หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (10)...นักศึกษานานาชาติ / สลับบท

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (10)...นักศึกษานานาชาติ
 
            มหาวิทยาลัยใกล้จะเปิดเทอมแล้ว จำนวนนักศึกษาเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งเมืองดูคึกคัก เมื่อวานเย็นพี่น้อยไปบอกน้าวิวว่าเนตรเป็นห่วงเตี่ยอยาก
ขอใช้โทรศัพท์ เธอเอ่ยกับดวงเนตรว่าให้มาโทรได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ ดวงเนตรโทรหาเตี่ยตอนหกโมงเย็น ซึ่งตรงกับประเทศไทยคือหกโมงเช้า
            “เตี่ย นี่เนตรนะจ๊ะ” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง 
            “เนตร ๆ จริงด้วยเร็วแม่...เนตรโทรมารับหน่อย” เตี่ยรีบส่งสายให้แม่ ดวงเนตรนึกออก เพราะเสียงประโยคหลังของเตี่ยถูกกลืนไปกับเสียงสะอื้น เท่านั้นแหละหน้าสาวน้อยก็เปรอะไปด้วยน้ำตา  
            “เนตรเป็นไงบ้าง”
            “แม่-เตี่ย เนตรสบายดีค่ะ ไม่ต้องห่วงนะพี่ ๆ ที่นี่เขาดูแลเนตรดีมากเลย” เธอกลั้นเสียงสะอื้น สุดท้ายก็พูดไปร้องไห้ไป มีพี่น้อยคอยส่งกระดาษ
ให้เช็ดน้ำตา น้าวิวเข้ามาโอบลูบหลังลูบไหล่
            “แข็งใจไว้อย่าร้องเดี๋ยวทางบ้านจะห่วงนะ”
            ดวงเนตรพยักหน้า แม่เป็นคนใจแข็ง ฝั่งลูกสาวเป็นสำเนาฉบับเดียวกับเตี่ย แม่ได้ยินเสียงดวงเนตรพูดไปสะอื้นไป หันมามอง...เตี่ยยังนั่งน้ำตา
ซึม
            “ทางนี้สบายดีทุกคน น้อง ๆ ทางเชียงใหม่ก็สบายดี”  ได้ยินเสียงเตี่ยแว่วมาว่าให้โทรไปหาน้องบ้างเพราะมีโทรศัพท์แล้ว
            “ค่ะ เนตรจะรีบโทรหาน้อง” พี่ศิริรีบยื่นกระดาษและปากกาให้เหมือนรู้ใจ  
            “เตี่ยเขาส่งเงินเพิ่มไปให้อีกนะลูก เห็นทางธนาคารบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์หนึ่ง”  
            “ค่ะ ไม่ต้องห่วงเนตรยังมีเงินเหลือค่ะ”
            “พอก่อนเถอะเนตร...ค่าโทรมันแพง” เตี่ยสลับมาพูดบ้างด้วยความห่วงใยหลังจากนั่งสงบอารมณ์แล้ว 
            “เตี่ยดูแลสุขภาพด้วยนะ”
            “หนูด้วยถ้าหนาวก็ซื้อเสื้อเพิ่มนะ”
            “ค่ะเตี่ยไม่ต้องห่วงเนตรนะคะ แล้วเนตรจะโทรมาอีกนะคะ” ดวงเนตรวางสาย น้ำตาไหลรินไม่หยุด  ทุกคนในห้องได้แต่เงียบ เพราะผ่านอาการ
แบบนี้มาแล้ว มากบ้าง น้อยบ้างแต่สำหรับดวงเนตร เธอสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร แม้พี่ศิริเองว่าแข็งยังตาแดง...โธ่เอ๊ย! เด็ก

            “น่าตีจังเลย ดูสิทุกคนเลยพากันใช้กระดาษกันหมดกล่อง” น้าวิวก็พลอยซับน้ำตาไปด้วย เมื่อหันมามองกันเลยพากันหัวเราะ
     
            ดวงเนตรขอบคุณ แล้วบอกลาทุกคน พี่น้อยเดินตามออกมาและไปส่งถึงห้อง ดวงเนตรกล่าวขอบคุณ แล้วหันมากอดพี่น้อยไว้แน่น  
            “เข้มแข็งไว้นะ ดวงเนตรต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ พี่น้อยเอาใจช่วย”
            “พี่น้อยกลับเถอะค่ะ เนตรไม่เป็นอะไรแล้ว” พอเข้าไปในห้องดวงเนตรนั่งซึมอยู่ครู่เดียว แล้วอาบน้ำ ค่อย ๆ ให้สายน้ำไหลผ่าน และนำพาความ
เศร้าหมองจากไป ดวงเนตรออกจากห้องน้ำเปลี่ยนชุดนอน เปิดตู้เย็นเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยที่แช่เตรียมไว้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากได้ยินเสียงเตี่ย
ความคิดถึงทุกคน และความเหงาจะทำให้ดวงเนตรร้องไห้แน่ ๆ เธอใช้ผ้าที่แช่ไว้จนเย็นกดลงที่เปลือกตา เพื่อไม่ให้มันฟ้องชาวประชาว่าเธอเป็นคน
บ่อน้ำตาตื้น เธอสวดมนต์ไหว้พระแล้วหลับไป

            วันรุ่งขึ้นดวงเนตรตื่นตามปกติพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พี่น้อยก็มาเรียกไปห้องน้าวิว
            “เนตรไปกินมาม่าที่ห้องน้าวิวกัน” ทั้งสองสาวก็ตรงไป ประตูห้องเปิดอยู่  
            “มาเร็วเข้าเดี๋ยวหมดซะก่อนอร่อยนะ” คนทำชมฝีมือตัวเอง ความจริงน้าวิวทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว เนตรคิด
            “นึกว่าตื่นขึ้นมาตาจะบวมตุ่ยซะแล้ว แม่นางไทรโศก”
            “อย่างนี้น้าวิวก็ต้องหาผ้าหลาย ๆ สีมาพันสิคะ”
            “หายเศร้าแล้วนะเล่นมุกใส่แต่เช้าเชียว ดีแล้วเข้มแข็งไว้นะจ๊ะ” น้าวิวพูดให้กำลังใจ
            “เอ้า! ตักกินอีกจะได้มีแรง วันนี้ต้องไปโกนผมไฟให้ไอ้ตี๋ด้วยใช่ไหม” น้าวิวคนเดียวที่ชอบเรียกพี่หนอยว่าไอ้ตี๋ ดวงเนตรนึกขำฉายาของพี่หนอย
แล้วหัวเราะ
            “มัวแต่หัวเราะอยู่นั้นแหละ”  
            “ก็น้าวิวตั้งฉายาใหม่ให้พี่หนอยตลกจัง”
            “ไม่ใหม่หรอกก็เรียกไอ้ตี๋ออกบ่อย” กินเสร็จก็ช่วยกันเก็บล้างเหมือนเคย 
           
            ดวงเนตรขอตัวหลังอาหารเช้า
            “ไปก่อนนะคะ” 
            “จะรีบไปไหนไอ้ตี๋ยังไม่มาหรอก” น้าวิวเบรก 
            “เนตรหิวกาแฟค่ะ”  
 
            เธอกลับถึงห้อง เสียบหม้อน้ำร้อนเตรียมชงกาแฟ ครู่เดียวกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น ชุดหมีทำจากผ้ายีน  มีเสื้อตัวในเป็นเสื้อยืดแขนสามส่วนสีม่วงอ่อน
สีเสื้อยิ่งขับผิวของดวงเนตรให้ผ่องมากขึ้น ผมสลวยเป็นลอนอ่อน รวบไว้ด้วยผ้าบางสีสวย ใบหน้าเนียนละมุนเพียงทาด้วยแป้งเด็กกับลิปสีอ่อน เธอนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ กระจกมองเห็นทุ่งดอกไม้บานสะพรั่งใกล้เนินเขา กาแฟหมดแก้วไปแล้ว ดวงเนตรก็พร้อมสำหรับวันใหม่เช่นกัน
            กลิ่นกาแฟยังหอมกรุ่นอยู่ในห้องพัก เธอคิด  ‘กาแฟแก้วหนึ่งในยามเช้ากับทิวทัศน์อันสวยงามเป็นความสุข เป็นความเงียบที่แสนวิเศษ เพียงแค่
ได้เห็นเนินเขา ทุ่งหญ้าเขียว และแม้เพียงต้นไม้ใหญ่ กับนกตัวน้อยที่ออกมาเริงระบำ ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้า ออกไปหาอาหาร ธรรมชาติคือสรรพสิ่งที่
งดงาม เราควรรักษามันไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้ครอบครองสมบัติอันล้ำค่านี้’
            เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ความคิดล่องลอยของดวงเนตรสะดุดลง
            “เชิญค่ะ” เธอเดินไปเปิดประตู
            “Good Morning Sweet Sunshine”...อรุณสวัสดิ์ที่รัก ดวงเนตรยังไม่เข้าใจชัดเจนดั่งคนที่พูด เพียงแต่รู้ว่าพี่หนอยกล่าวสวัสดี  
            “สวัสดีค่ะพี่หนอย รีบมาจังเลยยังอีกตั้งชั่วโมง”
            “ก็พี่หนอยหิวกาแฟนี่”
            “ที่บ้านพี่หนอยก็มี”
            “มันหมดพอดีจ้ะ” ...’ไม่เชื่อหรอกเจ้าเล่ห์นัก’ ดวงเนตรคิดแต่ขี้เกียจพูด ระหว่างรอกาแฟพี่หนอยก็ถือวิสาสะเดินรอบห้องเธอ
            “ฝีมือจัดห้องสวยมากเหมือนเจ้าของเลย อบอุ่นน่านอน”  ดวงเนตรอมยิ้ม ทำเสียงดุพี่หนอย
            “อย่านอนบนเตียงเนตรนะคะ เนตรไม่ชอบให้ใครนอน”
            “พี่เพิ่งอาบน้ำสระผมมานะ”
            “ไม่อนุญาตค่ะ ไม่ชอบ” พี่หนอยเปลี่ยนเรื่อง
            “โอ้โห! เครื่องมือหากินครบยังกับบาร์เบอร์ช้อปเลยนะ”
            “ไม่ได้หากินค่ะเพราะเนตรมีพอกินอยู่แล้ว เครื่องมือนี้ไว้ช่วยเหลือมนุษย์ค่ะ”
            “จ้า! แม่หนูใจบุญ พี่หนอยขอแนะนำนะ อย่าอยู่ใกล้น้าวิวมาก เดี๋ยวคนน่ารักอย่างเนตรจะกลายเป็นยักษ์ ฮิฮิ” ความจริงพี่หนอยกลัวว่าน้าวิวจะ
เผยความลับของเขาให้ดวงเนตรรู้ต่างหาก...มันคืออะไรนะ?
            กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นโชยมา “ขอบคุณครับ ฮือ! อร่อยกว่าที่พี่ชงเองอีก”
            “ก็เนตรใส่ยาเสน่ห์ลงไปด้วยนี้” เธอตอบอย่างหมั่นไส้
            “ไม่ต้องใส่ก็หลงอยู่แล้ว วันนี้แต่งตัวสวยมาก” พี่หนอยปล่อยคำหวาน
            “ที่พูดเมื่อกี้น่ะพูดเล่นนะคะ”  
            “หยอกอะไรกันจ๊ะ เดี๋ยวพี่น้อยจะไปฟ้องน้าวิว” หน้าพี่หนอยเปลี่ยนสีนิดหนึ่งแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน
            “ประตูห้องเปิดไว้พี่เลยถือโอกาสเข้ามา”
            “เนตรเปิดทิ้งไว้เองค่ะ” ดวงเนตรทำเช่นนี้จนชินไม่ว่าใครจะมาแวะคุย ไม่ว่าวันไหน เวลาไหน เพื่อความสุจริตใจว่าดวงเนตรไม่มีอะไรซ่อนอยู่ใต้เตียง 
            “หอมกาแฟจังเลย พี่ขอถ้วยหนึ่งนะ”
            “ได้เลยครับผม”
            “พี่ขอกับเนตรนะจ๊ะ”
            “แง้ววว...หน้าแตกเลย” พี่หนอยต่อปากต่อคำกับพี่น้อย ชงกาแฟเสร็จ ดวงเนตรก็เริ่มเอากระดาษหนังสือพิมพ์ที่พี่น้อยเอามาให้ ปูกับพื้นแล้วยก
เก้าอี้มาวางตรงกลาง 
            “เนตรจะรีบไปไหนเหรอครับ” 
            พี่น้อยตอบแทน “ไม่ได้รีบหรอกค่ะ แต่พอเสร็จแล้วพี่น้อยกับเนตรจะรบกวนให้หนอยพาไปซื้อของ” 
            “ของใช้เนตรยังขาดอยู่ค่ะ” ดวงเนตรเอ่ยต่อ
            “ได้เสมอสำหรับน้องเนตร”
            “สำหรับพี่น้อยพ่วงไปอีกคนไม่ได้หรือคะ” พี่น้อยแหย่  
            “ได้คร้าบผม” แล้วการตัดผมก็เริ่มขึ้น
            “พี่หนอยสระผมมาแล้วใช่ไหมคะ”
            “ครับ แล้วก็อาบน้ำมาแล้วด้วย”
            ดวงเนตรรู้เพราะได้กลิ่นโคโลญอ่อน ๆ หอมชื่นใจจากตัวพี่หนอย เธอแก้หนังยางออกแล้วหวีจนทั่ว เอามือลูบเบา ๆ เพื่อจะได้รู้น้ำหนักผม ผมพี่
หนอยเส้นเล็กแต่หนาเป็นเงายาวตรงลงมาเกือบถึงกลางหลัง หน้าดูเรียวขึ้น
            “ผมพี่หนอยสวยออก อย่าตัดเลยนะคะ เสียดาย”
            “ผมสวยจริงค่ะ พี่น้อยอยากได้จัง ของพี่ทำได้แต่ซอยสั้นเพราะมันหยิก”
            “ตัดเลยครับผมเบื่อทรงนี้นานแล้ว อยากเปลี่ยนเป็นผมสั้นบ้างนะครับ” พี่หนอยใช้เสียงอ้อน  
            “ตัดให้สั้น ๆ เลยเนตร อ้อนอยู่นั่นแหละ” พี่น้อยค้อนให้วงใหญ่ ทั้งแอบอิจฉาผมสวย และหมั่นไส้เสียงอ้อนนั้น 
            เธอใช้ผ้าผืนบางสีขาวคลุมแล้วเริ่มลงมือ ฉีดผมด้วยกระบอกฉีดน้ำ จนผมชื้นทั่วกัน แบ่งผมเป็นช่วงแล้วลงมือตัด
            “อุ๊ย! ” เสียงพี่น้อยอุทาน  หนอยพลอยตกใจไปด้วย
            “ผมแหว่งเหรอครับ”
            “บ้า! พี่น้อยเสียดายผมน่ะ” เนตรทำงานต่อไม่สนใจทั้งสองคน พอตัดสั้นให้ได้รูปก่อนแล้วเริ่มซอย
            “พี่หนอยแสกกลาง หรือข้างคะ”
            “อย่างไหนหล่อกว่ากันครับ”
            “พี่หนอย” เสียงเธอร้องแบบโดนขัดใจ
            “เอา ๆ ซ้ายครับ” หนอยคิด...ถ้าขืนต่อปากต่อคำอีก คงได้ออกไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ แน่ พี่น้อยมองเพลินตั้งแต่เนตรเริ่มแบ่งผม แล้วลงมือซอยแบบ
คนที่คุ้นกับการตัดเป็นอย่างดี ดวงเนตรใจเย็นมาก งานออกมาประณีตรองทรงได้รูปสวยงาม ดวงเนตรเก็บปลายผมอีกรอบด้วยปัตตาเลี่ยน แล้วเธอก็มา
ยืนด้านหน้าหนอย ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจหอมระรวย  ‘ไอ้หนอยเอ๋ยไอ้หนอยเหมือนหมาแหงนมองเครื่องบินเลย’ หนอยคิด มือเรียวสวยจับคางหนอย
เชิดขึ้น หวีอีกรอบ ก้มตัวลงต่ำเพื่อดูรายละเอียดอีกที  หนอยมองลอดเห็นร่องอกอวบขาว เสื้อตัวนี้คอมันลึกไปหน่อย  หนอยใจเต้นโครม ๆ  มือเรียวที่
แตะปลายผมแต่ละครั้งก็อีก ที่ทำให้ เขาวูบ ๆ วาบ ๆ กันจอนข้างใบหูแล้วก็เสร็จ
            “โอ๊ย! หล่อจังเลยหนอย ฝีมือช่างชั้นหนึ่งเลย” ดวงเนตรยิ้มหวานให้คำชมของพี่น้อย เอาผ้าผืนเล็กปัดเศษผมออกจนหมด
            “เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
            “อีกหน่อยหนึ่งค่ะ เดี๋ยวเนตรทาแป้งฝุ่นให้จะได้ไม่คัน” เธอเทแป้งลงบนต้นคอใช้เรียวนิ้วค่อยๆ ลูบจนทั่ว หนอยขนลุกซู่หน้าแดง
            “หนอยแพ้แป้งฝุ่นเหรอหน้าแดงเชียว”  พี่น้อยแซว
            “ปะ ๆ เปล่าครับ” หนอยรีบตอบ ดวงเนตรไม่ได้ยินเพราะเธอกำลังมองจนทั่วอีกทีว่าดีพอหรือยัง  “เสร็จแล้วค่ะ นี่กระจกเข้าไปส่องรอบ ๆ อีกทีในห้องน้ำนะคะ”
            “ขอบคุณครับ” เขารับกระจกเล็กมา แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาให้ดวงเนตรมองดูชิ้นงานของตัวเองอย่างชื่นชม
            “พี่หนอยซอยผมสั้นดูแมนมากเลย เนตรชอบ”
            “ชอบพี่หนอยเหรอ” คนถามยิ้มกว้างเห็นฟันสวย
            “ทะเล้นนะเรา น้องเขาชอบทรงผมเธอจ้ะ” พี่น้อยรีบเข้าขวาง ครู่เดี๋ยวก็ดึงมือหนอยไปที่ห้องน้าวิว “ไป ๆ ให้น้าวิวดูฝีมือเนตรหน่อย”
            “พี่น้อยต้องพูดว่าให้ดูหนุ่มที่หล่อที่สุดในคาร์บอนเดล” ประตูห้องไม่ได้ปิด ได้ยินเสียงน้าวิว
            ”อ้วก” พอน้าวิวออกมาถึงกับตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
            “เฮ้ย! ไอ้ก๊วกหล่อจังเลยว่ะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่