หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (44)...หนึ่งความหวังยังดีกว่าร้อยความสิ้นหวัง
ดวงเนตรถอยหลังไปนั่งรวมกับกลุ่มคนไม่ไกลจากรั้วที่กั้นอยู่ พี่พลหายไปเกือบสองชั่วโมงกลับมา เดินตรงมาที่ดวงเนตรก่อน
“ดวงเนตรพี่พลซื้อนมกล่อง น้ำผลไม้ กับน้ำขวดมาเผื่อ กินอะไรซักหน่อยนะจะได้มีแรง อดทนไว้ดวงเนตรอดทนไว้” พี่พลพยายามให้กำลัง
ใจสาวน้อย พี่พลอดคิดถึงหนอยไม่ได้ เมื่อคราวที่ได้รับบาดเจ็บ เสียงหนอยยังก้องอยู่ในหู
“พี่พลอดทนไว้ พี่พลจะหายเป็นปกติแล้ว” พี่พลสูดลมหายใจลึก ๆ ได้แต่สวดอ้อนวอน‘พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดเมตตาด้วยเถิด’ พลเดินไปที่รั้ว
พี่ภัทรเดินกลับมาพร้อมลุงหมอ ดวงเนตรยืนฟังอยู่ข้างพี่พล
“ผมเจอดอกเตอร์แฮรี่ แกรู้สึกตัวแล้วอาการพ้นขีดอันตราย มีน่าห่วงตรงที่แกโดนไฟคลอกแขนเป็นแผลใหญ่ ขาข้างซ้ายหัก กรามหักด้วย
เลยต้องให้อาหารทางสายยางไปก่อน เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการยังสาหัสว่าเห็นหนอยพุ่งตัวตามลงมาขณะที่เครื่องระเบิด เขามารู้สึกตัวอีกที
ที่โรงพยาบาล และก็พยายามถามหาหนอย ด้วยความเป็นห่วงมาก เสียงเขาไม่แน่ใจเลยว่าหนอยจะออกมาทันก่อนการระเบิดรึไม่ ผมให้ดร.แฮรี่พัก
ให้สบายทางเรากำลังค้นหนอยอยู่”
คำว่าหนอยจะออกม่ทันก่อนเครื่องระเบิดหรือไม่ ช่างเจ็บปวดนักสำหรับสาวน้อย
พี่ภัทรอาศัยเส้นสายตามแกะรอยหนอยทุกที่ สองทุ่มแล้วอากาศเย็นจัดพี่ภัทรได้เวลาเปลี่ยนเวรเพื่อให้ชุดใหม่ที่จะค้นหาต่อไปว่ายังมีใคร
รอดชีวิตอีกบ้าง ทั้งหมดต้องกลับกันก่อนแล้วพรุ่งนี้จะได้ออกมาแต่เช้า การค้นหาผู้อาจรอดชีวิตเพราะเครื่องวิ่งไปสุดรันเวย์ซึ่งต่อเข้าเขตเนินเขา
และป่าไม้
รถขับกลับไปบ้านพี่ภัทร ดวงเนตรดึงเสื้อหนาวกระชับตัว ใจจะขาดรอน ๆ เมื่อนึกถึง...พี่หนอยคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง...พี่หนอยจะหนาวไหม
จะหิวไหม พี่หนอยเจ็บมากไหม...โอ้ดวงใจของดวงเนตร
******หัวใจน้องสลาย ละลาย เลือน ฟ้าเสมือน ร่ำไห้ ระโหยหา
ไม่ใยดี แจ่มจันทร์ พันดารา ปรารถนา เพียงแสง แห่งตะวัน
เคยแอบ แนบอิง พิงภักดิ์ สองรัก สมานหมาย ปลายทางฝัน
ลับตา ห่างร้างไกล หนใดกัน ใจหวาดหวั่น ผวา ครวญหาใจ******
เมื่อเข้าบ้านพี่ภัทรเรียบร้อยแล้ว พี่ภัทรเอ่ยปากเป็นการขอโทษลุงหมอกลาย ๆ
“บ้านคนโสดรกรุงรังหน่อยนะครับ มีห้องสองห้อง แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดเสร็จเมื่อวานนี้ครับ ลุงหมอจะนอนไหนดี”
“ห้องกลางนั้นห้องใหญ่ใช่ไหม” ลุงหมอถาม
“ครับผม”
“งั้นลุงว่าเรานอนรวมกันสามคนดีกว่ามีฟูกไหมล่ะ ดวงเนตรนอนฟูกนะลูก”
“ค่ะ” เสียงตอบแผ่วหาย
“หนูเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน เดี๋ยวลุงกับภัทรจะออกไปซื้ออาหารจีนมานะ”
“ค่ะลุงหมอ เนตรขอบพระคุณมากค่ะ”
เธอแยกไปอาบน้ำ คุณป้าสุรีย์ช่างใส่ใจนักช่วยจัดของมาให้มีครบทุกอย่าง...น้ำตาไหล เป็นบุญของเธอที่มีแต่คนดีคอยช่วยเหลือตลอดมา
ช่วงดวงเนตรอาบน้ำ ลุงหมอคุยกันสามคนว่าที่ต้องให้นอนรวมกัน เพราะลุงหมอเป็นห่วงดวงเนตรกลัวเธอจะคิดมากจนทำร้ายตัวเอง พี่พล
เห็นด้วยแต่เขาเอ่ยว่า
“ลุงหมอครับดวงเนตรดูอ่อนโยน อ่อนหวาน แต่ใจเธอก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง ผมเชื่ออย่างนั้น เรานอนรวมกันดีแล้วอย่างน้อยเธอจะได้รู้สึกอบ
อุ่นขึ้น”
“ลุงว่าพลน่ะรู้จักดวงเนตรดีกว่าใคร ไง ๆ ก็คนครอบครัวเดียวกันไม่ใช่ก็เหมือนใช่”
“ครับผม”
ภัทรมองดูออกแปลกใจแม้ไม่รู้จักดวงเนตรมากนัก ‘คนแวดล้อมเธอ มีแต่ความอาทรกับเธอมากน่าสนใจ’ภัทรนึกฉงน
หลังอาหารค่ำเสร็จแล้ว ดวงเนตรขอตัวไปพักผ่อน เธอเข้าห้องกราบพระ ล้มตัวลงนอน ดวงเนตรรู้สึกเพียงว่าใจมันกลวง เหน็บหนาวและ
ว้าเหว่ “เราต้องมีแรงที่จะค้นหาพี่หนอยต่อนอนซะเถิด” ดวงเนตรพูดกับตัวเอง เธอใช้สองแขนโอบกอดตัวเองไว้น้ำตาไหลจนหลับไป
การค้นหาวันที่สามสิ้นสุดลงไม่มีแม้วี่แววใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับพี่หนอย และหลายชีวิตที่ตายและสูญหาย เขาถูกบันทึกลงในกลุ่มบุคคล
ที่สูญหาย “ทุกอย่างจบแล้วครับลุงหมอเราทำเต็มที่แล้ว” ดวงเนตรมองหน้าพี่ภัทรเหมือนเป็นการต่อว่า...พูดง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้สูญเสีย
ทุกอย่างอาจจบแล้ว แต่สำหรับเธอมันกำลังจะเริ่มขึ้น
“พี่หนอยค่ะให้สัญญากับเนตรนะคะ ว่าจะไม่หายไปโดยไม่กล่าวลา” “ครับผม พี่หนอยจะไปไหนได้ ดวงใจพี่หนอยอยู่ที่นี่ไง”
หนอยชี้มาที่เสื้อดวงเนตรตรงกับหัวใจดวงนี้... นั่นคือสิ่งที่เธอยึดไว้มั่นในใจดวงนี้
“ไม่ว่าจะอีกนานเท่าไร แม้จนลมหายใจสุดท้ายของเธอ” คำพูดนี้คือสัญญาที่ดวงเนตรมั่นใจเหนือสิ่งใด ๆ วันที่ดวงเนตรจะกลับ ลุงหมอยื่น
นมแก้วใหญ่ให้หลังอาหารเช้า มองด้วยสายตาบังคับ
“เนตรดื่มให้หมดอย่าทำร้ายตัวเอง ทานได้ยิ่งมากยิ่งมีแรงนะ”
“ค่ะลุงหมอ”
ภัทรมาส่งทุกคนที่สนามบิน ดวงเนตรขอเวลาวางดอกกุหลาบดอกใหญ่สีขาวลายเส้นกลางสีม่วงอ่อนใกล้รั้ว ก่อนวางลงเธอยกขึ้นเตะ
ที่ริมฝีปาก พี่พลมองดูแล้วต้องเมินหน้าเพราะมันกระทบจิตใจเขามากมายเหลือเกิน
“พี่หนอยคะ อดทนนะคะแล้วเนตรจะรีบกลับมา”
“เนตรรักพี่หนอยเสมอและตลอดไป” ไม่มีแม้น้ำตาเพราะไม่ใช่การลาจาก แต่ดวงตาของเธอแห้งผากไร้แววใด ๆ ภัทรหันไปทางลุงหมอ
“ความรักมันมีพลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ หนอยโชคดีนะครับที่เธอให้หนอยหมดทั้งหัวใจ”
“อือ!” ลุงหมอออกเสียงสั้นตามด้วยเสียงถอนใจ
“ถ้าผมเจอน้องที่รักผมขนาดนี้ ผมคงสละโสดไปแล้ว” เขาเปรยขึ้น
“อย่างแกลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัยคงหาเจอหรอกนะ” ลุงหมอพูดประชดหลานชาย
เที่ยวขากลับเซนต์หลุยส์ถึงสนามบินประมาณสิบโมง ทั้งคณะนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านลุงหมอใช้เวลายี่สิบนาที ทุกคนในบ้านก็กรูกันมาช่วย
รับของ ทุกวันและเวลาที่ผ่านไป...ทุกคนที่รอที่บ้านได้แต่ภาวนา แต่ก็ไร้ผล เพราะเรื่องที่พี่พลเล่าสรุปแล้วหนอยเป็นหนึ่งในหลายคนที่สูญหาย คำ
ตอบนั้นสำหรับทุกคน ลงความเห็นว่าหนอยเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ของดวงเนตรจะเป็นเช่นไร น้าวิวเริ่มหลั่งน้ำตาอีก พี่น้อยก็ด้วย มีพี่ศิริ
ดึงชายเสื้อสองคนเป็นการเตือนเพราะถ้าทุกคนร้องไห้ แล้วสถานการณ์ก็ยิ่งจะแย่ลงไปอีก ดวงเนตรกราบบนตักป้าสุรีย์เธอกอดดวงเนตไว้
“ตัวเย็นเลยลูกไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณป้า” ดวงตาว่างเปล่ามองสบตา
‘โอ้พุทธองค์! อีกนานไหมกว่าหนูจะกลับมาเหมือนเดิม’ คุณป้าคิด
พี่พลบอกทั้งสองท่านว่า “เราคงรบกวนแค่นี้ล่ะครับคุณลุงจะได้พักผ่อน”
“ไปเถอะดูแลกันดี ๆ นะ”
ทั้งหมดกกลับถึงคาร์บอนเดลใกล้มืดแล้ว ด้วยอาการไม่ดีนัก ดวงเนตรเงียบมาตลอดทาง น้าวิวให้พี่น้อยอยู่เป็นเพื่อนดวงเนตรก่อนที่ห้อง
ส่วนตัวเองออกมาหาชูพลแล้วพูดว่า
“อาการหนักนะพลไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“น้าวิวอย่ากังวลมากนะครับ ดวงเนตรเขาเหมือนต้นอ้อแต่ทนลมทนฝนดีกว่าที่เราคิด” เธอพยักหน้าเห็นด้วย
“พลกลับไปเถอะเหนื่อยมากแล้ว จะได้พักบ้าง ขับรถไหวไหมไม่งั้นน้าจะเรียกหมากมาขับให้”
“ไหวครับ ค่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบ้านพี่วรรณแล้วผมจะโทรมาครับ”
“ดีแล้วล่ะโทรมานะน้าเป็นห่วง”
“ครับ” พี่ศิริมาผลัดพี่น้อยไปอาบน้ำ น้าวิวหายไปครู่ใหญ่ อาบน้ำแล้ว เธอยกหม้อข้าวผัดมาด้วย
“เนตรอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ รอพี่น้อยมาแล้วเรามากินข้าวผัดกัน”
“ค่ะ” คืนนั้น น้าวิวย้ายตัวเองมานอนเป็นเพื่อนดวงเนตร ก่อนจะเข้านอนเธอพูดกับดวงเนตรเหมือนปรึกษาว่า
"พรุ่งนี้เราจะไปเคลียร์ของที่บ้านหนอยกัน ดวงเนตรไปไหวไหม น้าอยากให้พักผ่อนหรือไง”
“ให้เนตรไปด้วยนะคะ” เสียงเหมือนขอร้อง
“ได้ ๆ เราไปด้วยกันหมดเลยดีกว่า” ดวงเนตรเอาฟูกมาปูข้าง ๆ แล้วสองคนก็สวดมนต์ ดวงเนตรนึกถึงใบหน้าพี่หนอย
“รอเนตรนะคะ แม้เนตรต้องพลิกฟ้าพลิกดินค้นหาพี่หนอย เนตรจะต้องทำให้ได้พระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงเมตตาเราด้วยเถิด”
****** ดวงดาวระยิบส่องแสงบนฟ้าใส
แต่อีกคนอยู่ไหนใจห่วงหา
ใจสองดวงที่มีกันทุกเวลา
หรือมิรู้ว่าคนรอแทบขาดใจ ******
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (44)...หนึ่งความหวังยังดีกว่าร้อยความสิ้นหวัง
ดวงเนตรถอยหลังไปนั่งรวมกับกลุ่มคนไม่ไกลจากรั้วที่กั้นอยู่ พี่พลหายไปเกือบสองชั่วโมงกลับมา เดินตรงมาที่ดวงเนตรก่อน
“ดวงเนตรพี่พลซื้อนมกล่อง น้ำผลไม้ กับน้ำขวดมาเผื่อ กินอะไรซักหน่อยนะจะได้มีแรง อดทนไว้ดวงเนตรอดทนไว้” พี่พลพยายามให้กำลัง
ใจสาวน้อย พี่พลอดคิดถึงหนอยไม่ได้ เมื่อคราวที่ได้รับบาดเจ็บ เสียงหนอยยังก้องอยู่ในหู
“พี่พลอดทนไว้ พี่พลจะหายเป็นปกติแล้ว” พี่พลสูดลมหายใจลึก ๆ ได้แต่สวดอ้อนวอน‘พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดเมตตาด้วยเถิด’ พลเดินไปที่รั้ว
พี่ภัทรเดินกลับมาพร้อมลุงหมอ ดวงเนตรยืนฟังอยู่ข้างพี่พล
“ผมเจอดอกเตอร์แฮรี่ แกรู้สึกตัวแล้วอาการพ้นขีดอันตราย มีน่าห่วงตรงที่แกโดนไฟคลอกแขนเป็นแผลใหญ่ ขาข้างซ้ายหัก กรามหักด้วย
เลยต้องให้อาหารทางสายยางไปก่อน เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการยังสาหัสว่าเห็นหนอยพุ่งตัวตามลงมาขณะที่เครื่องระเบิด เขามารู้สึกตัวอีกที
ที่โรงพยาบาล และก็พยายามถามหาหนอย ด้วยความเป็นห่วงมาก เสียงเขาไม่แน่ใจเลยว่าหนอยจะออกมาทันก่อนการระเบิดรึไม่ ผมให้ดร.แฮรี่พัก
ให้สบายทางเรากำลังค้นหนอยอยู่”
คำว่าหนอยจะออกม่ทันก่อนเครื่องระเบิดหรือไม่ ช่างเจ็บปวดนักสำหรับสาวน้อย
พี่ภัทรอาศัยเส้นสายตามแกะรอยหนอยทุกที่ สองทุ่มแล้วอากาศเย็นจัดพี่ภัทรได้เวลาเปลี่ยนเวรเพื่อให้ชุดใหม่ที่จะค้นหาต่อไปว่ายังมีใคร
รอดชีวิตอีกบ้าง ทั้งหมดต้องกลับกันก่อนแล้วพรุ่งนี้จะได้ออกมาแต่เช้า การค้นหาผู้อาจรอดชีวิตเพราะเครื่องวิ่งไปสุดรันเวย์ซึ่งต่อเข้าเขตเนินเขา
และป่าไม้
รถขับกลับไปบ้านพี่ภัทร ดวงเนตรดึงเสื้อหนาวกระชับตัว ใจจะขาดรอน ๆ เมื่อนึกถึง...พี่หนอยคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง...พี่หนอยจะหนาวไหม
จะหิวไหม พี่หนอยเจ็บมากไหม...โอ้ดวงใจของดวงเนตร
******หัวใจน้องสลาย ละลาย เลือน ฟ้าเสมือน ร่ำไห้ ระโหยหา
ไม่ใยดี แจ่มจันทร์ พันดารา ปรารถนา เพียงแสง แห่งตะวัน
เคยแอบ แนบอิง พิงภักดิ์ สองรัก สมานหมาย ปลายทางฝัน
ลับตา ห่างร้างไกล หนใดกัน ใจหวาดหวั่น ผวา ครวญหาใจ******
เมื่อเข้าบ้านพี่ภัทรเรียบร้อยแล้ว พี่ภัทรเอ่ยปากเป็นการขอโทษลุงหมอกลาย ๆ
“บ้านคนโสดรกรุงรังหน่อยนะครับ มีห้องสองห้อง แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดเสร็จเมื่อวานนี้ครับ ลุงหมอจะนอนไหนดี”
“ห้องกลางนั้นห้องใหญ่ใช่ไหม” ลุงหมอถาม
“ครับผม”
“งั้นลุงว่าเรานอนรวมกันสามคนดีกว่ามีฟูกไหมล่ะ ดวงเนตรนอนฟูกนะลูก”
“ค่ะ” เสียงตอบแผ่วหาย
“หนูเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน เดี๋ยวลุงกับภัทรจะออกไปซื้ออาหารจีนมานะ”
“ค่ะลุงหมอ เนตรขอบพระคุณมากค่ะ”
เธอแยกไปอาบน้ำ คุณป้าสุรีย์ช่างใส่ใจนักช่วยจัดของมาให้มีครบทุกอย่าง...น้ำตาไหล เป็นบุญของเธอที่มีแต่คนดีคอยช่วยเหลือตลอดมา
ช่วงดวงเนตรอาบน้ำ ลุงหมอคุยกันสามคนว่าที่ต้องให้นอนรวมกัน เพราะลุงหมอเป็นห่วงดวงเนตรกลัวเธอจะคิดมากจนทำร้ายตัวเอง พี่พล
เห็นด้วยแต่เขาเอ่ยว่า
“ลุงหมอครับดวงเนตรดูอ่อนโยน อ่อนหวาน แต่ใจเธอก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง ผมเชื่ออย่างนั้น เรานอนรวมกันดีแล้วอย่างน้อยเธอจะได้รู้สึกอบ
อุ่นขึ้น”
“ลุงว่าพลน่ะรู้จักดวงเนตรดีกว่าใคร ไง ๆ ก็คนครอบครัวเดียวกันไม่ใช่ก็เหมือนใช่”
“ครับผม”
ภัทรมองดูออกแปลกใจแม้ไม่รู้จักดวงเนตรมากนัก ‘คนแวดล้อมเธอ มีแต่ความอาทรกับเธอมากน่าสนใจ’ภัทรนึกฉงน
หลังอาหารค่ำเสร็จแล้ว ดวงเนตรขอตัวไปพักผ่อน เธอเข้าห้องกราบพระ ล้มตัวลงนอน ดวงเนตรรู้สึกเพียงว่าใจมันกลวง เหน็บหนาวและ
ว้าเหว่ “เราต้องมีแรงที่จะค้นหาพี่หนอยต่อนอนซะเถิด” ดวงเนตรพูดกับตัวเอง เธอใช้สองแขนโอบกอดตัวเองไว้น้ำตาไหลจนหลับไป
การค้นหาวันที่สามสิ้นสุดลงไม่มีแม้วี่แววใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับพี่หนอย และหลายชีวิตที่ตายและสูญหาย เขาถูกบันทึกลงในกลุ่มบุคคล
ที่สูญหาย “ทุกอย่างจบแล้วครับลุงหมอเราทำเต็มที่แล้ว” ดวงเนตรมองหน้าพี่ภัทรเหมือนเป็นการต่อว่า...พูดง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้สูญเสีย
ทุกอย่างอาจจบแล้ว แต่สำหรับเธอมันกำลังจะเริ่มขึ้น
“พี่หนอยค่ะให้สัญญากับเนตรนะคะ ว่าจะไม่หายไปโดยไม่กล่าวลา” “ครับผม พี่หนอยจะไปไหนได้ ดวงใจพี่หนอยอยู่ที่นี่ไง”
หนอยชี้มาที่เสื้อดวงเนตรตรงกับหัวใจดวงนี้... นั่นคือสิ่งที่เธอยึดไว้มั่นในใจดวงนี้
“ไม่ว่าจะอีกนานเท่าไร แม้จนลมหายใจสุดท้ายของเธอ” คำพูดนี้คือสัญญาที่ดวงเนตรมั่นใจเหนือสิ่งใด ๆ วันที่ดวงเนตรจะกลับ ลุงหมอยื่น
นมแก้วใหญ่ให้หลังอาหารเช้า มองด้วยสายตาบังคับ
“เนตรดื่มให้หมดอย่าทำร้ายตัวเอง ทานได้ยิ่งมากยิ่งมีแรงนะ”
“ค่ะลุงหมอ”
ภัทรมาส่งทุกคนที่สนามบิน ดวงเนตรขอเวลาวางดอกกุหลาบดอกใหญ่สีขาวลายเส้นกลางสีม่วงอ่อนใกล้รั้ว ก่อนวางลงเธอยกขึ้นเตะ
ที่ริมฝีปาก พี่พลมองดูแล้วต้องเมินหน้าเพราะมันกระทบจิตใจเขามากมายเหลือเกิน
“พี่หนอยคะ อดทนนะคะแล้วเนตรจะรีบกลับมา”
“เนตรรักพี่หนอยเสมอและตลอดไป” ไม่มีแม้น้ำตาเพราะไม่ใช่การลาจาก แต่ดวงตาของเธอแห้งผากไร้แววใด ๆ ภัทรหันไปทางลุงหมอ
“ความรักมันมีพลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ หนอยโชคดีนะครับที่เธอให้หนอยหมดทั้งหัวใจ”
“อือ!” ลุงหมอออกเสียงสั้นตามด้วยเสียงถอนใจ
“ถ้าผมเจอน้องที่รักผมขนาดนี้ ผมคงสละโสดไปแล้ว” เขาเปรยขึ้น
“อย่างแกลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัยคงหาเจอหรอกนะ” ลุงหมอพูดประชดหลานชาย
เที่ยวขากลับเซนต์หลุยส์ถึงสนามบินประมาณสิบโมง ทั้งคณะนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านลุงหมอใช้เวลายี่สิบนาที ทุกคนในบ้านก็กรูกันมาช่วย
รับของ ทุกวันและเวลาที่ผ่านไป...ทุกคนที่รอที่บ้านได้แต่ภาวนา แต่ก็ไร้ผล เพราะเรื่องที่พี่พลเล่าสรุปแล้วหนอยเป็นหนึ่งในหลายคนที่สูญหาย คำ
ตอบนั้นสำหรับทุกคน ลงความเห็นว่าหนอยเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ของดวงเนตรจะเป็นเช่นไร น้าวิวเริ่มหลั่งน้ำตาอีก พี่น้อยก็ด้วย มีพี่ศิริ
ดึงชายเสื้อสองคนเป็นการเตือนเพราะถ้าทุกคนร้องไห้ แล้วสถานการณ์ก็ยิ่งจะแย่ลงไปอีก ดวงเนตรกราบบนตักป้าสุรีย์เธอกอดดวงเนตไว้
“ตัวเย็นเลยลูกไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณป้า” ดวงตาว่างเปล่ามองสบตา
‘โอ้พุทธองค์! อีกนานไหมกว่าหนูจะกลับมาเหมือนเดิม’ คุณป้าคิด
พี่พลบอกทั้งสองท่านว่า “เราคงรบกวนแค่นี้ล่ะครับคุณลุงจะได้พักผ่อน”
“ไปเถอะดูแลกันดี ๆ นะ”
ทั้งหมดกกลับถึงคาร์บอนเดลใกล้มืดแล้ว ด้วยอาการไม่ดีนัก ดวงเนตรเงียบมาตลอดทาง น้าวิวให้พี่น้อยอยู่เป็นเพื่อนดวงเนตรก่อนที่ห้อง
ส่วนตัวเองออกมาหาชูพลแล้วพูดว่า
“อาการหนักนะพลไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“น้าวิวอย่ากังวลมากนะครับ ดวงเนตรเขาเหมือนต้นอ้อแต่ทนลมทนฝนดีกว่าที่เราคิด” เธอพยักหน้าเห็นด้วย
“พลกลับไปเถอะเหนื่อยมากแล้ว จะได้พักบ้าง ขับรถไหวไหมไม่งั้นน้าจะเรียกหมากมาขับให้”
“ไหวครับ ค่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบ้านพี่วรรณแล้วผมจะโทรมาครับ”
“ดีแล้วล่ะโทรมานะน้าเป็นห่วง”
“ครับ” พี่ศิริมาผลัดพี่น้อยไปอาบน้ำ น้าวิวหายไปครู่ใหญ่ อาบน้ำแล้ว เธอยกหม้อข้าวผัดมาด้วย
“เนตรอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ รอพี่น้อยมาแล้วเรามากินข้าวผัดกัน”
“ค่ะ” คืนนั้น น้าวิวย้ายตัวเองมานอนเป็นเพื่อนดวงเนตร ก่อนจะเข้านอนเธอพูดกับดวงเนตรเหมือนปรึกษาว่า
"พรุ่งนี้เราจะไปเคลียร์ของที่บ้านหนอยกัน ดวงเนตรไปไหวไหม น้าอยากให้พักผ่อนหรือไง”
“ให้เนตรไปด้วยนะคะ” เสียงเหมือนขอร้อง
“ได้ ๆ เราไปด้วยกันหมดเลยดีกว่า” ดวงเนตรเอาฟูกมาปูข้าง ๆ แล้วสองคนก็สวดมนต์ ดวงเนตรนึกถึงใบหน้าพี่หนอย
“รอเนตรนะคะ แม้เนตรต้องพลิกฟ้าพลิกดินค้นหาพี่หนอย เนตรจะต้องทำให้ได้พระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงเมตตาเราด้วยเถิด”
****** ดวงดาวระยิบส่องแสงบนฟ้าใส
แต่อีกคนอยู่ไหนใจห่วงหา
ใจสองดวงที่มีกันทุกเวลา
หรือมิรู้ว่าคนรอแทบขาดใจ ******