หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (20)...ร่วมรัก รวมใจ

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (20) ร่วมรัก รวมใจ
 
            “พี่พลสวัสดีค่ะ”
            “สวัสดีครับ ไม่สบายหายแล้วเหรอ” พี่พลถาม
            “ค่ะ”
            ”หน้าตาแจ่มใสขึ้นมากเลยนะเราน่ะ...ได้ยาอะไรนะ” พี่พลแซว
            “พี่พลครับ...ผมกับเนตรเฝ้าสองวันนี้ครับ เอาช่วงเช้านะครับเนตร” พูดแล้วหันมาเหมือนขอความเห็นจากเธอ ดวงเนตรยิ้มพร้อมพยักหน้า
            “ค่ะ”
            “ต้องเฝ้าคู่กันกลัวฝรั่งมาจีบแน่เลย ใช่ไหมนี่” พี่พลยังหาเรื่องแซวไม่เลิก

            ชูพลจำได้วันที่ขับรถไปส่งหนอยกลับเมืองไทย เหมือนส่งศพไม่มีญาติกลับบ้าน ชายหนุ่มหน้าตาดูไม่จืดหม่นหมองจนพี่พลเห็นแล้วอ่อนใจ
ดูวันนี้หน้าใสยิ้มไม่ยอมหุบ ความรักกับความทุกข์ทำให้คนเป็นได้ถึงขนาดนี้ เขาคิดขณะที่มือก็เขียนชื่อดวงเนตรและเจนศึกลงในสมุด
            “อ้าว! แล้วคุณเจนศึกเป็นใครคะพี่หนอย” ดวงเนตรมีสีหน้างง!
            “เขาเป็นน้องใหม่รึเปล่านะ” หนอยแหย่ น้าวิวอยู่ข้างหลังทุบเข้าให้หนึ่งที  
            “ก็นี่ไงคนนี้แหละ” ดวงเนตรออกอาการเขิน...หน้าแตกเลยเรา แล้วเธอก็จำขึ้นมาได้ว่าวันที่น้าวิวเรียกหาเจนศึกให้พาน้องหนูไปหาซื้อทีวี... เขาก็
คือพี่หนอย  
            “ไม่เป็นไรหรอก” พี่น้อยมาสมทบ
            “เคยชินเรียกแต่ชื่อเล่นบางที่พี่น้อยยังลืมชื่อน้าวิวออกบ่อยค่ะ” ดวงเนตรมองไปที่กลุ่มนักศึกษาเริ่มกลับกันบ้างแล้ว บางกลุ่มยังแบ่งงานกัน
ไม่เสร็จ ครู่ใหญ่...พวกพี่ ๆ และดวงเนตรก็ช่วยกันเคลียร์พื้นที่กลับเข้าสภาพเดิม พี่หนอยมาเรียกให้ขึ้นไปดูวิชาที่จะลงเรียนในเทอมใหม่นี้ พี่น้อยลา
ออกจากหน้าที่พี่เลี้ยงดวงเนตรให้หนอยทำหน้าที่แทน
            “ยกหน้าที่ให้กันไม่ปรึกษาเลยนะพี่น้อย” น้าวิวแย้ง  พี่น้อยยิ้มตาหยี
            “เปิดประตูไว้ด้วย ดูแลน้องให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะตามขึ้นไปเช็ก”
            “ครับคุณนายใหญ่“ หนอยแกล้งยั่ว
 
            ดวงเนตรขึ้นไปที่ห้องพักพร้อมพี่หนอย และเปิดประตูไว้กว้างเช่นเดิม ทั้งสองนั่งเคียงกันอยู่ที่โต๊ะทำงานติดกับหน้าต่างห้องพัก ห้องหนึ่งมีโต๊ะ
เก้าอี้นั่งเพียงตัวเดียว พี่ศิริแบ่งเก้าอี้อีกตัวมาให้เพราะเธอก็ได้มาจากคนที่เรียนจบไปแล้วฝากไว้ให้น้องใหม่ พี่ศิริรู้ว่าหลังจากหนอยกลับจากเมืองไทย
ห้องนี้คงเป็นรังของกาฝาก "หนอย"
            
            “พี่เหลืออีกสี่วิชาก็จบแล้ว อย่างที่บอกทุกคนพี่จะทำงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรอจนเนตรจบ แล้วเราจะกลับพร้อมกันนะ” มือพี่หนอยจับมือ
เธอไว้ แล้วจ้องไปที่ดวงตาสวย
            “ค่ะ”
            “เทอมที่แล้วเนตรเก่งมากได้ A หมดเลย   เก่งนะเราเห็นเงียบ ๆ อย่างนี้” พี่หนอยแหย่ ดวงเนตรก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้นเหมือนกลั่นมาจากก้นบึ้ง
ของหัวใจสาวน้อย
            “เทอมแรกหนักเหลือเกินเหมือนนักมวยโดนน็อกตั้งแต่ยกแรก หลายครั้งมันเจ็บแทบต้องทรุดตัวลงและหลายครั้งที่เนตรคิดยอมแพ้ แต่เนตร
ทำลายความรักความหวังของเตี่ยไม่ได้ แม้มันจะเจ็บลึกและปวดร้าวปางตายก็ต้องทนเพราะเตี่ยรักลูกมาก เนตรไม่เคยทำให้เตี่ยต้องผิดหวัง”
             เสียงเล่าของดวงเนตรแผ่วหายเข้าไปในลำคอพร้อมเสียงสะอื้นไห้ หนอยประคองให้เธอลุกขึ้นแล้วกอดเธอไว้ ดวงเนตรซบหน้าลงเสียงสะอื้น
บอกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวด...เจ็บปวดเหลือเกินทั้งเรื่องเรียนที่หนักหนาและความรัก หนอยน้ำตาริน...น้ำตาลูกผู้ชายที่รู้จักรักและปวดร้าวเช่นเดียวกัน
            “พี่หนอยไม่เคยคิดว่ามันทำให้เนตรเจ็บปวดขนาดนี้  พี่ขอโทษ...พี่รักเนตร”  
            “ค่ะ เนตรรู้”  มันเป็นบาดแผลลึกที่ต้องการเวลา คงอีกไม่นานที่มันจะได้รับการรักษาด้วยความรักของคนทั้งสองและมันก็จะดีเอง ทั้งคู่หวังว่า
จะเป็นเช่นนั้น
            ดวงเนตรขอตัวเข้าไปล้างหน้า พร้อมเตรียมผ้าเช็ดหน้าขนหนูคลี่ผ้าออก แล้วส่งให้เขาเช็ดทั่วหน้า...ใบหน้าที่หล่อชวนมอง เธอเอามือลูบเบา ๆ
ที่แผล ตอนนี้เหลือเพียงรอยช้ำเขียวเท่านั้น 
            “ขอโทษนะคะ เนตรควรยั้งมือไว้ไม่ให้โดนพี่หนอย”
            “ไม่เป็นไรตอนซ้อมยูโดเจ็บกลับบ้านทุกวัน แม่พี่เห็นเป็นไม่ได้น้ำตาร่วงสั่งให้เลิกเรียน ก๋งไม่ยอม บอกว่าลูกผู้ชายเจ็บแค่นี้แล้วตายให้มันรู้ไป”
น้าวิวเข้ามาพร้อมพี่น้อยพอที่จะได้ยินประโยคหลังของหนอย
            “ใช่! ถ้าถึงจะตายให้มันรู้ไป” ผู้เข้ามาต่อความให้
            “จัดตารางเรียนแล้วเหรอคะ”  
            “เรียบร้อยค่ะ” ดวงเนตรตอบพี่น้อย
            “เดี๋ยวเนตรขอเวลาซอยผมให้พี่หนอยแป๊บเดียว แล้วเนตรจะทำข้าวผัดแฮมให้ทานกันนะคะ”
            “ทำเสร็จแล้วก็ไปกินกันที่ห้องน้าวิวนะ ไปเราไปทำงานเราต่อดีกว่า”  
           
            ดวงเนตรตัดผมครู่เดียวก็เสร็จ เธอเก็บงานเรียบร้อยแล้ว เอาขยะลงไปทิ้งกลับมาอีกทีพี่หนอยเตรียมหั่นผักไว้ให้แล้ว...แครอท พริก
หวานสีเหลืองและเขียวหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก หนอยโตมาและสนิทกับแม่ ช่วยแม่ทำกับข้าวทุกครั้งที่ว่าง
            “พี่หนอยคะเอาฟอยล์ปิดเครื่องดักควันให้หน่อยเดี๋ยวมีควันละก็เสียงดังทั้งตึกแน่”
          
            ข้าวผัดในหม้อส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล...ทุกคนอิ่มอร่อย 
            “ขอบใจนะจ๊ะ น้าไม่มีเวลาเลย ยังไม่เปิดเทอมก็ยุ่งแล้ว”
 
            วันเทศกาลนักศึกษานานาชาติจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจึงยุ่งกับการจัดบูธให้เรียบร้อยในวันนี้ ดวงเนตรเอารูปคู่ของรัชกาลที่เก้าและพระบรม
ราชินีนาถ ธงประจำพระองค์ และธงชาติ หนอยออกความเห็นว่าน่าจะแขวนไว้ด้านหลังที่เป็นฉากใหญ่สีขาวกั้นยาวลงมา แล้วหลายคนช่วยกันแขวน
ธงชาติไทยผืนใหญ่สวยงาม รูปในหลวง ธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ตามลำดับ
              “สวยมาก ” น้าวิวชม ทุกคนเอาผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะ และมั่วสาละวนหยิบของต่าง ๆ มาออกมาจากกล่อง ดวงเนตรนั่งยอง ๆ ลงไป จับจีบเข้ามุมผ้าคลุมโต๊ะ เป็นจังหวะเท่ากันดูสวยงาม พอทุกคนมองดู เธอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว 
            “เยี่ยมเลย” พี่พลชม หนอยเบียดตัวเข้ามาใกล้แล้วบอกเสียงดัง
            “นี่แฟนผมครับ”
            “เออ! รู้แล้วโว๊ย” พี่พลตะโกนตอบ แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ

            ข้าวของเครื่องใช้ที่รื้อออกมาจากกล่อง ถูกนำมาวางตามจุดต่าง ๆ บนบูธยาวประมาณ 5เมตร โตกใบใหญ่เป็นของภาคภูมิ เอามาจากเชียงรายวาง
ไว้มุมขวา กะกันไว้ว่าจะใช้โชว์ผลไม้เกาะสลัก ซึ่งมีแตงโม ฟักทอง และ แคนตาลูป  งานนี้ฝีมือพี่น้อยล้วน ๆ มีสุดาเป็นคนช่วย ผ้าคลุมไหล่ทอด้วยผ้า
ไหมไทยลายสวยของพี่หนอย ผืนแรกสีน้ำตาลแดงเป็นผืนที่พี่หนอยใช้คลุมไหล่ให้ดวงเนตร กับอีกผืนสีเขียวแมลงทับ และพานเงินของพี่ศิริ ถ้วยชาม
ตราไก่จากลำปาง แผ่นหนังตะลุงจากภาคใต้ ข้องใส่ปลา และกระติบข้าวเหนียวจากอีสาน  และของย่อยอื่นจากที่ต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อยดีแต่กะตำแหน่งคร่าวๆ  พรุ่งนี้วันงานทางมหาวิทยาลัยจะให้ผู้จัดบูธที่มีป้ายชื่อเข้ามาดูความเรียบร้อยอีกครั้งในตอนเช้า

            ประมาณหกโมงครึ่ง...ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่ห้องน้าวิว...ห้องบัญชาการรบ เตรียมหนังสือแนะนำประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญซึ่ง
เป็นฉบับภาษาอังกฤษ พี่น้อยออกไปหาซื้อวัตถุดิบในการแกะสลักกับหนอย งานแกะสลักพี่น้อยแกะอย่างคล่องแคล่วโดยมีสุดา...สาวที่เงียบสุดในกลุ่ม
ซึ่งเข้าเรียนก่อนดวงเนตรสองเทอม สุดาเคยเรียนแกะสลักผลไม้เป็นผู้ช่วยพี่น้อย ใกล้เที่ยงแล้ว...น้าวิวเรียกหาดวงเนตร ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
หนอยเดินเป็นหนูติดจั่น เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย
            “ผมหาทั่วแล้วไม่อยู่ครับ” หนอยพูดออกอาการเป็นห่วง พี่ศิริเอ่ยขึ้น
            “สุดท้ายที่เจอ ดวงเนตรมาขอยืมเข็มร้อยมาลัยนะ”
            “เออ! แปลกนะเพราะปกติดวงเนตรจะไปไหนต้องบอกทุกคนอยู่แล้วนะคะ เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเธอเลย และเคยบอกพี่น้อยว่า
ที่บ้านใครไปไหน ทำอะไร กลับเมื่อไร ต้องแจ้งทุกครั้ง” พี่น้อยกล่าว น้าวิวและหนอยคิดเหมือนกันว่า ดวงเนตรต้องสาละวนทำอะไรอยู่แน่
แต่เธออยู่ที่ไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่