หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (14)...ทำอย่างไรกับหัวใจที่ช้ำ

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (14)...ทำอย่างไรกับหัวใจที่ช้ำ
 
            ดวงเนตรงีบหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอตื่นขึ้นมาอีกที ก็เลยอาหารค่ำไปแล้ว ก้มมองนาฬิกาตอนนี้สองทุ่ม ตะวันเพิ่งลับเหลี่ยมเขา
เธอลุกเข้าห้องล้างหน้าล้างตา ใช้หวี...หวีตั้งแต่กกผมถึงปลายผม มองหน้าตัวเองดูเซียว ๆ คงเป็นเพราะเหนื่อย
             เสียงประตูอีกฝั่งเปิดออกแอนยื่นหน้าเข้ามา  
            “ขอโทษด้วยเห็นห้องเงียบ ๆ นึกว่าออกไปไหน”
            “ไม่เป็นไรเราเสร็จแล้ว” แอนอาบน้ำเสร็จเธอก็โผล่มาในห้องเนตร
            “เข้าไปได้ไหมเนตร” 
            “เข้ามาสิ ตามสบาย วันนี้เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะแอน”
            “ก็เหนื่อยหน่อยยังไม่ชินน่ะ”
            “เหมือนกันเลย “
            “แอนกินอาหารเย็นหรือยัง”
            “กินแล้วไปกินเบอร์เกอร์กับเพื่อนมาเลย์ฯ มา”
            “แล้วเธอล่ะ”
            “ยังเลยกลับมาถึงอาบน้ำเสร็จก็หลับเลยเกือบสองชั่วโมงแน่ะ”
            “งั้นฉันไปก่อนนะจะไปเตรียมอ่านหนังสือ” แอนขอตัวเพื่อดวงเนตรจะได้หาอะไรใส่ท้อง
            
            อาหารมื้อนี้เป็นแอปเปิล กับนมหนึ่งแก้ว “อิ่มจัง” ดวงเนตรเปิดทีวีดูข่าวดูละคร ทุกครั้งที่นั่งดูจะมีปากกาและกระดาษคอยจดคำใหม่ ๆ ตลอด
บางทีก็เข้าใจ บางทีก็ไม่เข้าใจ พอรวบรวมได้จำนวนหนึ่งจึงไปถามน้าวิว ดวงเนตรปิดทีวีและเอาแก้วนมไปล้างเก็บ ได้ยินเสียงเคาะประตู  คิดถึง
พี่หนอย แต่คิดว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นพี่หนอยเขาจะเคาะประตูเป็นจังหวะ
            ดวงเนตรเปิดประตูออกไปดู เห็นพี่วิศาลมากับภาคภูมิ
            “สวัสดีค่ะ”
            “สวัสดีครับ” ทั้งคู่ทักดวงเนตร พี่วิศาลถาม 
            “เป็นไงบ้างวันแรกสนุกไหม”
            “วุ่นวายดีค่ะ เพราะมันยังไม่ค่อยลงตัว คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยกว่าจะปรับตัวได้” ดวงเนตรตอบพร้อมรอยยิ้ม
            “ผมไม่เจอเนตรที่ห้องภาษาอังกฤษเลย”
            “ในห้องมีคนไทยคนเดียวค่ะ”
            “ของคุณน่าจะอยู่ห้องสองกระมังคะ”
            “ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้เรียกชื่อเล่นดีกว่านะ” ภาคภูมิพูดขึ้น
            “จะให้เรียกอะไรล่ะคะ” เสียงดวงเนตรออกกวน ๆ  
            “เรียกน้อยก็ได้”  
            “อ้าว! ก็ชื่อเหมือนพี่น้อยสิ” เนตรแย้ง
            “เอางี้ดีกว่าให้เนตรเรียกน้อยโย่งดีไหมเพราะตัวสูง”
            “ได้ครับ” ภาคภูมิพูด  ดวงเนตรก้มหน้าอมยิ้มอย่างถูกใจ
            
            ทั้งสองคนนี้เหมาะกันดีนะ คนหนึ่งยิ้มเหมือนไม่เต็มใจยิ้ม อีกคนชอบยิ้มที่มุมปาก ดวงเนตรยืนคุยอยู่ที่หน้าประตู ไม่ได้เชื้อเชิญให้เข้าไปข้าง
ใน ‘ก็ไม่อยาก มีอะไรไหม’ เธอนึกในใจคุยกันอยู่ข้างประตูได้ครู่เดียว บุคคลที่สามก็ปรากฏตัว
            “สวัสดีครับ”
            “พี่หนอย”
            “เรียกเสียงใสแบบนี้ คิดถึงใช่เปล่า!” สองหนุ่มมองไปที่พี่หนอยเป็นตาเดียว เขายิ้มอย่างกว้างขวางให้ทุกคน
            “เข้าไปดื่มชากันก่อนสิ ดวงเนตรชงชาได้หวานชื่นใจมาก” แล้วมองมาหาเธอตาเป็นประกาย
            “พี่หนอยพวกเขาจะกลับกันแล้ว” ดวงเนตรตัดบทเอาดื้อ ๆ แล้วทั้งสองก็ขอตัวกลับไป
            
            “พี่หนอยมาทำไมคะดึกแล้ว”  
            “ใครว่า เพิ่งสามทุ่มเองนะจ๊ะน้องสาว”
            “ทำไมเนตรไม่เรียกแขกให้เข้ามาข้างในก่อนล่ะ ยืนเกาะรั้วคุยกันอยู่ได้”
            “มีแขกที่ไหนคะ มีแต่คนไทย แล้วรั้วที่จะให้เกาะอยู่ไหนล่ะ”
            “เดี๋ยวนี่น้องหมวยของพี่หนอยช่างยอกย้อนนะจ๊ะ” 
            “พี่หนอย เนตรไม่ถูกชะตากับสองคนนั้นเลยนะ”
            “อือ! ก็น่าหรอก พี่หนอยก็รู้สึกเหมือนกัน แต่เป็นความรู้สึกของผู้ชายกับผู้ชาย อย่าเข้าใกล้พวกเขามากก็แล้วกัน เขากะล่อนไปทั่ว”
            “เหมือนพี่หนอยไหมคะ” ดวงเนตรถามเพราะอยากรู้ว่าพี่ชายคนนี้จะตอบว่าอย่างไร
            “ไม่เหมือน พี่ชายคนนี้ดีกว่าเยอะและยิ่งมีน้องสาวที่คอยควบคุมอย่างดีด้วย ไม่เดินออกนอกเส้นทางแน่คร้าบผม”  
            “พี่หนอยเข้ามาดื่มชาสิคะ”
            “แหม ๆ เรียกเสียงหวาน เมื่อกี้ทำไมไม่ชวนสองคนนั้นเข้ามานั่งด้วย”
            ดวงเนตรเฉไฉ... “ก็เก้าอี้มีแค่ตัวเดียวนี่คะ”
            “อ๋อ! เหรออออ...พี่หนอยเป็นห่วงเลยแวะมาดูว่าเป็นไงบ้าง ไหวไหม” น้ำเสียงล้อเล่นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเสียงห่วงใย
            “พี่หนอยลงเรียนหนักไหมคะ”  
            “ไม่เท่าไร เหลืออีกไม่กี่ตัวก็จบแล้ว แต่ไม่อยากกลับเมืองไทย” คนพูดเสียงแผ่วลงและก้มหน้า
            “พี่หนอยเข้มแข็งเอาไว้นะคะ”  
            “มีแต่คนบอกพี่หนอยให้เข้มแข็ง ให้อดทน ให้กตัญญู พี่หนอยเป็นคนนะไม่ใช่มนุษย์เหล็ก ที่พูด ๆ กัน พี่หนอยไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น...มีใคร
เคยถามไหมว่าพี่ต้องการอะไร ตั้งแต่การหมั้น ผู้ใหญ่ก็จัดการกันเอง พี่หนอยมารู้เอาทีหลัง มันเจ็บปวดนะดวงเนตร” เขาก้มตัวลงเอาหน้าซบอยู่บน
หัวเข่า แล้วเสียงพูดก็ขาดหายไป หัวไหล่ไหวสะเทือนน้อย ๆ ดวงเนตรนั่งลงกับพื้น ลูบไหล่พี่ชายแผ่วเบา เป็นเพราะเธอจริง ๆ ที่ทำให้พี่หนอยไม่หาย
หรือดีขึ้นเลย
            
            น้าวิวจะมาตามเนตรไปกินข้าวด้วย มาเห็นพอดี เธอหมุนตัวกลับ ดวงตาแดงเรื่อ
            “โธ่เอ๊ย! น้าวิวจะทำยังไงดีนะ”

            ดวงเนตรลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนู เธอใช้สบู่ลาเวนเดอร์ กลิ่นอ่อนถูกับผ้า  ขยี้แล้วบิดพอหมาด สาวน้อยเดินกลับมาแล้วคุกเข่าลง ประตูห้อง
ยังคงเปิดอยู่ น้าวิวมองผ่านช่องข้างประตูเข้ามาพร้อมกันกับพี่น้อย น้าวิวเจอพี่น้อยตอนเดินกลับไปและตาแดง ๆ แล้วทั้งคู่ก็กลับมาใหม่ ทั้งคู่จับมือกัน
ไว้และบีบเบา ๆ  ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าดวงเนตรพยายามอย่างมากที่จะรักหนอยได้เพียงแค่พี่ชาย และพยายามไม่เข้าไปแทรกแซงชีวิตใคร นั่นแหละ
เจ็บปวดกว่า
            ดวงเนตรเชยคางพี่หนอยขึ้น
            “เรียนหนักจนไม่มีเวลาโกนหนวดโกนเคราเลยเหรอคะ” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง ขณะที่คลี่ผ้าขนหนูออกแล้วทบกัน เช็ดหน้าพี่หนอยอย่าง
อ่อนโยน หนอยจับมือที่ถือผ้าขนหนูอยู่ มองลึกเข้าไปในดวงตาสวยสีน้ำตาลเข้มของดวงเนตร ถ้าหนอยไม่ได้เข้าข้างตัวเอง คนที่ร่ำไห้อย่างเจ็บปวด
อยู่ในตาคู่สวยนั่นคือเธอ ดวงเนตรรีบหลับตาลง เพราะดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ หากปล่อยให้พี่หนอยเห็น เขาต้องรู้เพราะคนอย่างเขาฉลาด
นักหนา ลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะอยู่ที่ขอบตา ดวงเนตรไม่กล้าลืมตาขึ้น เพียงรู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นจูบประทับลงที่เปลือกตาเธอ  
            “พี่หนอยคะ ๆ ”  
            “ลืมตามองพี่ก่อนสิ” หนอยต่อรอง
            “ปล่อยค่ะ ประตูเปิดอยู่จะทำให้เนตรเสียหายเหรอคะ” หนอยจำยอม เธอลุกขึ้นไปเอาชาร้อนมาให้  เขาจิบชาช้า ๆ มองตรงมายังดวงเนตรเหมือน
จะคาดคั้น
 
               ใจเอ๋ยใจ ทำเฉยเมย เหมือนไม่ช้ำ
               ใจดำ หรือแกล้งทำ เป็นแค่เพื่อน
               จะไขว่คว้า เอาท้องฟ้า ดาวและเดือน
               ส่องแสงเกลื่อน แล้วเลือนลับ หนาวจับใจ
 
            หนอยขอน้ำชาอีกแก้ว‘ดื่มยังกับจะให้เมาเลยนะพี่หนอย’ เสียงรำพึงในใจ เขายังจิบแก้วที่สองอย่างอ้อยอิง หายใจลึก ๆ ได้กลิ่นเย็นของการบูร 
ทั้งสองสาวใหญ่ปาดน้ำตาจนแห้ง แล้วกระแอมเสียงขึ้น พี่น้อยเริ่มก่อน
            “ทำอะไรกันจ๊ะ” ดวงเนตรหันไปซับน้ำตาที่ยังเปียกชื้นที่ปลายหางตา แล้วหันมาทางเสียงพี่น้อยยิ้มให้
            “ทานน้ำชากับคุกกี้ไหมคะ อ้าว! น้าวิวก็มาด้วย มานั่งบนเตียงเนตรเลยค่ะ เดี๋ยวจะเสิร์ฟของว่างให้นะคะ”  
            “สูตรไหนอีกล่ะจ๊ะคนเก่งของน้าวิว”
            “ดูจากรายการทีวีค่ะ” ความรู้สึกสงสารทำให้เธอเดินเข้าไปโอบดวงเนตรเบา ๆ หญิงสาวหันมากอดน้าวิวแน่น แล้วพูดว่าคิดถึง
            “จ้า! แล้วไม่แวะไปหาล่ะ อยู่ไกลกันเนอะ” ดวงเนตรเสิร์ฟน้ำชาร้อน พร้อมกับคุกกี้ให้พี่ทั้งสองคน  
            “ขอบคุณค่ะ  อยู่ใกล้เนตรน้ำหนักพี่น้อยขึ้นตั้งเยอะเลยนะ เดี๋ยวทำก๋วยเตี๋ยวหลอด เดี๋ยวทำขนมหวานสารพัดขนม”
            “พี่น้อยอ้วน แต่ผมไม่ยักอ้วน”
            “เป็นโรคอย่างเธอใครจะกินลง” น้าวิวเผลอหลุดปาก ทุกคนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง พูดออกไปแล้วก็สงสารทั้งหนอยและดวงเนตร น้าวิวทำหน้าเจื่อน
พอกินกันเสร็จ เธอชวนทุกคนกลับ  หนอยหันมามองหน้าสาวน้อย แต่เธอก้มหน้าต่ำ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่