หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (20) ร่วมรัก รวมใจ
“พี่พลสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ไม่สบายหายแล้วเหรอ” พี่พลถาม
“ค่ะ”
”หน้าตาแจ่มใสขึ้นมากเลยนะเราน่ะ...ได้ยาอะไรนะ” พี่พลแซว
“พี่พลครับ...ผมกับเนตรเฝ้าสองวันนี้ครับ เอาช่วงเช้านะครับเนตร” พูดแล้วหันมาเหมือนขอความเห็นจากเธอ ดวงเนตรยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ค่ะ”
“ต้องเฝ้าคู่กันกลัวฝรั่งมาจีบแน่เลย ใช่ไหมนี่” พี่พลยังหาเรื่องแซวไม่เลิก
ชูพลจำได้วันที่ขับรถไปส่งหนอยกลับเมืองไทย เหมือนส่งศพไม่มีญาติกลับบ้าน ชายหนุ่มหน้าตาดูไม่จืดหม่นหมองจนพี่พลเห็นแล้วอ่อนใจ
ดูวันนี้หน้าใสยิ้มไม่ยอมหุบ ความรักกับความทุกข์ทำให้คนเป็นได้ถึงขนาดนี้ เขาคิดขณะที่มือก็เขียนชื่อดวงเนตรและเจนศึกลงในสมุด
“อ้าว! แล้วคุณเจนศึกเป็นใครคะพี่หนอย” ดวงเนตรมีสีหน้างง!
“เขาเป็นน้องใหม่รึเปล่านะ” หนอยแหย่ น้าวิวอยู่ข้างหลังทุบเข้าให้หนึ่งที
“ก็นี่ไงคนนี้แหละ” ดวงเนตรออกอาการเขิน...หน้าแตกเลยเรา แล้วเธอก็จำขึ้นมาได้ว่าวันที่น้าวิวเรียกหาเจนศึกให้พาน้องหนูไปหาซื้อทีวี... เขาก็
คือพี่หนอย
“ไม่เป็นไรหรอก” พี่น้อยมาสมทบ
“เคยชินเรียกแต่ชื่อเล่นบางที่พี่น้อยยังลืมชื่อน้าวิวออกบ่อยค่ะ” ดวงเนตรมองไปที่กลุ่มนักศึกษาเริ่มกลับกันบ้างแล้ว บางกลุ่มยังแบ่งงานกัน
ไม่เสร็จ ครู่ใหญ่...พวกพี่ ๆ และดวงเนตรก็ช่วยกันเคลียร์พื้นที่กลับเข้าสภาพเดิม พี่หนอยมาเรียกให้ขึ้นไปดูวิชาที่จะลงเรียนในเทอมใหม่นี้ พี่น้อยลา
ออกจากหน้าที่พี่เลี้ยงดวงเนตรให้หนอยทำหน้าที่แทน
“ยกหน้าที่ให้กันไม่ปรึกษาเลยนะพี่น้อย” น้าวิวแย้ง พี่น้อยยิ้มตาหยี
“เปิดประตูไว้ด้วย ดูแลน้องให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะตามขึ้นไปเช็ก”
“ครับคุณนายใหญ่“ หนอยแกล้งยั่ว
ดวงเนตรขึ้นไปที่ห้องพักพร้อมพี่หนอย และเปิดประตูไว้กว้างเช่นเดิม ทั้งสองนั่งเคียงกันอยู่ที่โต๊ะทำงานติดกับหน้าต่างห้องพัก ห้องหนึ่งมีโต๊ะ
เก้าอี้นั่งเพียงตัวเดียว พี่ศิริแบ่งเก้าอี้อีกตัวมาให้เพราะเธอก็ได้มาจากคนที่เรียนจบไปแล้วฝากไว้ให้น้องใหม่ พี่ศิริรู้ว่าหลังจากหนอยกลับจากเมืองไทย
ห้องนี้คงเป็นรังของกาฝาก "หนอย"
“พี่เหลืออีกสี่วิชาก็จบแล้ว อย่างที่บอกทุกคนพี่จะทำงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรอจนเนตรจบ แล้วเราจะกลับพร้อมกันนะ” มือพี่หนอยจับมือ
เธอไว้ แล้วจ้องไปที่ดวงตาสวย
“ค่ะ”
“เทอมที่แล้วเนตรเก่งมากได้ A หมดเลย เก่งนะเราเห็นเงียบ ๆ อย่างนี้” พี่หนอยแหย่ ดวงเนตรก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้นเหมือนกลั่นมาจากก้นบึ้ง
ของหัวใจสาวน้อย
“เทอมแรกหนักเหลือเกินเหมือนนักมวยโดนน็อกตั้งแต่ยกแรก หลายครั้งมันเจ็บแทบต้องทรุดตัวลงและหลายครั้งที่เนตรคิดยอมแพ้ แต่เนตร
ทำลายความรักความหวังของเตี่ยไม่ได้ แม้มันจะเจ็บลึกและปวดร้าวปางตายก็ต้องทนเพราะเตี่ยรักลูกมาก เนตรไม่เคยทำให้เตี่ยต้องผิดหวัง”
เสียงเล่าของดวงเนตรแผ่วหายเข้าไปในลำคอพร้อมเสียงสะอื้นไห้ หนอยประคองให้เธอลุกขึ้นแล้วกอดเธอไว้ ดวงเนตรซบหน้าลงเสียงสะอื้น
บอกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวด...เจ็บปวดเหลือเกินทั้งเรื่องเรียนที่หนักหนาและความรัก หนอยน้ำตาริน...น้ำตาลูกผู้ชายที่รู้จักรักและปวดร้าวเช่นเดียวกัน
“พี่หนอยไม่เคยคิดว่ามันทำให้เนตรเจ็บปวดขนาดนี้ พี่ขอโทษ...พี่รักเนตร”
“ค่ะ เนตรรู้” มันเป็นบาดแผลลึกที่ต้องการเวลา คงอีกไม่นานที่มันจะได้รับการรักษาด้วยความรักของคนทั้งสองและมันก็จะดีเอง ทั้งคู่หวังว่า
จะเป็นเช่นนั้น
ดวงเนตรขอตัวเข้าไปล้างหน้า พร้อมเตรียมผ้าเช็ดหน้าขนหนูคลี่ผ้าออก แล้วส่งให้เขาเช็ดทั่วหน้า...ใบหน้าที่หล่อชวนมอง เธอเอามือลูบเบา ๆ
ที่แผล ตอนนี้เหลือเพียงรอยช้ำเขียวเท่านั้น
“ขอโทษนะคะ เนตรควรยั้งมือไว้ไม่ให้โดนพี่หนอย”
“ไม่เป็นไรตอนซ้อมยูโดเจ็บกลับบ้านทุกวัน แม่พี่เห็นเป็นไม่ได้น้ำตาร่วงสั่งให้เลิกเรียน ก๋งไม่ยอม บอกว่าลูกผู้ชายเจ็บแค่นี้แล้วตายให้มันรู้ไป”
น้าวิวเข้ามาพร้อมพี่น้อยพอที่จะได้ยินประโยคหลังของหนอย
“ใช่! ถ้าถึงจะตายให้มันรู้ไป” ผู้เข้ามาต่อความให้
“จัดตารางเรียนแล้วเหรอคะ”
“เรียบร้อยค่ะ” ดวงเนตรตอบพี่น้อย
“เดี๋ยวเนตรขอเวลาซอยผมให้พี่หนอยแป๊บเดียว แล้วเนตรจะทำข้าวผัดแฮมให้ทานกันนะคะ”
“ทำเสร็จแล้วก็ไปกินกันที่ห้องน้าวิวนะ ไปเราไปทำงานเราต่อดีกว่า”
ดวงเนตรตัดผมครู่เดียวก็เสร็จ เธอเก็บงานเรียบร้อยแล้ว เอาขยะลงไปทิ้งกลับมาอีกทีพี่หนอยเตรียมหั่นผักไว้ให้แล้ว...แครอท พริก
หวานสีเหลืองและเขียวหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก หนอยโตมาและสนิทกับแม่ ช่วยแม่ทำกับข้าวทุกครั้งที่ว่าง
“พี่หนอยคะเอาฟอยล์ปิดเครื่องดักควันให้หน่อยเดี๋ยวมีควันละก็เสียงดังทั้งตึกแน่”
ข้าวผัดในหม้อส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล...ทุกคนอิ่มอร่อย
“ขอบใจนะจ๊ะ น้าไม่มีเวลาเลย ยังไม่เปิดเทอมก็ยุ่งแล้ว”
วันเทศกาลนักศึกษานานาชาติจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจึงยุ่งกับการจัดบูธให้เรียบร้อยในวันนี้ ดวงเนตรเอารูปคู่ของรัชกาลที่เก้าและพระบรม
ราชินีนาถ ธงประจำพระองค์ และธงชาติ หนอยออกความเห็นว่าน่าจะแขวนไว้ด้านหลังที่เป็นฉากใหญ่สีขาวกั้นยาวลงมา แล้วหลายคนช่วยกันแขวน
ธงชาติไทยผืนใหญ่สวยงาม รูปในหลวง ธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ตามลำดับ
“สวยมาก ” น้าวิวชม ทุกคนเอาผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะ และมั่วสาละวนหยิบของต่าง ๆ มาออกมาจากกล่อง ดวงเนตรนั่งยอง ๆ ลงไป จับจีบเข้ามุมผ้าคลุมโต๊ะ เป็นจังหวะเท่ากันดูสวยงาม พอทุกคนมองดู เธอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เยี่ยมเลย” พี่พลชม หนอยเบียดตัวเข้ามาใกล้แล้วบอกเสียงดัง
“นี่แฟนผมครับ”
“เออ! รู้แล้วโว๊ย” พี่พลตะโกนตอบ แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ
ข้าวของเครื่องใช้ที่รื้อออกมาจากกล่อง ถูกนำมาวางตามจุดต่าง ๆ บนบูธยาวประมาณ 5เมตร โตกใบใหญ่เป็นของภาคภูมิ เอามาจากเชียงรายวาง
ไว้มุมขวา กะกันไว้ว่าจะใช้โชว์ผลไม้เกาะสลัก ซึ่งมีแตงโม ฟักทอง และ แคนตาลูป งานนี้ฝีมือพี่น้อยล้วน ๆ มีสุดาเป็นคนช่วย ผ้าคลุมไหล่ทอด้วยผ้า
ไหมไทยลายสวยของพี่หนอย ผืนแรกสีน้ำตาลแดงเป็นผืนที่พี่หนอยใช้คลุมไหล่ให้ดวงเนตร กับอีกผืนสีเขียวแมลงทับ และพานเงินของพี่ศิริ ถ้วยชาม
ตราไก่จากลำปาง แผ่นหนังตะลุงจากภาคใต้ ข้องใส่ปลา และกระติบข้าวเหนียวจากอีสาน และของย่อยอื่นจากที่ต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อยดีแต่กะตำแหน่งคร่าวๆ พรุ่งนี้วันงานทางมหาวิทยาลัยจะให้ผู้จัดบูธที่มีป้ายชื่อเข้ามาดูความเรียบร้อยอีกครั้งในตอนเช้า
ประมาณหกโมงครึ่ง...ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่ห้องน้าวิว...ห้องบัญชาการรบ เตรียมหนังสือแนะนำประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญซึ่ง
เป็นฉบับภาษาอังกฤษ พี่น้อยออกไปหาซื้อวัตถุดิบในการแกะสลักกับหนอย งานแกะสลักพี่น้อยแกะอย่างคล่องแคล่วโดยมีสุดา...สาวที่เงียบสุดในกลุ่ม
ซึ่งเข้าเรียนก่อนดวงเนตรสองเทอม สุดาเคยเรียนแกะสลักผลไม้เป็นผู้ช่วยพี่น้อย ใกล้เที่ยงแล้ว...น้าวิวเรียกหาดวงเนตร ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
หนอยเดินเป็นหนูติดจั่น เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย
“ผมหาทั่วแล้วไม่อยู่ครับ” หนอยพูดออกอาการเป็นห่วง พี่ศิริเอ่ยขึ้น
“สุดท้ายที่เจอ ดวงเนตรมาขอยืมเข็มร้อยมาลัยนะ”
“เออ! แปลกนะเพราะปกติดวงเนตรจะไปไหนต้องบอกทุกคนอยู่แล้วนะคะ เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเธอเลย และเคยบอกพี่น้อยว่า
ที่บ้านใครไปไหน ทำอะไร กลับเมื่อไร ต้องแจ้งทุกครั้ง” พี่น้อยกล่าว น้าวิวและหนอยคิดเหมือนกันว่า ดวงเนตรต้องสาละวนทำอะไรอยู่แน่
แต่เธออยู่ที่ไหน
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (20)...ร่วมรัก รวมใจ
“พี่พลสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ไม่สบายหายแล้วเหรอ” พี่พลถาม
“ค่ะ”
”หน้าตาแจ่มใสขึ้นมากเลยนะเราน่ะ...ได้ยาอะไรนะ” พี่พลแซว
“พี่พลครับ...ผมกับเนตรเฝ้าสองวันนี้ครับ เอาช่วงเช้านะครับเนตร” พูดแล้วหันมาเหมือนขอความเห็นจากเธอ ดวงเนตรยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ค่ะ”
“ต้องเฝ้าคู่กันกลัวฝรั่งมาจีบแน่เลย ใช่ไหมนี่” พี่พลยังหาเรื่องแซวไม่เลิก
ชูพลจำได้วันที่ขับรถไปส่งหนอยกลับเมืองไทย เหมือนส่งศพไม่มีญาติกลับบ้าน ชายหนุ่มหน้าตาดูไม่จืดหม่นหมองจนพี่พลเห็นแล้วอ่อนใจ
ดูวันนี้หน้าใสยิ้มไม่ยอมหุบ ความรักกับความทุกข์ทำให้คนเป็นได้ถึงขนาดนี้ เขาคิดขณะที่มือก็เขียนชื่อดวงเนตรและเจนศึกลงในสมุด
“อ้าว! แล้วคุณเจนศึกเป็นใครคะพี่หนอย” ดวงเนตรมีสีหน้างง!
“เขาเป็นน้องใหม่รึเปล่านะ” หนอยแหย่ น้าวิวอยู่ข้างหลังทุบเข้าให้หนึ่งที
“ก็นี่ไงคนนี้แหละ” ดวงเนตรออกอาการเขิน...หน้าแตกเลยเรา แล้วเธอก็จำขึ้นมาได้ว่าวันที่น้าวิวเรียกหาเจนศึกให้พาน้องหนูไปหาซื้อทีวี... เขาก็
คือพี่หนอย
“ไม่เป็นไรหรอก” พี่น้อยมาสมทบ
“เคยชินเรียกแต่ชื่อเล่นบางที่พี่น้อยยังลืมชื่อน้าวิวออกบ่อยค่ะ” ดวงเนตรมองไปที่กลุ่มนักศึกษาเริ่มกลับกันบ้างแล้ว บางกลุ่มยังแบ่งงานกัน
ไม่เสร็จ ครู่ใหญ่...พวกพี่ ๆ และดวงเนตรก็ช่วยกันเคลียร์พื้นที่กลับเข้าสภาพเดิม พี่หนอยมาเรียกให้ขึ้นไปดูวิชาที่จะลงเรียนในเทอมใหม่นี้ พี่น้อยลา
ออกจากหน้าที่พี่เลี้ยงดวงเนตรให้หนอยทำหน้าที่แทน
“ยกหน้าที่ให้กันไม่ปรึกษาเลยนะพี่น้อย” น้าวิวแย้ง พี่น้อยยิ้มตาหยี
“เปิดประตูไว้ด้วย ดูแลน้องให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะตามขึ้นไปเช็ก”
“ครับคุณนายใหญ่“ หนอยแกล้งยั่ว
ดวงเนตรขึ้นไปที่ห้องพักพร้อมพี่หนอย และเปิดประตูไว้กว้างเช่นเดิม ทั้งสองนั่งเคียงกันอยู่ที่โต๊ะทำงานติดกับหน้าต่างห้องพัก ห้องหนึ่งมีโต๊ะ
เก้าอี้นั่งเพียงตัวเดียว พี่ศิริแบ่งเก้าอี้อีกตัวมาให้เพราะเธอก็ได้มาจากคนที่เรียนจบไปแล้วฝากไว้ให้น้องใหม่ พี่ศิริรู้ว่าหลังจากหนอยกลับจากเมืองไทย
ห้องนี้คงเป็นรังของกาฝาก "หนอย"
“พี่เหลืออีกสี่วิชาก็จบแล้ว อย่างที่บอกทุกคนพี่จะทำงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรอจนเนตรจบ แล้วเราจะกลับพร้อมกันนะ” มือพี่หนอยจับมือ
เธอไว้ แล้วจ้องไปที่ดวงตาสวย
“ค่ะ”
“เทอมที่แล้วเนตรเก่งมากได้ A หมดเลย เก่งนะเราเห็นเงียบ ๆ อย่างนี้” พี่หนอยแหย่ ดวงเนตรก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้นเหมือนกลั่นมาจากก้นบึ้ง
ของหัวใจสาวน้อย
“เทอมแรกหนักเหลือเกินเหมือนนักมวยโดนน็อกตั้งแต่ยกแรก หลายครั้งมันเจ็บแทบต้องทรุดตัวลงและหลายครั้งที่เนตรคิดยอมแพ้ แต่เนตร
ทำลายความรักความหวังของเตี่ยไม่ได้ แม้มันจะเจ็บลึกและปวดร้าวปางตายก็ต้องทนเพราะเตี่ยรักลูกมาก เนตรไม่เคยทำให้เตี่ยต้องผิดหวัง”
เสียงเล่าของดวงเนตรแผ่วหายเข้าไปในลำคอพร้อมเสียงสะอื้นไห้ หนอยประคองให้เธอลุกขึ้นแล้วกอดเธอไว้ ดวงเนตรซบหน้าลงเสียงสะอื้น
บอกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวด...เจ็บปวดเหลือเกินทั้งเรื่องเรียนที่หนักหนาและความรัก หนอยน้ำตาริน...น้ำตาลูกผู้ชายที่รู้จักรักและปวดร้าวเช่นเดียวกัน
“พี่หนอยไม่เคยคิดว่ามันทำให้เนตรเจ็บปวดขนาดนี้ พี่ขอโทษ...พี่รักเนตร”
“ค่ะ เนตรรู้” มันเป็นบาดแผลลึกที่ต้องการเวลา คงอีกไม่นานที่มันจะได้รับการรักษาด้วยความรักของคนทั้งสองและมันก็จะดีเอง ทั้งคู่หวังว่า
จะเป็นเช่นนั้น
ดวงเนตรขอตัวเข้าไปล้างหน้า พร้อมเตรียมผ้าเช็ดหน้าขนหนูคลี่ผ้าออก แล้วส่งให้เขาเช็ดทั่วหน้า...ใบหน้าที่หล่อชวนมอง เธอเอามือลูบเบา ๆ
ที่แผล ตอนนี้เหลือเพียงรอยช้ำเขียวเท่านั้น
“ขอโทษนะคะ เนตรควรยั้งมือไว้ไม่ให้โดนพี่หนอย”
“ไม่เป็นไรตอนซ้อมยูโดเจ็บกลับบ้านทุกวัน แม่พี่เห็นเป็นไม่ได้น้ำตาร่วงสั่งให้เลิกเรียน ก๋งไม่ยอม บอกว่าลูกผู้ชายเจ็บแค่นี้แล้วตายให้มันรู้ไป”
น้าวิวเข้ามาพร้อมพี่น้อยพอที่จะได้ยินประโยคหลังของหนอย
“ใช่! ถ้าถึงจะตายให้มันรู้ไป” ผู้เข้ามาต่อความให้
“จัดตารางเรียนแล้วเหรอคะ”
“เรียบร้อยค่ะ” ดวงเนตรตอบพี่น้อย
“เดี๋ยวเนตรขอเวลาซอยผมให้พี่หนอยแป๊บเดียว แล้วเนตรจะทำข้าวผัดแฮมให้ทานกันนะคะ”
“ทำเสร็จแล้วก็ไปกินกันที่ห้องน้าวิวนะ ไปเราไปทำงานเราต่อดีกว่า”
ดวงเนตรตัดผมครู่เดียวก็เสร็จ เธอเก็บงานเรียบร้อยแล้ว เอาขยะลงไปทิ้งกลับมาอีกทีพี่หนอยเตรียมหั่นผักไว้ให้แล้ว...แครอท พริก
หวานสีเหลืองและเขียวหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก หนอยโตมาและสนิทกับแม่ ช่วยแม่ทำกับข้าวทุกครั้งที่ว่าง
“พี่หนอยคะเอาฟอยล์ปิดเครื่องดักควันให้หน่อยเดี๋ยวมีควันละก็เสียงดังทั้งตึกแน่”
ข้าวผัดในหม้อส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล...ทุกคนอิ่มอร่อย
“ขอบใจนะจ๊ะ น้าไม่มีเวลาเลย ยังไม่เปิดเทอมก็ยุ่งแล้ว”
วันเทศกาลนักศึกษานานาชาติจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจึงยุ่งกับการจัดบูธให้เรียบร้อยในวันนี้ ดวงเนตรเอารูปคู่ของรัชกาลที่เก้าและพระบรม
ราชินีนาถ ธงประจำพระองค์ และธงชาติ หนอยออกความเห็นว่าน่าจะแขวนไว้ด้านหลังที่เป็นฉากใหญ่สีขาวกั้นยาวลงมา แล้วหลายคนช่วยกันแขวน
ธงชาติไทยผืนใหญ่สวยงาม รูปในหลวง ธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ตามลำดับ
“สวยมาก ” น้าวิวชม ทุกคนเอาผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะ และมั่วสาละวนหยิบของต่าง ๆ มาออกมาจากกล่อง ดวงเนตรนั่งยอง ๆ ลงไป จับจีบเข้ามุมผ้าคลุมโต๊ะ เป็นจังหวะเท่ากันดูสวยงาม พอทุกคนมองดู เธอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เยี่ยมเลย” พี่พลชม หนอยเบียดตัวเข้ามาใกล้แล้วบอกเสียงดัง
“นี่แฟนผมครับ”
“เออ! รู้แล้วโว๊ย” พี่พลตะโกนตอบ แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ
ข้าวของเครื่องใช้ที่รื้อออกมาจากกล่อง ถูกนำมาวางตามจุดต่าง ๆ บนบูธยาวประมาณ 5เมตร โตกใบใหญ่เป็นของภาคภูมิ เอามาจากเชียงรายวาง
ไว้มุมขวา กะกันไว้ว่าจะใช้โชว์ผลไม้เกาะสลัก ซึ่งมีแตงโม ฟักทอง และ แคนตาลูป งานนี้ฝีมือพี่น้อยล้วน ๆ มีสุดาเป็นคนช่วย ผ้าคลุมไหล่ทอด้วยผ้า
ไหมไทยลายสวยของพี่หนอย ผืนแรกสีน้ำตาลแดงเป็นผืนที่พี่หนอยใช้คลุมไหล่ให้ดวงเนตร กับอีกผืนสีเขียวแมลงทับ และพานเงินของพี่ศิริ ถ้วยชาม
ตราไก่จากลำปาง แผ่นหนังตะลุงจากภาคใต้ ข้องใส่ปลา และกระติบข้าวเหนียวจากอีสาน และของย่อยอื่นจากที่ต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อยดีแต่กะตำแหน่งคร่าวๆ พรุ่งนี้วันงานทางมหาวิทยาลัยจะให้ผู้จัดบูธที่มีป้ายชื่อเข้ามาดูความเรียบร้อยอีกครั้งในตอนเช้า
ประมาณหกโมงครึ่ง...ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่ห้องน้าวิว...ห้องบัญชาการรบ เตรียมหนังสือแนะนำประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญซึ่ง
เป็นฉบับภาษาอังกฤษ พี่น้อยออกไปหาซื้อวัตถุดิบในการแกะสลักกับหนอย งานแกะสลักพี่น้อยแกะอย่างคล่องแคล่วโดยมีสุดา...สาวที่เงียบสุดในกลุ่ม
ซึ่งเข้าเรียนก่อนดวงเนตรสองเทอม สุดาเคยเรียนแกะสลักผลไม้เป็นผู้ช่วยพี่น้อย ใกล้เที่ยงแล้ว...น้าวิวเรียกหาดวงเนตร ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
หนอยเดินเป็นหนูติดจั่น เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย
“ผมหาทั่วแล้วไม่อยู่ครับ” หนอยพูดออกอาการเป็นห่วง พี่ศิริเอ่ยขึ้น
“สุดท้ายที่เจอ ดวงเนตรมาขอยืมเข็มร้อยมาลัยนะ”
“เออ! แปลกนะเพราะปกติดวงเนตรจะไปไหนต้องบอกทุกคนอยู่แล้วนะคะ เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเธอเลย และเคยบอกพี่น้อยว่า
ที่บ้านใครไปไหน ทำอะไร กลับเมื่อไร ต้องแจ้งทุกครั้ง” พี่น้อยกล่าว น้าวิวและหนอยคิดเหมือนกันว่า ดวงเนตรต้องสาละวนทำอะไรอยู่แน่
แต่เธออยู่ที่ไหน