หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (55)...ปริศนา
ในวันรุ่งขึ้น...พี่ภัทรและทุกคนเตรียมตัวเสร็จก่อนเวลา “เรายังมีเวลาไปเดินเล่นแถวสวนสาธารณะ
มิลเลนเนียม แถบทะเลสาบมิชิแกน ช่วงนี้กำลังสวยเลยครับดอกเตอร์แฮรี่ “ พี่ภัทรนำเสนอ
“ดีเหมือนกันเพราะถึงผมจะมาชิคาโกบ่อย ๆ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานทั้งนั้นไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนสักเท่าไร” เขาตอบรับข้อเสนอ
มาเรียเป็นคนขับรถของเธอไป อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ตะวันเริ่มคล้อยตัวลงต่ำ บริเวณสวนเต็มไปด้วยสีเขียวของเนินหญ้า ดอกไม้
หลายชนิดมีทั้งทิวลิปเกือบทุกสี ตั้งแต่แดงสด แดงเลือดนก ม่วงเข้ม จนถึงม่วงอ่อน ชมพูสด คละสีกันอย่างงดงาม ดอกไฮเดียนเยียถูกจัดขึ้นตาม
แนวขนาน แซมด้วยดอกเดฟโฟดิลอยู่ริมสุด สีของดอกสวยงาม ส่งกลิ่นหอมอ่อนกระจายไปทั้งสวน ตำแหน่งของสวนตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบมิชิแกน กลุ่ม
น้าวิวเดินตามหลังกลุ่มผู้ใหญ่ ทุกคนชื่นชมธรรมชาติที่ถูกแต้มแต่งอย่างงดงามด้วยฝีมือมนุษย์
ครู่หนึ่ง...ลมที่พัดโชยเริ่มพัดแรงขึ้น
มาเรียบอก “ทุกคนระวังด้วย เพราะชิคาโกเป็นเมืองที่บ่อยครั้งลมแรงมาก ผู้คนต้องอาศัยเกาะตามเชือกที่อยู่เป็นแนวตลอดตัวอาคาร” ยังมิ
ทันสิ้นเสียงและสิ้นสั่ง ลมก็เริ่มกระโชกแรง ทั้งหมดต่างวิ่งเข้าตัวอาคารหาที่ยึดเกาะ ดวงเนตรอยู่หลังสุด ลมกระโชกแรงจนเธอทรุดลงกับพื้น
เธอพยายามลุกขึ้นอีก ทุกคนต่างคนต่างวิ่งเข้าหาตึก ไม่มีใครหันมา เธอลุกขึ้นเตรียมออกวิ่ง แต่ก็ต้องสะดุดเท้าตัวเองล้มลงอีกครั้ง มีผู้ชายส่ง
มือให้แล้วดึงเธอขึ้น โอบไว้แน่นพาเธอเดินมาอย่างเร็วจนถึงตัวอาคาร อ้อมอกนั้นอุ่นนัก กลิ่นหอมจางยังติดอยู่ในความทรงจำไม่ลืมเลือน
“พี่หนอย ๆ คะ พี่หนอยอย่าทิ้งเนตรไป กลับมาก่อนพี่หนอย” ดวงเนตรร้องไห้สะอื้นตัวสั่นดังนกปีกหัก
ทุกคนงง! มากกับอาการของดวงเนตร “ไม่มีพี่หนอยจ้ะ” พี่พลเข้ามาโอบเธอไว้
“มีแต่พวกเรา...ดวงเนตรทำใจดี ๆ ไว้”
“แต่เขาช่วยพาเนตรเข้ามาที่ตัวอาคาร เนตรล้มลงสองครั้ง พี่หนอยพามาที่อาคาร” เสียงพูดของเธอปนเสียงสะอื้นไห้ เพียงแค่เอื้อมมือก็ถึง
แล้วหายไปดั่งหมอกควันในความฝัน
ทุกคนเข้าใจว่าดวงเนตรคงคิดไปเอง แต่มาเรียเป็นพยานให้เธอเพราะมาเรียและทุกคนวิ่งเกือบถึงตัวอาคาร เธอหันไปมองหาดวงเนตร
“นิคกี้ล้ม...อยู่ ๆ มีชายหนุ่มในชุดกีฬาสวมเสื้อที่มีฮู้ดคลุมอยู่ สวมแว่นกันแดด เขาพาเธอมาใกล้ตัวอาคารแล้ววิ่งจากไป”
“โอ้พระเจ้า! หรือจะเป็นแนท” ดอกเตอร์แฮรี่กล่าว ลมสงบลงแล้ว น้าวิวส่งกระดาษทิชชูให้ดวงเนตร “ขอบคุณค่ะ เนตรจำได้ค่ะอ้อมแขน
ของพี่หนอยกับกลิ่นหอมของโคโลญจน์ ทำไมพี่หนอยทำกับเนตรอย่างนี้ ทำไมช่างโหดร้ายนัก” เสียงเอ่ยอย่างน้อยใจ
“นิคกี้...เขาต้องมีเหตุผลของเขา อาจารย์รู้จักเขาดี นิคกี้พูดถูกหนอยชอบใช้โคโลญจน์กลิ่นหอมอ่อน ๆ หรือเขายังยอมรับสภาพตัวเองไม่ได้” ดอกเตอร์แฮรี่พูดขึ้น พี่ภัทรตัดบท
“เอาอย่างนี้เราไปคุยกันต่อที่ร้านอาหารเถอะครับ” ทุกคนเดินมาขึ้นรถอย่างเงียบ ๆ เพราะต่างใช้ความคิดถึงเหตุผลของหนอย
รถมาจอดหน้าร้านอาหารไทย พี่พลเดินนำเข้าไปก่อน เขาเดินเข้าไปโอบด้านหลังพี่นัดดา “อ้าว! พลมาเมื่อไร”
“ผมมากับดอกเตอร์แฮรี่ เราได้ข่าวเพิ่มเกี่ยวกับหนอย รบกวนพี่ดาข้างนอกนะครับ”
“ได้จ้ะ” พี่พลแนะนำทุกคนให้รู้จักกัน พี่ดาเข้ามาทักน้าวิวและเดินมาโอบดวงเนตร เธอยกมือไหว้พี่นัดดา “ตามพี่มาที่โต๊ะด้านใน เป็นส่วนตัว
ดีกว่านะ”
ดอกเตอร์แจ็กสันเดินตามเข้ามาทีหลัง เขาขับรถมาเองอีกคัน อาจารย์ทั้งสองเข้ามาเชคแฮนด์และโอบกันด้วยความดีใจ
“ผมไม่เจอดอกเตอร์แฮรี่หลังจากการประชุมครั้งหลังสุด เราไปแวะเยี่ยมอาจารย์ที่โรงพยาบาลตอนเกิดอุบัติเหตุแต่อาจารย์ยังไม่รู้สึกตัวดี”
“ใช่ ๆ ขอบคุณมากที่ไปเยี่ยมฉันที่โรงงพยาบาล มา ๆ เชิญนั่ง” ทุกคนทักทายเขา อาหารเริ่มทยอยออกมา
ดอกเตอร์แฮรี่พูดกับนิคกี้ว่า เขาชอบอาหารไทยมากเพราะแนทพามากินทุกครั้งที่มาชิคาโกด้วยกัน และเคยไปทำอาหารให้กินที่บ้านอีก ตอน
นั้นนิคกี้ยังไม่มาเรียน “แนทเขาทำได้แต่ไข่เจียวนี่คะ”
“ไม่หรอกเนตร เขายังเคยมาช่วยพี่นัดดาในครัว บางช่วงที่เบื่อ ๆ เขาขโมยสูตรพี่ไปหลายอย่างแน่ ๆ เจ้านี่จอมกระล่อน” พี่ดาพูดถึงพี่หนอย
อย่างเอ็นดู ทุกคนยิ้ม แม้มาเรียกับแจ็กสันไม่เคยเจอเขา แต่บ่อยครั้งที่ได้ยินจากการพูดคุยถึง ทำให้ทั้งสองพลอยรู้สึกเหมือนหนึ่งรู้จักกันมาก่อน
ความจริงและสัจธรรม...หากมิเคยได้ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมา มีหรือจะได้มาพบพานเป็นพ้องเพื่อนกันเช่นนี้ ทุกคนอร่อยไปกับอาหารไทย
พี่ภัทรเกรงว่าถ้าสั่งแบบตำรับไทยแท้แต่โบราณพวกอาจารย์จะกินไม่ได้ แต่เขาเดาผิดเพราะแจ็กสันได้ทานอาหารพื้นบ้านที่มาเรียทำให้บ่อยครั้งก็เผ็ด
ไม่แพ้อาหารไทย ทุกคนแฮปปี้
กลับจากร้านอาหาร ทุกคนมาดื่มชาเขียวต่อที่บ้านพี่ภัทร “เข้ามาข้างในกันก่อนครับ” พี่ภัทรชวน
“อ้อ! พรุ่งนี้ฉันหยุดอีกหนึ่งวัน ฉันจะออกไปสืบดูบริเวณแทบบ้านเราว่ามีใครเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้าง นิคกี้จะไปด้วยไหม”
“ไปค่ะ ให้น้าวิวไปด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิฉันจะมารับตอนเก้าโมงเช้านะO.K!”
“นิคกี้อยากให้ดอกเตอร์แฮรี่พักผ่อนมาก ๆ เกรงว่าจะเหนื่อยน่ะค่ะ พรุ่งนี้อยู่พักที่นี่ นิคกี้จะไปกับมาเรียเอง ให้พี่พลอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“ดีเหมือนกัน” ดอกเตอร์แฮรี่ตอบ ดวงเนตรส่งกุญแจรถสปอร์ตให้พี่พล
“เผื่ออาจารย์อยากจะไปไหน รบกวนพี่พลด้วยนะคะ”
“ได้ครับ”
“เนตรเกรงว่าอาจจะต้องออกไปทั้งวันน่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”
“ไม่เป็นไรไปพักผ่อนกันเถอะ” พี่ภัทรเอ่ย
น้าวิวอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมานั่งกับดวงเนตรที่ชานบ้านทั้งสองทอดสายตาออกไปไกล ความคิดล่องลอยว้าวุ่น
พี่ภัทรโทรหาลุงหมอแล้วเล่าเรื่องทั้งหมอให้ทราบ “เออ! ค่อยรู้สึกดีขึ้น แกดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะนะ โดนจับเข้าโรงเรียนดัดสันดาน
หรือไง”
“ก็หลานสาวลุงหมอนั้นแหละครับ ดู ๆ ไปก็อดสงสารไม่ได้ ผมว่าเธอเป็นคนดีที่เหมาะกับหนอยแล้วล่ะ แถมขนาดอาการหนักหมอไม่รับ
รักษา ก็ยังกัดฟันเรียนกวาด A มาทุกวิชาเลยครับ” ภัทรผู้ซึ่งไม่ใส่ใจ สนใจใครต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เห็นการต่อสู้ดิ้นรนของหญิงสาวอย่าง
อดทน
“ดวงเนตรเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง ใส่ใจกับทุกเรื่อง น่าภูมิใจกับพ่อแม่เขานะ แล้วส่วนเรื่องการหาDonator...ผู้บริจาคเลนส์ตา ฉันจะพยายาม
ติดต่อหลาย ๆ ที่”
“อ้อ! ใช่แล้ว ก็ลุงหมอเป็นบอร์ดของจักษุแพทย์ทั่วประเทศนี่ครับ...สุดยอดเลย”
“แกอย่าเพิ่งตั้งความหวังไว้สูงนัก แต่ลุงจะพยายามเต็มที่แล้วกัน และอีกเรื่องที่ลุงไม่ได้บอกแกคือแม่หนอยเป็นเพื่อนสนิทกับป้าสุรีย์ เขาจะ
มาติดตามเรื่องหนอยหลายครั้งแล้ว แต่ก็โดนห้ามเพราะแม่หนอยก็ได้ข้อมูลจากดวงเนตรเสมอ ความไม่สิ้นหวังของเนตรทำให้คุณแม่ของหนอย
พลอยมีความหวังไปด้วย”
“ผมถึงว่าลุงหมอ ทำไมต้องสั่งให้ทำห้องให้ใหม่แถมซื้อตู้เตียงอีก”
“เอาล่ะ...เอาเป็นว่าข่าวที่แกเล่ามาแน่นอนนะ เพราะลุงจะได้ให้ป้าสุรีย์คุยกับทางแม่หนอย”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ช่วยส่งข่าวมาด้วยนะ”
“ครับผม สวัสดีครับ”
มาเรียมารับนิคกี้และน้าวิวตรงตามเวลา เริ่มแวะไปตามช่วงถนน คนในชุมชนนี้มีความคุ้นเคยกันพอสมควร ยังไม่มีวี่แววใดจนมาถึงร้านมิส
เซลลี่ มาเรียหยุดรถที่หน้าร้าน “Hi! เซลลี่”
“Hi! มาเรีย ยูพานิคกี้มาซื้อดอกไม้หรือ”
“คงไม่ใช่วันนี้ เราแวะมาอยากถามอะไรกับคุณหน่อยว่าพอรู้ไหม ละแวกนี้มีคนมาเช่าบ้านอยู่ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไหมคะ” เซลลี่ขมวด
คิ้วแล้วพูดว่า
“เอ! เมื่อวานก่อนเจอมิสเตอร์บราวน์ เขาเล่าให้ฟังว่าเขาเอาบ้านลูกชายที่ว่างอยู่ปล่อยให้คนเช่า อือ! ใช่แล้วฉันจำได้”
“บ้านมิสเตอร์บราวน์อยู่ถัดไปจากร้านประมาณสองช่วงถนน อยู่ทางซ้ายมือ หลังคาสีเขียวอ่อน ฉันจำบ้านเลขที่ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันคิดว่าฉันเคยขับรถผ่าน ขอบคุณมากคุณเซลลี่...Bye”
มาเรียขับรถออกมาช้า ๆ ไม่นานก็ถึง “บ้านหลังนี้แน่นอน” มาเรียเอ่ย ดวงเนตรและน้าวิวยืนรอ มาเรียเข้าไปกดกริ่งบ้าน แล้วลุงอายุประมาณหก
สิบตัวสูงใหญ่ก็ออกมา “Hi! มาเรีย ผมนึกว่าใครมา”
มาเรียแนะนำนิคกี้และน้านิดให้แก่มิสเตอร์บราวน์ มาเรียเอ่ยถามว่า “ได้ข่าวว่ามีคนมาเช่าบ้านคุณเมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้วใช่ไหมคะ”
“อ้อ! ใช่ ๆ เขาเป็นผู้ชายอายุประมาณยี่สิบกว่า สูงกว่าหนูคนนี้หน่อย” คุณลุงชี้มาที่ดวงเนตร
“เขาเป็นคนเอเชีย สุภาพมาก เขาสวมแว่นตาตลอดเวลา ผมถามเขาดูเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุ ผมถามชื่อเขา...เรียกยากมาก เขาเลยให้เรียกเขา
ว่าแนท”
“พี่หนอย” ดวงเนตรเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ...เสียงสั่นรัว
“บ้านที่ให้เช่าอยู่ถัดบ้านผมไปทางด้านหลัง แต่ปกติเขาจะออกบ้านแต่เช้า แล้วกว่าจะกลับก็มืด ๆ วันนี้ก็เห็นเขาออกไปเหมือนเดิม” น้าวิวถาม
“เขาไม่อยู่เหรอคะ”
“ไม่อยู่ครับ ออกไปแต่เช้าเกือบทุกวัน” มาเรียเอ่ยขอกุญแจจากมิสเตอรร์บราวน์
“คุณมีกุญแจสำรองไหม”
“นี่ถ้าไม่ใช่คุณผมคงไม่ให้หรอก เพราะคุณเป็นตำรวจสายสืบ คุณมาหาเขาทำไมครับ” ลุงบราวน์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“เขาเป็นเพื่อนสนิทกับนิคกี้ เขาประสบอุบัติเหตุที่เครื่องบินตกเมื่อกลางปีที่แล้วจำได้ไหมคะ”
“โอ้พระเจ้า! เขาเป็นคนหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารเหรอครับ”
“ค่ะ” นิคกี้ตอบ น้าวิวจับมือดวงเนตร ทั้งสองมือเย็นเฉียบพอ ๆ กัน
มาเรียรับกุญแจมาแล้วเปิดประตูทุกคนอยู่ในอาการลุ้นระทึก
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (55)...ปริศนา
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (55)...ปริศนา
ในวันรุ่งขึ้น...พี่ภัทรและทุกคนเตรียมตัวเสร็จก่อนเวลา “เรายังมีเวลาไปเดินเล่นแถวสวนสาธารณะ
มิลเลนเนียม แถบทะเลสาบมิชิแกน ช่วงนี้กำลังสวยเลยครับดอกเตอร์แฮรี่ “ พี่ภัทรนำเสนอ
“ดีเหมือนกันเพราะถึงผมจะมาชิคาโกบ่อย ๆ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานทั้งนั้นไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนสักเท่าไร” เขาตอบรับข้อเสนอ
มาเรียเป็นคนขับรถของเธอไป อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ตะวันเริ่มคล้อยตัวลงต่ำ บริเวณสวนเต็มไปด้วยสีเขียวของเนินหญ้า ดอกไม้
หลายชนิดมีทั้งทิวลิปเกือบทุกสี ตั้งแต่แดงสด แดงเลือดนก ม่วงเข้ม จนถึงม่วงอ่อน ชมพูสด คละสีกันอย่างงดงาม ดอกไฮเดียนเยียถูกจัดขึ้นตาม
แนวขนาน แซมด้วยดอกเดฟโฟดิลอยู่ริมสุด สีของดอกสวยงาม ส่งกลิ่นหอมอ่อนกระจายไปทั้งสวน ตำแหน่งของสวนตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบมิชิแกน กลุ่ม
น้าวิวเดินตามหลังกลุ่มผู้ใหญ่ ทุกคนชื่นชมธรรมชาติที่ถูกแต้มแต่งอย่างงดงามด้วยฝีมือมนุษย์
ครู่หนึ่ง...ลมที่พัดโชยเริ่มพัดแรงขึ้น
มาเรียบอก “ทุกคนระวังด้วย เพราะชิคาโกเป็นเมืองที่บ่อยครั้งลมแรงมาก ผู้คนต้องอาศัยเกาะตามเชือกที่อยู่เป็นแนวตลอดตัวอาคาร” ยังมิ
ทันสิ้นเสียงและสิ้นสั่ง ลมก็เริ่มกระโชกแรง ทั้งหมดต่างวิ่งเข้าตัวอาคารหาที่ยึดเกาะ ดวงเนตรอยู่หลังสุด ลมกระโชกแรงจนเธอทรุดลงกับพื้น
เธอพยายามลุกขึ้นอีก ทุกคนต่างคนต่างวิ่งเข้าหาตึก ไม่มีใครหันมา เธอลุกขึ้นเตรียมออกวิ่ง แต่ก็ต้องสะดุดเท้าตัวเองล้มลงอีกครั้ง มีผู้ชายส่ง
มือให้แล้วดึงเธอขึ้น โอบไว้แน่นพาเธอเดินมาอย่างเร็วจนถึงตัวอาคาร อ้อมอกนั้นอุ่นนัก กลิ่นหอมจางยังติดอยู่ในความทรงจำไม่ลืมเลือน
“พี่หนอย ๆ คะ พี่หนอยอย่าทิ้งเนตรไป กลับมาก่อนพี่หนอย” ดวงเนตรร้องไห้สะอื้นตัวสั่นดังนกปีกหัก
ทุกคนงง! มากกับอาการของดวงเนตร “ไม่มีพี่หนอยจ้ะ” พี่พลเข้ามาโอบเธอไว้
“มีแต่พวกเรา...ดวงเนตรทำใจดี ๆ ไว้”
“แต่เขาช่วยพาเนตรเข้ามาที่ตัวอาคาร เนตรล้มลงสองครั้ง พี่หนอยพามาที่อาคาร” เสียงพูดของเธอปนเสียงสะอื้นไห้ เพียงแค่เอื้อมมือก็ถึง
แล้วหายไปดั่งหมอกควันในความฝัน
ทุกคนเข้าใจว่าดวงเนตรคงคิดไปเอง แต่มาเรียเป็นพยานให้เธอเพราะมาเรียและทุกคนวิ่งเกือบถึงตัวอาคาร เธอหันไปมองหาดวงเนตร
“นิคกี้ล้ม...อยู่ ๆ มีชายหนุ่มในชุดกีฬาสวมเสื้อที่มีฮู้ดคลุมอยู่ สวมแว่นกันแดด เขาพาเธอมาใกล้ตัวอาคารแล้ววิ่งจากไป”
“โอ้พระเจ้า! หรือจะเป็นแนท” ดอกเตอร์แฮรี่กล่าว ลมสงบลงแล้ว น้าวิวส่งกระดาษทิชชูให้ดวงเนตร “ขอบคุณค่ะ เนตรจำได้ค่ะอ้อมแขน
ของพี่หนอยกับกลิ่นหอมของโคโลญจน์ ทำไมพี่หนอยทำกับเนตรอย่างนี้ ทำไมช่างโหดร้ายนัก” เสียงเอ่ยอย่างน้อยใจ
“นิคกี้...เขาต้องมีเหตุผลของเขา อาจารย์รู้จักเขาดี นิคกี้พูดถูกหนอยชอบใช้โคโลญจน์กลิ่นหอมอ่อน ๆ หรือเขายังยอมรับสภาพตัวเองไม่ได้” ดอกเตอร์แฮรี่พูดขึ้น พี่ภัทรตัดบท
“เอาอย่างนี้เราไปคุยกันต่อที่ร้านอาหารเถอะครับ” ทุกคนเดินมาขึ้นรถอย่างเงียบ ๆ เพราะต่างใช้ความคิดถึงเหตุผลของหนอย
รถมาจอดหน้าร้านอาหารไทย พี่พลเดินนำเข้าไปก่อน เขาเดินเข้าไปโอบด้านหลังพี่นัดดา “อ้าว! พลมาเมื่อไร”
“ผมมากับดอกเตอร์แฮรี่ เราได้ข่าวเพิ่มเกี่ยวกับหนอย รบกวนพี่ดาข้างนอกนะครับ”
“ได้จ้ะ” พี่พลแนะนำทุกคนให้รู้จักกัน พี่ดาเข้ามาทักน้าวิวและเดินมาโอบดวงเนตร เธอยกมือไหว้พี่นัดดา “ตามพี่มาที่โต๊ะด้านใน เป็นส่วนตัว
ดีกว่านะ”
ดอกเตอร์แจ็กสันเดินตามเข้ามาทีหลัง เขาขับรถมาเองอีกคัน อาจารย์ทั้งสองเข้ามาเชคแฮนด์และโอบกันด้วยความดีใจ
“ผมไม่เจอดอกเตอร์แฮรี่หลังจากการประชุมครั้งหลังสุด เราไปแวะเยี่ยมอาจารย์ที่โรงพยาบาลตอนเกิดอุบัติเหตุแต่อาจารย์ยังไม่รู้สึกตัวดี”
“ใช่ ๆ ขอบคุณมากที่ไปเยี่ยมฉันที่โรงงพยาบาล มา ๆ เชิญนั่ง” ทุกคนทักทายเขา อาหารเริ่มทยอยออกมา
ดอกเตอร์แฮรี่พูดกับนิคกี้ว่า เขาชอบอาหารไทยมากเพราะแนทพามากินทุกครั้งที่มาชิคาโกด้วยกัน และเคยไปทำอาหารให้กินที่บ้านอีก ตอน
นั้นนิคกี้ยังไม่มาเรียน “แนทเขาทำได้แต่ไข่เจียวนี่คะ”
“ไม่หรอกเนตร เขายังเคยมาช่วยพี่นัดดาในครัว บางช่วงที่เบื่อ ๆ เขาขโมยสูตรพี่ไปหลายอย่างแน่ ๆ เจ้านี่จอมกระล่อน” พี่ดาพูดถึงพี่หนอย
อย่างเอ็นดู ทุกคนยิ้ม แม้มาเรียกับแจ็กสันไม่เคยเจอเขา แต่บ่อยครั้งที่ได้ยินจากการพูดคุยถึง ทำให้ทั้งสองพลอยรู้สึกเหมือนหนึ่งรู้จักกันมาก่อน
ความจริงและสัจธรรม...หากมิเคยได้ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมา มีหรือจะได้มาพบพานเป็นพ้องเพื่อนกันเช่นนี้ ทุกคนอร่อยไปกับอาหารไทย
พี่ภัทรเกรงว่าถ้าสั่งแบบตำรับไทยแท้แต่โบราณพวกอาจารย์จะกินไม่ได้ แต่เขาเดาผิดเพราะแจ็กสันได้ทานอาหารพื้นบ้านที่มาเรียทำให้บ่อยครั้งก็เผ็ด
ไม่แพ้อาหารไทย ทุกคนแฮปปี้
กลับจากร้านอาหาร ทุกคนมาดื่มชาเขียวต่อที่บ้านพี่ภัทร “เข้ามาข้างในกันก่อนครับ” พี่ภัทรชวน
“อ้อ! พรุ่งนี้ฉันหยุดอีกหนึ่งวัน ฉันจะออกไปสืบดูบริเวณแทบบ้านเราว่ามีใครเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้าง นิคกี้จะไปด้วยไหม”
“ไปค่ะ ให้น้าวิวไปด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิฉันจะมารับตอนเก้าโมงเช้านะO.K!”
“นิคกี้อยากให้ดอกเตอร์แฮรี่พักผ่อนมาก ๆ เกรงว่าจะเหนื่อยน่ะค่ะ พรุ่งนี้อยู่พักที่นี่ นิคกี้จะไปกับมาเรียเอง ให้พี่พลอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“ดีเหมือนกัน” ดอกเตอร์แฮรี่ตอบ ดวงเนตรส่งกุญแจรถสปอร์ตให้พี่พล
“เผื่ออาจารย์อยากจะไปไหน รบกวนพี่พลด้วยนะคะ”
“ได้ครับ”
“เนตรเกรงว่าอาจจะต้องออกไปทั้งวันน่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”
“ไม่เป็นไรไปพักผ่อนกันเถอะ” พี่ภัทรเอ่ย
น้าวิวอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมานั่งกับดวงเนตรที่ชานบ้านทั้งสองทอดสายตาออกไปไกล ความคิดล่องลอยว้าวุ่น
พี่ภัทรโทรหาลุงหมอแล้วเล่าเรื่องทั้งหมอให้ทราบ “เออ! ค่อยรู้สึกดีขึ้น แกดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะนะ โดนจับเข้าโรงเรียนดัดสันดาน
หรือไง”
“ก็หลานสาวลุงหมอนั้นแหละครับ ดู ๆ ไปก็อดสงสารไม่ได้ ผมว่าเธอเป็นคนดีที่เหมาะกับหนอยแล้วล่ะ แถมขนาดอาการหนักหมอไม่รับ
รักษา ก็ยังกัดฟันเรียนกวาด A มาทุกวิชาเลยครับ” ภัทรผู้ซึ่งไม่ใส่ใจ สนใจใครต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เห็นการต่อสู้ดิ้นรนของหญิงสาวอย่าง
อดทน
“ดวงเนตรเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง ใส่ใจกับทุกเรื่อง น่าภูมิใจกับพ่อแม่เขานะ แล้วส่วนเรื่องการหาDonator...ผู้บริจาคเลนส์ตา ฉันจะพยายาม
ติดต่อหลาย ๆ ที่”
“อ้อ! ใช่แล้ว ก็ลุงหมอเป็นบอร์ดของจักษุแพทย์ทั่วประเทศนี่ครับ...สุดยอดเลย”
“แกอย่าเพิ่งตั้งความหวังไว้สูงนัก แต่ลุงจะพยายามเต็มที่แล้วกัน และอีกเรื่องที่ลุงไม่ได้บอกแกคือแม่หนอยเป็นเพื่อนสนิทกับป้าสุรีย์ เขาจะ
มาติดตามเรื่องหนอยหลายครั้งแล้ว แต่ก็โดนห้ามเพราะแม่หนอยก็ได้ข้อมูลจากดวงเนตรเสมอ ความไม่สิ้นหวังของเนตรทำให้คุณแม่ของหนอย
พลอยมีความหวังไปด้วย”
“ผมถึงว่าลุงหมอ ทำไมต้องสั่งให้ทำห้องให้ใหม่แถมซื้อตู้เตียงอีก”
“เอาล่ะ...เอาเป็นว่าข่าวที่แกเล่ามาแน่นอนนะ เพราะลุงจะได้ให้ป้าสุรีย์คุยกับทางแม่หนอย”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ช่วยส่งข่าวมาด้วยนะ”
“ครับผม สวัสดีครับ”
มาเรียมารับนิคกี้และน้าวิวตรงตามเวลา เริ่มแวะไปตามช่วงถนน คนในชุมชนนี้มีความคุ้นเคยกันพอสมควร ยังไม่มีวี่แววใดจนมาถึงร้านมิส
เซลลี่ มาเรียหยุดรถที่หน้าร้าน “Hi! เซลลี่”
“Hi! มาเรีย ยูพานิคกี้มาซื้อดอกไม้หรือ”
“คงไม่ใช่วันนี้ เราแวะมาอยากถามอะไรกับคุณหน่อยว่าพอรู้ไหม ละแวกนี้มีคนมาเช่าบ้านอยู่ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไหมคะ” เซลลี่ขมวด
คิ้วแล้วพูดว่า
“เอ! เมื่อวานก่อนเจอมิสเตอร์บราวน์ เขาเล่าให้ฟังว่าเขาเอาบ้านลูกชายที่ว่างอยู่ปล่อยให้คนเช่า อือ! ใช่แล้วฉันจำได้”
“บ้านมิสเตอร์บราวน์อยู่ถัดไปจากร้านประมาณสองช่วงถนน อยู่ทางซ้ายมือ หลังคาสีเขียวอ่อน ฉันจำบ้านเลขที่ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันคิดว่าฉันเคยขับรถผ่าน ขอบคุณมากคุณเซลลี่...Bye”
มาเรียขับรถออกมาช้า ๆ ไม่นานก็ถึง “บ้านหลังนี้แน่นอน” มาเรียเอ่ย ดวงเนตรและน้าวิวยืนรอ มาเรียเข้าไปกดกริ่งบ้าน แล้วลุงอายุประมาณหก
สิบตัวสูงใหญ่ก็ออกมา “Hi! มาเรีย ผมนึกว่าใครมา”
มาเรียแนะนำนิคกี้และน้านิดให้แก่มิสเตอร์บราวน์ มาเรียเอ่ยถามว่า “ได้ข่าวว่ามีคนมาเช่าบ้านคุณเมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้วใช่ไหมคะ”
“อ้อ! ใช่ ๆ เขาเป็นผู้ชายอายุประมาณยี่สิบกว่า สูงกว่าหนูคนนี้หน่อย” คุณลุงชี้มาที่ดวงเนตร
“เขาเป็นคนเอเชีย สุภาพมาก เขาสวมแว่นตาตลอดเวลา ผมถามเขาดูเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุ ผมถามชื่อเขา...เรียกยากมาก เขาเลยให้เรียกเขา
ว่าแนท”
“พี่หนอย” ดวงเนตรเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ...เสียงสั่นรัว
“บ้านที่ให้เช่าอยู่ถัดบ้านผมไปทางด้านหลัง แต่ปกติเขาจะออกบ้านแต่เช้า แล้วกว่าจะกลับก็มืด ๆ วันนี้ก็เห็นเขาออกไปเหมือนเดิม” น้าวิวถาม
“เขาไม่อยู่เหรอคะ”
“ไม่อยู่ครับ ออกไปแต่เช้าเกือบทุกวัน” มาเรียเอ่ยขอกุญแจจากมิสเตอรร์บราวน์
“คุณมีกุญแจสำรองไหม”
“นี่ถ้าไม่ใช่คุณผมคงไม่ให้หรอก เพราะคุณเป็นตำรวจสายสืบ คุณมาหาเขาทำไมครับ” ลุงบราวน์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“เขาเป็นเพื่อนสนิทกับนิคกี้ เขาประสบอุบัติเหตุที่เครื่องบินตกเมื่อกลางปีที่แล้วจำได้ไหมคะ”
“โอ้พระเจ้า! เขาเป็นคนหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารเหรอครับ”
“ค่ะ” นิคกี้ตอบ น้าวิวจับมือดวงเนตร ทั้งสองมือเย็นเฉียบพอ ๆ กัน มาเรียรับกุญแจมาแล้วเปิดประตูทุกคนอยู่ในอาการลุ้นระทึก