หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (17)...ตัวปัญหากับคำตอบ
น้าวิวถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นหน้าคนที่ดึงเธอเข้ามาในห้องข้างห้องประชุม
“ไอ้ก๊วก.. หนอย มาถึงเมื่อไร” เธอเรียกหนอยด้วยสรรพนามทั้งสองพร้อมกัน คงบอกได้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ดีใจที่เห็นตัวปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเจ้า
ของปัญหามาพร้อมกับคำตอบแบบไหน
“ทำไมแกไม่โทรหาน้าเลย แกรู้ไหมว่าเนตรผอมลงเยอะเลย เมื่อครู่ก็ไม่สบายพี่น้อยต้องเดินไปส่ง”
“ดวงเนตรเป็นอะไรครับ” ท่าทางหนอยตกใจ สายตาไอ้ตี๋มีเหล่าเต๊ง คิ้วหนาได้รูปสวย ดูเป็นกังวล “แกไม่ต้องมาสนใจเลย ทำเขาเจ็บขนาดนั้น
คงแต่งงานกับเดือนนภาแล้วสิ” เสียงน้าวิวสะบัดตามอารมณ์โกรธ
“แกถึงได้กลับมา ถ้าแกรักดวงเนตรอย่างที่น้าเห็น แกไม่กลับมาเลยซะดีกว่า” น้าวิวพูดยาวด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ กับสิ่งที่ต้องเห็นถึงความ
เศร้าของดวงเนตรมันมากมายนักได้เพียงมองแต่ช่วยอะไรสาวน้อยไม่ได้เลย หนอยรอจังหวะพูดแทรกทันที
“ขอโทษครับ ขอให้หนอยพูดหน่อยนะครับที่เตี่ยให้หน่อยกลับบ้านด่วน เป็นเพราะคุณเดือนกับพ่อของเธอมาหาเตี่ยและขอยกเลิกการหมั้น
พ่อคุณเดือนนภาเพิ่งเข้าใจว่าการตกลงกันของผู้ใหญ่มันทำร้ายชีวิตของลูกทั้งชีวิต ส่วนคุณเดือนบอกว่าเขารักหนอยได้แค่เพื่อน ตัวเองมีแฟนแล้วและ
ทั้งสองเพิ่งแต่งงานก่อนผมจะกลับมาคาร์บอนเดลเพียงสองวัน ผมเป็นอิสระแล้วน้าวิว” เขาจับมือเธอเขย่าอย่างดีใจ ประกายตาที่เคยหม่นหมอง บัดนี้
เจิดจ้าดังแสงตะวัน ทั้งหมดคร่าว ๆ ยังคงทำให้ผู้รับฟังงง!
“เรากลับไปหอพักกันก่อนเถอะครับผมเป็นห่วงเนตร แล้วผมจะเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังนะครับ”
“ได้เล้ย!” น้าวิวใช้กำปั้นทุบที่แขนหนอยด้วยความเจ็บใจ
“โอ๊ย! พอเถอะผมเจ็บนะ” ผู้ลงมือจึงหยุด ทั้งคู่รีบเดินกลับหอโดยลืมบอกพี่พล และลืมเอาแซนด์วิชกลับไปให้ดวงเนตรด้วย
พี่น้อยนั่งอ่านหนังสือข้างเตียง เพราะมาถึงหน้าเธอซีดมากและอาเจียน พี่น้อยช่วยเช็ดหน้าให้ หาน้ำอุ่นให้ดื่มและให้ดวงเนตรนอนพัก เธอเข้า
ใจอาการแบบนี้ดี ตัวเองก็เคยเป็นช่วงที่เครียดมาก ๆ จะกินอะไรไม่ค่อยได้ แล้วถ้ายิ่งนอนไม่พอยิ่งไปใหญ่ พี่น้อยดึงผ้าห่มมาคลุมให้ เสียงกล่าวขอบ
คุณแผ่วเบา ดวงเนตรหลับตา...น้องหมวยถึงจะไม่ตาโตเหมือนแขก แต่ดวงตายาวรีสีน้ำตาลเข้มที่มีเหล่าเต๊งเหมือนหนอยดูสวยนัก ขนตายาวงอน
หลับตาพริ้ม
คนไข้เคลิ้มเกือบจะหลับ มีคนมาเคาะประตู เสียงเคาะเป็นจังหวะ ๆ ซึ่งหายไปนานพอควร เป็นเสียงที่ดวงเนตรคุ้นเคยและเฝ้ารอ เธอผลุดลุก
ขึ้นนั่งบนเตียงทันที พี่น้อยอาสาไปเปิดให้
“จะมีใครล่ะที่เคาะประตูจังหวะนี้” เธอเอ่ยพร้อมเสียงสะอื้น พี่น้อยร้องขึ้นอย่างดีใจ
“อุ๊ย! หนอยจริง ๆ ด้วย” เขาไม่ได้หยุดทักแต่ก้าวยาว ๆ มาที่เตียง นั่งลงข้างตัวดวงเนตรแล้วกอดไว้กับอก กลิ่นหอมของโคโลญจน์ กลิ่นอ่อนที่เธอ
คุ้นเคยนัก เสียงสาวน้อยสะอื้นไห้ยาวนาน มันกรีดลึกลงไปในจิตใจของทุกคน อกกว้างยังกอดเธออยู่และโยกไปมาเหมือนปลอบโยน
“เนตรพี่หนอยมาแล้ว” สติค่อย ๆ กลับคืนมา เธอใช้กำปั้นทุบที่อกกว้างหลายครั้ง หนอยจับมือที่รัวกำปั้นไว้อย่างอ่อนโยน มองลึกเข้าไปในดวงตา
สีน้ำตาลเข้มที่แดงช้ำ หน้ายังซีดอยู่ สีหน้าบอกถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
“กลับมาทำไม อยากเห็นเนตรตายไปกับตาใช่ไหม” เสียงขาดหายไปพร้อมแรงสะอื้น
“เนตรจ๊ะ..ฟังพี่หนอยก่อนนะคนเก่ง พี่หนอยถอนหมั้นกับคุณเดือนนภาแล้ว” เขารับผ้าขนหนูบิดจนเกือบแห้งมาจากมือพี่น้อย แล้วเช็ดอย่างเบา
มือ น้าวิวเดินไปปิดประตูล็อกห้อง แล้วเรื่องราวสองอาทิตย์ที่หนอยกลับเมืองไทยก็ค่อยกระจ่างขึ้นตามลำดับจากปากของเขาเอง
“เตี่ยเรียกกลับเพราะเหตุจากคุณเดือนต้องการยกเลิกการหมั้น ดูแม่เป็นห่วงผมมาก แต่ผมบอกเองว่าโล่งอก แล้วเล่าเรื่องดวงเนตรให้ฟังจนหมด แม่กอดผมแล้วบอกว่าห้ามทำแบบนี้อีก ดูสิว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย แม่บอกผมว่า...หนอยรักใคร แม่ก็จะรักเขาให้เท่ากับที่หนอยรัก ความสุขของลูกก็คือความสุขของพ่อแม่ ผมโดนบังคับให้ไปตัดผม และเอาหนวดเคราออกก่อนกลับมาอเมริกา แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวแฟนจำไม่ได้ทำไงล่ะ และเนตรก็ตัดผมเก่งไว้ให้แฟนทำดีกว่าแม่เลยบอกว่าตามใจ” เล่าจนจบแต่สายตาจดจ้องใบหน้าดวงเนตรเหมือนกลัวว่าจะเลือนหาย
ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอกพร้อมกันเหมือนนัดไว้ น้าวิวหายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมซุปข้าวโพดร้อนหนึ่งชาม คนที่ตามติดมาด้วยคือพี่ศิริ
หนอยรับชามซุปมาป้อนดวงเนตรจนหมด พี่น้อยไปขยี้ผ้าขนหนูมาอีกรอบพร้อมแก้วน้ำอุ่นยื่นให้หนอย เขารับมาเช็ดรอบดวงหน้าสวยอีกรอบ ส่งแก้วน้ำ
ให้ดื่ม น้าวิวบอกทุกคนให้กลับกันเถอะดวงเนตรจะได้พัก
“เนตรนอนคนเดียวได้ไหมจ๊ะ เผื่อไม่สบายอีกตอนกลางคืน” เสียงพี่น้อยเป็นห่วง
“น้าวิวมานอนเป็นเพื่อนก็ได้นะ”
“เนตรดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบพระคุณทุกคนมากค่ะที่ดูแลเนตรอย่างดี” ดวงเนตรล้มตัวลงนอน หนอยเอาผ้าห่มคลุมให้ ก้มลงจูบเปลือกตาทั้งคู่แผ่วเบา
“พี่หนอยกลับก่อนนะครับ” หนอยออกมาจากห้องแล้วหันมายกมือไหว้พี่ทุกคน
“ผมต้องขอบพระคุณทุกคนมากที่ดูแลดวงเนตรอย่างดี”
“เอาเถอะไปพักผ่อนกันก่อน ฉันยังไม่มีแรงจัดการกับแกเอาไว้วันหลัง” น้าวิวขู่ แล้วทุกคนก็ยิ้มให้กันอย่างสดชื่นสำหรับความสุขในวันนี้
พี่น้อยและหนอยมากินอาหารเช้าที่ห้องน้าวิวกัน รออยู่จนสิบโมงก็ยังไม่มีวี่แววดวงเนตร จนหนอยทนไม่ไหว
“น้าวิวครับปกติดวงเนตรตื่นแต่เช้าทุกวันนะครับ”
“อือ! ใช่” เสียงตอบกับอาการแปลกใจ
“พี่น้อยว่าเราไปเรียกดูดีกว่าค่ะ ถ้าเพลียจริง ๆ นอนนานขนาดนี้ก็หายแล้ว” ทุกคนพากันมาที่ห้องดวงเนตร เสียงเคาะประตู...
เงียบคือคำตอบ
“ผิดปกติแล้วล่ะ”
“ห้องล็อกด้วยครับ” หนอยออกอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนจะไม่ล็อกอย่างเดียวใส่กลอนด้วย เพราะเนตรเป็นคนบอกพี่น้อยเองว่ามันปลอดภัยกว่า”
“เอาอย่างนี้พี่น้อยจะไปขอกุญแจสำรองกับผู้จัดการหอพัก เราต้องขอผ่านเข้าห้องแอนแล้วเปิดประตูห้องน้ำแล้วล่ะ แอนคงไม่ว่าเธอไปเที่ยว
กับเพื่อน” น้าวิวแก้ปัญหา
ครู่เดียวก็เปิดเข้าไปในห้องดวงเนตรได้ ดวงเนตรนอนหลับสนิท ตัวงอ ใบหน้าแดง หนอยผวาเข้าถึงตัวก่อนใคร เขาเอามือแตะที่หน้าผาก
“น้าวิวตัวเนตรร้อนมากเลย ทำไงดี” น้าวิวก้าวมาติด ๆ จับแขน และหน้าผากบ้าง
“ตัวร้อนมาก พี่น้อยเอาน้ำเย็นใส่กะละมังมาค่ะ” หนอยเปิดประตูตู้หาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมา ทั้งคู่เอาสองสิ่งที่น้าวิวต้องการมาให้
“พี่น้อยมาช่วยกัน ส่วนแกเอาเก้าอี้ไปนั่งที่ประตูแล้วหันหน้าไปทางโน้น”
“ห้ามหันมาจนกว่าเราจะเสร็จ เข้าใจ๊ !” ทั้งสองสาวลงมือเช็ดตัวดวงเนตร เปลี่ยนน้ำอยู่สองรอบ จนตัวเธอเย็นลง
“เนตร ๆ ” เสียงน้าวิวเรียก
“คะ”
“ดีขึ้นไหม” เสียงถาม เธอผงกศีรษะ
“เนตรเป็นอะไรคะ”
“ตัวร้อนอย่างกับไฟ คงเป็นไข้น่ะ”
“น้ำค่ะ ขอน้ำ” หนอยรีบไปเทใส่ในแก้วใบใหญ่มาให้ สองคนเอาผ้าและกะละมังไปเก็บ หนอยนั่งลงข้างเตียงยกศีรษะดวงเนตรขี้น เธอดื่มรวด
เดียวหมดแก้ว
“เอาอีกหน่อยไหมครับ...เนอะอีกแก้ว ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะได้ช่วยลดไข้ด้วยนะครับ” น้าวิวเดินกลับไปที่ห้องหยิบแผ่นเจลเย็น และยาลดไข้สองเม็ด
มาด้วย เธอยื่นให้หนอยเพราะเขายึดที่มั่นของน้าวิวไว้แล้วดูเหมือนจะถอยทัพยาก หนอยเอาแผ่นเจลติดที่หน้าผากดวงเนตร มันช่วยระบายความร้อนดี
แล้วก้มลงกระซิบ
“เนตรทานยาลดไข้หน่อยนะ”
“หนอยแกไม่ต้องก้มต่ำขนาดนั้นหรอก จมูกแกเกือบจะชนแก้มน้องอยู่แล้ว” น้าวิวทำเสียงดุ
“แหมจริงเลยน้า...แม่ทูนหัว” หนอยประคองดวงเนตรให้นั่งเอาหมอนข้างยันไว้และเอาหมอนยัดอีกที ท่าทางหนอยคล่องแคล่ว แล้วส่งยาให้
เธอกินตามด้วยน้ำ
“เฮ้ย! ไอ้หนอยเมื่อก่อนแกเป็นบุรุษพยาบาลที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ท่าทางคล่องแคล่วนัก”
น้าวิวแกล้งถาม
“เคยครับ...ตอนดูแลก๋ง...ไม่สบายอยู่สองปี หนอยโตมากับก๋งเลยขอดูแลจนก๋งจากไป” หนอยตาแดงเมื่อพูดถึงคนที่ให้ชีวิต และสอนความเป็น
ลูกผู้ชายให้แก่เขา ดวงเนตรเอื้อมมือมาจับมือพี่หนอย จากใจสู่ใจในความรู้สึกที่เชื่อมต่อถึงกัน พี่น้อยหายไปจากห้องครู่เดียว กลับมาพร้อมซุปเห็ดหอม
กรุ่น เธอส่งให้หนอยพร้อมช้อนซุป
“ค่อยๆ ป้อนนะคะ ยังร้อนอยู่” หนอยป้อนซุปจนหมด ทั้งสองคนมองตากันอย่างเป็นสุข อิ่มแล้วเขาเช็ดหน้าให้อีกรอบ พี่น้อยส่งน้ำเปล่าให้เนตร
ดื่มจนหมด
“ตัวเย็นลงแล้วค่ะ” พี่น้อยแตะหน้าผากพร้อมรายงาน
“พรุ่งนี้คงหายนะจ๊ะ ยิ่งมีคนดูแลแบบนี้ ดีไม่ดีเย็นนี้ก็หายแล้ว” น้าวิวแซวเอา
“ขอบคุณทุกคนนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นอนต่ออีกสักพักนะ” น้าวิวบอกกับเธอ
“หนอย ถ้าแกจะนั่งเฝ้าเนตรฉันก็อนุญาตนะแต่ต้องเปิดประตูไว้”
“คร้าบผม...จะไม่ให้ยุงไต่ไรตอมเลยครับคุณแม่” หนอยแหย่ อิ่มท้องดวงเนตรก็หลับต่อ
“เออ! น้าว่าจะถามเธอสักหน่อย”
“ได้ครับ” แล้วทั้งสามลงมานั่งที่พื้นห้องคุยกันเบา ๆ
“เธอเหลืออีกเทอมเดียวก็จบแล้วสิ แล้วดวงเนตรล่ะจะเอายังไง” น้าวิวถาม
“พรุ่งนี้ผมมีนัดกับอาจารย์ที่ปรึกษา ...ดอกเตอร์แฮรี่ ผมเคยเกริ่นไว้ว่าจะลงในเทอมหน้าแค่สองวิชา ผมเหลือแค่สี่วิชาก็จบครับ”
“เกียรตินิยมด้วยใช่ไหม” น้าวิวดักคอ
“ครับผม”
“น่าชื่นใจแทนเตี่ยกับแม่นะ” มันเป็นความจริงใจของน้าวิว
“แล้วถ้าจบล่ะคะ” พี่น้อยถาม
“ผมจะทำงานวิจัยกับดอกเตอร์แฮรี่ต่อ เราตกลงค่าจ้างแล้ว กว่างานวิจัยจะเสร็จคงไล่กับที่ดวงเนตรจบครับ”
“จ้า! พ่อรูปหล่อ พ่อรวย แฟนสวย แถมเรียนเก่ง” น้าวิวอดกัดเล็ก ๆ เข้าให้ไม่ได้
“พี่น้อยละลุ้นตัวโก่ง ลงเอยดีก็ดีกันทั้งคู่” พี่น้อยพูดจบแล้วหัวเราะสุขใจ ทุกคนมองหน้าใสของหนอย วันนี้โกนหนวดเคราออกหมดดูหน้าตาสด
ชื่น คิ้วได้รูป ผิวขาวละเอียดพอ ๆ กับดวงเนตร ผมยังยาวรุงรังอยู่...คงรอให้เนตรตัดแน่
วันนี้หนอยใส่เสื้อยืด ยี่ห้อดัง กางเกงยีน คาดเข็มขัด นาน ๆ ทีที่เห็นหนอยแต่งกายสุภาพ
“น้านวิวครับ ถ้าเนตรตื่นมาและหายดี ผมขออนุญาตพาไปขับรถเล่นนะครับ”
“อย่าเพิ่งหวังอะไรมากไอ้น้อง ตอนเย็นแล้วค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้มีหน้าที่นั่งเฝ้าแล้วเปิดประตูทิ้งไว้ด้วย OK! ”
เสียงพูดก่อนจากไป
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (17) ...ตัวปัญหากับคำตอบ
น้าวิวถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นหน้าคนที่ดึงเธอเข้ามาในห้องข้างห้องประชุม
“ไอ้ก๊วก.. หนอย มาถึงเมื่อไร” เธอเรียกหนอยด้วยสรรพนามทั้งสองพร้อมกัน คงบอกได้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ดีใจที่เห็นตัวปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเจ้า
ของปัญหามาพร้อมกับคำตอบแบบไหน
“ทำไมแกไม่โทรหาน้าเลย แกรู้ไหมว่าเนตรผอมลงเยอะเลย เมื่อครู่ก็ไม่สบายพี่น้อยต้องเดินไปส่ง”
“ดวงเนตรเป็นอะไรครับ” ท่าทางหนอยตกใจ สายตาไอ้ตี๋มีเหล่าเต๊ง คิ้วหนาได้รูปสวย ดูเป็นกังวล “แกไม่ต้องมาสนใจเลย ทำเขาเจ็บขนาดนั้น
คงแต่งงานกับเดือนนภาแล้วสิ” เสียงน้าวิวสะบัดตามอารมณ์โกรธ
“แกถึงได้กลับมา ถ้าแกรักดวงเนตรอย่างที่น้าเห็น แกไม่กลับมาเลยซะดีกว่า” น้าวิวพูดยาวด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ กับสิ่งที่ต้องเห็นถึงความ
เศร้าของดวงเนตรมันมากมายนักได้เพียงมองแต่ช่วยอะไรสาวน้อยไม่ได้เลย หนอยรอจังหวะพูดแทรกทันที
“ขอโทษครับ ขอให้หนอยพูดหน่อยนะครับที่เตี่ยให้หน่อยกลับบ้านด่วน เป็นเพราะคุณเดือนกับพ่อของเธอมาหาเตี่ยและขอยกเลิกการหมั้น
พ่อคุณเดือนนภาเพิ่งเข้าใจว่าการตกลงกันของผู้ใหญ่มันทำร้ายชีวิตของลูกทั้งชีวิต ส่วนคุณเดือนบอกว่าเขารักหนอยได้แค่เพื่อน ตัวเองมีแฟนแล้วและ
ทั้งสองเพิ่งแต่งงานก่อนผมจะกลับมาคาร์บอนเดลเพียงสองวัน ผมเป็นอิสระแล้วน้าวิว” เขาจับมือเธอเขย่าอย่างดีใจ ประกายตาที่เคยหม่นหมอง บัดนี้
เจิดจ้าดังแสงตะวัน ทั้งหมดคร่าว ๆ ยังคงทำให้ผู้รับฟังงง!
“เรากลับไปหอพักกันก่อนเถอะครับผมเป็นห่วงเนตร แล้วผมจะเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังนะครับ”
“ได้เล้ย!” น้าวิวใช้กำปั้นทุบที่แขนหนอยด้วยความเจ็บใจ
“โอ๊ย! พอเถอะผมเจ็บนะ” ผู้ลงมือจึงหยุด ทั้งคู่รีบเดินกลับหอโดยลืมบอกพี่พล และลืมเอาแซนด์วิชกลับไปให้ดวงเนตรด้วย
พี่น้อยนั่งอ่านหนังสือข้างเตียง เพราะมาถึงหน้าเธอซีดมากและอาเจียน พี่น้อยช่วยเช็ดหน้าให้ หาน้ำอุ่นให้ดื่มและให้ดวงเนตรนอนพัก เธอเข้า
ใจอาการแบบนี้ดี ตัวเองก็เคยเป็นช่วงที่เครียดมาก ๆ จะกินอะไรไม่ค่อยได้ แล้วถ้ายิ่งนอนไม่พอยิ่งไปใหญ่ พี่น้อยดึงผ้าห่มมาคลุมให้ เสียงกล่าวขอบ
คุณแผ่วเบา ดวงเนตรหลับตา...น้องหมวยถึงจะไม่ตาโตเหมือนแขก แต่ดวงตายาวรีสีน้ำตาลเข้มที่มีเหล่าเต๊งเหมือนหนอยดูสวยนัก ขนตายาวงอน
หลับตาพริ้ม
คนไข้เคลิ้มเกือบจะหลับ มีคนมาเคาะประตู เสียงเคาะเป็นจังหวะ ๆ ซึ่งหายไปนานพอควร เป็นเสียงที่ดวงเนตรคุ้นเคยและเฝ้ารอ เธอผลุดลุก
ขึ้นนั่งบนเตียงทันที พี่น้อยอาสาไปเปิดให้
“จะมีใครล่ะที่เคาะประตูจังหวะนี้” เธอเอ่ยพร้อมเสียงสะอื้น พี่น้อยร้องขึ้นอย่างดีใจ
“อุ๊ย! หนอยจริง ๆ ด้วย” เขาไม่ได้หยุดทักแต่ก้าวยาว ๆ มาที่เตียง นั่งลงข้างตัวดวงเนตรแล้วกอดไว้กับอก กลิ่นหอมของโคโลญจน์ กลิ่นอ่อนที่เธอ
คุ้นเคยนัก เสียงสาวน้อยสะอื้นไห้ยาวนาน มันกรีดลึกลงไปในจิตใจของทุกคน อกกว้างยังกอดเธออยู่และโยกไปมาเหมือนปลอบโยน
“เนตรพี่หนอยมาแล้ว” สติค่อย ๆ กลับคืนมา เธอใช้กำปั้นทุบที่อกกว้างหลายครั้ง หนอยจับมือที่รัวกำปั้นไว้อย่างอ่อนโยน มองลึกเข้าไปในดวงตา
สีน้ำตาลเข้มที่แดงช้ำ หน้ายังซีดอยู่ สีหน้าบอกถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
“กลับมาทำไม อยากเห็นเนตรตายไปกับตาใช่ไหม” เสียงขาดหายไปพร้อมแรงสะอื้น
“เนตรจ๊ะ..ฟังพี่หนอยก่อนนะคนเก่ง พี่หนอยถอนหมั้นกับคุณเดือนนภาแล้ว” เขารับผ้าขนหนูบิดจนเกือบแห้งมาจากมือพี่น้อย แล้วเช็ดอย่างเบา
มือ น้าวิวเดินไปปิดประตูล็อกห้อง แล้วเรื่องราวสองอาทิตย์ที่หนอยกลับเมืองไทยก็ค่อยกระจ่างขึ้นตามลำดับจากปากของเขาเอง
“เตี่ยเรียกกลับเพราะเหตุจากคุณเดือนต้องการยกเลิกการหมั้น ดูแม่เป็นห่วงผมมาก แต่ผมบอกเองว่าโล่งอก แล้วเล่าเรื่องดวงเนตรให้ฟังจนหมด แม่กอดผมแล้วบอกว่าห้ามทำแบบนี้อีก ดูสิว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย แม่บอกผมว่า...หนอยรักใคร แม่ก็จะรักเขาให้เท่ากับที่หนอยรัก ความสุขของลูกก็คือความสุขของพ่อแม่ ผมโดนบังคับให้ไปตัดผม และเอาหนวดเคราออกก่อนกลับมาอเมริกา แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวแฟนจำไม่ได้ทำไงล่ะ และเนตรก็ตัดผมเก่งไว้ให้แฟนทำดีกว่าแม่เลยบอกว่าตามใจ” เล่าจนจบแต่สายตาจดจ้องใบหน้าดวงเนตรเหมือนกลัวว่าจะเลือนหาย
ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอกพร้อมกันเหมือนนัดไว้ น้าวิวหายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมซุปข้าวโพดร้อนหนึ่งชาม คนที่ตามติดมาด้วยคือพี่ศิริ
หนอยรับชามซุปมาป้อนดวงเนตรจนหมด พี่น้อยไปขยี้ผ้าขนหนูมาอีกรอบพร้อมแก้วน้ำอุ่นยื่นให้หนอย เขารับมาเช็ดรอบดวงหน้าสวยอีกรอบ ส่งแก้วน้ำ
ให้ดื่ม น้าวิวบอกทุกคนให้กลับกันเถอะดวงเนตรจะได้พัก
“เนตรนอนคนเดียวได้ไหมจ๊ะ เผื่อไม่สบายอีกตอนกลางคืน” เสียงพี่น้อยเป็นห่วง
“น้าวิวมานอนเป็นเพื่อนก็ได้นะ”
“เนตรดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบพระคุณทุกคนมากค่ะที่ดูแลเนตรอย่างดี” ดวงเนตรล้มตัวลงนอน หนอยเอาผ้าห่มคลุมให้ ก้มลงจูบเปลือกตาทั้งคู่แผ่วเบา
“พี่หนอยกลับก่อนนะครับ” หนอยออกมาจากห้องแล้วหันมายกมือไหว้พี่ทุกคน
“ผมต้องขอบพระคุณทุกคนมากที่ดูแลดวงเนตรอย่างดี”
“เอาเถอะไปพักผ่อนกันก่อน ฉันยังไม่มีแรงจัดการกับแกเอาไว้วันหลัง” น้าวิวขู่ แล้วทุกคนก็ยิ้มให้กันอย่างสดชื่นสำหรับความสุขในวันนี้
พี่น้อยและหนอยมากินอาหารเช้าที่ห้องน้าวิวกัน รออยู่จนสิบโมงก็ยังไม่มีวี่แววดวงเนตร จนหนอยทนไม่ไหว
“น้าวิวครับปกติดวงเนตรตื่นแต่เช้าทุกวันนะครับ”
“อือ! ใช่” เสียงตอบกับอาการแปลกใจ
“พี่น้อยว่าเราไปเรียกดูดีกว่าค่ะ ถ้าเพลียจริง ๆ นอนนานขนาดนี้ก็หายแล้ว” ทุกคนพากันมาที่ห้องดวงเนตร เสียงเคาะประตู...เงียบคือคำตอบ
“ผิดปกติแล้วล่ะ”
“ห้องล็อกด้วยครับ” หนอยออกอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนจะไม่ล็อกอย่างเดียวใส่กลอนด้วย เพราะเนตรเป็นคนบอกพี่น้อยเองว่ามันปลอดภัยกว่า”
“เอาอย่างนี้พี่น้อยจะไปขอกุญแจสำรองกับผู้จัดการหอพัก เราต้องขอผ่านเข้าห้องแอนแล้วเปิดประตูห้องน้ำแล้วล่ะ แอนคงไม่ว่าเธอไปเที่ยว
กับเพื่อน” น้าวิวแก้ปัญหา
ครู่เดียวก็เปิดเข้าไปในห้องดวงเนตรได้ ดวงเนตรนอนหลับสนิท ตัวงอ ใบหน้าแดง หนอยผวาเข้าถึงตัวก่อนใคร เขาเอามือแตะที่หน้าผาก
“น้าวิวตัวเนตรร้อนมากเลย ทำไงดี” น้าวิวก้าวมาติด ๆ จับแขน และหน้าผากบ้าง
“ตัวร้อนมาก พี่น้อยเอาน้ำเย็นใส่กะละมังมาค่ะ” หนอยเปิดประตูตู้หาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมา ทั้งคู่เอาสองสิ่งที่น้าวิวต้องการมาให้
“พี่น้อยมาช่วยกัน ส่วนแกเอาเก้าอี้ไปนั่งที่ประตูแล้วหันหน้าไปทางโน้น”
“ห้ามหันมาจนกว่าเราจะเสร็จ เข้าใจ๊ !” ทั้งสองสาวลงมือเช็ดตัวดวงเนตร เปลี่ยนน้ำอยู่สองรอบ จนตัวเธอเย็นลง
“เนตร ๆ ” เสียงน้าวิวเรียก
“คะ”
“ดีขึ้นไหม” เสียงถาม เธอผงกศีรษะ
“เนตรเป็นอะไรคะ”
“ตัวร้อนอย่างกับไฟ คงเป็นไข้น่ะ”
“น้ำค่ะ ขอน้ำ” หนอยรีบไปเทใส่ในแก้วใบใหญ่มาให้ สองคนเอาผ้าและกะละมังไปเก็บ หนอยนั่งลงข้างเตียงยกศีรษะดวงเนตรขี้น เธอดื่มรวด
เดียวหมดแก้ว
“เอาอีกหน่อยไหมครับ...เนอะอีกแก้ว ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะได้ช่วยลดไข้ด้วยนะครับ” น้าวิวเดินกลับไปที่ห้องหยิบแผ่นเจลเย็น และยาลดไข้สองเม็ด
มาด้วย เธอยื่นให้หนอยเพราะเขายึดที่มั่นของน้าวิวไว้แล้วดูเหมือนจะถอยทัพยาก หนอยเอาแผ่นเจลติดที่หน้าผากดวงเนตร มันช่วยระบายความร้อนดี
แล้วก้มลงกระซิบ
“เนตรทานยาลดไข้หน่อยนะ”
“หนอยแกไม่ต้องก้มต่ำขนาดนั้นหรอก จมูกแกเกือบจะชนแก้มน้องอยู่แล้ว” น้าวิวทำเสียงดุ
“แหมจริงเลยน้า...แม่ทูนหัว” หนอยประคองดวงเนตรให้นั่งเอาหมอนข้างยันไว้และเอาหมอนยัดอีกที ท่าทางหนอยคล่องแคล่ว แล้วส่งยาให้
เธอกินตามด้วยน้ำ
“เฮ้ย! ไอ้หนอยเมื่อก่อนแกเป็นบุรุษพยาบาลที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ท่าทางคล่องแคล่วนัก”
น้าวิวแกล้งถาม
“เคยครับ...ตอนดูแลก๋ง...ไม่สบายอยู่สองปี หนอยโตมากับก๋งเลยขอดูแลจนก๋งจากไป” หนอยตาแดงเมื่อพูดถึงคนที่ให้ชีวิต และสอนความเป็น
ลูกผู้ชายให้แก่เขา ดวงเนตรเอื้อมมือมาจับมือพี่หนอย จากใจสู่ใจในความรู้สึกที่เชื่อมต่อถึงกัน พี่น้อยหายไปจากห้องครู่เดียว กลับมาพร้อมซุปเห็ดหอม
กรุ่น เธอส่งให้หนอยพร้อมช้อนซุป
“ค่อยๆ ป้อนนะคะ ยังร้อนอยู่” หนอยป้อนซุปจนหมด ทั้งสองคนมองตากันอย่างเป็นสุข อิ่มแล้วเขาเช็ดหน้าให้อีกรอบ พี่น้อยส่งน้ำเปล่าให้เนตร
ดื่มจนหมด
“ตัวเย็นลงแล้วค่ะ” พี่น้อยแตะหน้าผากพร้อมรายงาน
“พรุ่งนี้คงหายนะจ๊ะ ยิ่งมีคนดูแลแบบนี้ ดีไม่ดีเย็นนี้ก็หายแล้ว” น้าวิวแซวเอา
“ขอบคุณทุกคนนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นอนต่ออีกสักพักนะ” น้าวิวบอกกับเธอ
“หนอย ถ้าแกจะนั่งเฝ้าเนตรฉันก็อนุญาตนะแต่ต้องเปิดประตูไว้”
“คร้าบผม...จะไม่ให้ยุงไต่ไรตอมเลยครับคุณแม่” หนอยแหย่ อิ่มท้องดวงเนตรก็หลับต่อ
“เออ! น้าว่าจะถามเธอสักหน่อย”
“ได้ครับ” แล้วทั้งสามลงมานั่งที่พื้นห้องคุยกันเบา ๆ
“เธอเหลืออีกเทอมเดียวก็จบแล้วสิ แล้วดวงเนตรล่ะจะเอายังไง” น้าวิวถาม
“พรุ่งนี้ผมมีนัดกับอาจารย์ที่ปรึกษา ...ดอกเตอร์แฮรี่ ผมเคยเกริ่นไว้ว่าจะลงในเทอมหน้าแค่สองวิชา ผมเหลือแค่สี่วิชาก็จบครับ”
“เกียรตินิยมด้วยใช่ไหม” น้าวิวดักคอ
“ครับผม”
“น่าชื่นใจแทนเตี่ยกับแม่นะ” มันเป็นความจริงใจของน้าวิว
“แล้วถ้าจบล่ะคะ” พี่น้อยถาม
“ผมจะทำงานวิจัยกับดอกเตอร์แฮรี่ต่อ เราตกลงค่าจ้างแล้ว กว่างานวิจัยจะเสร็จคงไล่กับที่ดวงเนตรจบครับ”
“จ้า! พ่อรูปหล่อ พ่อรวย แฟนสวย แถมเรียนเก่ง” น้าวิวอดกัดเล็ก ๆ เข้าให้ไม่ได้
“พี่น้อยละลุ้นตัวโก่ง ลงเอยดีก็ดีกันทั้งคู่” พี่น้อยพูดจบแล้วหัวเราะสุขใจ ทุกคนมองหน้าใสของหนอย วันนี้โกนหนวดเคราออกหมดดูหน้าตาสด
ชื่น คิ้วได้รูป ผิวขาวละเอียดพอ ๆ กับดวงเนตร ผมยังยาวรุงรังอยู่...คงรอให้เนตรตัดแน่
วันนี้หนอยใส่เสื้อยืด ยี่ห้อดัง กางเกงยีน คาดเข็มขัด นาน ๆ ทีที่เห็นหนอยแต่งกายสุภาพ
“น้านวิวครับ ถ้าเนตรตื่นมาและหายดี ผมขออนุญาตพาไปขับรถเล่นนะครับ”
“อย่าเพิ่งหวังอะไรมากไอ้น้อง ตอนเย็นแล้วค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้มีหน้าที่นั่งเฝ้าแล้วเปิดประตูทิ้งไว้ด้วย OK! ” เสียงพูดก่อนจากไป