หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (58)...ในอ้อมกอดแห่งรัก
ทั้งสามคนแยกกลับมาที่บ้านดวงเนตร ครู่หนึ่งพี่พลก็หอบเครื่องนอนลงมาให้ น้าวิวบอกให้วางไว้บนโต๊ะใต้ต้นเมเปิลก่อน
“พรุ่งนี้จะให้ไปรับลุงหมอด้วยไหม”
“ไปไหวไหมครับ”
“ไปได้สิ...สักเจ็ดโมงค่อยออกดีไหม”
“ครับ”
หนอยเข้ามาในห้อง “เอ! เนตรมีคนอยู่ด้วยเหรอครับ” น้าวิวเข้ามาได้ยินพอดี
“เขามีแฟนใหม่แล้ว แต่หล่อไม่เท่าหนอย”
“ใครกล้าครับน้าวิว” หนอยถามเสียงกวน ๆ ดวงเนตรยิ้ม แล้วเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ข้าวของของเขาทุกชิ้นถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นการบูร
หอมเย็นชื่นใจภายในตู้ เขาเห็นแม้แต่ดอกกุหลาบที่เก็บไว้ในลังของเขา ดวงเนตรก็เก็บเอามาด้วยและนำมาตกแต่งไว้ในตะกร้าสานอย่างสวยงาม
ภายในห้องน้ำมีของใช้ส่วนตัวของหนอยอยู่ครบ ไม่เว้นแม้แต่แปรงสีฟันที่เสียบไว้ในแก้วใส
“ดวงเนตร” พี่หนอยเรียกชื่อเธอด้วยเสียงอ่อนโยนและอบอุ่น
“ไม่มีแม้เพียงวันเดียวที่เนตรจะไม่คิดถึงพี่หนอย” เธอเดินตามมา และพูดขึ้น
“เอาล่ะ ๆ ให้พี่หน่อยไปอาบน้ำก่อนชุดนอนก็มี ไป ๆ ”
“งั้นผมนอนที่นี่นะครับ” เสียงอ้อนกับสภาพของหนอย น้าวิวจะปฏิเสธได้อย่างไร
“พี่หนอยแค่เช็ดตัวหมอไม่ให้อาบน้ำ เพราะกลัวน้ำเข้าตา พี่หนอยไปสระผมที่ร้านอาทิตย์ละสองครั้ง”
“เอาเถอะไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน พรุ่งนี้มีเวลาจะให้ดวงเนตรสระให้ดีไหมจ๊ะ” น้าวิวหันมาขอความเห็น จากความทุกข์ที่หนอย
ผ่านมันมาอย่างยากเย็นกับความรักที่เธอมีให้น้องชายคนนี้ ใครเห็นก็อดสงสารทั้งคู่ไม่ได้ น้าวิวใจอ่อนและแทบใจสลายนับจากเกิดเหตุการณ์
“ได้ค่ะ”
ทุกคนเตรียมพร้อมจะเข้านอน “น้าวิวนอนบนเตียงนะคะ” หนอยกำลังปูฟูกอยู่
“เนตรนอนข้างล่างได้”
“จ้ะ ๆ มันน่าตีนักทั้งคู่แหละ” แล้วเธอก็โยนหมีลงมาสองตัว
“ห้ามข้ามเขต O.K!”
“ครับผม” ดวงเนตรลุกไปปิดไฟดวงใหญ่ เปิดไว้เฉพาะไฟดวงเล็กหน้าห้องน้ำ ทุกคนสวดมนต์เสร็จก็ล้มตัวลงนอน หนอยเหยียดแขนออก
ไปดึงหมอนดวงเนตรเข้ามาแล้วโอบเธอไว้ในวงแขน
“อะแอ้ม...เกรงใจฉันบ้างนะ”
“คร้าบ” หนอยตอบยิ้มอยู่ในความมืด แล้วกระชับวงแขนเข้ามาอีก อกนั่นอบอุ่นนักกลิ่นหอมจางที่คุ้นเคยและเฝ้าคอยหา ดวงเนตรชุกตัวแล้ว
หลับตาลงอย่างมีความสุข หนอยก้มลงจูบที่หน้าผากแล้วทั้งคู่ก็หลับไป
น้าวิวและพี่พลลุกขึ้นแต่เช้าและออกรถไปแล้ว ดวงเนตรกับพี่หนอยหลับสนิทเป็นเพราะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ก่อนที่จะออกไป...เธอยืน
ดูภาพนั้นอย่างมีความสุข หนอยนอนงอตัวตะแคงซ้าย ดวงเนตรหลับซบอยู่ในอ้อมแขน
“คิดอะไรอยู่ครับ” พลถามขึ้น ขณะรถเคลื่อนตัวออกจากบ้าน
“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย”
“อย่าคิดมากนะครับเดี๋ยวแก่ไว” น้าวิวมองแล้วค้อนให้ แต่พี่พลยิ้มชอบใจ
เดินรอคุณลุงคุณป้ากันได้ครู่หนึ่ง พี่พลชวนไปดื่มกาแฟที่ร้านตรงหัวมุมในแอร์พอร์ท
“ที่ร้านนี้เขามีกาแฟอร่อย หอมดี ราคาก็ไม่แพง” ทั้งคู่มานั่งในร้าน พลสั่งกาแฟให้
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับน้าวิว”
“สบายกะผีน่ะสิ ต้องคอยตื่นมาดูน้องสาวฉัน”
“หนอยเขารังแกน้องหนูเหรอครับ”
“แหม ๆ เดี๋ยวนี้เริ่มพูดคล่องเป็นร่องน้ำไหลแล้วนะ ใครสอนนะอยากรู้จัง แต่ก่อนเห็นพูด...ครับหรือไม่ก็ครับผม”เธอว่าให้ พี่พลได้แต่ยิ้ม
“เปล่าเขาแค่นอนซบกันเห็นแล้ว...”
“อิจฉาเหรอครับ ถ้างั้นคงได้เวลาน้าวิวหาแฟนใหม่ได้แล้วมังครับ” น้าวิวหน้าแดง
“บ้า” ฟาดเพี้ยะที่แขนพล
“มือไวจริง ๆ ” พลหลบแทบไม่ทัน ทั้งคู่คุ้นเคยกันมานาน อายุเท่ากัน แต่พลติดเรียกตามพี่ ๆ น้อง ๆ พลมองดูน้าวิว ร่างเล็กบาง ผิวขาวเนียน
ผมตัดเป็นทรงบอบสั้น ดวงเนตรสไลด์ผมด้านหน้าให้ซะสวย ไม่หนาเกินไป ใบหน้ากลมมีลักยิ้ม มองดูก็น่ารักดีนะ...พลคิด
“มองอะไรพล มีอะไรติดหน้าน้าวิวเหรอ”
“ไม่มีครับ แต่ดูหน้าตาสดใสนะครับ” เขาเฉไฉ
“น้าวิวว่าทุกคนดูสดใสเพราะหมดทุกข์กันซะที น่าสงสารทั้งคู่เลย แต่หนอยนี่มันยังแสบเหมือนเดิม บอกให้มันนอนดี ๆ มันตอบ...ครับอย่าง
เดียวแต่ดึงหมอนดวงเนตรมาซบจนชิด” เสียงเล่า ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน ทั้งสงสารทั้งหมั่นไส้ เธอสะกิดให้ไปจ่ายเงิน แล้วมา
รอตรงทางออก เครื่องลงจอดแล้ว
“ลุงหมอทางนี้ค่ะ” น้าวิวเรียกเสียงดัง ลุงหมอและป้าสุรีย์เดินออกมาหน้าตาแจ่มใส ยื่นตั๋วให้พลไปรับกระเป๋าที่ราง
“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า”
“เป็นอย่างไรบางวิว” ป้าสุรีย์ถาม
“สบายดีค่ะ เพิ่งสบายใจกันเมื่อวานที่หนอยโผล่ออกมาจากรู ไล่หากันแทบแย่เลยค่ะ หนักมากกว่าคนอื่นก็ดวงเนตรนั่นแหละผอมไปเยอะ
เลยค่ะ ได้กระเป๋าแล้วไว้ไปคุยต่อที่บ้านดีกว่านะคะ เชิญทางนี้ค่ะ” เธอเดินนำมายังที่จอดรถมีพี่พลเข็นรถตามมา
ดวงเนตรค่อย ๆ ลุกขึ้นเธอรูสึกตัวหลังจากที่น้าวิวปิดประตูแล้วออกไปกับพี่พล หนอยกลิ้งลงไปนอนหงายแล้วหลับต่อ เธอเอาผ้าห่มมาคลุม
ให้ แล้วเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จหนอยก็ตื่นพอดี “ทำไมไม่ปลุกผมล่ะครับ” พูดแล้วบิดเอาตัวขี้เกียจออก
“ลุกเถอะค่ะ เรานอนเพลินเลย พี่หน่อยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรอที่บ้านพี่ภัทรนะคะ เนตรจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปไม่ไกล
หรอกค่ะ กลับมาจะได้เตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนนะคะ”
“ครับ ขับรถดี ๆ นะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปเจอเจ้าของพอดี “Hi! มิสเตอร์ทอม สบายดีไหมค่ะ”
“ครับ...มาซื้อของแต่เช้าเลยวันนี้”
“ค่ะ เรามีแขกมาเยี่ยม”
“โอเค เลือกของตามสบายนะ”
ดวงเนตรหยิบจับของที่ต้องการครู่เดียวก็ครบ เธอไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วขับรถกลับมา
หนอยยืนรออยู่ได้สักพักแล้ว เขาช่วยเอาของ บางส่วนไปเก็บตามที่ดวงเนตรบอกในบ้าน ดวงเนตรได้ถุงที่จะทำอาหารเช้าแล้ว
“พี่หนอยคะที่เหลือเอามาที่บ้านพี่ภัทรนะคะ”
“ครับ ฮือ! น่ารักใช้งานคนก็เก่งอีก” เขายิ้ม ดูเหมือนท้องฟ้าที่มัวหม่นเริ่มทอแสงจ้าอีกครั้งแม้จะนานแสนนานในความรู้สึกของทั้งสอง
ดวงเนตรเริ่มเอาของที่ทำเสร็จแล้วมาเรียงไว้ที่เคาน์เตอร์ เสียบหม้อต้มกาแฟ ถาดขนมแซนวิชแฮมและชีส อีกถาดเป็นส้มฟลอริด้ารสหวานเจี๊ยบ
เปรี้ยวได้ใจ ช่วงนี้กำลังออกและอร่อยมาก ดวงเนตรล้างสะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นแนวยาวลูกละหกชิ้น เรียงไว้น่ากิน โถแก้วใหญ่ใส่น้ำแครนเบอรี่
น้ำส้ม และน้ำเปล่า เรียงตามกันมา ตบท้ายแถวด้วยแก้วกาแฟและจานเสิร์ฟ หนอยเป็นลูกมือช่วยเอาออกมาเรียงตามที่ดวงเนตรบอก พี่ภัทรฝาก
บอกผู้ใหญ่ทั้งสองว่าจะกลับมาพร้อมมาเรียประมาณสี่โมงเย็น
ดวงเนตรชวนพี่หนอยและดอกเตอร์แฮรี่ลงมาชมสวนข้างล่าง “ถ้าอาจารย์หิวก็ทานก่อนแล้วค่อยลงไปก็ได้นะคะ”
“ไม่หรอก เพราะบางทีมีงานมาก ๆ ก็รวบเป็นมื้อเที่ยงมื้อเดียวเลยแนทรู้ดี”
“ใช่ครับอาจารย์ห่วงการสอน และงานวิจัยถึงไม่ยอมอ้วนซักที” เขาแหย่ดอกเตอร์แฮรี่
“ถ้าอยากให้ฉันอ้วนเธอก็ให้นิคกี้มาดูแลฉันสักเดือนสิ” ดอกเตอร์แฮรี่แหย่กลับ
“แหมขออะไรไม่ขอมาขอกล่องดวงใจผม อันนี้คงต้องตอบปฏิเสธแล้วครับท่าน” ทั้งสามคนหัวเราะเรื่องที่แย่กันไปกันมา พี่หนอยได้ยิน
เสียงดวงเนตรหัวเราะด้วย นานมากแล้วที่เฝ้าใฝ่หา เขามองเธอข้ามหัวดอกเตอร์แฮรี่อย่างไม่เกรงใจ ตามองสบกันจนดอกเตอร์เอ่ยว่า
“จะให้ผมกลับไปนั่งรอก่อนดีไหม มองนิคกี้อย่างกับจะให้หายเข้าไปในดวงใจเลยนะแนท” พี่หนอยยิ้มรับกับความรู้สึกว่างเปล่าโหวงเหวงค่อย ๆ
ถูกเติมเต็มทีละน้อยอย่างช้า ๆ
ทั้งสามมาหยุดที่สวนหย่อมของดวงเนตร “โอ้! นี่ฝีมือนิคกี้เหรอ”
“ค่ะ...พอไหวไหมคะ”
“ไม่แค่พอไหวนะ สวยมากต่างหาก มันกลมกลืนกันอย่างลงตัว ดูนี่สิเขาชี้ไปที่ต้นองุ่นที่เลื้อยพันไปจนทั่วไม้ระแนง แถมยังมีช่อองุ่นพวง
ใหญ่ออกมาอวดให้เห็นอีก
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (58)...ในอ้อมกอดแห่งรัก
ทั้งสามคนแยกกลับมาที่บ้านดวงเนตร ครู่หนึ่งพี่พลก็หอบเครื่องนอนลงมาให้ น้าวิวบอกให้วางไว้บนโต๊ะใต้ต้นเมเปิลก่อน
“พรุ่งนี้จะให้ไปรับลุงหมอด้วยไหม”
“ไปไหวไหมครับ”
“ไปได้สิ...สักเจ็ดโมงค่อยออกดีไหม”
“ครับ”
หนอยเข้ามาในห้อง “เอ! เนตรมีคนอยู่ด้วยเหรอครับ” น้าวิวเข้ามาได้ยินพอดี
“เขามีแฟนใหม่แล้ว แต่หล่อไม่เท่าหนอย”
“ใครกล้าครับน้าวิว” หนอยถามเสียงกวน ๆ ดวงเนตรยิ้ม แล้วเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ข้าวของของเขาทุกชิ้นถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นการบูร
หอมเย็นชื่นใจภายในตู้ เขาเห็นแม้แต่ดอกกุหลาบที่เก็บไว้ในลังของเขา ดวงเนตรก็เก็บเอามาด้วยและนำมาตกแต่งไว้ในตะกร้าสานอย่างสวยงาม
ภายในห้องน้ำมีของใช้ส่วนตัวของหนอยอยู่ครบ ไม่เว้นแม้แต่แปรงสีฟันที่เสียบไว้ในแก้วใส
“ดวงเนตร” พี่หนอยเรียกชื่อเธอด้วยเสียงอ่อนโยนและอบอุ่น
“ไม่มีแม้เพียงวันเดียวที่เนตรจะไม่คิดถึงพี่หนอย” เธอเดินตามมา และพูดขึ้น
“เอาล่ะ ๆ ให้พี่หน่อยไปอาบน้ำก่อนชุดนอนก็มี ไป ๆ ”
“งั้นผมนอนที่นี่นะครับ” เสียงอ้อนกับสภาพของหนอย น้าวิวจะปฏิเสธได้อย่างไร
“พี่หนอยแค่เช็ดตัวหมอไม่ให้อาบน้ำ เพราะกลัวน้ำเข้าตา พี่หนอยไปสระผมที่ร้านอาทิตย์ละสองครั้ง”
“เอาเถอะไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน พรุ่งนี้มีเวลาจะให้ดวงเนตรสระให้ดีไหมจ๊ะ” น้าวิวหันมาขอความเห็น จากความทุกข์ที่หนอย
ผ่านมันมาอย่างยากเย็นกับความรักที่เธอมีให้น้องชายคนนี้ ใครเห็นก็อดสงสารทั้งคู่ไม่ได้ น้าวิวใจอ่อนและแทบใจสลายนับจากเกิดเหตุการณ์
“ได้ค่ะ”
ทุกคนเตรียมพร้อมจะเข้านอน “น้าวิวนอนบนเตียงนะคะ” หนอยกำลังปูฟูกอยู่
“เนตรนอนข้างล่างได้”
“จ้ะ ๆ มันน่าตีนักทั้งคู่แหละ” แล้วเธอก็โยนหมีลงมาสองตัว
“ห้ามข้ามเขต O.K!”
“ครับผม” ดวงเนตรลุกไปปิดไฟดวงใหญ่ เปิดไว้เฉพาะไฟดวงเล็กหน้าห้องน้ำ ทุกคนสวดมนต์เสร็จก็ล้มตัวลงนอน หนอยเหยียดแขนออก
ไปดึงหมอนดวงเนตรเข้ามาแล้วโอบเธอไว้ในวงแขน
“อะแอ้ม...เกรงใจฉันบ้างนะ”
“คร้าบ” หนอยตอบยิ้มอยู่ในความมืด แล้วกระชับวงแขนเข้ามาอีก อกนั่นอบอุ่นนักกลิ่นหอมจางที่คุ้นเคยและเฝ้าคอยหา ดวงเนตรชุกตัวแล้ว
หลับตาลงอย่างมีความสุข หนอยก้มลงจูบที่หน้าผากแล้วทั้งคู่ก็หลับไป
น้าวิวและพี่พลลุกขึ้นแต่เช้าและออกรถไปแล้ว ดวงเนตรกับพี่หนอยหลับสนิทเป็นเพราะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ก่อนที่จะออกไป...เธอยืน
ดูภาพนั้นอย่างมีความสุข หนอยนอนงอตัวตะแคงซ้าย ดวงเนตรหลับซบอยู่ในอ้อมแขน
“คิดอะไรอยู่ครับ” พลถามขึ้น ขณะรถเคลื่อนตัวออกจากบ้าน
“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย”
“อย่าคิดมากนะครับเดี๋ยวแก่ไว” น้าวิวมองแล้วค้อนให้ แต่พี่พลยิ้มชอบใจ
เดินรอคุณลุงคุณป้ากันได้ครู่หนึ่ง พี่พลชวนไปดื่มกาแฟที่ร้านตรงหัวมุมในแอร์พอร์ท
“ที่ร้านนี้เขามีกาแฟอร่อย หอมดี ราคาก็ไม่แพง” ทั้งคู่มานั่งในร้าน พลสั่งกาแฟให้
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับน้าวิว”
“สบายกะผีน่ะสิ ต้องคอยตื่นมาดูน้องสาวฉัน”
“หนอยเขารังแกน้องหนูเหรอครับ”
“แหม ๆ เดี๋ยวนี้เริ่มพูดคล่องเป็นร่องน้ำไหลแล้วนะ ใครสอนนะอยากรู้จัง แต่ก่อนเห็นพูด...ครับหรือไม่ก็ครับผม”เธอว่าให้ พี่พลได้แต่ยิ้ม
“เปล่าเขาแค่นอนซบกันเห็นแล้ว...”
“อิจฉาเหรอครับ ถ้างั้นคงได้เวลาน้าวิวหาแฟนใหม่ได้แล้วมังครับ” น้าวิวหน้าแดง
“บ้า” ฟาดเพี้ยะที่แขนพล
“มือไวจริง ๆ ” พลหลบแทบไม่ทัน ทั้งคู่คุ้นเคยกันมานาน อายุเท่ากัน แต่พลติดเรียกตามพี่ ๆ น้อง ๆ พลมองดูน้าวิว ร่างเล็กบาง ผิวขาวเนียน
ผมตัดเป็นทรงบอบสั้น ดวงเนตรสไลด์ผมด้านหน้าให้ซะสวย ไม่หนาเกินไป ใบหน้ากลมมีลักยิ้ม มองดูก็น่ารักดีนะ...พลคิด
“มองอะไรพล มีอะไรติดหน้าน้าวิวเหรอ”
“ไม่มีครับ แต่ดูหน้าตาสดใสนะครับ” เขาเฉไฉ
“น้าวิวว่าทุกคนดูสดใสเพราะหมดทุกข์กันซะที น่าสงสารทั้งคู่เลย แต่หนอยนี่มันยังแสบเหมือนเดิม บอกให้มันนอนดี ๆ มันตอบ...ครับอย่าง
เดียวแต่ดึงหมอนดวงเนตรมาซบจนชิด” เสียงเล่า ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน ทั้งสงสารทั้งหมั่นไส้ เธอสะกิดให้ไปจ่ายเงิน แล้วมา
รอตรงทางออก เครื่องลงจอดแล้ว
“ลุงหมอทางนี้ค่ะ” น้าวิวเรียกเสียงดัง ลุงหมอและป้าสุรีย์เดินออกมาหน้าตาแจ่มใส ยื่นตั๋วให้พลไปรับกระเป๋าที่ราง
“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า”
“เป็นอย่างไรบางวิว” ป้าสุรีย์ถาม
“สบายดีค่ะ เพิ่งสบายใจกันเมื่อวานที่หนอยโผล่ออกมาจากรู ไล่หากันแทบแย่เลยค่ะ หนักมากกว่าคนอื่นก็ดวงเนตรนั่นแหละผอมไปเยอะ
เลยค่ะ ได้กระเป๋าแล้วไว้ไปคุยต่อที่บ้านดีกว่านะคะ เชิญทางนี้ค่ะ” เธอเดินนำมายังที่จอดรถมีพี่พลเข็นรถตามมา
ดวงเนตรค่อย ๆ ลุกขึ้นเธอรูสึกตัวหลังจากที่น้าวิวปิดประตูแล้วออกไปกับพี่พล หนอยกลิ้งลงไปนอนหงายแล้วหลับต่อ เธอเอาผ้าห่มมาคลุม
ให้ แล้วเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จหนอยก็ตื่นพอดี “ทำไมไม่ปลุกผมล่ะครับ” พูดแล้วบิดเอาตัวขี้เกียจออก
“ลุกเถอะค่ะ เรานอนเพลินเลย พี่หน่อยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรอที่บ้านพี่ภัทรนะคะ เนตรจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปไม่ไกล
หรอกค่ะ กลับมาจะได้เตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนนะคะ”
“ครับ ขับรถดี ๆ นะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปเจอเจ้าของพอดี “Hi! มิสเตอร์ทอม สบายดีไหมค่ะ”
“ครับ...มาซื้อของแต่เช้าเลยวันนี้”
“ค่ะ เรามีแขกมาเยี่ยม”
“โอเค เลือกของตามสบายนะ”
ดวงเนตรหยิบจับของที่ต้องการครู่เดียวก็ครบ เธอไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วขับรถกลับมา
หนอยยืนรออยู่ได้สักพักแล้ว เขาช่วยเอาของ บางส่วนไปเก็บตามที่ดวงเนตรบอกในบ้าน ดวงเนตรได้ถุงที่จะทำอาหารเช้าแล้ว
“พี่หนอยคะที่เหลือเอามาที่บ้านพี่ภัทรนะคะ”
“ครับ ฮือ! น่ารักใช้งานคนก็เก่งอีก” เขายิ้ม ดูเหมือนท้องฟ้าที่มัวหม่นเริ่มทอแสงจ้าอีกครั้งแม้จะนานแสนนานในความรู้สึกของทั้งสอง
ดวงเนตรเริ่มเอาของที่ทำเสร็จแล้วมาเรียงไว้ที่เคาน์เตอร์ เสียบหม้อต้มกาแฟ ถาดขนมแซนวิชแฮมและชีส อีกถาดเป็นส้มฟลอริด้ารสหวานเจี๊ยบ
เปรี้ยวได้ใจ ช่วงนี้กำลังออกและอร่อยมาก ดวงเนตรล้างสะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นแนวยาวลูกละหกชิ้น เรียงไว้น่ากิน โถแก้วใหญ่ใส่น้ำแครนเบอรี่
น้ำส้ม และน้ำเปล่า เรียงตามกันมา ตบท้ายแถวด้วยแก้วกาแฟและจานเสิร์ฟ หนอยเป็นลูกมือช่วยเอาออกมาเรียงตามที่ดวงเนตรบอก พี่ภัทรฝาก
บอกผู้ใหญ่ทั้งสองว่าจะกลับมาพร้อมมาเรียประมาณสี่โมงเย็น
ดวงเนตรชวนพี่หนอยและดอกเตอร์แฮรี่ลงมาชมสวนข้างล่าง “ถ้าอาจารย์หิวก็ทานก่อนแล้วค่อยลงไปก็ได้นะคะ”
“ไม่หรอก เพราะบางทีมีงานมาก ๆ ก็รวบเป็นมื้อเที่ยงมื้อเดียวเลยแนทรู้ดี”
“ใช่ครับอาจารย์ห่วงการสอน และงานวิจัยถึงไม่ยอมอ้วนซักที” เขาแหย่ดอกเตอร์แฮรี่
“ถ้าอยากให้ฉันอ้วนเธอก็ให้นิคกี้มาดูแลฉันสักเดือนสิ” ดอกเตอร์แฮรี่แหย่กลับ
“แหมขออะไรไม่ขอมาขอกล่องดวงใจผม อันนี้คงต้องตอบปฏิเสธแล้วครับท่าน” ทั้งสามคนหัวเราะเรื่องที่แย่กันไปกันมา พี่หนอยได้ยิน
เสียงดวงเนตรหัวเราะด้วย นานมากแล้วที่เฝ้าใฝ่หา เขามองเธอข้ามหัวดอกเตอร์แฮรี่อย่างไม่เกรงใจ ตามองสบกันจนดอกเตอร์เอ่ยว่า
“จะให้ผมกลับไปนั่งรอก่อนดีไหม มองนิคกี้อย่างกับจะให้หายเข้าไปในดวงใจเลยนะแนท” พี่หนอยยิ้มรับกับความรู้สึกว่างเปล่าโหวงเหวงค่อย ๆ
ถูกเติมเต็มทีละน้อยอย่างช้า ๆ
ทั้งสามมาหยุดที่สวนหย่อมของดวงเนตร “โอ้! นี่ฝีมือนิคกี้เหรอ”
“ค่ะ...พอไหวไหมคะ”
“ไม่แค่พอไหวนะ สวยมากต่างหาก มันกลมกลืนกันอย่างลงตัว ดูนี่สิเขาชี้ไปที่ต้นองุ่นที่เลื้อยพันไปจนทั่วไม้ระแนง แถมยังมีช่อองุ่นพวง
ใหญ่ออกมาอวดให้เห็นอีก