หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (31)...ยามนี้ที่ห่างไกล

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (31)...ยามนี้ที่ไกลบ้าน
 
             ดวงเนตรมาเคาะประตูเรียกน้าวิวตอนทุ่มตรง
             “เข้ามาเลยเนตร น้าไม่ได้ล็อก”
            “น้าวิวทำอะไรอยู่ค่ะ”
            “กำลังเก็บห้อง เห็นห้องตัวเองกับห้องเนตรแล้วอายจัง”      
            “ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เราเพิ่งสอบกันเสร็จนี้ค่ะ แค่เรียนก็แย่แล้ว”
            “เหนื่อยมากไหมจ๊ะ”
            “ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ได้พักก็หายเหนื่อยแล้ว อีกอย่างถ้าท้อก็เอาจดหมายเตี่ยแม่ และน้อง ๆ มาอ่านก็ชื่นใจแล้วค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้ม
            “ดวงเนตรเองก็เก่งแถมมีตัวช่วยด้วย ยังไงก็เอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปฝากเตี่ยดีไหม”
            “ส่วนของหนอยเขานอนมาอยู่แล้ว เห็นเล่นบ้างเรียนบ้าง น้าวิวว่า...มันไปขอเกรดจากอาจารย์รึเปล่า”
            “มีเหรอคะขอเกรดได้  น้าวิวพูดเล่นแน่ ๆ ”
            “อย่างหนอยเขาทั้งเก่งทั้งฉลาด ขั้นเทพเลยนะ” น้าวิวออกความเห็นอย่างภูมิใจ ดวงเนตรมองแล้วยิ้ม ถ้าอยู่กันตามลำพังส่วนใหญ่เธอ
จะเล่าแต่ข้อดีของพี่หนอยให้ฟังบ่อย ๆ น้องรักที่น่าชังของน้าวิว
            “เมื่อคราวก่อน ที่เตี่ยโทรมากว่าเนตรจะมารับตั้งเกือบสิบนาที่แน่ะ เสียดายตังค์จัง”
            
            “ระหว่างที่รอ...เตี่ยเขาคุยกับน้าเอง ฝากให้ช่วยดูแลสั่งสอนด้วย เตี่ยรักเนตรมากจริง ๆ นะ แถมยังถามละเอียดยิบเลยเรื่องของหนอย น้าบอก
เตี่ยไปว่าไม่ต้องห่วงเพราะหนอยเป็นคนดี และทั้งสองคนอยู่ในสายตาน้าวิวตลอด ในบรรดาผู้ชายที่สนิทด้วยมีหนอยกับพี่พล เป็นผู้ชายที่มีความ
รับผิดชอบ มีวินัย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ที่มีดีก็สองคนนี้แหละนอกนั้นไม่ได้เรื่อง”
            “อ้าว! มา ๆ โทรหาเตี่ยดีกว่าป่านนี้รอโทรศัพท์แย่แล้ว” เธอโทรหาเตี่ยซึ่งตรงกับเวลาเมืองไทยประมาณ เจ็ดโมงเช้า
            “เตี่ยจ๊ะ เนตรพูดนะ” ถ้าเตี่ยดีใจเรื่องอะไรก็ตามเตี่ยจะมีอาการติดอ่าง ดวงเนตรรู้จักเตี่ยดี
            “เนตร ๆ เป็น ๆ อย่างไรบ้าง” เนตรรู้ว่าเตี่ยดีใจที่ได้ยินเสียงเธอ
            “เทอมนี้เนตรได้เอทุกวิชาเลยจ้ะเตี่ย”
            “เก่งมากลูก แต่อย่าหักโหมเกินกำลังเดี๋ยวไม่สบายจะลำบากนะ”
            “กินอยู่อย่าประหยัดเกิน เตี่ยมีเงินส่งให้เนตรได้เข้าใจไหม” เตี่ยพูดอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่เล็กมาแล้วดวงเนตรไม่เคยขออะไรจาก
เตี่ยเลยและจะประหยัดมาก บ่อยครั้งเตี่ยให้รื้อเอาเสื้อตัวเก่าของลูกสาวทิ้งและหาเสื้อสวย ๆ มาให้ และบอกแม่ว่าลูกโตขึ้นทุกวันจนเป็นสาวแล้ว
ต้องให้เขาแต่งตัวให้เหมาะสม  เสียงเตี่ยดังมาตามสายอีก
            “คราวที่แล้วเตี่ยได้คุยกับน้าวิว และฝากให้ดูแลเนตรให้ด้วย”  
            “ค่ะเตี่ย พี่ ๆ และน้าวิวดูแลเนตรอย่างดี เตี่ยไม่ต้องห่วงนะคะ”
            “ได้ยินอย่างนี้เตี่ยก็เบาใจ แล้วเพื่อนของหนูที่ชื่อหนอย เขาเป็นใครล่ะ...เป็นคนไทยหรือคนจีน”
            “คนจีนจ้ะเตี่ย เตี่ยของพี่หนอยเขาทำโรงกลึงใหญ่มากอยู่แถวฝั่งธนฯ จ้ะ ทางบ้านพี่หนอยเขาก็รู้ว่าเราคบกันอยู่” เสียงเตี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง
เตี่ยคิด ‘จริงซินะ ดวงเนตรไม่ใช่เด็กเล็กๆ อีกแล้ว ลูกสาวเราปีนี้เข้ายี่สิบห้าปีเต็ม ช่างเร็วเหลือเกิน’
            “ดวงเนตร...ลูกต้องทำตัวดี ๆ อย่าให้ใครเขาว่าได้ หนูเข้าใจที่เตี่ยพูดใช่ไหม”
            “ค่ะ เตี่ยไม่ต้องห่วง เนตรจะไม่ทำให้เตี่ยผิดหวังและเสียใจค่ะ”
            “แม่ และน้อง ๆ สบายดีทุกคน  ได้โทรหาน้องบ่อย ๆ หรือเปล่าลูก”
            “เนตรโทรไปบ่อยค่ะ”
            “เงินสำหรับลงทะเบียนเตี่ยส่งไปให้แล้วนะ”
            “ขอบคุณค่ะ เตี่ยเหนื่อยไหม” เพียงคำถามเดียวแต่ทุกครั้งที่ถาม ผลก็คือน้ำตาเปรอะหน้าดวงเนตรทุกที แม้รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งแต่ดวงเนตร
ก็ต้องถามทุกครั้งอย่างเป็นห่วง เสียงที่แผ่วลงของเตี่ยคล้ายจะสะอื้น ทำให้เตี่ยต้องโอนสายให้แม่ เตี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ น้ำตาเตี่ยไหลเพราะคำถาม ๆ
มาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงสุขภาพเตี่ยก็รู้  แม่มารับสายแทน
            “เนตรพอแค่นี้ก่อนนะ หน้าร้านกำลังยุ่ง” แม่ตัดบท
            “ค่ะ”
            
            น้ำตายังไม่หยุดไหล ตราบที่ดวงเนตรยังคิดห่วงเตี่ย ยิ่งการค้าที่ร้านดีขึ้น เตี่ยยิ่งต้องเหนื่อยมากขึ้น เธอเห็นเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อน
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทุกปิดภาคเรียนฤดูร้อน...ทั้งเตี่ยและลูกสาวกับกระติกน้ำใบใหญ่ เข้าไปเช็กของที่โกดังตั้งแต่เช้าจนเย็น สองสามวันถึงเสร็จ
กลับบ้านมาตัวมอมแมมด้วยกันทั้งคู่ ทุกบาทคือหยาดเหงื่อของเตี่ยทั้งสิ้น
             แต่เตี่ยไม่เคยผิดหวังกับลูก ๆ เลย น้องสองคนกำลังเรียนหมอ อีกคนเรียนเทคนิคการแพทย์และคนสุดท้องเพิ่งสอบติดวิศวะฯ พระจอมเกล้าลาดกระบัง คนทั้งตลาดนับถือเตี่ยมาก เพราะเตี่ยเป็นคนโอบอ้อมอารี อ่อนน้อม และช่วยเหลือพ่อค้าด้วยกันเสมอ เตี่ยจะภูมิใจมากเมื่อมีคนชื่นชมใน
ตัวลูก ๆ ของเตี่ย และทุกคนในตลาดมักบอกลูกหลานตัวเองให้ดูลูกเตี่ยเป็นแบบอย่าง

            ความคิดของดวงเนตรกลับมาอีกครั้งเมื่อน้าวิวที่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ เป็นเพื่อน ส่งกระดาษทิชชูอีกแผ่นหนึ่งให้ เธอซับน้ำตาจนแห้ง
            “ขอบพระคุณค่ะน้าวิว” เธอเอ่ยขึ้นและขอตัวกลับห้อง เจ๊ใหญ่นั่งได้พักใหญ่ จึงมีเสียงเคาะประตู แล้วหนอยก็ยื่นหน้าเข้ามาทันเห็นน้าวิว
ซับน้ำตา
            “ดวงเนตรเพิ่งกลับไปหรือครับ” เธอพยักหน้า
            “ไปดูเขาหน่อยไป๊! ”
 
            หนอยไม่เคาะประตูห้อง แต่เปิดเข้าไปเฉย ๆ ดวงเนตรคู้ตัวกอดหมีอยู่ยังมีเสียงสะอื้นเบา ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความผูกพันของ
พ่อลูกคู่นี้ไม่มีจางหายไป ยังคงเกาะแน่นอยู่ในใจทั้งสองดวง หนอยนั่งลงบนขอบเตียง เอามือเสยผมเธออย่างอ่อนโยน ดวงเนตรยกศีรษะขึ้นมาหนุน
ตักเขา หนอยยกตัวดวงเนตรขึ้นมากอดแนบอก

            หิมะหยุดตกแล้ว  ส่วนที่เหลือเมื่อกระทบกับแสงแดดจะค่อย ๆ ละลายหายไปจนหมด ช่วงนี้การเดินทางด้วยเท้าจะลำบากเพราะมันลื่นมาก
อากาศเย็นขึ้นกว่าช่วงหิมะตก แผ่นน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนพื้นเป็นตัวเพิ่มความเย็น  สุดท้ายแล้วแผ่นน้ำแข็งก็ละลายหายไปกับแสงตะวัน ดวงเนตรคลุกตัว
อยู่ในห้องมาสองวันแล้ว เธอกำลังยุ่งอยู่กับการจัดแต่งบูเค่ดอกไม้แห้ง (พวงดอกไม้แห้งผูกโบว์เขียวแดงในช่วงคริสต์มาส ติดไว้หน้าบ้านทุกหลัง)
            “พี่หนอยคะช่วงนี้เนตรทำบูเค่เพลินเลย  ถ้าพี่หนอยอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไปนะคะ ไม่ต้องห่วงเนตร”
            “เนตรเชื่อไหมครับไอ้พวกเฮาส์เมท มันว่าพี่ไปโดนทำเสน่ห์แน่ ๆ เพราะไม่เคยเห็นพี่อยู่ที่ไหนได้นานสักที มีแต่ร่อนไปร่อนมา”
            “เหมือนพ่อพวงมาลัยเหรอคะ”
            “ไม่ใช่...พี่ไม่ใช่เด็กเดินขายพวงมาลัยอยู่ตามสี่แยกนะ”
            “บ้า! เนตรแค่เปรียบให้ฟังค่ะ”             

            หลังสอบเสร็จ มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาหายไปสองวัน ไปตามโครงการวิจัยที่ทำร่วมกับอาจารย์และทำธุระส่วนตัวซึ่งดวงเนตรไม่เคยถามเพราะ
เธอคิดว่าถ้าเขามีเรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าอยากเล่าก็เล่าไม่อยากก็ไม่เป็นไร ดวงเนตรเคยพูดกับพี่หนอยว่า
            “แม้เราจะรักกันปานจะกลืน ก็ต้องมีช่องว่างให้แก่กัน มีมุมและชีวิตส่วนตัว โดยที่อยากจะพักผ่อนตามรูปแบบที่ตัวเองชอบก็ทำได้ ตัวดวงเนตร
เองก็มีมุมของตัวเอง ถึงมีพี่หนอยด้วย แต่ถ้าจะเข้ามุมนั่งเงียบ ๆ ก็เป็นสิทธิของตน ไม่งั้นเราจะรู้สึกว่าเราถูกมัดให้อยู่ด้วยกัน มันอึดอัดนะคะ แล้วเราจะ
รู้สึกว่าเราเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ความรักช่วงแรก ๆ มันคือความหวานชื่น มันเป็นความฝันที่เราไม่อยากลืมตาตื่น เพราะกลัวว่ามันจะจางหายไป
แต่สุดท้ายคู่ที่อยู่รอดได้คือคู่ที่แบ่งเขต แบ่งหน้าที่ พูดคุยทำความเข้าใจกันได้ทุกเรื่องมากบ้างน้อยบ้าง และเป็นเพื่อนชีวิตที่ดีต่อกันจนวันสุดท้าย”  
            “สาธุ  จะลงจากธรรมมาสน์หรือยังขอรับ” หนอยแหย่ ดวงเนตรค้อนให้แล้วพูดต่อ
            “พี่หนอยมีอะไรก็ต้องพูดนะคะ เราจะได้ปรับตัวกันได้ หากเรารับกันไม่ได้คงไปไม่รอด”
            “ดวงเนตรพูดมาทั้งหมดเหมือนคนเคยแต่งงานเลย”
            “อันแรกคือประสบการณ์ที่ดูแลน้องตอนพวกเขาเล็ก ๆ เราก็ดูแลเขาอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเขาโต...เขาก็ต้องการมีมุมของตัวเอง เนตรเปิดตำรา
เลี้ยงน้องเลยนะ หนังสือจิตวิทยาหลายเล่มเลย ขนาดลงวิชาเลือกจิตวิทยายังได้Aมาเลยค่ะ” เธอเล่าถึงน้องครั้งใด ดวงตาจะทอแสงแห่งความสุข
มันเป็นความทรงจำที่ดีที่จะอยู่กับดวงเนตรตลอดไป
            “ส่วนเรื่องที่สองก็มีเพื่อนบางคนตอนอยู่มหาวิทยาลัยรักกันมาก พอแต่งงานแล้วก็เลิกเพราะปัญหา แบ่งปันส่วนชีวิตร่วมกันไม่ลงตัว”เธอพูด
ต่อ
             “พี่หนอยว่าเราอยู่ใกล้กันก็จริง แต่เนตรไม่เคยเข้ามาวุ่นวายกับพี่เลยนอกจากดูกีฬา ถ้าดวงเนตรชอบก็เห็นมานั่งลุ้นด้วยทุกที ไม่งั้นก็เสียบ
หูฟังเพลงแล้วทำอะไรไปตามเรื่องที่ชอบ พี่หนอยเบื่อเมื่อไรแล้วจะบอกนะจ๊ะ”
            “ค่ะ” 
 
            ก่อนหิมะจะตกลงอีกพี่น้อยชวนไปดูยาร์ดเซล คราวนี้หนอยไปเจอเบาะหนาไว้ปูพื้นนั่ง สี่น้ำตาลนวลเป็นลายขัดเล็ก ๆ เหมือนลายเสื่อ และได้
หมอนอิงมาสองใบ ดวงเนตรเอาของใช้มาทำความสะอาดจนพี่หนอยตั้งฉายาใหม่ให้เธอว่าคุณนายสะอาด เธอหาปลอกหมอนอิงลายสกอตสีครีมตัด
ด้วยสีน้ำตาลอ่อน ครั้งนั้นดวงเนตรได้ตะกร้าสานใบใหญ่มาใส่อุปกรณ์ และสิ่งต่าง ๆ ในการทำบูเค่และงานฝีมือด้วย...ถูกใจนัก
             หนอยเอาเบาะยาวปูระหว่างตู้เย็นเล็กและโต๊ะเขียนหนังสือเข้าที่พอดี เครื่องมือ และอุปกรณ์พร้อมสรรพรวมอยู่ในตะกร้า เขาชงชานมร้อน  
มาสองแก้ว
            “พักก่อนดีกว่านะครับคุณหนู นี่ก็ได้ตั้งหลายอันแล้ว”
            “ค่ะ”  บ่อยครั้งที่เขาชอบนั่งดูหญิงสาวทำสิ่งประดิษฐ์หลาย ๆ อย่าง แล้วแต่จะจำมาจากรายการทีวี หรือหนังสือ มือเรียวขาวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว บูเค่แต่ละอันมีลวดลายสวยงามไม่เหมือนกัน
            “สวยมมากครับเนตร ดูรายการจากทีวีอีกแล้วสิ ”
            “เฮ้อ! มีอะไรที่ดวงเนตรคนนี้ทำไม่ได้บ้างนะ อ้อ! ต้องขับรถไม่ได้แน่”  
            “ผิด แง่ว ๆ ” ดวงเนตรทำเสียงล้อเลียน
            “เนตรขับยานพาหนะได้ทุกอย่างยกวันเครื่องบิน แล้วก็มีใบขับขี่อินเตอร์ด้วยนะคะ” ดวงเนตรยิ้มยั่วตาเป็นประกายสวย เตี่ยบอกว่าดวงเนตร
เป็นลูกคนโตต้องพึ่งพาตัวเองให้มาก
            “เอาไว้ซัมเมอะ...ฤดูร้อนหน้า ถ้าไม่ได้ลงเรียนอะไร ชวนกลุ่มพี่ ๆ เช่ารถไปเที่ยวกันดีไหมคะ"
            “ตกลงครับ” พี่หนอยดึงจมูกโด่งของดวงเนตรเล่น
            “อย่าดึงค่ะเดี๋ยวยาวเป็นพินอคคิโอนะ” เสียงโวยวาย เธอทำต่อจนเที่ยงบูเค่ทั้งเจ็ดอันเสร็จเรียบร้อย
 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่