หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (27)...ลอยกระทง

กระทู้คำถาม


Cr.Net

หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (27)...ลอยกระทง           
 
            วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์...ดวงเนตรชงกาแฟส่งกลิ่นหอมกรุ่นทั่วห้อง นั่งบนเก้าอี้ชิดหน้าต่าง ขนมปังใส่กล้วยหอมหั่นเฉียงเป็นแว่นยาว
และชีส ย่างบนกระทะพอให้ขนมปังเหลือง ชีสเริ่มนิ่ม...ละลาย ค่อย ๆ กินพร้อมจิบกาแฟ มองออกไปข้างนอก เห็นแมกไม้ยืนต้นเหลือเพียงกิ่งก้าน ท่ามกลางอากาศหนาวอย่างเดียวดาย  แสงอาทิตย์สาดส่องในยามเช้าดูเหมือนอ้อยอิ่งค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปบนเนินเขา กาแฟกับความเงียบสงบช่าง
เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในโลกของดวงเนตรเหลือเกิน
           เธอลงมือทำความสะอาดห้อง จัดเรียงเอกสาร และหนังสือ  แล้วเขียนจดหมายถึงเตี่ย น้อง และ เพื่อนๆ กลุ่มเก๋าชาวม.ช.  ต้นพูด่างแตกใบใหม่
ในโถแก้วใสจนแน่น ดวงเนตรแบ่งใส่โถแก้วสี่เหลี่ยมทรงสูงไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง

            เวลาผ่านไปเร็วมากใกล้เวลานัดแล้ว ดวงเนตรคว้าแอปเปิลมาลูกหนึ่งกับนมหนึ่งแก้ว เรียบร้อย  อาบน้ำเสร็จ เธอลงเบบี้ออยล์จนทั่ว รอครู่เดียว
ก็แห้ง เปิดกล่องดูเป็นชุดไทยจักรีตัวงามชุดเดิม หลังงานานาชาติน้าวิวเก็บชุดทั้งหมดส่งซักแห้ง แล้วคืนพี่วรรณพร้อมการ์ดขอบคุณ แต่ต้องขอยืม
กลับมาใช้ในงานลอยกระทงอีก ดวงเนตรแต่งหน้าทาลิปสีกลีบกุหลาบชมพูอ่อน แต่งกายด้วยชุดไทย ผมถักเป็นเปียหลวมแล้วยกเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่น
ทอง
            ก๊อก  ก๊อก ๆ  ก๊อก ๆ ๆ
            “เชิญค่ะ” ดวงเนตรเปิดประตูพร้อมรอยยิ้ม
            “สวัสดีค่ะ พี่หนอย” หนอยมองด้วยสายตาชื่นชม
            “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรให้ติได้เลยนะคุณหนู งามตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งหอมทั้งงาม จุติมาจากแดนไหนครับ”
            “น้องเขามาจากฟ้า แต่แกมันมาจากนรก” น้าวิวเดินมาสมทบแล้วกระทบให้แต่เช้า
            “ตายล่ะพูดไม่ไพเราะเลยค่ะ” พี่น้อยแย้ง
            “ไม่เป็นไรครับผู้ใหญ่ด่าให้ถือว่าเป็นคำให้พร” เขายิ้มกว้าง ใบหน้าสดใส ปล่อยไรเคราไว้เขียวเหมือนตั้งใจ หญิงสาวกำลังคิดอยู่ว่าดูแมนดีนะ
            พี่ศิริเอ่ยขึ้นก่อน “เออ! ไว้เคราเป็นแนวหล่อเชียว”
            “ไปเถอะ มัวแต่หล่อกันอยู่นั้นเดี๋ยวไม่ทัน” ทั้งหมดมารวมกันตรงเวลาพอดี แล้วก็เริ่มออกเดินทางโดยมีพี่พลขับนำ
            “ภาคภูมิ  มองเนตรไม่เกรงใจพี่หนอยเลยนะ”
            “ความงามใครก็อดมองไม่ได้หรอกจ้ะ” พี่น้อยจะเป็นคนที่คิดในแง่บวกเสมอ
 
            รถสามคันขับเข้ามาจอดในงานเทศกาลลอยกระทง...เซนต์หลุยส์ พี่พลนำกลุ่มจากคาร์บอนเดลไปพบคุณลุงหมอปกรณ์ คุณหมอเป็นผู้ใหญ่
ที่น่าเคารพมาก และให้ความช่วยเหลือคนไทยและนักศึกษาไทยเป็นอย่างดี ลุงหมอพากลุ่มเราไปนั่งโต๊ะหน้าใกล้ ๆ เวทีในห้องจัดงานกว้างแล้วขอ
ตัวออกมา คนมากันแน่นทุกโต๊ะ แต่ละโต๊ะจะเก็บเงินค่าอาหารเข้ากองทุนนักศึกษาไทย แล้วงานก็เริ่มด้วยโชว์เซิ้งกระติ๊บของเด็กรุ่นเล็กประมาณสิบคู่
มีการแจกรางวัลตามเบอร์โต๊ะ ของรางวัลก็ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ ถัดมาโฆษกก็เชิญผู้ร่วมงานออกมาร่วมสนุกกับ
เพลงลอยกระทง

            ลุงหมอออกมาหน้าเวทีพร้อมภรรยา พี่พลโค้งขออนุญาตน้าวิว หนอยรีบดึงมือดวงเนตรออกไปร่วมวงเพราะมีทั้งหนุ่มทั้งแก่ให้ความสนใจเธอ
ตั้งแต่เดินเข้ามา เพลงวนอยู่สามรอบจบเป็นที่สนุกสนาน
            อาหารไทยออกมาตามโต๊ะได้สักพักหนึ่งแล้ว  รายการสุดท้ายตามที่ประกาศคือ การประกวดนางนพมาศ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ส่งน้อง ๆ หน้าตา
น่ารัก รวมถึงเซาเทิร์นอิลลินอยส์ ยูนิเวอซิตี้...ส่งดวงเนตรเข้าประกวดด้วย  น้านิดลุกขึ้นดึงมือดวงเนตร
            “ไปเนตร  สู้ ๆ เขาหน่อย” ดวงเนตรส่ายหน้า แต่เจ๊ดันไม่ยอม...ดึงมาถึงข้างหลังเวที ดวงเนตรออกอาการขัดใจน้อย ๆ แต่หาตัวช่วยไม่ได้ ไม่
รู้ว่าพี่หนอยหายไปไหน

            สาว ๆ ในชุดไทยออกมายืนเรียงหน้ากระดาน ดวงเนตรยืนท้ายสุดเพราะดูจะสูงกว่าน้องหนูคนอื่น กรรมการติดเบอร์ให้ก่อนออกมาแล้ว
เนตรได้เบอร์แปด ทั้งหมดมีสิบคน...ดวงเนตรตกเป็นเป้าสายตาทั้งหนุ่มและแก่เพราะเธอผิวขาวเด่น ทั้งรูปร่าง และชุดดูงดงามมาก โฆษกกล่าว
            “น้อง ๆ สวยทุกคน กรรมการจะใช้วิธีนับจากลูกโป่ง ว่าใครได้มากถือว่าชนะนะครับ มีเด็ก ๆ ยืนขายอยู่รอบห้อง ถ้าเชียร์ใครก็เชิญครับ ลูกละ
สองเหรียญ รายได้ทั้งหมดจากงานจะนำเข้ากองทุนลุงหมอ ไว้เป็นทั้งทุนและความช่วยเหลือต่างๆ ให้แก่นักศึกษาไทยของเรานะครับ”  พูดจบ บรรดา
แม่ยก...กองเชียร์ลุกขึ้นและไปซื้อมากันคนละใบสองใบ พี่หนอยของดวงเนตรที่หายไปไหน กลับมาพร้อมลูกโป่งพวงใหญ่ห้าสิบใบ ทุกคนลุ้นว่าไอ้
หนุ่มหน้าหยกหมายตาใครไว้ เขาเดินตรงไปที่หน้าเวทียิ้มหวานให้สาว ๆ
            “ช่วยกันลุ้นหน่อยครับว่าเป็นของเบอร์ไหน” โฆษกร่วมเชียร์ด้วย บรรยากาศดูคึกคัก พี่หนอยตรงไปที่เบอร์แปดทุกคนปรบมือดังลั่น หนอยรู้
อยู่แล้วว่าเขาต้องเอาเงินขายลูกโป่งเข้ากองทุน และรู้กฎในการคัดเลือกนางนพมาศซึ่งเหมือนปีที่แล้วเลย ‘นี้เป็นชุดแรกนะ เดี๋ยวมีอีก’ หนอยคิด
น้องคนอื่นก็ได้รับแรงเชียร์เป็นลูกโป่งในจำนวนไล่ ๆ กันมา ดวงเนตรมีประเภทร่วมด้วยช่วยกัน จากกลุ่มอื่นด้วย จวนจะปิดหีบนับจำนวนลูกโป่ง หนอย
เดินกลับมาพร้อมพวงลูกโป่งอีกร้อยลูก เท่านั้นแหละทุกคนปรบมือเชียร์ มีเป่าปากตามมาด้วย
            
             “ดูหนอยซิคะเอาซะกระเป๋าฉีกเลย” พี่น้อยพูดขึ้นคนแรก ทุกคนที่มาจากคาร์บอนเดลนึกไม่ถึงว่าหนอยจะลงทุนขนาดนี้
            “ไอ้ตี๋เลือดเข้าตาทีไรเป็นหมาบ้าทุกที งานนี้มันไม่ถอยแน่” น้าวิวพูด สุดท้ายการนับคะแนนก็ออกมาเป็นเอกฉันท์ ดวงเนตรไหว้อย่างสวย
พร้อมยิ้มให้ลุงหมอ เขายกถ้วยรางวัลขึ้น ทุกคนปรบมือ
            “สวยมากลูกเหมาะกับตำแหน่งแล้ว”
            “ขอบพระคุณค่ะ” หนอยหย่อนก้นลงนั่ง
            “ไอ้ตี๋เชียร์คนของตัวเองซะกระเป๋าฉีกเลยนะ”
            “ไม่หรอกเขายังมีทุนอีกเยอะ เดี๋ยวเตี่ยก็ให้เดี๋ยวแม่ก็ให้ เฮ้อ!อิจฉา” พี่ศิริเอ่ย คืนนี้ทุกคนแฮปปี้โดยเฉพาะพี่พลก็ยิ้มไม่หุบ คนที่มาร่วมงาน
เริ่มทยอยออกกันมา หนอยถอดเสื้อสูทขนสัตว์ตัวหนายาวถึงเข่า คลุมให้ดวงเนตร
  
            อากาศเริ่มเย็นมากกว่าหัวค่ำ
            “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวนั่งในรถก็อุ่น”
            “กว่าจะถึงรถ โดนทั้งลมทั้งน้ำค้างพอดีไม่สบายนะคะ” พี่น้อยช่วยอีกแรง ทางเดินไปที่จอดรถมีโต๊ะกว้างวางกระทงทำจากใบตองขายด้วย
หนุ่ม ๆ ชาวสงขลาชวนน้าวิว และพี่ ๆ
            “ไปลอยกระทงกันนะครับ  สนุกดีแล้วช่วยให้หายคิดถึงบ้านด้วย” เพราะคำหลังทำให้น้าวิวใจอ่อน  
            “เอาเลย ใครใคร่ลอยก็ไปซื้อมา คนไม่ลอยก็คอยนั่งลุ้นไม่ให้กระทงล่มแล้วกัน”
            หนอยนำหน้ามากับหนุ่ม ๆ ทั้งสี่รวมกันซื้อมาหลายกระทง พี่หนอยเก็บอันสวยไว้หนึ่งกระทง ที่เหลือส่งให้พี่น้อยและน้าวิว ส่วนหนุ่ม ๆ เอาที่
ซื้อมาเผื่อไปให้พี่ศิริ และพี่พล  พี่น้อยหันไปถามภาคภูมิ และสุดา 
            “ไม่ลอยด้วยกันเหรอค่ะ”
            “ไม่ล่ะครับผมช่วยนั่งลุ้นดีกว่า”
            “เหมือนกันค่ะ คอยลุ้นดีกว่าลอยทีไรกระทงคว่ำทุกที” ทุกคนหัวเราะคำของสุดา
           
            จุดธูปเทียนเสร็จก็ปล่อยกระทงลงน้ำ หนอยประคองกระทงคู่ไปกับดวงเนตร แล้วปล่อยลงให้เลื่อนไหลไปตามสายน้ำ ลุกขึ้นยืนมองฟ้า...
จันทร์กระจ่าง  ดวงดาวระยิบเต็มผืนฟ้า หนอยมองตาดวงเนตรแล้วมองฟ้า
            “จะมีดาวดวงไหนนะที่งามเท่าดวงเนตร” ส่วนเธอกำลังคิดถึงน้อง ๆ ที่เคยไปลอยกระทงร่วมกันที่ริมแม่น้ำปิง...ป่านฉะนี้จะเป็นไฉนหนอ
            “คิดถึงน้อง ๆ เหรอครับ” ดวงเนตรก้มหน้า เอ่ยเสียงเบา
            “ค่ะ” หนอยบีบมือเธอ
            “อย่ากังวลเลยจบแล้ว เราจะกลับบ้านพร้อมกัน” ดวงเนตรพยักหน้า
 
            รถกลับมาถึงคาร์บอนเดล ประมาณสามทุ่มครึ่ง น้าวิวให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับเพราะดึกแล้ว
            “ขอบคุณทุกคนนะคะที่ไปร่วมงานกัน ไปกันได้แล้วหนุ่ม ๆ บ๊ายบาย”
            
            เทอมนี้มีหลายเทศกาล ตั้งแต่งานนักศึกษานานาชาติ งานลอยกระทง ฮาโลวีน ซึ่งผ่านไปก่อนหน้าแล้ว แต่นักศึกษาปริญญาโทไม่ค่อยไปร่วม
เพราะยุ่งกับการเตรียมสอบกลางเทอม งานขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และส่งท้ายปีด้วยงานคริสต์มาส 
            ดวงเนตรเสร็จธุระส่วนตัวและเตรียมไปเรียนช่วงเช้า เธอมักจะออกไวกว่าปกติ เพราะชอบนั่งแถวหน้า ๆ เดินไปเรียน ช่วงใกล้ฤดูหนาวอากาศ
ยิ่งเย็นมากขึ้นทุกวัน เธอใส่เสื้อยืดคอเต่าหนาสีเขียวเข้มสวมเสื้อหนาตัวยาวสีเทาทับ กลางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ จะต้องแวะทักท้ายกับคุณลุงคุณป้า
ทุกเช้าเช่นเคย
            “อากาศหนาวต้องใส่เสื้อหนา ๆ นะ” ป้าแมรี่ตะโกนไล่หลังมา
           
            แล้วเทอมปลายซึ่งฤดูใบไม้ร่วงก็ใกล้เข้ามา ทุกคนหมกตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ แทบไม่ได้เจอหน้ากัน ดวงเนตรนั่งหน้าเคร่งกับวิชาการเงินละ
บัญชี โดยมีหนอยทำโครงงานที่ร่วมกับอาจารย์อยู่ใกล้ ๆ
            “ยากมากค่ะ ดวงเนตรไม่ชอบเลย ดีนะนี่เป็นวิชาสุดท้ายหมวดการเงินและบัญชี”
            “พักก่อนไหม ดูซิหน้านิ่วคิ้วขมวดเลย”  หน่อยนวดคอนวดไหล่ให้ ขยับเก้าอี้ให้เธออหันมาเอาหัวแม่มือคลึง ไล้ไปตามแนวคิ้วและขมับ
ดวงเนตรหลับตาพริ้ม
            “ขอค่าจ้างหน่อยนะ” เขาก้มลงจูบที่เปลือกตา
            “เป็นไง สบายตัวขึ้นไหม” ดวงเนตรยิ้มแล้วพยักหน้า
            “สักสี่โมงพี่หนอยจะพาไปซื้อนม อาหาร และผลไม้เพิ่ม เสร็จแล้วเราไปกินไก่ป๊อปอายกับข้าวเคจุนกันนะ”...ข้าวเคจุนเป็นอาหารดั้งเดิมกำเนิด
จากหลุยเซียนาและมิสซิสซิปปีที่ติดกับอ่าวแม็กซิโก ซึ่งทำการประมงเป็นหลัก อาหารทะเลจึงไม่แพงนัก เคจุนเป็นข้าวหุ้งใส่ซีฟู้ด แล้วนำมาผัดใส่
หัวหอม พริกหวาน และเซเลอรี ใส่พริกคาเยน (พริกแห้งของฝรั่ง ไม่เผ็ดนัก แต่เผ็ดกว่าพริกพาพริกา) และกระเทียม คนผิวดำจะดัดแปลงโดยผัดใส่ตับ
ไก่บดและเครื่องเทศแบบเดียวกัน
             “ยอดเลยโปรแกรมพี่หนอย ตกลงค่ะ”
             
            เวลาเหมือนติดปีก หนอยลงไปนอนกลิ้งรอดวงเนตรเข้าห้องน้ำ  กลิ่นหอมจาง ๆ ติดอยู่ที่หมอนและที่นอน เขาหายใจเข้าออกช้า ๆ หลังจากบิด
เอาตัวขี้เกียจออกไปหมดแล้ว 
            “ไปได้แล้วค่ะ”
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่