หัวในสลายที่ปลายฟ้า (52)...ด้วยความหวัง

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (52)...ด้วยความหวัง            
 
            ออกจากมหาวิทยาลัยมาดวงเนตรก็กลับมาที่บ้าน เธอลงจากรถไปเพียงครู่เดียว แล้วเดินออกมาพร้อมกุหลาบสีขาวในมือ ภัทรเห็นจนชิน
ตาคงแวะไปที่สนามบินอีกเช่นเคย ดวงเนตรขับออกมาได้ครู่เดียว ก็ไขกระจกให้ลมพัดเข้ามา
            “อากาศกำลังดี...ว่าไหมคะพี่หนอย” รถจอดบริเวณเดิมที่รั้วข้างสนามบินชิคาโกโอแฮร์ ป้ายที่ดวงเนตรแขวนไว้ยังอยู่ เธอก้มลงจูบดอกกุหลาบ
อย่างอ่อนโยน เหมือนเช่นที่ทั้งสองจูบปากกันแผ่วเบาและเนินนานเหมือนอยากให้โลกหยุดหมุน ดวงเนตรวางลงข้างรั้ว 
            “พี่หนอยอยู่ที่ไหนนะ สบายดีไหม เนตรเป็นห่วงเนตรรักพี่หนอยมากและจะรักตลอดไป” ดวงเนตรพูดคนเดียว เธอเดินกลับมาช้า ๆ แววตาเศร้า
ที่ยังเคว้งคว้าง ดวงเนตรขับรถกลับเข้ามา

            พอจอดรถก็เจอพี่ภัทร “เนตรวันนี้มาทานอาหารเย็นกับพี่นะ” เสียงเขาดูนุ่มลง
            “เดี๋ยวมาเรียมาด้วย ห้าโมงสะดวกไหม”
            “ค่ะ” ดวงเนตรตอบสั้น ๆ ‘กินยาผิดซองหรือเปล่า ช่วงนี้แปลก ๆ ’ ดวงเนตรคิด เธอนั่งลงที่โต๊ะหยิบเอาหนังสือมาทบทวน จนกระทั่งสี่โมงครึ่ง
            “เกือบไปแล้ว…เพลินเลย”  อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินเอื่อยๆ ไปที่บ้านพี่ภัทร มาเรียยังไม่มา
            “มีอะไรให้เนตรช่วยไหมคะ”
             “พี่ทำเสร็จแล้ว” เสียงกดกริ่ง
             “เดี๋ยวเนตรไปเปิดให้” เจอกับมาเรียทั้งสองเข้ากอดกันและทักทาย ดวงเนตรก็เดินนำเข้ามาที่โต๊ะอาหาร มาเรียเข้าไปทักทายแพท…(ภัทร)
ทุกคนสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าก่อนมื้ออาหารค่ำ คุยกันเรื่องนั่นเรื่องนี้จนกินอาหารเสร็จพี่ภัทรบอกกับดวงเนตรให้ช่วยชงกาแฟสองแก้ว พวกเขา
จะไปรอที่ห้องรับแขก
            “ดีนะนึกว่าใจดีเรียกมาเลี้ยงข้าวที่แท้เรียกมาใช้” ดวงเนตรยังตั้งแง่ เธอถือกาแฟเข้ามาทั้งสองคนยังง่วนอยู่กับเอกสาร มาเรียจับมือดวงเนตร
มานั่งข้าง ๆ แล้วเล่าเรื่องโดยย่อว่าทั้งสองกำลังช่วยดวงเนตรสืบหาหนอยจากเอกสารเท่าที่มีอยู่ มาเรียมองดูที่แหวนแล้วขอดวงเนตรดู
            “โอ้พระเจ้า! ฉันเคยเห็นแหวนวงนี้วันที่เราทยอยส่งผู้ประสบอุบัติเหตุไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ”
            “พี่หนอยเป็นคนซื้อให้นิคกี้ แต่มันมีขายอยู่ตามห้างทั่วไปไม่ใช่เหรอคะ”
            “ไม่ใช่แบรนด์นี้ เขาขายแต่ของแพง และทำมารุ่นหนึ่ง ๆ ไม่กี่วง แล้วดูนี่สิแฟนเธอสั่งให้เขาลงคำว่า”love”ไว้ในวงแหวนด้านใน...เอ! ใช่หรือ
เปล่านะ ผิวขาวละเอียด เขาเป็นคนเอเซีย” มาเรียพูดไป พยายามคิดตามไป 
            “อ้อ! แล้วเขามี ๆ ” เธอหันไปทางพี่ภัทรชี้ไปที่สร้อยพระที่ป้าสุรีย์ให้ภัทรไว้นานแล้ว
            “มีสิ่งนี้ด้วยที่คอ” ดวงเนตรทรุดตัวเข่าอ่อน มาเรียจับมือดวงเนตรไว้
            “ไม่เป็นไรใช่ไหมนิคกี้”
            “ไม่ ๆ เป็นไรค่ะ” น้ำเสียงคล้ายสะอื้น ความหวังน้อยนิด ความสับสนภายในใจ
            “เราต้องเช็กอีกทีว่าใช่เขาไหม และเขาถูกส่งไปรักษาตัวที่ไหน ตกลงตามนี้ก่อน ฉันจะไปส่งนิคกี้ที่เรือน...เธอท่าทางไม่ดีเลย” มาเรียประคอง
ดวงเนตรมาที่ห้อง ดวงเนตรฟุบหน้าลงกับเตียงแล้วสะอื้นไห้ มาเรียเข้ามากอด
            “นิคกี้พระเจ้าทรงมีเมตตากับเราเสมอ...เธอต้องมีศรัทธาในพระองค์ แล้วเราจะช่วยกันหาหนอยนะO.K.!”
            “นิคกี้จะให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม” เธอถามอย่างเป็นห่วง
            “ไม่ต้องค่ะ ฉันอยู่คนเดียวได้” มาเรียพยักหน้าและเดินออกมาเงียบ ๆ
 
                  ******แม้ความหวังที่เหลือเท่าเม็ดทราย
                           แต่ยังหมายปีนป่ายไฝ่ค้นหา    
                           แม้จะต้องดั้นด้นค้นทั่วฟ้า
                           เพื่อตามหาใจข้าเอากลับคืน******
 
            หลังเข้าเรียนได้เทอมแรก ดวงเนตรมีเพื่อนมากขึ้น วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีส้มอ่อนสวมทับด้วยเสื้อหนัง กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ ผมถักเป็นเปีย
หลวม ๆ แล้วตลบขึ้นติดด้วยกิ๊บใหญ่ เธอมาถึงจุดนัดพบตามเวลา มองเห็นแมททิววิ่งมาที่รถ “สวัสดีนิคกี้”
            “สวัสดีจ้ะแมททิว”
            “พร้อมหรือยัง”
            “ไปได้เลย ผมเก็บของเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” แมททิวกระโดดขึ้นรถ แล้วบอกทางไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขา  แมททิวเข้าไปครู่เดี๋ยวก็ลาก
กระเป๋าใบใหญ่มา ดวงเนตรลงไปเปิดท้ายรถให้
            “ให้ฉันไปช่วยไหมคะ”
            “ไม่ต้องหรอกเหลือของอีกไม่เยอะ...รอเดี๋ยวนะ” เขากลับมาพร้อมกล่องเอกสารและหนังสือ
            “เรียบร้อยแล้วนิคกี้ไปกันเถอะ”
            “โอเค”
            “ทางนี้เป็นเส้นทางที่ฉันคุ้นที่สุด ไปมามหาวิทยาลัยทุกวัน อ้อ! แล้วอีกเส้นที่ไปกินกาแฟร้านโจอี้ไง”
            “อือ! ช่วงบ่ายว่างไปกันไหมนิคกี้ ผมเลี้ยงนะแลกกันกับที่นิคกี้ช่วยขนของ”
            “ได้สิ” ดวงเนตรตอบสั้น ๆ
            “บ้านเราคงอยู่ไม่ไกลกันนะ พี่เขยผมเขาสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยที่เราเรียนนั่นแหละ เขาสอนคณะเศรษฐศาสตร์”
            “พูดเล่นน่า...มีแต่ดอกเตอร์แจ็กสันเท่านั้นที่อยู่แถวนี้ หรือเธอเป็นน้องของคุณมาเรีย” ดวงเนตรเดาเพราะเค้าหน้าของแมททิวคล้ายกับมาเรีย
มาก เธอมองหน้าเขา แมททิวพยักหน้า
            “โอ้พระเจ้า! จริง ๆ ด้วยดีใจจังเพราะฉันรู้จักครอบครัวแจ็กสันดี”
             “พี่มาเรียก็พูดถึงผู้หญิงเอเชียบ่อย ๆ ที่แท้ก็นิคกี้เอง “What’s a small world...โลกช่างแคบจริง ๆ เลยนะ”
 
            มาเรียวิ่งออกมาต้อนรับทั้งสองคน เธอเข้าไปกอดแมททิวอย่างดีใจ เอามือลูบศีรษะเขา คงเป็นการแสดงความรักเพราะแมททิวเป็นน้องคน
เล็กสุดในครอบครัว ดวงเนตรเห็นภาพพี่น้อง คู่นี้แล้วอดนึกถึงน้องที่อยู่เมืองไทยไม่ได้
         ‘วันนี้ว่างจะโทรคุยกันหน่อยแล้วค่อยส่งจดหมายตาม’ ดวงเนตรคิด มาเรียและแมททิวหันมาขอบคุณ
            “เข้ามาข้างในก่อนไหมนิคกี้”
            “ไม่ดีกว่าค่ะ นิคกี้จะเลยไปดูต้นไม้และช่วงบ่ายแมททิวจะเลี้ยงกาแฟเป็นค่าขนของค่ะ”   
            “แหมขี้เหนียวจัง เลี้ยงแค่กาแฟ” พี่สาวต่อว่า
            
            เธอออกรถไปพร้อมโบกมือให้สองพี่น้อง ขับรถไปที่ร้านมิสเซลลี่ เมื่อได้ต้นไม้ครบแล้ว “ที่บ้านน่าอยู่ขึ้นมากเพราะต้นไม้ของคุณ” ดวงเนตร
พูดกับมิสเซลลี่  
             “ขอบคุณค่ะ คุณเป็นลูกค้าที่น่ารักมาก”
             “บางคนเรื่องมากจนฉันปวดหัว” มิสเซลลี่นินทาลูกค้าให้ดวงเนตรฟัง เธอยิ้มให้พร้อมกล่าวอำลา
             “ฉันไปก่อนละนะ Bye.”
     
            ช่วงบ่ายแมททิวเดินเรื่อย ๆ มาถึงบ้านนิคกี้ “Hi! แมททิว รอสักครู่นะ”  แมททิวนั่งรอที่เก้าอี้โยกบนชานบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมโชยมา ระแนงไม้
ที่มีเถาองุ่นเลื้อยคลานเกาะอยู่ทั่วไปดูสวยงาม ทางขึ้นด้านหน้ามีบันไดสองขั้น ดวงเนตรตั้งต้นดอกอาซาเลีย และต้นไฮเดรนเยียสีม่วงคราม
            “ทำบ้านได้น่าอยู่จริงนะนิคกี้” แมททิวทึ่ง
            “ไปเถอะ แมททิว”
            “นิคกี้เป็นอะไร ทำไมหน้าเศร้าจัง”
            “คิดถึงแฟนจะเข้าครึ่งปีแล้ว ยังตามไม่เจอร่องรอยเพิ่มเติมเลย และเมื่อก่อนที่คาร์บอลเดล ทุกช่วงที่สอบเสร็จพี่ ๆ และเพื่อน รวมนิคกี้กับ
แนท..พี่หนอย จะทำอาหารกินกัน และเขาชอบแหย่ให้ทุกคนหัวเราะ เขาร้องเพลงไพเราะและเล่นกีต้าร์เก่งด้วย” ดวงเนตรพูดถึงพี่หนอยเหมือน
รำพัน
            แมททิวถอนใจเบา ๆ “ผมเป็นกำลังใจให้ ขอให้สมปรารถนานะครับ” เอ่ยไปก็พลางคิด...’อย่าชอบคนที่เขามีคู่แล้วจะได้ไม่เจ็บปวด’  เป็นความ
จริงที่ใครอยู่ใกล้นิคกี้แล้วจะไม่ชอบเธอ นิคกี้เป็นผู้หญิงรูปร่างโปร่งบาง ผิวขาวละเอียด ดวงตาสวยยาวรีสีน้ำตาลเข้มช่างมีเสน่ห์นัก สำหรับหญิงสาว
เองแม้สนิทก็จะมีระยะห่างที่ชัดเจน
            “ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว”...นั่นคือคำตอบของนิคกี้เองตั้งแต่แรกจนถึงเดี๋ยวนี้
 
 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่