หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (46)...เริ่มต้นกับความหวัง

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (46)...เริ่มต้นกับความหวัง
 
            ทุกคนพร้อมด้วยสัมภาระ จัดเรียงไว้ด้านหลังรถตู้เรียบร้อยแล้ว “เมื่อคืนน้าวิวลืมถามหมากว่าเคยขับไปไหนไกลไหม ส่วนใหญ่น้าเห็นขับ
กันภายในคาร์บอนเดลเท่านั้น” 
            เหล็กตอบแทนพี่ “รายนี้ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนมานี้เขาก็ช่วยพ่อขับแทรกเตอร์ปรับหน้าดินก่อนลงกล้าต้นยาง”
            “ฉันถามว่าขับรถยนต์จ้ะไม่ใช่แทรกเตอร์” น้าวิวออกอาการหงุดหงิด
            หมัดเอ่ยว่า “พี่หมากเขาเคยมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่อยู่ปีหนึ่งครับ”
            “ครับผม ผมชอบขับรถมากเลยค่อนข้างไปมาหลายที่ บางครั้งทางแอลเอฯ ซานฟรานฯ ก็เคยไป”
            “ค่อยยังชั่ว ขาไปให้พี่พลขับ ขากลับเป็นหน้าที่ของหมาก OK!”
            “ครับผม” หมากตอบอย่างสุภาพ 
           
            ดวงเนตรเหลียวหลังมองที่ ๆ เคยอยู่ จนลับตาไป ลาก่อนความทรงจำที่แสนจะอบอุ่น ลาก่อนครอบครัวโดมิโน และลาก่อน SIU
 
            “พี่พลคะดวงเนตรรบกวนแวะที่บ้านพี่พล เนตรอยากบอกลาพี่วรรณด้วยตัวเอง”
            “ถูกแล้วค่ะน้องเนตร เขาช่วยพวกเรามามาก จะไปไหนก็สมควรบอกเขาด้วย”
            “ได้เลยเพราะจะออกไฮเวย์ก็ต้องผ่านอยู่แล้ว อีกอย่างพี่วรรณเน้นหลายครั้ง ให้แวะก่อนออกจากคาร์บอนเดลครับ”   
 
            เมื่อพลมาจอดรถหน้าบ้าน พี่วรรณและจอร์จออกมารับถึงรถ “ดีแล้ว...ที่เลือกเช่าเป็นรถตู้นั่งสบายดี และรถเช่าบริษัทนี้ใหม่ทุกคันขับแล้ว
สบายใจ  เพราะของเขาปีที่สามก็เอาไปปล่อยเต้นท์รถมือสองแล้ว” พี่วรรณแจงสี่เบี้ยให้ได้รู้กันเพิ่มเติม  
            “เข้ามาในบ้านก่อน กินอาหารเช้าแล้วค่อยออก จะได้ไม่เป็นภาระแวะกลางทางนะ”  พี่วรรณพูดแล้วเดินไปโอบดวงเนตร ดวงเนตรยกมือไหว้
รอยยิ้มจืดจาง ความแจ่มใสหายไปสิ้น
            “โธ่! เด็กเอ๋ยยังจะต้องผ่านกี่ฝนกี่หนาวนะ”
            ทุกคนเข้าไปในครัว โต๊ะเล็กจัดวางของกินหลายอย่าง มีทั้งแฮม ไส้กรอก ไข่ดาว ชีส แยม และขนมปัง เหยือกน้ำส้ม เหยือกนม และ น้ำเปล่า
ชุดกาแฟตั้งไว้ใกล้กัน
            จอร์จเข้ามาหาดวงเนตร “ผมเสียใจด้วย ดวงเนตรต้องเข้มแข็งนะครับ  ผมรู้เนตรเป็นไฟท์เตอร์...นักสู้คนหนึ่ง ทานเยอะ ๆ เราต้องพึ่งตัวเอง
อีกนาน ต้องมีแรงด้วยนะ” จอร์จพูดยาวแต่ช้า เสียงหนักแน่น แม้ภาษาจะไม่แข็งแรงเขาก็พยามยามจนจบ
            “ทานเสร็จแล้วก็ออกเถอะเพราะต้องเกือบสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงชิคาโก” ทุกคนยกมือไหว้ร่ำลา ดวงเนตรเข้าไปกอดพี่วรรณแน่น
            “โชคดีนะขอให้เจอแต่สิ่งที่ดี และขอให้ค้นพบหนอยดั่งใจหวัง พี่วรรณจะสวดขอพรทุกวันให้ทั้งสองคน”
            “ขอบพระคุณค่ะ” น้ำตาดวงเนตรไหลเงียบ ๆ พี่วรรณก็เช่นกัน
            “แล้วเราสองคนจะกลับมาหาพี่วรรณค่ะ” ดวงเนตรพูดอย่างมั่นใจ พี่วรรณพยักหน้ารับทราบ เธอคล้ายกับดวงเนตรเมื่อเชื่อมั่นแล้วจะดั้นด้นค้น
หา รอคอยไม่สิ้นหวัง...ปาฏิหาริย์มีจริง เช่นเดียวที่เคยเกิดกับชูพลน้องชาย
            “ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” ดวงเนตรบอกกับเธอ จอร์จเข้ามาโอบเราสองคนไว้
            “พระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงคุ้มครอง”
 
            พี่พลนั่งหน้าคู่กับหมาก ทุกคนเราเริ่มทยอยหลับเพราะอิ่มแล้ว  ส่วนดวงเนตรมองไปเรื่อย ๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า ท้องทุ่งเริ่มเป็นสีเขียวเมื่อ
ใกล้สิ้นสุดฤดูหนาว อีกไม่นานสรรพสิ่งก็พร้อมจะผลิบาน ให้ความงดงามแก่โลกใบนี้อีกครั้งหนึ่ง
            “พี่พลเหนื่อยไหมคะ” ดวงเนตรถามพร้อมส่งหมากฝรั่งให้
            “ไม่ครับ พี่พลว่าจะขายรถของหนอยแล้วจะโอนเงินไปให้นะ”
            “พี่พลคะ พี่ช่วยเราสองคนมามากมายเหลือเกิน ถือว่าเห็นแก่พี่หนอยเถอะ พี่พลเอาเงินที่ขายรถได้เข้าชมรมฯ พี่หนอยคงต้องการเช่นนั้น
ด้วยเนตรรู้...นะคะ”
            “ได้ครับ”
 
            เกือบเที่ยงรถตู้ก็เข้ามาจอดหน้าบ้าน พี่ภัทรยืนรออยู่ตั้งแต่เห็นรถวิ่งเข้ามา ทุกคนลงมาแล้วสวัสดีทักทายพี่ภัทร
            “ลุงหมอให้ดวงเนตรอยู่ที่นี่ก่อน จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้” ใบหน้าไม่ค่อยรับแขกของเจ้าบ้านทำเอาทุกคนเริ่มอึดอัด
            “ส่วนที่ดวงเนตรอยู่..เป็นหลังเล็กด้านข้างของบ้าน ที่นี่ตอนซื้อต่อจากมิสเตอร์คาร์ล บ้านหลังเล็กเคยเป็นห้องแม่บ้าน ไปดูกัน” พี่ภัทรเอ่ยและ
ทุกคนเดินตามมา
 
            เรือนเล็กอยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้านใหญ่  ‘แยกออกมาเป็นสัดส่วนดี’ ดวงเนตรคิด พี่ภัทรไขกุญแจแล้วส่งให้เธอ
            “เก็บเอาไว้เลยนะ” ดวงเนตรพยักหน้าไม่มีคำตอบ ห้องเปิดออก ดูสะอาดตา
            “ลุงหมอสั่งให้พี่เรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดเมื่อวาน” 

            ห้องทาด้วยสีครีมและชมพูอ่อนสลับกันไปมาทั้งสี่ด้านดูสวยและอบอุ่น  โต๊ะเขียนหนังสือและเก้าอี้ ยังอยู่ในสภาพดี เตียงทวินไซด์ พร้อมที่
นอน และหมอน ไม่มีชุดผ้าคลุม เรื่องนั้นคงไม่ต้องห่วงเพราะของเธอมีอยู่แล้ว เตียงตั้งไว้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะเขียนหนังสือ ส่วนตู้เสื้อผ้าเปิดประตูหลัง
เข้ามาก็จะเจอเลย ตู้ทำด้วยไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม ทั้งตู้และเตียงเป็นของใหม่ดวงเนตรมองรู้ ตู้เสื้อผ้าติดผนังมีประตูสไลด์ ด้านในตู้มีชั้นไม้เป็นล็อก ๆ
กว้างหนึ่งฟุตครึ่ง สูงฟุตครึ่ง ทำเป็นสองแถวจากพื้นขึ้นจรดหัวตู้ อีกฝั่งภายในตู้มีราวแขวนเสื้อและล็อกเกอร์ใหญ่อีกชุดในตู้ทำเป็นสองชั้นซ้อนกัน
เช่นเดิม ชั้นวางของต่อจาดตู้ทำจากไม้เนื้อแข็งเรียบสวย
            “พี่ภัทรคะ บิลค่าตู้กับเตียงเท่าไรคะ”
            “ไม่รู้” ภัทรตอบแบบกวน ๆ เพราะเกิดอาการหมั่นไส้ดวงเนตรอย่างไร้สาเหตุ เธอมีคนมาส่งราวกับนางพญา แถมลุงหมอก็สั่งภัทรสารพัด
อย่าง นั่นแหละ นี่แหละ เพราะยายนี่คนเดียวจริง ๆ ปวดหัวไปหมด แทนที่วันหยุดจะได้ไปเที่ยวเฮฮาหานารีมาควง ต้องมาดูแลน้อง ๆ พวกนี้  ญาติ
ก็ไม่ใช่...  
            “เฮ่อ!” เสียงภัทรถอนใจซะดัง ครั้งที่ดวงเนตรพบเขาครั้งแรกก็ได้ยินหลายครั้ง แต่ไม่มีกะใจรับรู้สิ่งใด
            “พวกเราทำให้พี่ภัทรหนักใจมากเลยหรือครับ” เหล็กซื่อ ๆ แต่ความจริงกะจะกวนมากกว่า
            “ไม่ ๆ ก็พี่ไม่รู้ราคาหรอก ไว้ถามลุงหมอเองดีกว่า เห็นว่าเดือนหน้าจะมาประชุมวิชาการ ก็ถามกันเองแล้วกัน” 
            “ช่วงบ่ายสองพี่มีนัด พวกผู้ชายเดี๋ยวพลจัดการให้นอนห้องใหญ่ที่เคยนอนนะ ส่วนสาว ๆ ถ้าอยากจะกองกันอยู่แถวนี้ พลก็ไปเอาฟูกจากตู้
ใต้บันไดมาเพิ่ม เอาล่ะช่วยกันเอา ถือว่าเป็นบ้านตัวเองก็แล้วกัน”  พี่ภัทรออกไปยืนจุดบุหรี่สูบที่สนามหน้าบ้าน 
            “ดวงเนตรไม่อยากอยู่ด้วยเลยค่ะน้าวิว ดูเขาทำเหมือนเรามาเป็นภาระเขาไม่ดีเลย”
            “ใช่ พูดจายโสนักนี่เห็นว่าเป็นหลานลุงหมอนะ แหมคันปาก” พี่ศิริเสริมขึ้น
            “ใจเย็นนะคะ เราต้องอาศัยเขาจริง ๆ ทำเป็นต้นอ้อสิคะอยู่ตรงไหนก็อยู่ได้”
            “เป็นคนเดียวเถอะพี่น้อย” น้าวิวอารมณ์บูด พี่น้อยยิ้มเพราะรู้นิสัยดี
            “เหล็กไปถามเขาให้พี่เนตรหน่อยว่า ขออนุญาตขนของเลยนะคะ”
            “ครับ เออ! แย่จังนะ ก็จะให้พี่เนตรอยู่ ๆ แล้ว ทำไมต้องเรื่องเยอะ แล้วพี่เนตรไปบอกเองก็ไม่ไป”เสียงพึมพำเบา ๆ 
 
            ดวงเนตรและสมาชิกทุกคนช่วยกันขนของแป๊บเดียวก็เสร็จ  พี่พลไปเตรียมที่นอนให้สุภาพบบุรุษแล้วก็มาเรียกน้อง ๆ สี่สหายไปช่วยกันขน
ฟูกมาจากห้องใต้บันได ยังพอมีเวลา...สี่หนุ่มสงขลาชวนพี่ ๆ ไปชมสวนซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบมิชิแกน “ไปกันหมดนี่แหละครับ แล้วเลยไปทาน
อาหารเย็น” เหล็กอ้อนพี่ ๆ
            “ก็ดีเหมือนกันออกไปจะได้อากาศบริสุทธิ์บ้างนะเนตรนะ” น้าวิวพยายามชวนดวงเนตร
            “เนตรขอตัวนะคะ ทุกคนเที่ยวให้สนุกเถอะ เนตรจะขอเวลาเก็บของและอยู่คนเดียวนะคะ”
            “ไม่ดี ๆ ค่ะ” พี่น้อยไม่เห็นด้วย แต่พี่ศิริกรรมการกลางตัดสินว่า 
            “เราไปเถอะเนตรจะได้ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ”
            “พี่พลหรือน้าวิวก็ได้ เนตรฝากช่วยดูหนังสือเกี่ยวกับเมืองชิคาโก ถ้ามีแผนที่ด้วยยิ่งดีนะคะ”
            “เสียงอ่อนโยนของดวงเนตรมีใครนะจะใจดำได้” พี่น้อยผู้สุภาพเอ่ย 
            
            แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งดวงเนตรเทน้ำส้มใส่แก้วแล้วดื่ม ช่วงที่ทุกข์หนักยังมิจางหาย แต่อย่างไรเธอต้องมีแรงทำให้ได้ มีหลาย
อย่างมากที่ดวงเนตรวางแผนที่จะทำเพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาให้ได้มากที่สุด ดวงเนตรลงมือเก็บของอย่างเป็นระเบียบ โดยจัดเสื้อผ้าส่วนหนึ่งที่
เป็นของดวงเนตร อีกส่วนจัดแบ่งเขตเป็นที่เก็บเสื้อผ้าพี่หนอย การจัดวางสิ่งของเหมือนมีคนอยู่ด้วยกันสองคน กระดาษและปากกาข้าง ๆ ตัวเธอ
มีรายการซื้อของยาว จัดเสื้อผ้าเสร็จ ต่อด้วยเครื่องใช้ ถ้วยชาม จัดเรียงลงตะกร้าพลาสติกสีขาวอยู่บนชั้นที่สองเพราะสะดวกในการหยิบ เธอจัด
ของในห้องน้ำวางของใช้ไว้สองมุม มุมหนึ่งเป็นของพี่หนอย อีกมุมเป็นของดวงเนตรเอง
            ห้องแขวนผ้าม่านหน้าต่างแขวนไว้รอรับแขกเรียบร้อยตั้งแต่เข้ามา ผ้าม่านเป็นสีครีมปนสีส้มจางเข้ากับสีห้องดี คนอย่างพี่ภัทรคงไม่ใช่คน
เลือกแน่ ดวงเนตรไม่ประทับใจหลายอย่างในตัวเขาซึ่งเป็นคนลอยไปมา ไม่ต้องการผูกพันใด ถ้าจะหวังพึ่งพาคงต้องรอชาติหน้าหลังเที่ยงวันไปแล้ว
แถมยังเป็นพวกติดบุหหรี่ ดูจากสีเล็บคงไม่ต่ำกว่าวันละซอง ที่เนตรรู้เพราะลุงประภพก็ประมาณนี้แหละ ความจริงเนตรก็ไม่สนใจอยู่...ต่างคนต่างอยู่
 
            รถตู้เข้ามาจอดที่สนาม เหล็กวิ่งหน้าบานเข้ามาก่อน “พี่เนตรครับเหล็กมีของมาฝากด้วยครับ” ยังไม่ทันได้โชว์ขอฝาก พี่ ๆ ก็มากันครบ
            “ไอ้เหล็ก มันเหมือนเดิมเลย  เรื่องเอาหน้าล่ะเป็นแจ้นมาก่อนใครเลย” พัดพี่คนกลางเอ่ย  
            “น้าวิวได้...”
            “เดี๋ยวสิครับผมวิ่งเข้ามาก่อนนะให้ผมให้ของฝากพี่เนตรก่อนนะ”
            “เอาเลยพ่อคุณแหมจริง ๆ นะมันน่า...”
            “โป๊ก! ”
            “โอ๊ย! เจ็บนะพี่หมัด”
            “ก็ฉันแค่ทำความฝันน้าวิวให้เป็นความจริงแค่นั้นเอง...ทำเป็นโวย” ทุกคนหัวเราะมีเพียงดวงเนตรยิ้ม ใบหน้าดูดีขึ้นบ้าง‘ค่อยเบาใจ’ ทุกคน
คิดเหมือนกันเพราะความเป็นห่วง
            “ไหนได้อะไรมาให้พี่เนตร” เธอทวงของจากเหล็ก  เขาส่งให้มันเป็นมีดพับคมกริบ
            “เอาไว้ป้องกันตัว พกง่ายดีครับ”
            “แต่พี่ต้องให้เงินนะ เพราะโบราณเขาถือ ถ้าให้ของมีคม ต้องแก้เคล็ทด้วยการให้เงิน เอ้า!หนี่งเหรียญ” ดวงเนตรส่งเงินให้เหล็ก
            “น้าได้หนังสือที่เนตรต้องการมาแล้วแถมมีแผนที่ละเอียดมากสอดอยู่”
            “เท่าไรคะ”
            “เนตรอยากจะจ่ายใช่ไหม แค่พยามทำตัวให้มีความสุขและอดทนต่อไป แค่นี้น้าวิวว่ามันเกินราคาหนังสือแล้ว” เธอยกมือไหว้ขอบคุณ
            เหล็กเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และสำรวจรอบห้อง “ไอ้เหล็ก ห้องส่วนตัวพี่เนตรอย่าทำอะไรลุ่มล่ามสิวะ” หมากว่าน้อง  
            “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” ดวงเนตรเอ่ย

            เหล็กปากหาเรื่องจนได้  “พี่ครับทำไมจัดของเหมือนอยู่กันสองคนกับพี่หนอยเลยล่ะ” ทุกคนมองก็เป็นอย่างที่เหล็กพูด โดยเฉพาะน้าวิวที่
มองวนอยู่สองรอบ ก็เห็นข้าวของหนอยจัดเข้ามุมอย่างเป็นระเบียบ ดวงเนตรนิ่งเธอก้มหน้าลงน้ำตาร่วงลงหลังมือจนทุกคนอึ้ง ดวงเนตรปล่อยให้
น้ำตาไหลแบบนั้นอยู่นาน พี่พลเข้ามาช่วยประคองให้ลุกขึ้น  
            “เนตรจำที่พี่วรรณบอกได้ใช่ไหม ว่าเนตรต้องเข้มแข็งทุกคนเป็นกำลังใจให้ ไม่อย่างนั้นจะมีแรงกายแรงใจหาหนอยเจอได้อย่างไร” พี่พลเอ่ย
และยื่นกระดาษให้เช็ดน้ำตา
           “เก่งมาก” น้าวิวเข้ามากอดด้านหลัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่