หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (16)...ยังรอ

กระทู้คำถาม

หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (16)...ยังรอ
 
            ทั้งสองเดินตรงไปยังห้องพักคนชราที่เป็นอาคารสองแถว กุหลาบดอกใหญ่เบ่งบานคละสีกันอย่างสวยงามหน้าบ้านป้าแม็กกี้ ถัดไปเป็นบ้าน
ป้าเซลลี่รายนั้นชอบปลูกดอกเดฟโฟดิล สลับกับทิวลิป ดอกไม้เหล่านี้เบ่งบานให้ความสดใสกับบรรยากาศโดยรอบ อีกไม่นานพอเข้าฤดูใบไม้ร่วงก็คง
เหลือแต่ทิวสน และต้นไม้ซึ่งทนหนาวได้...ที่เรียกว่า Ever Green
       
            “สวัสดีค่ะลุงพอล”
            “โอ้! นิคกี้ กับน้อยเข้ามา ๆ ” เวลาคุยกัน ลุงพอลจะเสียงดังเพราะหูไม่ดี ทุกคนเลยได้ยินกันทั่ว เพียงครู่เดียวป้าแมรี่ แม็กกี้ และเซลลี่ก็ออกมา
ร่วมวงด้วย ทุกคนคุยกับสาวต่างชาติสองคนอย่างสนุกสนาน ดวงเนตรเอาของฝากมาให้ด้วย บอกพวกเขาว่าพ่อส่งมาให้เมื่อสองวันก่อน คุณป้าทั้งสาม
ได้ผ้าพันคอทำจากไหมสีสวยถูกใจ ทั้งสามเข้ามากอด ขอบคุณ และหอมแก้มดวงเนตร
            “ลุงพอลได้ถุงมือไหมพรมไว้ใช้ฤดูหนาวนะคะ คู่นี้นิคกี้ทำเอง”
            “หนูน่ารักมาก ขอบคุณนะอุตส่าห์ทำเองเลย..มา ๆ มาให้ลุงกอดทีหนึ่ง” ดวงเนตรเดินเข้าไปหา เขาโอบเนตรหลวม ๆ แล้วยกมือลูบผมสวยของ
เธอ
            “God Bless You...พระเจ้าทรงคุ้มครอง”  คุยกันอยู่พักใหญ่และลากลับทุกคนโบกมือ จนสองสาวเดินลับไป
 
            “จะสมัครลงผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์เหรอครับ” เสียงแซวมาจากพี่โต้ง เขาไม่ยอมเรียนให้จบ เหตุผลคือใช้ชีวิตแบบนี้สนุกกว่า เลยโดนดวงเนตร
จวกซะแหยงไปนานเลย
            “พี่โต้งไปอยู่ในป่าไม่ดีเหรอ ทำประโยชน์ให้ใครก็ไม่ได้ แถมยังถลุงเงินบุพการีเป็นว่าเล่น เกิดมาอยู่ในฐานะดีกว่าชาวบ้านแต่ทำ
ตัวได้แค่นี้นี่นะ” พอสนิทกันและพี่โต้งไม่ถือตัว ดวงเนตรจึงเผลอว่าเข้าให้ 
            “โอ๊ย! พอๆ ดวงเนตรจะขึ้นธรรมมาสน์สวดด้วยไหม สาว ๆ หอนี้หน้าตาสวยแต่ปากอย่างร้ายเลย”
      
            แล้ววันนี้เขาก็โผล่มาอีกอ้างว่ามาให้ดวงเนตรช่วยตัดผมให้ ความจริงแค่อยากจะร่อนไปมาเท่านั้น
            “เนตรตัดผมให้พี่หน่อยนะ”
            “เห็นเดินแจกของนึกว่าจะลงสมัครอะไร”
            “ของฝากค่ะ ให้แล้ว...ทั้งคนให้และคนรับก็มีความสุขทั้งคู่”
            “ทั้งสวยทั้งใจบุญนะแม่นาง ทำบุญเยอะ ๆ แล้วใครจะทำตามทันล่ะ”  จะแหย่ต่อก็มานึกขึ้นได้ว่าแม่นางกำลังตัดผมให้ เกิดไม่ถูกใจคงได้เดิน
ออกไปกระท่อนกระแท่นแน่
            “เสร็จแล้วค่ะพี่โต้ง”
            “ขอบคุณครับ เดี๋ยวว่าจะไปหาพลที่บ้าน จะชวนไปซื้อของหน่อย เนตรจะฝากซื้ออะไรไหม”
            “ไม่ค่ะ ขอบคุณพี่โต้งนะคะ”
 
            ดวงเนตรนึกขึ้นมาได้ว่าพี่น้อยให้ไปกินข้าวเย็นที่ห้อง สองคนช่วยกันทำมาม่าต้มใส่ผักใส่ไข่ คนละชาม เนตรอาสาเก็บล้างเสร็จเรียบร้อย พี่
น้อยมาส่งที่ประตูห้อง
            “อาบน้ำเสร็จแล้ว นอนหลับฝันดีนะจ๊ะ” พี่น้อยกอดดวงเนตรไว้ครู่หนึ่ง น้าวิวตั้งใจจะมาถามอะไรพี่น้อย เห็นเข้าเลยหลบเข้ามุม ยืนดูนิ่ง ๆ ไม่
อยากเข้าไปร่วมอีกคน เพราะจะทำให้ทุกคนอาการหนักเสียเปล่า พี่น้อยตัวเตี้ยกว่าเนตร ทำให้คิดถึงหนอยกับดวงเนตร ครั้งแรกเธอก็ยังมองว่าเนตรดู
จะสูงไล่เลี่ยกับหนอยแต่ที่จริงหนอยสูงกว่า หนอยชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ น้านิดเลยไม่ทันสังเกตหุ่นเขาสักที มาเห็นถนัดก็ตอนไปตามเขาที่โรงยิม
แอบมายกน้ำหนักตัวหนาขึ้นเยอะเลย ช่วงหลังที่หนอยพยายามหลบดวงเนตร  เพราะทนแววตาเจ็บลึกที่ซ่อนอยู่ในตาสีน้ำตาลสวยคู่นั้นไม่ได้  เขากลาย
เป็นคนที่น้าวิวตามหายากมาก จนมารู้จากเพื่อนเขาว่าส่วนใหญ่ถ้าไม่อยู่ห้องสมุดก็โรงยิม
            เธอยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้องและเอ่ยกับตัวเอง
            “เฮ้อ! เมื่อไรจะกลับนะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหนอยต้องโดนเรียกกลับกระทันหัน  โอ๊ย! ปวดหัว” เธอเปลี่ยนใจหันหลังกลับเข้าห้อง

            ฤดูใบไม้ร่วง  กำลังจะเริ่มขึ้น ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี บ้างคละสีเหลืองทองและเขียว บ้างคละกันไปมาด้วยสีสันที่ดูเหมือนถูกแต้มแต่งขึ้นอย่าง
งดงาม อย่างต้นเมเปิลใหญ่หน้าหอพักโดมิโนที่ปลูกเรียงกันอยู่ห้าต้น ใบมันออกสีเหลือง น้ำตาล แดงสด และ แดงเข้มโชว์สีสันหลากชวนมอง
 
            พรุ่งนี้จะมีการประชุมกลุ่มนักศึกษาไทย โดยพี่พลได้ขออนุญาตใช้ห้องประชุมของศูนย์นักศึกษา มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าพร้อมใบปลิว ซึ่งแจ้ง
ถึงวาระการประชุมวันที่ สถานที่ และเวลา ช่วงจบการประชุมมีของว่างและกาแฟเสิร์ฟ จำนวนผู้ที่จะเข้าประชุม และผู้ที่จะอยู่รับประทานของว่าง
กับชาหรือกาแฟจะต้องแจ้งกลับมาโดยคนที่รับแจ้งยอดมีอยู่สามคนคือ น้าวิว  พี่ศิริ และพี่พล 
 
            เสียงเคาะประตูดังขึ้น ในช่วงสายก่อนวันประชุม
            “เดี๋ยวนะคะ  อ้าว! พี่น้อย” ดวงเนตรยิ้มให้  แต่ยิ้มของสาวน้อยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว 
            “กำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ”
            “เขียนจดหมายหาเตี่ยกับน้องและเพื่อนที่เชียงใหม่ค่ะ”
            “ถ้าเสร็จแล้วไปพบกันที่ห้องน้าวิวนะคะ”
            “ค่ะ” ดวงเนตรรับคำ
 
            พี่น้อย น้านิด และพี่ศิริ นั่งมองหน้าพี่น้อย
            “เป็นไงบ้างน้องหนูของเรา” 
            “เดี๋ยวดูเองดีกว่าค่ะ รอยยิ้มก็ไม่เหมือนเดิม ดวงตาสวยของน้องแห้งแล้งเหมือนเดินหลงอยู่ในทะเลทราย”
            “ห้ามใครยกประเด็นใด ๆ ที่เกี่ยวกับไอ้หนอยมาพูดเด็ดขาด” เสียงสั่งจากน้าวิว ประตูห้องเปิดแง้มอยู่
            ครู่เดี๋ยวก็มีเสียงเคาะ “เข้ามาเลยเนตร” เธอใส่กางเกงยีนขาสั้น กับเสื้อเชิ้ตสีม่วงของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมรวบไว้และม้วนขดเอาตะเกียบ
ไม้เสียบ ชายผมลุ่ยลงมาข้างแก้มนวลดูสวยนัก  เว้นแต่ดวงหน้าที่ทาแป้งไว้กับลิปสีอ่อน ยังงามเหมือนเคยแต่ดูหมองเศร้า  
            “สวัสดีค่ะ” ดวงเนตรทักทาย
            “มาช่วยน้าวิวคิดหน่อยว่าจะทำอะไรเป็นของว่างกินกับกาแฟดีจ๊ะ”
            “ปอเปี๊ยะก็ทำบ่อยแล้วนะคะ” ดวงเนตรกล่าว
            “ใช่” พี่ศิริเสริม
            “พี่ ๆ ว่าควรเอาอะไรดีคะ”
            “ก็จะรอแม่ครัวเอกอยู่น่ะจ๊ะ”  น้าวิวสรุปยกตำแหน่งให้ดวงเนตรเฉยเลย 
            “เนตรว่าเอาขนมปังแผ่นมาย่างให้พอเหลือง น่าทาน ใส่ไส้แฮมชีส ย่างอีกแป๊บพอให้ชีสละลายนิดหน่อยแล้วหันเฉียง คู่หนึ่งเราก็ได้สองชุด ชีสเรา
มีอยู่แล้วที่ป้าแมรี่ให้มาน่ะค่ะ”
            “ใช่ อร่อยด้วยเวลากินกับชาร้อนหรือกาแฟ  โอ้! สุดยอดเลย” เสียงพี่ศิริสนับสนุน
            “เอ้า! ตกลงตามนี้ เราทำเช้าวันประชุมทันไหมจ๊ะ..ดวงเนตร” พี่ ๆ ถาม
            “ทันค่ะ  ช่วยกันแป๊บเดียว แล้วเราจะหาอะไรใส่ล่ะคะ”  
            “พี่น้อยเคยเห็นที่ห้องผู้จัดการหอพักมีของใช้หลายอย่าง ไว้ให้นักเรียนยืมใช้ตอนจัดงาน เรื่องนี้พี่น้อยจัดการเองค่ะ”
            “วันนี้น้าวิวจะได้จำนวนนักเรียนไทยที่จะเข้าประชุมตอนเที่ยง แล้วพี่พลจะมารับเราไปซื้อของตอนบ่ายโมง เราไปด้วยกันหมดนี้แหละ ส่วนเพื่อน ๆ ในหอ ใครขาดอะไรก็ให้พี่น้อยช่วยถามดูจะได้ซื้อมาให้เลย แล้วพอไปถึงช็อปปิงมอลน้าวิวจะพาไปเลี้ยงอาหารจีน”
            “ไชโย วันนี้ได้กินอาหารจีน”
            “แกเลยได้ไปกับเขาด้วยนะ ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย” พี่ศิริโดนว่า
            “เฮ้ย! ใครบอก ฉันเป็นเหรัญญิกนะ ไม่มีรั่วไหลรับรอง” ทั้งพี่ศิริกับน้าวิวอายุเท่ากัน และคุ้นเคยกันมานานพอสมควร ‘ทั้งสามคนเป็นพี่สาวที่น่ารัก
ของดวงเนตรเสมอ’ เธอคิด
            “ไม่ต้องกลับห้องกันล่ะ เดี๋ยวเราดูหนังรอพี่พลที่นี่เลย”
            “ใครใคร่ได้ ชา กาแฟช่วยตัวเองนะ กาน้ำร้อนเสียบไว้ให้แล้ว”
            “พี่น้อยจะไปถามเรื่องใครจะฝากซื้ออะไร...แป๊บเดียวเดี๋ยวมา ดูกันไปก่อนนะคะ”    
            
            ทั้งสี่สาวช่วยกันจนเสร็จตอนแปดโมง  น้านิดปิ้งขนมปัง ดวงเนตรใส่ไส้แล้วย่างอีกนิดหน่อย ส่งให้พี่น้อยหั่นเฉียง  แล้วพี่น้อยกับพี่ศิริก็บรรจุลง
ใส่กล่องพลาสติกใหญ่ ทุกคนมาพร้อมกันที่ห้องตามเวลาในวันประชุม ดวงเนตรมองดูจำนวนนักศึกษาที่มาไม่ครบ แต่เยอะทีเดียว
            “น้าวิว...คนไทยที่นี่เยอะนะคะ ส่วนใหญ่พักกันที่ไหนคะ”
            “นี่มาไม่ครบนะ ได้ตัวเลขที่ส่งมา คนมาแค่ห้าสิบคนเอง ที่เหลือต่างมีธุระ พวกนี้กระจายพักอยู่ตามหอพักอื่น ๆ บ้างกลุ่มมาพร้อมกันห้าคนก็หา
เป็นบ้านเช่า แล้วแต่จ้ะ”
            พี่พลเปิดประชุมโดยวาระแรกเกี่ยวกับการเข้าร่วมงานแสดงของนักศึกษานานาชาติ เป็นงานที่พวกนักเรียนนานาชาติ เอาข้าวของในประเทศของ
ตนมาจัดแสดงตามบูธต่าง ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดพื้นที่ให้ นักศึกษาจะมีการแต่งกายประจำชาติมายืนตามบูธคอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของตน รวม
ถึงเทศกาลฮาโลวีน (Halloween) และการเข้าร่วมกับเซนหลุยส์ในเทศกาลลอยกระทงช่วงเดือนพฤศจิกายน ดังเช่นทุกปี สรุปเสร็จและแบ่งงานกันไป
เป็นที่เรียบร้อยเป็นอันจบ
            ดวงเนตรฟังหูซ้ายออกหูขวา  เธอนั่งแถวหลังกับกลุ่มน้าวิว “เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีด ๆ ”
            “ไม่เป็นอะไรมากค่ะ คงนอนน้อย เนตรขอกลับเลยได้ไหมคะ”
            “ไปกับพี่น้อยนะ เสร็จแล้วน้าวิวจะเอาแซนด์วิชไปให้”
            “พี่น้อยคะไปกับเนตรก่อนนะ”
            “ได้ค่ะ” ทั้งสองสาวออกจากห้องประชุมไป
            
            ทั้งคู่ออกไปได้สักสิบนาที น้าวิวเดินไปดูผลงานปรากฏว่าหมดเกลี้ยง เธออมยิ้ม จู่ ๆ ก็มีมือมาดึงเข้าไปในห้องเล็กติดห้องประชุม
             “โอ้พระเจ้า! ” เธอพูดได้แค่นั้น แล้วเสียงก็หายไปในลำคอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่