หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (13)...เริ่มต้นในแคมปัส
นักเรียนไทยมาใหม่อีกคนเมื่อบ่ายวานนี้ เป็นผู้ชายอายุเท่าดวงเนตร เขาชื่อภาคภูมิ เธอเจอเขาที่ห้องน้าวิว ได้พูดคุยทักทายกันตามสม
ควร ภาคภูมิเป็นคนเชียงราย หน้าตาดี สูงโปร่ง ผิวขาวเหลือง ตามลักษณะของคนภาคเหนือส่วนใหญ่ มองจากการแต่งตัวดวงเนตรคิดว่า เขาเป็น
หนุ่มเจ้าสำอาง และการสนทนาดวงเนตรเพียงผิวเผิน เธอไม่อยากรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับหนุ่มหล่อคนนี้ บางอย่างทำให้ดวงเนตรรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้
อาการแบบนี้...ตอนอยู่กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดวงเนตรจะโดนรุมว่าเป็นคนขี้ระแวง แต่ประสบการณ์ความเป็นพี่ใหญ่ที่คอยเฝ้ามองเพื่อน ๆ
ของน้อง แล้วประเมินนิสัยแทบไม่ผิดเลย มันติดเป็นนิสัยที่เธอจะใช้สายตาสแกนคนทะลุถึงกระดูก
สรุปแล้วตอนนี้มีหนุ่มประมาณ สี่คนที่ดวงเนตรรู้จัก พี่ชูพล...นิสัยดีพูดน้อย สุภาพ วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย พี่วิศาล...สุภาพ อยากทักก็ทัก
ไม่อยากทักก็หลบซะงั้น แถมอย่าเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาเลยน่าอึดอัด และถ้าเขาจะเฉยขึ้นมา ใครอยู่ใกล้จะรู้สึกเย็นยะเยือกเหมือนอยู่ขั้วโลก
เลยล่ะ ส่วนความหล่อดูจะนำหน้าหลาย ๆ คน พี่หนอย...พี่ชายสุดเลิฟของดวงเนตร น่ารักที่สุด ใจกว้าง เอาใจเก่ง แต่กะล่อน ความหล่อแบบตี๋หน้า
หยกอยู่ในอันดับต้น ๆ พูดถึงความกระล่อนก็จริง แต่จริงใจกว่าภาคภูมิเยอะ
แล้วเวลาที่ดวงเนตรรอคอยก็มาถึง
ไชโย มหาวิทยาลัยเปิดแล้ว อีกเรื่องที่ทำให้ชีวิตเธอเริ่มต้นเหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน เธอได้รูมเมท
แล้วมาจากสิงคโปร์ ตัวอวบกว่าเนตร หน้าตาสวย ตากลมโต ชื่อแอนทั้งสองคุยกันถูกคอ ดวงเนตรบอกเธอว่า
“ถ้าจะให้ช่วยอะไรก็บอก” แอนกล่าวขอบคุณ ดวงเนตรต้องงัดวิทยายุทธทุกอย่างมาใช้เพราะยังไม่ชินสำเนียงแอน เย็นนั้นหลังจากเตรียมการ
เรียนแล้ว กินอิ่มแล้ว คนที่เธอนึกถึงคือพี่หนอย เขาคงยุ่งเหมือนทุกคน เธอไม่เจอมาสองวันแล้ว ที่พักพี่หนอยอยู่ไม่ไกลหอพัก เขาเช่าเป็นบ้านอยู่
กันสามหนุ่ม เรียกว่า สามหนุ่มสามมุมก็ได้ เพราะ คนหนึ่งเป็นคนไทย คนที่สองมาจากมาเลเซีย คนสุดท้ายมาจากศรีลังกา
ดวงเนตรก้าวเท้าออกเดินไม่มั่นใจตัวเอง เพียงว่าจะไปเลียบเคียงดูพี่เขาสักหน่อย ฟ้ามืดแล้ว...ก้าวเดินเรื่อย ๆ มาถึงมุมที่มองเห็นบ้านพี่หนอยได้
เสียงหนุ่ม ๆ คุยกันอยู่ในบ้าน แต่ดวงเนตรไม่ได้ยินเสียงพี่หนอย
“นั่นไง” เธอบอกตัวเอง เขานั่งจิบกาแฟอยู่ที่ชานบ้าน ดวงตาแหงนมองท้องฟ้า วันนี้คงเป็นสิบห้าค่ำ ท้องฟ้าแจ่มจรัสไปด้วยแสงเดือน
ดวงเนตรตัดสินใจเดินกลับช้า ๆ ใช้ปลายเท้าเตะหินก้อนเล่น จิตใจลอยไปไกลลิบ เหมือนนกหลงรังหาทางกลับบ้านไม่ถูก แล้วเธอก็ได้ยิน
เสียงเหมือนใครเดินตามมา ดวงเนตรไม่กลัวทั้งคนและผี เธอกำหมัดแน่นเตรียมท่าจระเข้ฟาดหาง ก่อนมาที่นี่ลุงประภพฝึกหลานสาวอย่างหนัก หลายท่า
ไว้ใช้ป้องกันตัว ดวงเนตรหยุดชะงัก กำหมัดแน่นหันขวับ มองด้วยสายตาที่ดุ
“โอ๊ย! กลัวแล้วจ้า”
“อ้าว! พี่หนอยเอง”
“ถึงกับจะต่อยพี่เลยเหรอ”
“ไม่คิดว่าเป็นพี่นี่ค่ะ เมื่อครู่ยังเห็นนั่งเหม่ออยู่ที่ชานบ้านอยู่เลย”
“ไปแอบดูพี่หนอยกี่วันแล้ว” เขายิ้มให้ แต่ดวงตายังหมองหม่น
“พี่หนอยเป็นอย่างไรบ้างคะ...เนตรเป็นห่วง”
“พี่เห็นด้านหลังก็จำได้ เลยออกเดินตามมา” แต่ยิ่งเจอยิ่งเจ็บ หนอยคิด
“พี่หนอยแวะไปทานปอเปี๊ยะที่ห้องนะ เนตรทำให้พวกพี่เขา มีของพี่หนอยด้วย”
“ครับผม” สองคนเดินเคียงกันมาอย่างเงียบ ๆ
เตรียมของว่างและชาร้อนให้ว่าที่พี่ชาย หนอยทำใจให้สบาย สักวันทุกอย่างจะดีขึ้นเองเขาคิด แลดูดวงเนตร...เธอตั้งใจช่วยเขาให้ดีขึ้นอย่าง
จริงใจ หนอยอดคิดไม่ได้
‘ใครนะจะโชคดี ได้ดาวดวงนี้ไปครอง ช่างเอาใจนัก’
“พี่หนอยต้องเข้มแข็งไว้นะคะ เนตรจะอยู่เป็นกำลังใจให้ พระเจ้าคงไม่โหดร้ายกับเราจนเกินไป วันเวลาที่ผ่านไปจะช่วยให้พี่ชายของเนตร
แข็งแกร่งดังภูผา”
“สาธุ” เสียงพี่หนอยล้อเล่น ดวงเนตรก้มหน้าลงได้ยินเสียงนั้น แต่เธอไม่อยากมองเห็นดวงตาของเขาที่ยังเศร้า เหงา และเจ็บปวด
วันนี้เป็นวันแรกของชีวิตในมหาวิทยาลัย ชั่วโมงแรกของดวงเนตรเป็นวิชาภาษาอังกฤษ เป็นกฎของที่นี้ ถ้านักศึกษาต่างชาติที่สอบ TOFEL
ได้คะแนนต่ำกว่า 550 ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษด้วย มีนักเรียนต่างชาติที่ต้องเรียนวิชานี้ประมาณหกสิบคน ห้องเรียนแบ่งเป็นสองห้อง ดวง
เนตรเรียนคนละห้องกับภาคภูมิ...โชคดี
ครูอเมริกันสองคนสลับกันสอน คนแรกเป็นผู้หญิง ชื่อเทรซี่ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าผมสีบลอนด์ รูปร่างสูงผอม ใบหน้าเรียวยาว จมูกโด่ง
ปลายจมูกมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ฝรั่งเขาเรียกปลายจมูกแบบนี้ว่าPointed nose ผิวฝรั่งจะไม่เหมือนกับคนเอเชีย พวกเขาจะมีผิวหยาบกว่าและตกกระ ขน
อ่อนเยอะทั้งตัว
ส่วนครูฝรั่งอีกคนชื่อโทมัส อายุมากกว่า มิสเทรซี่ เป็นผู้ชาย รูปร่างท้วมอ้วน ผมสีน้ำตาลอ่อนหวีปัดไปทางซ้าย ตัดสั้นดูเรียบร้อย
หน้าตาแจ่มใส ดูเรียบไม่มีอะไรสะดุดตา ท่าทางใจดี ทั้งสองคนชอบสูบบุหรี่ ดวงเนตรสังเกตว่าพวกเขาจะสูบทุกครั้งที่สอนเสร็จ ในห้องดวงเนตรมี
นักเรียนมาจากหลายที่ มีคนไต้หวันสองคน คนญี่ปุ่นสองคน แล้วก็ดวงเนตร...คนไทยคนเดียวในห้อง นอกนั้นส่วนใหญ่มาจากแถบลาตินอเมริกา
เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก เวเนซูเอล่า นักเรียนกลุ่มนี้จะหน้าตาสวยและหล่อ คมคายกว่าพวกพันธุ์แท้อย่างอเมริกัน แถบลาตินอเมริกา จะใช้ภาษาสเปน
เพราะประเทศกลุ่มนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของสเปนในยุคล่าอาณานิคม ประชากรจะเป็นลูกผสมชาวพื้นเมืองและสเปน ออกลูกหลานมาหน้าตาดูดีเป็น
ส่วนใหญ่ มองผิวเผินเหมือนฝรั่ง แต่ถ้าดูให้ดีไม่เหมือนกันเลย ที่เหลืออีกส่วนเป็นนักเรียนจากแถบตะวันออกกลาง ที่ดวงเนตรรู้ชื่อมี โมฮัมมัด ผิวเข้ม
ออกดำมาจากอิหร่าน อัสซามาจากตุรกี หน้าตาหล่อแบบแขกขาว ตาโตใสสีเหมือนน้ำทะเลลึก ทั้งสองสูงไล่ ๆ กัน และนั่งเรียนขนาบซ้ายและขวา
ของดวงเนตร
อัสซาผิวขาว เพราะเป็นตะวันออกกลางที่อยู่ใกล้ยุโรป...ตุรกี จอร์แดน ประเทศเหล่านี้มีจุดเชื่อมต่อเข้ากับยุโรปตะวันออกได้ จุดเชื่อมอยู่
ที่ช่องแคบบอสฟอรัสในเมืองอิสตันบลูเมืองหลวงของตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัสเป็นทะเลที่แยกสองฝั่งในอิสตันบูลออกจากกัน โดยฝั่งหนึ่งยังอยู่ใน
ทวีปเอเชีย อีกฝั่งอยู่ในทวีปยุโรป และช่องแคบนี้จะไปบรรจบกับทะเลดำ (THE BLACK SEA) และทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) มันเป็น
แค่ความรู้เล็กน้อยที่ดวงเนตรหลงใหล ที่จะรู้จักกับสถานที่ต่าง ๆ บนโลกใบนี้
ตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตอนเธอเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ได้ A ตลอด และในกลุ่มเพื่อนเธอที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดวงเนตรจะเล่าตัวละครในพงศาวดาร “สามก๊ก”ได้อย่างละเอียด จึงโดนเพื่อนแซวบ่อยครั้งว่าคบไม่ได้...หญิงสาวคิดถึงเรื่องราวของวันวานแล้วยัก
ไหล่ ดวงเนตรมั่วแต่เพลินคิดถึงชีวิตในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับเพื่อน ๆ เลยโดนมิสเตอร์โทมัสตั้งคำถาม
“Where are you from?”
“I’m from Thailand.” ครูสอนถามว่ามีใครรู้จักประเทศไทยไหม ทุกคนส่ายหน้า
‘เวรกรรม ไอ้พวกนี้มันความรู้คับแคบ เหมือนกบในกะลาเลย เฮ้อ!’ ดวงเนตรคิด จึงกลายเป็นหน้าที่ของครูภาษาอังกฤษต้องเอาแผนที่มา
กาง และชี้ให้ดู เขาอธิบายว่าโลกเรานี้ประกอบด้วยกันทั้งหมดหกทวีป ซึ่งทั้งหกทวีปประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ประเทศอเมริกา
หรือประเทศที่ยูอยู่ หรือ อังกฤษ แล้วเขาก็หันมาทางดวงเนตร
‘โอ้พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันพูดเกี่ยวกับประเทศไทย’ ดวงเนตรเหงื่อแตกทั่วตัวกับความคิดนั้น ความสามารถในการพูดก็ยังไม่ดี จะ
มาตกม้าตายแน่ แล้วสาวน้อยหน้าสวยจากประเทศไทยก็พยายามอธิบายจนสุดความสามารถ โดยมีทอมมัสซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นพี่เลี้ยง แล้วหา
ทางลงจนได้ “จบ”
ดวงเนตรหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้มิสเตอร์โทมัส ทุกคนก็ปรบมือให้ เธอไม่แน่ใจว่าพวกเพื่อนจะเข้าใจแค่ไหน มันคงเป็นมารยาทของที่นี่กระมัง
นะแต่ผู้สอนบอกดวงเนตรว่า "ดีมาก”
ต่อจากชั่วโมงภาษาอังกฤษ ดวงเนตรต้องเดินอ้อมไปอีกตึกหนึ่งไม่ไกลนัก เพื่อเรียนต่อวิชาการตลาด และชั่วโมงสุดท้ายเป็นวิชาการบริหารงานบุคคล เธอต้องใช้เวลาเรียนมากกว่าคนอื่น เพราะเธอย้ายสาขามาเรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจ...ดวงเนตรจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ประเมินว่าตัวเองอาจ
ต้องเรียนถึงสามปี
‘สงสารเตี่ยจัง ต้องมาเสียเงินส่งเนตรเรียนกว่าจะจบเตี่ยคงเหนื่อยแย่เลย’ เธอคิดว่าลองเรียนเทอมแรกดู ถ้าเรียนไหวเทอมหน้าเธอจะลง
ทะเบียนมากขึ้นจะได้จบเร็วกว่าที่คิด
ชั่วโมงสุดท้ายของวันแรกก็จบลง ดวงเนตรแวะเข้าห้องน้ำ เงยหน้าเห็นตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆ ผมยาวเป็นลอนดูยุ่งเหยิง ล้างหน้าใช้ผ้าเช็ด
จนแห้ง หยิบเอาหวีจากเป้ มาหวีผม รวบด้วยหนังยางและติดกิ๊บ
นี่วันแรกนะยังขนาดนี้ ผมเผ้ากระเจิดกระเจิงหมด... เธอยิ้มขำตัวเอง ดวงเนตรเดินกลับหอพักมาสบาย ๆ ไม่เร่งรีบ นักศึกษาส่วนหนึ่งใช้จักร
ยานเป็นพาหนะเพราะคล่องตัว และเป็นการเดินทางที่ประหยัดเวลา แต่ที่ประหยัดที่สุดคือการเดินเท้า เมืองมหาวิทยาลัย...ทุกแห่งน่าอยู่ ไม่เหมือน
มหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ของอเมริกา มหาวิทยาลัยนี้มีทุกอย่างที่มีในเมืองใหญ่ นักศึกษาที่นี่ไม่ค่อยมีใครซื้อรถยนต์ใช้ จะมีบางคนที่มีกำลังซื้อ
แต่โดยมากซื้อรถมือสอง โดยอาศัยเพื่อนฝูงที่รู้เรื่องรถไปช่วยเลือกให้
หลายคนตัดปัญหาโดยใช้วิธีเดินไปมาในแคมปัส เพราะตัวอาคารเรียนอยู่ไม่ไกลนัก จากอาคารหนึ่งไปยังอาคารหนึ่งพอเดินไหว และการเดินก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีด้วย คนต่างชาติจะเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม ใครมีรถยนต์จะไปช็อปปิงมอลทีก็มาชวนกัน
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (13)...ชีวิตในแคมปัส
นักเรียนไทยมาใหม่อีกคนเมื่อบ่ายวานนี้ เป็นผู้ชายอายุเท่าดวงเนตร เขาชื่อภาคภูมิ เธอเจอเขาที่ห้องน้าวิว ได้พูดคุยทักทายกันตามสม
ควร ภาคภูมิเป็นคนเชียงราย หน้าตาดี สูงโปร่ง ผิวขาวเหลือง ตามลักษณะของคนภาคเหนือส่วนใหญ่ มองจากการแต่งตัวดวงเนตรคิดว่า เขาเป็น
หนุ่มเจ้าสำอาง และการสนทนาดวงเนตรเพียงผิวเผิน เธอไม่อยากรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับหนุ่มหล่อคนนี้ บางอย่างทำให้ดวงเนตรรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้
อาการแบบนี้...ตอนอยู่กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดวงเนตรจะโดนรุมว่าเป็นคนขี้ระแวง แต่ประสบการณ์ความเป็นพี่ใหญ่ที่คอยเฝ้ามองเพื่อน ๆ
ของน้อง แล้วประเมินนิสัยแทบไม่ผิดเลย มันติดเป็นนิสัยที่เธอจะใช้สายตาสแกนคนทะลุถึงกระดูก
สรุปแล้วตอนนี้มีหนุ่มประมาณ สี่คนที่ดวงเนตรรู้จัก พี่ชูพล...นิสัยดีพูดน้อย สุภาพ วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย พี่วิศาล...สุภาพ อยากทักก็ทัก
ไม่อยากทักก็หลบซะงั้น แถมอย่าเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาเลยน่าอึดอัด และถ้าเขาจะเฉยขึ้นมา ใครอยู่ใกล้จะรู้สึกเย็นยะเยือกเหมือนอยู่ขั้วโลก
เลยล่ะ ส่วนความหล่อดูจะนำหน้าหลาย ๆ คน พี่หนอย...พี่ชายสุดเลิฟของดวงเนตร น่ารักที่สุด ใจกว้าง เอาใจเก่ง แต่กะล่อน ความหล่อแบบตี๋หน้า
หยกอยู่ในอันดับต้น ๆ พูดถึงความกระล่อนก็จริง แต่จริงใจกว่าภาคภูมิเยอะ
แล้วเวลาที่ดวงเนตรรอคอยก็มาถึง ไชโย มหาวิทยาลัยเปิดแล้ว อีกเรื่องที่ทำให้ชีวิตเธอเริ่มต้นเหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน เธอได้รูมเมท
แล้วมาจากสิงคโปร์ ตัวอวบกว่าเนตร หน้าตาสวย ตากลมโต ชื่อแอนทั้งสองคุยกันถูกคอ ดวงเนตรบอกเธอว่า
“ถ้าจะให้ช่วยอะไรก็บอก” แอนกล่าวขอบคุณ ดวงเนตรต้องงัดวิทยายุทธทุกอย่างมาใช้เพราะยังไม่ชินสำเนียงแอน เย็นนั้นหลังจากเตรียมการ
เรียนแล้ว กินอิ่มแล้ว คนที่เธอนึกถึงคือพี่หนอย เขาคงยุ่งเหมือนทุกคน เธอไม่เจอมาสองวันแล้ว ที่พักพี่หนอยอยู่ไม่ไกลหอพัก เขาเช่าเป็นบ้านอยู่
กันสามหนุ่ม เรียกว่า สามหนุ่มสามมุมก็ได้ เพราะ คนหนึ่งเป็นคนไทย คนที่สองมาจากมาเลเซีย คนสุดท้ายมาจากศรีลังกา
ดวงเนตรก้าวเท้าออกเดินไม่มั่นใจตัวเอง เพียงว่าจะไปเลียบเคียงดูพี่เขาสักหน่อย ฟ้ามืดแล้ว...ก้าวเดินเรื่อย ๆ มาถึงมุมที่มองเห็นบ้านพี่หนอยได้
เสียงหนุ่ม ๆ คุยกันอยู่ในบ้าน แต่ดวงเนตรไม่ได้ยินเสียงพี่หนอย
“นั่นไง” เธอบอกตัวเอง เขานั่งจิบกาแฟอยู่ที่ชานบ้าน ดวงตาแหงนมองท้องฟ้า วันนี้คงเป็นสิบห้าค่ำ ท้องฟ้าแจ่มจรัสไปด้วยแสงเดือน
ดวงเนตรตัดสินใจเดินกลับช้า ๆ ใช้ปลายเท้าเตะหินก้อนเล่น จิตใจลอยไปไกลลิบ เหมือนนกหลงรังหาทางกลับบ้านไม่ถูก แล้วเธอก็ได้ยิน
เสียงเหมือนใครเดินตามมา ดวงเนตรไม่กลัวทั้งคนและผี เธอกำหมัดแน่นเตรียมท่าจระเข้ฟาดหาง ก่อนมาที่นี่ลุงประภพฝึกหลานสาวอย่างหนัก หลายท่า
ไว้ใช้ป้องกันตัว ดวงเนตรหยุดชะงัก กำหมัดแน่นหันขวับ มองด้วยสายตาที่ดุ
“โอ๊ย! กลัวแล้วจ้า”
“อ้าว! พี่หนอยเอง”
“ถึงกับจะต่อยพี่เลยเหรอ”
“ไม่คิดว่าเป็นพี่นี่ค่ะ เมื่อครู่ยังเห็นนั่งเหม่ออยู่ที่ชานบ้านอยู่เลย”
“ไปแอบดูพี่หนอยกี่วันแล้ว” เขายิ้มให้ แต่ดวงตายังหมองหม่น
“พี่หนอยเป็นอย่างไรบ้างคะ...เนตรเป็นห่วง”
“พี่เห็นด้านหลังก็จำได้ เลยออกเดินตามมา” แต่ยิ่งเจอยิ่งเจ็บ หนอยคิด
“พี่หนอยแวะไปทานปอเปี๊ยะที่ห้องนะ เนตรทำให้พวกพี่เขา มีของพี่หนอยด้วย”
“ครับผม” สองคนเดินเคียงกันมาอย่างเงียบ ๆ
เตรียมของว่างและชาร้อนให้ว่าที่พี่ชาย หนอยทำใจให้สบาย สักวันทุกอย่างจะดีขึ้นเองเขาคิด แลดูดวงเนตร...เธอตั้งใจช่วยเขาให้ดีขึ้นอย่าง
จริงใจ หนอยอดคิดไม่ได้ ‘ใครนะจะโชคดี ได้ดาวดวงนี้ไปครอง ช่างเอาใจนัก’
“พี่หนอยต้องเข้มแข็งไว้นะคะ เนตรจะอยู่เป็นกำลังใจให้ พระเจ้าคงไม่โหดร้ายกับเราจนเกินไป วันเวลาที่ผ่านไปจะช่วยให้พี่ชายของเนตร
แข็งแกร่งดังภูผา”
“สาธุ” เสียงพี่หนอยล้อเล่น ดวงเนตรก้มหน้าลงได้ยินเสียงนั้น แต่เธอไม่อยากมองเห็นดวงตาของเขาที่ยังเศร้า เหงา และเจ็บปวด
วันนี้เป็นวันแรกของชีวิตในมหาวิทยาลัย ชั่วโมงแรกของดวงเนตรเป็นวิชาภาษาอังกฤษ เป็นกฎของที่นี้ ถ้านักศึกษาต่างชาติที่สอบ TOFEL
ได้คะแนนต่ำกว่า 550 ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษด้วย มีนักเรียนต่างชาติที่ต้องเรียนวิชานี้ประมาณหกสิบคน ห้องเรียนแบ่งเป็นสองห้อง ดวง
เนตรเรียนคนละห้องกับภาคภูมิ...โชคดี
ครูอเมริกันสองคนสลับกันสอน คนแรกเป็นผู้หญิง ชื่อเทรซี่ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าผมสีบลอนด์ รูปร่างสูงผอม ใบหน้าเรียวยาว จมูกโด่ง
ปลายจมูกมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ฝรั่งเขาเรียกปลายจมูกแบบนี้ว่าPointed nose ผิวฝรั่งจะไม่เหมือนกับคนเอเชีย พวกเขาจะมีผิวหยาบกว่าและตกกระ ขน
อ่อนเยอะทั้งตัว
ส่วนครูฝรั่งอีกคนชื่อโทมัส อายุมากกว่า มิสเทรซี่ เป็นผู้ชาย รูปร่างท้วมอ้วน ผมสีน้ำตาลอ่อนหวีปัดไปทางซ้าย ตัดสั้นดูเรียบร้อย
หน้าตาแจ่มใส ดูเรียบไม่มีอะไรสะดุดตา ท่าทางใจดี ทั้งสองคนชอบสูบบุหรี่ ดวงเนตรสังเกตว่าพวกเขาจะสูบทุกครั้งที่สอนเสร็จ ในห้องดวงเนตรมี
นักเรียนมาจากหลายที่ มีคนไต้หวันสองคน คนญี่ปุ่นสองคน แล้วก็ดวงเนตร...คนไทยคนเดียวในห้อง นอกนั้นส่วนใหญ่มาจากแถบลาตินอเมริกา
เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก เวเนซูเอล่า นักเรียนกลุ่มนี้จะหน้าตาสวยและหล่อ คมคายกว่าพวกพันธุ์แท้อย่างอเมริกัน แถบลาตินอเมริกา จะใช้ภาษาสเปน
เพราะประเทศกลุ่มนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของสเปนในยุคล่าอาณานิคม ประชากรจะเป็นลูกผสมชาวพื้นเมืองและสเปน ออกลูกหลานมาหน้าตาดูดีเป็น
ส่วนใหญ่ มองผิวเผินเหมือนฝรั่ง แต่ถ้าดูให้ดีไม่เหมือนกันเลย ที่เหลืออีกส่วนเป็นนักเรียนจากแถบตะวันออกกลาง ที่ดวงเนตรรู้ชื่อมี โมฮัมมัด ผิวเข้ม
ออกดำมาจากอิหร่าน อัสซามาจากตุรกี หน้าตาหล่อแบบแขกขาว ตาโตใสสีเหมือนน้ำทะเลลึก ทั้งสองสูงไล่ ๆ กัน และนั่งเรียนขนาบซ้ายและขวา
ของดวงเนตร
อัสซาผิวขาว เพราะเป็นตะวันออกกลางที่อยู่ใกล้ยุโรป...ตุรกี จอร์แดน ประเทศเหล่านี้มีจุดเชื่อมต่อเข้ากับยุโรปตะวันออกได้ จุดเชื่อมอยู่
ที่ช่องแคบบอสฟอรัสในเมืองอิสตันบลูเมืองหลวงของตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัสเป็นทะเลที่แยกสองฝั่งในอิสตันบูลออกจากกัน โดยฝั่งหนึ่งยังอยู่ใน
ทวีปเอเชีย อีกฝั่งอยู่ในทวีปยุโรป และช่องแคบนี้จะไปบรรจบกับทะเลดำ (THE BLACK SEA) และทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) มันเป็น
แค่ความรู้เล็กน้อยที่ดวงเนตรหลงใหล ที่จะรู้จักกับสถานที่ต่าง ๆ บนโลกใบนี้
ตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตอนเธอเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ได้ A ตลอด และในกลุ่มเพื่อนเธอที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดวงเนตรจะเล่าตัวละครในพงศาวดาร “สามก๊ก”ได้อย่างละเอียด จึงโดนเพื่อนแซวบ่อยครั้งว่าคบไม่ได้...หญิงสาวคิดถึงเรื่องราวของวันวานแล้วยัก
ไหล่ ดวงเนตรมั่วแต่เพลินคิดถึงชีวิตในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับเพื่อน ๆ เลยโดนมิสเตอร์โทมัสตั้งคำถาม
“Where are you from?”
“I’m from Thailand.” ครูสอนถามว่ามีใครรู้จักประเทศไทยไหม ทุกคนส่ายหน้า
‘เวรกรรม ไอ้พวกนี้มันความรู้คับแคบ เหมือนกบในกะลาเลย เฮ้อ!’ ดวงเนตรคิด จึงกลายเป็นหน้าที่ของครูภาษาอังกฤษต้องเอาแผนที่มา
กาง และชี้ให้ดู เขาอธิบายว่าโลกเรานี้ประกอบด้วยกันทั้งหมดหกทวีป ซึ่งทั้งหกทวีปประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ประเทศอเมริกา
หรือประเทศที่ยูอยู่ หรือ อังกฤษ แล้วเขาก็หันมาทางดวงเนตร
‘โอ้พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันพูดเกี่ยวกับประเทศไทย’ ดวงเนตรเหงื่อแตกทั่วตัวกับความคิดนั้น ความสามารถในการพูดก็ยังไม่ดี จะ
มาตกม้าตายแน่ แล้วสาวน้อยหน้าสวยจากประเทศไทยก็พยายามอธิบายจนสุดความสามารถ โดยมีทอมมัสซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นพี่เลี้ยง แล้วหา
ทางลงจนได้ “จบ”
ดวงเนตรหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้มิสเตอร์โทมัส ทุกคนก็ปรบมือให้ เธอไม่แน่ใจว่าพวกเพื่อนจะเข้าใจแค่ไหน มันคงเป็นมารยาทของที่นี่กระมัง
นะแต่ผู้สอนบอกดวงเนตรว่า "ดีมาก”
ต่อจากชั่วโมงภาษาอังกฤษ ดวงเนตรต้องเดินอ้อมไปอีกตึกหนึ่งไม่ไกลนัก เพื่อเรียนต่อวิชาการตลาด และชั่วโมงสุดท้ายเป็นวิชาการบริหารงานบุคคล เธอต้องใช้เวลาเรียนมากกว่าคนอื่น เพราะเธอย้ายสาขามาเรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจ...ดวงเนตรจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ประเมินว่าตัวเองอาจ
ต้องเรียนถึงสามปี
‘สงสารเตี่ยจัง ต้องมาเสียเงินส่งเนตรเรียนกว่าจะจบเตี่ยคงเหนื่อยแย่เลย’ เธอคิดว่าลองเรียนเทอมแรกดู ถ้าเรียนไหวเทอมหน้าเธอจะลง
ทะเบียนมากขึ้นจะได้จบเร็วกว่าที่คิด
ชั่วโมงสุดท้ายของวันแรกก็จบลง ดวงเนตรแวะเข้าห้องน้ำ เงยหน้าเห็นตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆ ผมยาวเป็นลอนดูยุ่งเหยิง ล้างหน้าใช้ผ้าเช็ด
จนแห้ง หยิบเอาหวีจากเป้ มาหวีผม รวบด้วยหนังยางและติดกิ๊บ
นี่วันแรกนะยังขนาดนี้ ผมเผ้ากระเจิดกระเจิงหมด... เธอยิ้มขำตัวเอง ดวงเนตรเดินกลับหอพักมาสบาย ๆ ไม่เร่งรีบ นักศึกษาส่วนหนึ่งใช้จักร
ยานเป็นพาหนะเพราะคล่องตัว และเป็นการเดินทางที่ประหยัดเวลา แต่ที่ประหยัดที่สุดคือการเดินเท้า เมืองมหาวิทยาลัย...ทุกแห่งน่าอยู่ ไม่เหมือน
มหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ของอเมริกา มหาวิทยาลัยนี้มีทุกอย่างที่มีในเมืองใหญ่ นักศึกษาที่นี่ไม่ค่อยมีใครซื้อรถยนต์ใช้ จะมีบางคนที่มีกำลังซื้อ
แต่โดยมากซื้อรถมือสอง โดยอาศัยเพื่อนฝูงที่รู้เรื่องรถไปช่วยเลือกให้
หลายคนตัดปัญหาโดยใช้วิธีเดินไปมาในแคมปัส เพราะตัวอาคารเรียนอยู่ไม่ไกลนัก จากอาคารหนึ่งไปยังอาคารหนึ่งพอเดินไหว และการเดินก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีด้วย คนต่างชาติจะเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม ใครมีรถยนต์จะไปช็อปปิงมอลทีก็มาชวนกัน