หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (54)...ยังคอย

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (54)...ยังคอย   
 
            มาเรียมาแวะแต่เช้า ดวงเนตทำอาหารเช้าเตรียมไว้ให้สองชุด “Hi! นิคกี้ สบายดีไหม”
            “Hi! มาเรีย นิคกี้นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
            “ทำใจให้สบาย นิคกี้เป็นคนดีส่วนแนทก็เป็นคนดี พระผู้เป็นเจ้าย่อมคุ้มครอง”
            “นิคกี้ทำอาหารเช้าไว้สองชุด เชิญค่ะ”  
            “เราพร้อมจะไปที่สนามบินหรือยังค่ะ” มาเรียถามหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว
  “ได้เลยค่ะ ฉันเรียบร้อยแล้ว”
  “รถคุณมาเรียคันใหญ่ดีนะคะ”
            “ใช่! เพราะเราสองคนตัวใหญ่ นั่งทียางรถแทบระเบิด แจ็กสันถึงตัดสินใจขายรถสปอร์ตให้นิคคกี้ไง” ดวงเนตรหัวเราะขำ ส่วนมาเรียก็พลอย
หัวเราะด้วยเพราะนึกภาพเธอและสามีในรถคันเล็ก ๆ นั่น
            ‘นาน ๆ จะได้ยินนิคกี้หัวเราะ’ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีเธอคิด
 
            รถจอดเข้าที่จอดของสนามบินเรียบร้อย ดวงเนตรขอตัวสักครู่
            “ไม่ต้องรีบก็ได้เรายังพอมีเวลา”
            “เธอไม่ว่าอะไรนะถ้าฉันจะเดินไปเป็นเพื่อน”
           “มาด้วยกันเลยค่ะ” ดวงเนตรเดินนำมาในมือถือดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ ป้ายที่ดวงเนตรแขวนไว้มีคนมาร่วมเซ็นชื่อ ร่วมด้วยช่วยกันเป็นแรง
ใจให้ดวงเนตร ทั้งสองมองหน้ากันแล้วทำตาแดง ดวงเนตรเงยหน้าขึ้นมองตะวันกำลังลอยตัวขึ้นทาบทับแผ่นฟ้า ใจส่งไปไกลถึงคนที่เธอรัก ดวงเนตร
ก้มลงจูบเบาทีละกลีบ ก่อนวางดอกกุหลาบลงอย่างช้า ๆ หลับตาลง
            “ขอให้เนตรหาพี่หนอยเจอเสียทีเถิด” ส่วนมาเรียเอามือประสานกันสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าในสิ่งเดียวกับที่ดวงเนตรขอ เธอเดินเข้ามาโอบ
ไหล่
            “ไปกันเถอะนิคกี้”
 
            “นั่นไงพล เนตรอยู่ทางโน้น” น้าวิวส่งเสียงอย่างดีใจ ดวงเนตรเห็นพวกเขา...เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาตามร่องแก้ม เพราะความดีใจที่ได้
เจอกันอีก พลกับดอกเตอร์แฮรี่ไปรับกระเป๋าที่ราง ส่วนน้าวิววิ่งไปกอดดวงเนตร ทั้งคู่กอดกันแน่นเหมือนให้หายคิดถึง
            “ไม่ร้องไห้นะ อย่างน้อยเราก็มีความหวังนะเนตร”
            “ค่ะ” มาเรียมองดูสองคนแล้วชื่นใจ‘คำว่าเพื่อนมีอยู่ทั่วไปในโลกกลม ๆ ใบนี้’ มาเรียคิด แล้วทั้งสามก็ออกมาครบ ดวงเนตรหันไปไหว้พี่พล
และเชคแฮนด์กับดอกเตอร์แฮรี่ 
            “เธอผอมไปมากนะนิคกี้” ดอกเตอร์แฮรี่ทัก
            “ค่ะ” นิคกี้แนะนำดอกเตอร์แฮรี่ให้รู้จักกับมาเรีย
            “คุณมาเรียเป็นหัวหน้าฝ่ายสืบสวนของกรมตำรวจค่ะ”
            “ดอกเตอร์แฮรี่เป็นอาจารย์ที่แนททำงานด้วย” ส่วนพี่พลและน้าวิวเข้าไปโอบมาเรียแล้วทักทาย แล้วปล่อยให้เธอคุยกับดอกเตอร์แฮรี่ต่อ 
            “แจ็กสันติดธุระที่มหาวิทยาลัยเลยมาพบอาจารย์ไม่ได้ค่ะ”
            “ไม่เป็นไร เขาสบายดีไหม”
            “สบายดีค่ะ”
 
            ทุกคนมาที่รถเอาสัมภาระใส่แล้วออกเดินทางตรงไปที่บ้านพี่ภัทร “เรามีเพื่อนรุ่นพี่ทำงานอยู่ฝ่ายชันสูตร รู้จักกับคุณมาเรียดี ถ้าอาจารย์ไม่ว่า
อะไร เราไปพักที่นั่นก็สะดวกนะคะ” ดวงเนตรเอ่ยขึ้น
            “ได้เลยนิคกี้ สำหรับผมไม่มีปัญหาแน่นอน”
 
            พี่ภัทรออกมารออยู่แล้ว เราแนะนำให้รู้จักกับดอกเตอร์แฮรี่ พี่ภัทรนำทุกคนเข้าไปที่ห้องรับแขก ส่วนพี่พล เอาของเข้าไปเก็บในห้องใหญ่...
อุปกรณ์ เครื่องใข้ในห้องครบครัน พร้อมห้องน้ำในห้อง
            ดวงเนตรทำแซนวิชแฮมชีสมาเสริฟพร้อมน้ำส้ม เป็นอาหารเช้าสำหรับทุกคน ดอกเตอร์แฮรี่นำเอกสารส่งให้มาเรีย เธอดูอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับ
พี่ภัทรว่า “เรายังไปตรวจดูไม่ถึงที่นี่ เพราะค่อนข้างจะอยู่เส้นทางนอกเมืองแต่เขามีหมอเก่งหลายคน” มาเรียเอ่ย
            “เอาอย่างนี้ดีไหม เราไปดูกันเลย” ดอกเตอร์แฮรี่พูดอย่างร้อนใจ ทุกคนเห็นด้วย มาเรียขับรถพาพวกเราไป โดยให้ดอกเตอร์แฮรี่นั่งหน้า ระหว่าง
ทางพี่พลทักพี่ภัทรเหมือนใจเดียวกันกับน้าวิว
            “พี่ภัทรเปลี่ยนไปไหมครับ”
            “ทำไมจะชมว่าพี่หล่อขึ้นหรือ” น้าวิวนิ่วหน้าใส่
            พี่ภัทรหัวเราะ “ไม่ดีเหรอพี่เปลี่ยนไปในทางบวกก็น้องหนูเล่นกระดกไวน์และรังแกตัวเอง”
            “พี่ภัทร” เสียงอ่อนของดวงเนตรทำให้เขาหยุดพูด แต่ทั้งหมดก็เข้าใจแล้วว่าเขาเปลี่ยนไปเพราะความสงสารดวงเนตร
 
            โรงพยาบาลที่ระบุไว้ในเอกสารห่างจากที่เราอยู่ไปทางใต้ประมาณสี่สิบไมล์  เพียงครึ่งชั่วโมงมาเรียก็พาทุกคนมาถึง เธอแสดงบัตรเจ้าหน้าที่
ให้นางพยาบาลดู บังเอิญหมอไมเคิลเจ้าของไข้มาเข้าเวรพอดี
            “มีอะไรให้เราช่วยเหลือครับ” หมอถามมาเรีย
            “มีค่ะ”
            “งั้นไปที่ห้องผมจะสะดวกกว่า...เชิญครับ”  

            หมอไมเคิลเริ่มเล่ารายละเอียดให้ทราบ คุณหมอหยิบแฟ้มพี่หนอยขึ้นมาบอกให้ทุกคนรู้เพิ่มเติม  “เขาเป็นผู้ชายชาวเอเซียผิวขาวละเอียด
อายุยี่สิบแปดปี เราเรียกชื่อเขายากมาก เขาเลยให้เรียกเขาว่าแนท” คนที่น้ำตาไหลอย่างเงียบคือดวงเนตรและน้าวิว หมอเอารูปแรกของหนอยให้ดู
“จากโหนกแก้มยาวเกือบถึงคางเป็นแผลลึก แขนซ้ายจากศอกลงมาถึงหลังมือถูกไฟไหม้แต่ยังดีที่เป็นเพียงแค่ระดับแรกไม่รุนแรง...
First Degree Burn” หมอไมเคิลพูดให้ฟังประกอบภาพถ่ายคนคนไข้ ภาพแรกที่ดวงเนตรเห็นแทบจะจำเค้าหน้าพี่หน่อยไม่ได้เลยเพราะมันยังบวม
อยู่ ขาซ้ายหัก และภาพที่สองเป็นการผ่าตัดทางศัลยกรรมช่วยให้คนไข้ดูดีขึ้น จนถึงภาพที่ถ่ายหลังการผ่าตัดทำศัลยกรรมครั้งสุดท้าย เห็นเป็นแนว
บางลง
      
            “เขาเป็นคนที่มีความอดทนมาก เงียบแต่เขาขอให้ขยับเตียงจนชิดหน้าต่าง เขาบอกพยาบาลว่า...บนผืนฟ้าเขาจะมองเห็นหน้าของเธอ ไม่ว่า
จะต้องเจ็บแค่ไหนผมไม่เคยเห็นเขาปริปากบ่น แต่เมื่อมีเวลาบางช่วงเขาจะวาดรูปแฟนด้วยดินสอ เธอสวยมาก
            “เอ!” หมอหันมาทางดวงเนตรที่น้ำตาไหลร่วงไม่หยุดยั้ง
            “ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมครับ” มาเรียพยักหน้า
            “คุณทั้งสองคงรักกันมาก ผมเสียใจด้วย” หมอไมเคิลพูดกับนิคกี้ 
            “แล้วตอนนี้คนไข้อยู่ห้องไหนคะ” มาเรียถาม
            "เขาออกจากที่นี่ไปได้สิบวันแล้ว" สีหน้าทุกคนดูผิดหวังมาก
            “อีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกคือตาข้างขวาของเขาบอด”
            “โอ้พระเจ้า!” เสียงน้าวิวและมาเรียอุทานขึ้นพร้อมกัน แต่เสียงที่ตามมาคือเสียงสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวดของดวงเนตร เธอรักเขามากเพียงใด
ความเจ็บปวดที่เขาต้องเผชิญเพียงลำพัง ยิ่งทำให้ดวงเนตรบอบช้ำยิ่งกว่า
            “ตอนนี้แนทรอการเปลี่ยนเลนส์ตา เพราะจากอุบัติเหตุทำให้เลนส์ตาเขาฉีก มีวิธีรักษาแต่ต้องมาจากการบริจาคเลนส์ตาของผู้อื่นที่เสียชีวิตแล้ว
ตามสัดส่วนประชากรแล้ว มีคนในชิคาโกอาศัยอยู่เกือบสามล้านคน เป็นชาวเอเชียเกือบหนึ่งแสนห้าพันคน ก็ถือว่ายังพอมีโอกาสอยู่หรือถ้าเราได้จาก
แหล่งอื่นซึ่งทางเราก็ทำเรื่องไปด้วยเช่นกัน” ดอกเตอร์แฮรี่สอบถามเรื่องการบริจาคอวัยวะ และคำถามอื่น ๆ อีก จากนั้นทุกคนก็กล่าวขอบคุณ และ
เตรียมจะกลับ หมอไมเคิลเหมือนนึกอะไรได้ เขาเรียกนิคกี้ แล้วเอ่ยว่า  “ก่อนแนทจากไปเขาจะไปหาบ้านเช่าอยู่ เขาเอาเบอร์โรงพยาบาลไปด้วย
บอกเพียงแต่ว่าเมื่อเขาได้โทรศัพท์แล้วจะแจ้งเบอร์มาให้เราทราบ”
            “คุณทิ้งเบอร์โทรให้ผมดีไหม เผื่อจะติดต่อกันได้เมื่อแนทมารับการผ่าตัดเปลี่ยนตา” หมอไมเคิลพูดขึ้น ทุกคนกล่าวขอบคุณอีกครั้ง 
            ตอนออกมาพี่ภัทรต้องพยุงดวงเนตรขึ้นรถ พี่พลวิ่งไปซื้อน้ำส้มมาแจกทุกคนเหมือนรู้หน้าที่
 
            บนรถ...ดวงเนตรก็เบรกแตกซบน้าวิวคร่ำครวญปานจะขาดใจ “พี่หนอยเป็นคนดี ทำไมพระเจ้าถึงทำกับเขาได้เพียงนี้ มันไม่ยุติธรรมเลย”  
เธอสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร
            “พี่พลว่าความดีของหนอยมีมากมาย แต่มันอาจเป็นกรรมเก่า อย่างไรพี่เชื่อว่าพี่หนอยต้องกลับมาหาเนตรแน่นอน”
 
            กลับถึงบ้านแล้ว...ดอกเตอร์แฮรี่ให้น้าวิวพาดวงเนตรไปพักผ่อน มาเรียยังคุยกับดอกเตอร์และพี่ภัทร  
            “ฉันคิดว่าแนทต้องมาหาบ้านเช่าไม่ไกลจากที่นี่แน่ แต่เขายังไม่พร้อมที่จะบอกใครและพบใคร ฉันจะออกสืบดูบ้านเช่าในละแวกนี้ดู”
สุภาพบุรุษทั้งสองเห็นด้วยกับมาเรีย  ก่อนมาเรียจะกลับ พี่ภัทรเชิญทั้งมาเรียและดอกเตอร์แฮรี่ไปร่วมกินอาหารค่ำที่ร้านอาหารไทยของ
พี่นัดดา
 
            ดวงเนตรอาบน้ำออกมาแล้ว เธอพาน้าวิวมานั่งรับลมข้างนอก ไม่มีบทสนทนาจากทั้งสองคน แต่น้าวิวนั่งจับมือเธอไว้ มองไปยังทุ่งกว้างสุดตา
แลเห็นเนินเขาหม่น ๆ ในความมืด
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่