หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (53)...ร่องรอย

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (53)...ร่องรอย
            
            รถมาจอดหน้าร้าน ทั้งคู่เข้าไปทักทายโจอี้  “แมททิวจะกินอะไร ของนิคกี้ไม่ต้องสั่งก็รู้ แพนเค้กกล้วยหอมกับชานมร้อน ผมว่าคุณมีคู่แข่ง
แล้วนะ” เขาชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงกว่าดวงเนตรไหล่กว้างใส่เสื้อสูทตัวบางคลุมลงมาถึงเข่า เขานั่งหันหลังให้ ดูเหมือนกำลังทอดสายตาอออกไป
ไกลอย่างใจลอย
            “ทำไมเธอพูดอย่างนั้นล่ะโจอี้” ดวงเนตรถามอย่างฉงน
            “ก็เขามาครั้งที่ห้าแล้วและกินอย่างนี้ทุกวัน อย่างที่เธอสั่งนั้นแหละ” โจอี้รายงาน
            “สำเนียงเขาคล้ายฉันไหม”
            “ไม่เหมือน.. เธอพูดเกือบดีมากแล้ว แต่เขาพูดอเมริกันจ๋า คิดว่าคงเกิดที่นี้ และไม่ว่าอากาศเป็นอย่างไรเขาจะแต่งชุดนี้ สวมถุงมือใส่แว่นกันแดด
มีอยู่ที่เขาถอดถุงมือออก ผมเห็นแผลเป็นที่หลังมือเป็นวงกว้าง เดี๋ยวนะคิดเงินให้ลูกค้าก่อน” โจอี้เดินจากไป
            “นิคกี้ ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าเธอซีดมากเลย” แมททิวออกอาการเป็นห่วง คนที่โจอี้พูดถึงกำลังเดินจะออกจากร้าน ดวงเนตรยื่นเท้าออกไป
เขาสะดุดนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า “Sorry” สำเนียงที่ได้ยินคือสำเนียงอเมริกัน
            ดวงเนตรเรียก”พี่หนอย ๆ คะ” เปล่าเลยเขาไม่แม้แต่ชงักแต่เดินออกไปเหมือนไม่ได้ยิน
            นิคกี้ฟุบหน้าลงแล้วร้องไห้ แมททิวเคยเห็นบางครั้งแต่ไม่บ่อย แต่นี่ทั้งโจอี้และแมททิวถึงกับพูดอะไร
ไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
            “นิคกี้...เขาไม่ใช่แนทหรอก เพราะเขาไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย ออกไปเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ” โจอี้พูด
            “ความจริงนิคกี้ไม่น่ารีบเรียกชื่อเขาเลย เขาคงไม่มาอีกแล้ว” นั่นคือความคิดของโจอี้
            “แต่ผมคิดว่าเขาจะมาอีก ถ้าไม่มานั่นแหละใช่เลย” แมททิวพูด นิคกี้หยุดร้องไห้ เธอถอดแหวนให้โจอี้ดู
            “ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาต้องถอดถุงมือออก ถ้าเขามีแหวนแบบเดี๋ยวกับของนิคกี้ที่มือขวาเขาคือแนทที่ดวงเนตรพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินตามหา”
ดวงเนตรพูดกับโจอี้ด้วยสายตาวิงวอน
            “เอาเถอะผมจะพยายาม” โจอี้รับปาก
 
            SIU คาร์บอนเดล...ทุกคนเพิ่งสอบเสร็จ ทุกอย่างน่าจะดูสดชื่น เพราะเป็นฤดูที่พันธุ์ไม้ต่าง ๆ แย่งกันแตกกิ่งใบ และความงดงามของดอกไม้
เมืองหนาวนานาชนิดแข่งกันผลิบาน แต่หอโดมิโนดูหงอยเหงา คนที่ทำให้เฮฮาก็ไม่รู้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ไหม ไม่เหมือนคราวก่อนที่เคยมารวมตัวกัน
พี่น้อยมีความสุขกว่าใคร เพราะวิทยานิพนธ์ผ่านฉลุย ส่วนน้าวิวและพี่ศิริก็จะเป็นคู่ต่อไปที่จะจบเทอมเดียวกันในภาคเรียนฤดูร้อน
            “เอ! พี่น้อยจะรับปริญญาเมื่อไรคะ” น้าวิวถามขึ้น
            “ก็คงเป็นเทอมหน้าค่ะ”
            “เฮ่อ! หายไปทีละคนสองคน นี่ศิริกับน้าวิวก็จวนจบแล้ว ส่วนพลจะต่อปริญาเอกกฎหมายระหว่างประเทศ ดวงเนตรก็ไปอยู่ได้เกือบปีแล้ว โทร
มาคุยกันไม่มีอะไรคืบหน้า แต่น้องหนูก็ยังไม่ยอมแพ้...เฮ่อ! ”
            “น้าวิวครับมันหลายเฮ่อ! แล้วนะครับ” เหล็กเบรก
            “โอ๊ย! พี่หมัดเจ็บนะ” แล้วก็มีเสียงเคาะประตู น้าวิวเดินไปเปิด ผู้มาพบคือผู้จัดการหอพัก
            “ดอกเตอร์แฮรี่มาขอพบคุณ เขารออยู่ที่ห้องโถง”
            “ขอบคุณค่ะ” ทุกคนหันหน้ามามองกันเหมือนโดนผีหลอก
            “จะเกิดอะไรอีกเนี่ย” น้าวิวทำหน้าเสีย
            พี่น้อยและพี่ศิริเข้าไปโอบน้าวิว “ไป ๆ กันหมดนี่แหละ” 
 
            ทั้งหมดเดินลงมาและทักทายดอกเตอร์แฮรี่ เขาเป็นชายร่างสูง ผอม อายุประมาณห้าสิบกว่า “ฉันต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะคะที่หอจะคับ
แคบหน่อย”
            “ไม่เป็นไรครับ”
            “อาจารย์สบายดีแล้วหรือคะ” คำถามอย่างเป็นห่วง
            ดอกเตอร์แฮรี่ยิ้ม “สบายดีแล้วครับ”
            เขาเอาซองเอกสารส่งให้น้าวิวดู แล้วเล่าย้อนไป “ตอนที่ผมทำงานวิจัยกับแนท...หนอย ผมถามว่านักศึกษาต่างชาติต้องซื้อประกันสุขภาพ
ทุกคนใช่ไหม แนทเป็นคนดีมาก ผมมีความรู้สึกสนิทสนมกับเขาเหมือนลูก งานทุกชิ้นที่ให้แนททำ แน่ใจได้เลยว่าออกมาต้องเพอเฟคท์และตรงเวลา
ความรับผิดชอบเขาสูงมาก ผมเสนอว่าจะซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้เหมือนอย่างที่ผมซื้อทุกปี แต่แนทไม่ยอมรับ จนกระทั่งนิคกี้ซึ่งปกติจะ
มานั่งรอแนททำงานบ่อย ๆ ...เธอช่วยพูดให้ เขาจึงรับข้อเสนอ ผมจ่ายเงินประกันเป็นรายปี เป็นบริษัทใหญ่ ประกันที่ซื้อเป็นประเภทชั้นหนึ่งจะครอบ
คลุมอุบัติเหตุทุกประเภท และรวมค่ารักษาพยาบาล หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น กว่าผมจะได้กลับมาสอนก็หลายเดือน และเพิ่งได้บิลชำระเบี้ยประกันของ
ปีต่อไป ที่ทำให้ผมตกใจคือประกันของแนทค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นมามาก ผมโทรไปเช็ก...เขาแจ้งว่าแนทเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจากอุบัติเหตุ
เครื่องบินตก ผมต้องขอร้องเขาหลายครั้ง สุดท้ายตอนนี้ผมรู้ชื่อโรงพยาบาลแล้ว” ดอกเตอร์แฮรี่เล่ายาว ทุกคนตั้งใจฟังไม่มีเสียงใด ๆ เลย
            “โอ้!พระเจ้า! แนทยังมีชีวิตอยู่” น้าวิวหลุดปากออกมาอย่างยากเย็น ทุกคนอยู่ในอาการตกใจและดีใจกับข่าวของดอกเตอร์แฮรี่
            “เป็นเพราะผมแท้ ๆ ทำให้นิคกี้ต้องระหกระเหินไปตามหาแนทที่ชิคาโก” เขามีสีหน้าเศร้า น้ำตาคลอ “แนทอาจบาดเจ็บหนักเพราะมีการผ่า
ตัดใหญ่ถึงสามครั้ง อย่างไรผมต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ตอนเครื่องตก เป็นเพราะเขาห่วงผมมาก...ถอดเข็มขัดนิรภัยไม่ออก แนทมาช่วยจน
หลุด พอผมออกมาจากเครื่องบินได้ไม่นานเครื่องก็ระเบิด” พูดจบบรรดาสาว ๆ นิ่งนั่งร้องไห้เงียบ ๆ ชูพลน้ำตารื้น
            “มีใครจะไปตามเรื่องแนทกับผมไหม ถ้ามีผม ๆ จะได้จองตั๋วเที่ยวเช้าจากเซนต์หลุยส์ไปชิคาโก” พี่พลตอบแทนทุกคน “ถ้าอย่างนั้นก็ไปสอง
คนคงพอ มีผมและคุณสุพิทยา...น้าวิวครับ”
            “ถ้าจองไฟลท์ไหนได้ผมจะรีบโทรมาบอก” ดอกเตอร์แฮรี่พูดขึ้น
            “นี่ครับเบอร์สุพิทยา” พี่พลเขียนชื่อ นามสกุลของทั้งพี่พลและน้าวิวเป็นภาษาอังกฤษและเบอร์โทรให้
            “ผมต้องกลับแล้วล่ะ ถ้าได้ตั๋วผมจะรีบโทรมาแจ้ง รถมหาวิทยาลัยจะไปส่งเราที่เซนต์หลุยส์ และเครื่องจะบินจากที่นั่นไปชิคาโก ลาก่อนนะ
ทุก ๆ คน”
 
            เมื่อกลับเข้าห้องน้าวิว ทุกคนเริ่มมีความหวังกับเรื่องของหนอยอีกครั้ง  หลายคนมีอาการที่บอกไม่ถูกทั้งดีใจและเสียใจ สี่หนุ่มสงขลานิ่งเงียบ          
            “พล...ทำไมหนอยไม่ติดต่อมาล่ะ” น้าวิวถามอย่างสงสัย
            “ผมไม่แน่ใจว่าหนอยอยู่ในสภาพไหนในเวลานี้ หนอยทำอะไรมีเหตุผลเสมอ ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น น้าวิวครับโทรหาเนตรดีกว่า ถ้า
เธอรู้เรื่องคงช่วยให้มีความหวังมากขึ้น”
            “ดี ๆ ”  เธอรีบโทรถึงดวงเนตรซึ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ใกล้จะมืดแล้ว
            
            “สวัสดีค่ะน้าวิว เสียงดังเลย...สอบเสร็จแล้วกำลังฉลองกันเหรอคะ” ดวงเนตรพูดด้วยความรู้สึกผูกพันและคิดถึง 
            “เนตรทำใจดี ๆ นะ”
            “ว้า! น้าขึ้นต้นประโยคแบบนี้ พี่เนตรเลยช็อกตายคาสายโทรศัพท์พอดี”
            “เงียบ ๆ ไอ้เหล็ก ปากมากนัก” เสียงหมัดดุน้อง
            “มีอะไรหรือค่ะน้าวิว” เสียงถามอ่อนละโหย น้าวิวเล่าเรื่องฉบับย่อที่ได้ทราบมาจากดอกเตอร์แฮรี่ ดวงเนตรทรุดลงไปกองกับพื้น และเงียบงัน
            “เนตร ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า...อย่าเงียบอย่างนี้สิใจไม่ดีเลย” เสียงน้านิดเหมือนจะหมดแรง
            “ค่ะ ๆ ฟังอยู่ค่ะ” เสียงตอบกลับมาปนเสียงสะอื้น เธอเล่าให้น้าวิวฟังเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ที่ร้านโจอี้ แล้วเรื่องจากดอกเตอร์แฮรี่อีก
รวมความแล้วดวงเนตรยิ่งมั่นใจว่าพี่หนอยยังมีชีวิตอยู่ ดวงเนตรเล่าเรื่องที่มาเรียเจอผู้ชายชาวเอเชียที่ใส่แหวนเหมือนของดวงเนตร ขณะทยอยส่งผู้
บาดเจ็บไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ แต่ตอนนั้นมันฉุกละหุกมาก เธอจำอะไรไม่ได้มากนัก กำลังไล่เช็กตามโรงพยาบาลจนป่านนี้ยังไม่คืบหน้าเลย
            “ดวงเนตรทำใจดี ๆ ไว้นะหายใจลึก ๆ อดทนอีกหน่อย น้าวิวกำลังรอดอกเตอร์แฮรี่โทรมายืนยันเรื่องเที่ยวบิน น้ากับพี่พลจะไปกับเขาด้วย
พอรู้ไฟลท์แล้วจะรีบโทรมาอีกทีนะ เอาล่ะแค่นี้ก่อน...ทุกคนรักเนตรนะ” คำนั้นสะท้อนไปมาในดวงใจดวงน้อยของดวงเนตร  
            “ค่ะ เนตรก็รักทุกคนเสมอมา” เธอวางสายลง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลจนเปรอะหน้า

            “ไม่รู้ว่าพี่หนอยจะต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน ดวงเนตรคิดคล้าย ๆ กับพี่พลว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นมากมายเขาถึงยังไม่ติดต่อใครเลย แม้แต่
ทางบ้าน” ดวงเนตรเข้าไปล้างหน้า ชงชาร้อนมากินกับแซนวิชกล้วยหอมชีส เธอเอาเก้าอี้มานั่งรอโทรศัพท์อย่างใจจดจ่อ
            ตะวันลับเนินเขาไปแล้วท้องฟ้ามืดลง เหลือเพียงแสงสว่างสกาวด้วยดวงดาวมากมาย แต่ทำไมหัวใจดวงเนตรช่างมืดมนนัก แล้วน้าวิวก็โทร
กลับมา “เนตรเราได้เที่ยวบินแล้ว ออกจากเซนต์หลุยส์แปดโมงเช้าถึงชิคาโกน่าจะประมาณสิบโมง”
            “แล้วเนตรจะไปรอที่สนามบินนะคะ”
            “โอเค! แล้วเจอกัน”
           
            ดวงเนตรเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด กางเกงยีน สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวถักลายดอกพิกุล เธอขับรถตรงไปที่บ้านมาเรีย เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าบ้าน แมททิว
คิดว่าดอกเตอร์แจ็กสันคงกลับมาแล้ว แต่เมื่อเปิดประตู “Hi! นิคกี้ เป็นไงบ้าง”
            “ก็พอไหวค่ะ...คุณมาเรียอยู่ไหมคะ”
            “อยู่ในครัว เชิญครับ”
            “Hi! นิคกี้ “ นิคกี้ทักทายและเข้าไปกอดมาเรีย ตัวเธอสั่นน้อย ๆ พร้อมเสียงสะอื้น มาเรียเอามือลูบศีรษะนิคกี้
            “ใจเย็น ๆ มีอะไรจ๊ะ” เธอใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาจนแห้ง แล้วเล่าเรื่องตอนบ่ายที่เจอผู้ชายคล้ายพี่หนอยและข่าวทางคาร์บอนเดล
            “แนท...เขารักนิคกี้มาก แต่ทำไมเขาทำตัวแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่”
            “นิคกี้ก็คิดเหมือนคุณมาเรีย”
            “เอาอย่างนี้...พรุ่งนี้เป็นวันหยุดฉันพอดี เราไปรับดอกเตอร์แฮรี่ที่สนามบินด้วยกัน O.K!”
            “มากินอาหารเย็นกันก่อนนะ” มาเรียชวน
            “นิคกี้กินแล้วค่ะ ต้องขอตัวก่อน”
            “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าฉันจะไปรับที่บ้านนะจ๊ะ”
            “ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิคกี้กลับก่อนนะคะ”
 
            ดวงเนตรจอดรถเข้าที่เรียบร้อยแล้ว พี่ภัทรเพิ่งกลับมา เธอเดินเข้าไปหา ระยะเวลากับตัวตนของดวงเนตรทำให้ภัทรใจอ่อนและเอ็นดูเธอมากขึ้น
            “สวัสดีค่ะพี่ภัทร”
            “ว่าไงได้ A หมดสินะเก่งนี่เรา”
            “พี่ภัทรมีเวลาไหมคะ”
            “อือ” แล้วดวงเนตรก็เล่าเรื่องทุกเรื่องให้พี่ภัทรฟัง
            “น่าสนใจนะ หนอยเขาต้องจำเธอได้…แปลก”
            “ทำไมพี่ภัทรพูดอย่างนี้ล่ะคะ”
            “เพราะเขาจำได้แม้สิ่งที่เขาและเธอชอบ มันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น”
            ‘นี่เป็นคนที่สี่แล้วที่คิดอย่างนี้’ เธอคิด
            “พรุ่งนี้มาถึงก็ให้ดอกเตอร์มาพักบ้านพี่กับพล ส่วนน้าวิวก็อยู่ที่บ้านเนตรดีไหม บ้านพี่แม่บ้านเพิ่งเข้ามาทำความสะอาดรับรองไม่มีอะไรเลอะ
เทอะ ตกลงตามนี้นะ”
            “ขอบคุณค่ะ”
 
                   นกเอ๋ยนก  โปรดคาบข่าว  เจ้าอย่าช้า
                   บอกหน่อยว่า  ดวงใจข้า  นั้นอยู่ไหน         
                   หนาวเหน็บ  เหนื่อยล้า  อ้างว้างเพียงใด
                   ไกลแค่ไหน  จะไปรับ พี่กลับมา ******
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่