรเข้าไปกอดคอพี่หนอยพลางกระซิบ
”ขอบคุณค่ะ” หนอยกระซิบตอบ
“I love you forever ..พี่จะรักเนตรตลอดไป”
“เอาดนตรีก่อนแล้วค่อยกินดีไหม” เจ๊สั่ง น้อง ๆ ปรบมือยืนยันความประสงค์ น้าวิววิ่งไปเอากีตาร์มาอีกอันให้พล
“พี่หนอยขอโอกาสมอบเพลงนี้ให้ดาวดวงที่อยู่ในใจก่อนนะครับ” *** My love , there’re only you in my life...The only thing that
bright .... คุณคือคน ๆ เดียวในชีวิต..คุณเป็นลมหายใจ และรักครั้งแรกของผม เราจะแบ่งปันและรักกันชั่วฟ้าดินสลาย หัวใจสองดวง
ของเราจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ผมจะโอบกอดคุณทุกคืนเช่นนี้ตลอดไป...
น้าวิวกลับมาทันฟัง My endless Love พอดี มันตอบทุกคำถามที่ค้างคาใจให้ทุกคนได้เข้าถึงทุกซอกทุกมุมของดวงใจสองดวง ดวงตา
หนอยหลับพริ้มไปตามอารมณ์แห่งเสียงเพลง สี่หนุ่มเป่าปาก เหล็กตาเยิ้มเหมือนเอาตัวเข้าไปอยู่ในบทเพลง
“เสียงดีสำเนียงได้ เอาไปเลยยี่สิบเหรียญ” เจ๊ใหญ่ประเดิมคนแรก แบงค์ปลิวไปด้านหน้า คราวนี้หนอยคว้าตะกร้าสานของดวงเนตรมาใส่
“กะรอให้เต็มแล้วไม่ต้องทำมาหากินเลยนะ” เสียงแซวจากพี่ศิริ พี่น้อยยิ้มตาหวานยังเคลิ้มไม่จบ คงหลงทางอยู่ในคฤหาสน์ของเคนนี่
โรเจอร์แน่ หนอยเกากีต้าร์ รอพี่พลตั้งสายแล้วเทียบเสียง พี่ศิริขอเพลง
”เชียงรายรำลึก” พี่หนอยไม่ถนัด แต่พี่พลพอได้ก็ประคองกันจนจบ ด้วยเสียงหวานจากพี่พล
“อย่าขอเพลงอย่างเดียวนะครับ ยังมีเด็กอยากไร้ตามถนนหนทางอีกหลายคนนะครับ ช่วย ๆ กันบริจาคหน่อยครับ” หนอยพูดจบ พี่ศิริค้อนให้
ก่อนส่งใบสิบเหรียญมาสมทบ หมากเป็นตัวแทนน้อง ๆ ตามมาหย่อนแบงค์สิบเหรียญบ้าง ยังไม่มีการขอเพลง คนเล่นเลยเล่นตามอารมณ์ตัวเอง
ปลดปล่อยความรักกระจัดกระจายเต็มห้องด้วยเพลง น้ำเซาะทราย, Smoky Eyes ต่อด้วย True True Happiness และเพราะขอบฟ้ากว้าง ...
ป่านนี้นิจจา แก้วตาคอยพี่ โอ้ป่านฉะนี้ คนดีคงทุกข์โศกตรม...เพลงนี้ทำให้สาวใหญ่และดวงเนตร ซึ่งกำลังเพลินกับความรักหวาน ๆ เกิดอาการ
เครื่องกระตุก น้าวิวขว้างหมอนใส่หนอย
“เลือกเพลงอย่าเศร้านักสิวะ” เสียงแบบนักเลงของเจ๊ใหญ่ดังขึ้น
“ฟังแล้วคนแก่เซ็งเข้าไจ๊! ”
“ขอโทษมิตรรักแฟนเพลงด้วยครับนึกอะไรได้ก็เล่น เพลงนี้แม่ชอบมากเลยชินมือ” เสียงหนอยพูดถึงแม่อย่างอ่อนโยน ข้อแก้ตัวทำให้น้าวิว
เงียบ รู้สึกเสียใจกับอารมณ์บู๊ล้างผลาญของเธอเอง ‘นี่ก็แม่ลูกผูกพัน นี่ก็พ่อลูกผูกพัน’ ความคิดน้าวิวคล้ายสะดุดในความหมาย
ถึงตาพี่พลโชว์เดี่ยวด้วยเพลง “กลิ่นแก้ว” มีหนอยเกากีต้าร์คู่ ...กลิ่นแก้วนี้ หอมยวนฤดีพี่อยู่ทุกวัน... ต่อด้วยเสียงเพลงจากหนอยที่ส่งสายตา
มอบเพลงนี้ให้หวานใจด้วยเพลง “รักเธอเสมอ”...หากตราบใดสายนทียังหรี่ไหล สู่มหาชลาลัยกระแสสินธุ์ เกลียวคลื่นดังกระทบฝั่งดั่งอาจินต์
เป็นนิจสินตราบนั้นฉันรักเธอ...เพลงจบมีเสียงพี่พลเป่าปากแซว ทุกคนตกอยู่ในเกลียวคลื่นแห่งความรักซะแล้ว แฮปปี้กระดี๊กระด๊าตาเยิ้มกันเป็น
แถว ดวงเนตรยิ้มอย่างสดใสส่งใจเข้าไปในอ้อมกอดแห่งรักของพี่หนอย แบงค์เล็กแบงค์ใหญ่ปลิวว่อนลงตะกร้ามากน้อยตามความถูกใจของบรรดา
แฟนเพลง
“เพลงสุดท้ายครับมอบให้แก่ทุกคนเลยครับเอาไปแบ่ง ๆ กันเอง” เสียงหนอยกวนประสาทพี่ ๆ ดีอย่างเดียวเล่นกีต้าร์และให้ความบันเทิงเก่ง
ไม่งั้นคงได้กินบาทากันบ้าง เสียงเพลง “รักในซีเมเจอร์” จบลง พร้อมการเริ่มตั้งวงรอน้าวิวกับพี่น้อยลงไปอบอาหารอีกรอบให้ร้อน ดวงเนตรและ
หนอยช่วยกันจัดวงไว้พร้อมเครื่องดื่ม
“อ้าว! มาแล้วลงมือกันให้เต็มที่” น้าวิวเริ่ม อิ่มแล้วก็คุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนยกภูเขาพระสุเมรุออกจากอกเรียบร้อยแล้ว มันเป็นความสุข
ของแวดวงครอบครัวน้อย ๆ ในหอโดมิโน คุยกันเสร็จก็ตามด้วยการนินทาคนอื่นตามภาษาและวัฒนะธรรมไทย วนไปวนมาก็มานินทากันเองเป็นเสร็จ
พิธี
“อ้าว! มาช่วยกันเก็บแล้วไปพักท้อง”
“เจอกันอีกทีหกโมงเย็น เงินบริจาคมีเท่าไรที่เหลือเอาจากกองกลาง” น้าวิวสรุปเองคนเดียว
“เจอกันที่นี่แล้วต่ออาหารค่ำที่ร้านอาหารจีนนะจ๊ะ”
“ส่วนพี่พลไปตามหานักศึกษา เท่าที่พอหาได้เพราะหลายคนลงใต้หนีหิมะไปบ้างแล้ว อีกอย่างตามเอาแถว ๆ นี้ ถ้าไปไกลถนนมันลื่น OK!”
“ครับผม”