หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (9)...รวงรังอันอบอุ่น

กระทู้คำถาม
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (9)...รวงรังกับความอบอุ่น
           
            ดวงเนตรล็อกห้อง สำรวจตามจุดต่าง ๆ ในรวงรังของเธอ และแล้วนกนางนวลตัวน้อยซึ่งโผขึ้นสู่ท้องฟ้าก็มาถึงปลายทางได้ดังหวัง สร้างรวง
สร้างรัง ณ อีกฝากฟ้าหนึ่ง เธอลงมือจัดห้องโดยเริ่มจากเตียงนอน ที่นอนดูค่อนข้างใหม่และสะอาด เนตรหาผ้ามาปิดจมูกแล้วฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อที่พี่ศิริให้
มาบนที่นอน รอสิบนาที ตามที่พี่บอกแล้วคลุมเตียงด้วยผ้ากันเปื้อนชั้นแรก คลุมทับอีกชั้นด้วยผ้าปูที่นอนลายเมฆ สีฟ้า ขาว สีโทนเดียวกันเลยกับ
ผ้าม่าน แต่ผ้าปูเตียงสีเข้มกว่าทำให้ห้องสว่างสดใส
             เปิดกระเป๋าทั้งสองใบ แยกผ้าที่เตรียมจะเอาไปซักไว้ในตะกร้า เก็บเอาที่ยังไม่ได้ใช้ไว้ในตู้ แยกของใช้ส่วนตัว ใช้ผ้าที่แม่ใส่มาให้ในกระเป๋า
เป็นผืนเล็ก ๆ สำหรับเช็ดถูทำความสะอาด เช็ดทุกที่ภายในห้องจนเรียบร้อย แล้วเอาของใช้จัดเรียงตามหมวดหมู่ ของใช้ทั่วไปและยาวางไว้ชั้นบน
สุดของชั้นขาวที่น้าวิวให้มา ชั้นที่สองวางชา กาแฟ ไมโล คอฟฟี่เมต น้ำตาล ชั้นสุดท้ายเป็นจาน ชาม ช้อน แก้ว 
            ในห้องน้ำมีชั้นสแตนเลสแบบแขวน ไว้ให้วางของใช้ในห้องน้ำยึดติดผนังไว้สองมุม มุมในกับมุมนอก  ดวงเนตรเลือกตัวที่อยู่มุมในเพราะนัก
ศึกษาที่เป็นเพื่อนห้องติดกันยังไม่มา (สองห้องใช้ห้องน้ำเดียวกัน)
            “ใครมาก่อนก็เลือกก่อนจริงไหม” เสียงเธอพูดขึ้นลอย ๆ ต้นพลูด่างดวงเนตรแยกใส่โถแก้วใสสองใบ โถแก้วพี่น้อยบริจาคให้มาเช่นกัน ใบหนึ่ง
วางไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง อีกใบวางไว้ในห้องน้ำ ดวงเนตรสร้างวิมานอย่างรวดเร็วทันเวลาพอดี 

            เสียงเคาะประตูดังขึ้น
            “ค่ะ” เธอขานรับพร้อมเดินไปเปิดประตู พี่น้อยและน้าวิวโผล่มาคู่แรก
            “ว้าว! จัดได้น่าอยู่มากเลย” พี่น้อยเป็นคนแรกที่ชม
            “เฮ้ย! ของพวกนี้ตอนมันอยู่กับน้าวิวมันไม่สวยเท่าอยู่กับเนตรเลยล่ะ”
            ”สุดยอดเลยเนตร พี่ศิริมานอนเป็นเพื่อนเอาไหม” คนถูกชมหน้าบานทั้งดีใจและหลากหลายอารมณ์ยากที่ดวงเนตรจะเอ่ย
            “พลมาแล้วเหรอ” น้าวิวร้องทักแล้วทุกคนก็หันไปทักทายกัน พี่พลถือโอาสเดินตรงเข้ามาในห้อง
            “สวัสดีครับดวงเนตร”
            “สวัสดีค่ะพี่พล” เขามองดูเธอแล้วยิ้มกว้าง
            “ดวงเนตรสดใสขึ้นมากเลย ผิดกับตอนพี่ไปรับมาใหม่ ๆ ”
            “ค่ะรู้สึกดีขี้นมากเลย พี่และเพื่อน ๆ ดูแลเนตรอย่างดี ของในห้องก็ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ ๆ ” น้าวิวเดินเข้าหาพี่พล
            “น้าวิวจะตำหนิเธอยังไงดีนะ...น้องเขาเพิ่งมาใหม่ ภาษาก็ยังไม่แข็งแรง ทิศเหนือทิศใต้ก็ไม่รู้ นึกยังไงเอาไปไว้ที่หอแบปทิสต์ (Baptist) 
ตึกสี่ชั้นมีนักเรียนแค่สามคน แถมอยูกันคนละชั้นอย่างกับตึกร้าง”
            ดวงเนตรกลัวพี่พลโกรธเพราะโดนต่อว่าซะยาว แต่ไม่เลยเขาหันมา
            “พี่ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่รอบคอบเอง”  
            “พี่พลคะ อุตส่าห์มารับเนตรก็บุญแล้วค่ะ”
            “เนตรไม่เป็นอะไรหรอก”
            “อ้อ! หนูไม่เป็นอะไร...นั่งร้องไห้ซะตาบวมนี่นะ” น้าวิวเหน็บให้ ดวงเนตรยิ้ม น้าวิวเป็นคนโผงผาง แต่เป็นคนตรงมีความจริงใจให้ทุกคน
สรรพนามที่ใช้ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของคู่สนทนา เช่น แก ไอ้ หนู พี่ น้อง เธอ ที่แปลกคือน้าวิวจะไม่ใช้ไอ้กับพี่พล ทั้ง ๆ ที่อายุเขาน่าจะใกล้เคียงกับ
พี่หนอย ภายหลังมารู้จากพี่น้อยว่า น้าวิวเขาสงสารพี่พล เพราะหูเสียทั้งสองข้างหลังจากได้รับอุบัติเหตุ.
            “แต่เขาคุยกับเราปกตินะคะ”
            “ใช่ แต่ถ้าเนตรพูดอยู่ข้างหลังเขาจะไม่ได้ยินเลยค่ะ”
            “พลใช้วิธีอ่านปากเอา”
            “น่าสงสารจังเลยพี่น้อย” ดวงตาแดง พี่น้อยพยักหน้ารับ ดวงเนตรคิด ‘คนเรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม ส่งผลให้คนแต่ละคน
มีชีวิต ฐานะทางสังคมและครอบครัว ต่าง ๆ กัน
           
            “ไปเถอะ... ทุกคนพร้อมแล้ว” พี่หนอยส่งเสียงทันทีที่มาถึง
            “ใช่! เราพร้อมที่จะล้มทับพี่พลแล้ว” เขามองหาดวงเนตรเร่งฝีเท้าจนทัน แล้วถึอโอกาสเดินไปด้วยกัน หนอยชวนคุย ชี้ให้ดูนั่น โน้น นี่ ปากก็
คุยไม่หยุด เสียงหัวเราะเบาของดวงเนตรดังเป็นระยะ เสียงใสดั่งระฆังแก้ว พี่น้อยดูทั้งคู่แล้วสะท้อนใจ
            “หนอยกะล่อนแถมเจ้าชู้น้องเนตรตามไม่ทันหรอก” น้าวิวลืมดูว่าที่ลูกสาวเพราะมัวคุยเรื่องงานชมรมกับพี่พลและพี่ศิริ แล้วทุกคนก็มาถึงหน้า
ร้านกำลังรอสามคนหลังอยู่ น้าวิวเดินรี่เข้ามาแทรกตรงกลาง
            “นี่ยืนห่าง ๆ ลูกสาวฉันหน่อย” ทุกคนได้เฮ กับท่าทางของคู่ปรับสองคนอีก
            “เข้าไปข้างในกันเถอะหิวแล้ว” พี่น้อยเอ่ย

            ทั้งกลุ่มเหมือนนัดเดินกันไว้ตรงไปที่โต๊ะใหญ่ ช่วงนี้ปิดเทอมเลยไม่ค่อยมีคน
            “หน้าร้านเขาติดอะไรไว้คะ”
            “10$... All You can eat” พี่น้อยช่วยอธิบายให้น้องฟังว่าจะกินเท่าไรก็ได้เขาคิดแค่ 10เหรียญ“โอ้โฮ! พวกเราตั้งสิบห้าคน มันตั้ง 150เหรียญ
เลยนะคะ อย่างนี้พี่พลก็จนแย่สิ” ดวงเนตรเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
            “น้องเนตรคะ เงินที่อยู่ในกระเป๋าพี่เขาเป็นเงินของชมรมนักเรียนไทยจ้ะ พอสิ้นปีมีเงินเหลือก็เรียกพวกเรามากินกัน ตอนนี้เรามีทั้งหมดเจ็ดสิบคน
แต่มาแค่นี้เพราะที่เหลือเขาติดธุระ”
    
            ดูทุกคนตักกันแบบไม่เกรงใจ มาแต่ละจานใหญ่ทั้งนั้น ดวงเนตรตักสลัดมาจานค่อนข้างใหญ่ มีพิซซ่าติดมาสองชิ้น บางคนจับคู่นั่ง ส่วนใหญ่กำลังวางแผนเรื่องการลงทะเบียน ดวงเนตรโดนขนาบด้วยน้าวิวกับพี่ศิริได้ครู่เดียว พี่ศิริก็ลุกไปนั่งคุยต่อเรื่องงานชมรมกับพี่พล คนที่รีบแทรกเข้ามาแทนคือ
หนอย เขายิ้มให้...ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ น้าวิวเห็นหนอยแกล้งทำเป็นหน้างอใส่ ชายหนุ่มหัวเราะ
ชอบใจ พอกินมื้อเย็นเสร็จทุกคนก็เดินตัวแอ่นพุงปลิ้นกันกลับหอพัก
            “โปรดทราบใครที่รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ที่หอนี้กรุณากลับบ้านได้”
            “คนสวยใจดำ...” หนอยเอ่ยมองน้าวิวอย่างขัดใจ ก่อนจะลากลับพร้อมพี่พล
 
            ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องพัก หลังอาบน้ำเสร็จดวงเนตรกราบพระ สวดมนต์ แล้วล้มตัวลงนอน กลิ่นหมอนใบใหม่หอมนัก คิดอะไรต่อ
ไม่ไหวแล้ว..ดวงเนตรหลับสนิทถึงรุ่งเช้า

            แดดอ่อนเริ่มทอแสงลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ดวงเนตรลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า วันนี้เธอใส่กางเกงยีนขายาว เสื้อยืดสีดำ สกรีนด้านหลังเป็น
ริ้วดำ-แดง “Home Sweet Home” ทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังเนื้อบางนิ่มสีน้ำตาลเข้ม ผมปล่อยสลวยถึงบ่า กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากถ้วยในมือ เธอจิบ
กาแฟพลางมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง เพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเป็นเนินหญ้าเขียวสวย และทุ่งดอกไม้ป่าดอกเล็กกระจายอยู่รอบ
            ห้องพี่น้อย..ส่วนที่เป็นหน้าต่างมองออกไปเห็นสะพานเดิน ที่เชื่อมถนนกับตัวหอพัก  ดวงเนตรคิดว่าก็ดีเหมือนกัน มองเห็นคนเดินเข้าออกได้
กาแฟยังไม่หมดแก้วเสียงเคาะประตูดังขึ้น
            “เชิญค่ะ” เธอวิ่งไปเปิด...เป็นพี่น้อยจริงอย่างที่คิด ในมือถือถาดใส่ขนมปังปิ้งทาแยมมา
            “นอนหลับไหมจ๊ะดวงเนตร”
            “หลับสบายเลยค่ะ พี่น้อยเอาขนมมาตั้งหลายแผ่น“
            “เอามาเผื่อน้องด้วยค่ะ”
            “พี่ดื่มกาแฟหรือโอวัลตินคะ”
            “กาแฟดีกว่า หอมเชียว...นี่จดรายการซื้อของเหรอคะ”
            “ยังขาดของใช้บางอย่างค่ะ เนตรทำบัญชีไว้ด้วยต้องประหยัดมาก ๆ เลยพี่น้อย...เงินหลังจ่ายค่าลงทะเบียนแล้วจะเหลือไม่มากค่ะ”
            “จดหมายส่งไปให้เตี่ยหลายวันแล้วก็ยังไม่รู้ว่าได้รับรึเปล่า”
            “อย่ากังวลมากเลยเดี๋ยวซักหกโมงครึ่งพี่จะไปขออนุญาตน้าวิว ให้เนตรโทรทางไกลกลับบ้าน เราใช้วิธีจดเบอร์และวันที่ พอบิลมาก็เอาเงินไป
จ่ายกับน้าวิว”
            “น้าวิวมีโทรศัพท์ด้วยหรือคะ”
            “จ้ะ มีไม่กี่คนที่ติดตั้งโทรศัพท์เพราะมันแพง”
            “เนตรเกรงใจค่ะ”
            “หนูรู้ไหม น้าวิวเอ็นดูหนูมากกว่าคนอื่นเพราะว่า...”
            “อะไรคะ” ดวงเนตรสงสัย พี่น้อยพูดต่อ
            “เมื่อสองอาทิตย์ก่อน น้าวิวเขาจัด Pot luck party หมายความว่าทุกคนต้องทำอาหารมาหนึ่งอย่าง  วันนั้นแกเอารูปครอบครัว มีพี่ชายกับ
น้องสาวและเตี่ยแม่มาให้ดู น้องสาวสวยมากสูงโปร่งไล่ ๆ กับเนตรเลย เราสนุกกันจนเกือบสามทุ่มครึ่งก็เลิก เพราะกฎที่นี่ทุกคนต้องเข้าที่พักเวลา
สี่ทุ่มตรง  แล้วตอนที่เราไปรับเนตรที่หอเก่า จำได้ไหม น้าวิวเดินจูงหนูยังกับเด็ก พอพี่น้อยหันไปมอง พี่นี้ขนลุกเลยเพราะเนตรหน้าตาคล้ายกับ
น้องสาวแกอย่างกับแฝด”
            “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
            “จริงจ้ะ ก็ดูข้าวของที่แกให้สิ ปกติเด็กใหม่มาแกก็แบ่งของใช้ให้อยู่แล้วแต่ไม่มากขนาดนี้” แล้วพี่น้อยก็เปลี่ยนเรื่อง
            “เอาล่ะ แล้วเรื่องลงทะเบียนอ่านระเบียบการ และวางแผนเลือกลงวิชาแล้วหรือยัง”
            “อ่านแล้วค่ะ”
            “ปริญญาเอกลงทะเบียนก่อนหนึ่งวัน”
            “แล้ววันที่เนตรลงทะเบียนพี่น้อยว่างด้วยจะประกบไปนะ แค่ไปเป็นพี่เลี้ยง หนูต้องพยายามช่วยตัวเองให้มาก ถ้าไม่ได้จริง ๆ แล้วพี่น้อยจะ
ช่วยค่ะ”
            “ขอบพระคุณมากค่ะ  มีอะไรกรุณาแนะนำเนตรด้วยนะคะ” เสียงหวานอ้อนพี่น้อย
            “จ้าน้องหนู” พี่น้อยยิ้มถูกใจจนตาหยี
            “เรื่องของใช้เอาไว้คุยกับหนอย เพราะเขาจะมาตัดผมพรุ่งนี้ เสร็จแล้วไปหาซื้อเอาตามYard Sale ...ฝรั่งเวลาเขาย้ายที่อยู่สิ่งของที่ไม่ต้องการ
เขาจะเอามาวางขายที่สนามหญ้าหน้าบ้าน  พี่น้อยเตรียมดูจากหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยแล้ว ในหนังสือพิมพ์มีส่วนหนึ่ง ให้เราลงโฆษณาขายของ
พี่น้อยเห็นมีหลายที่เลย แต่เราต้องอาศัยหนอยเพราะเขามีรถค่ะ” สักครู่พี่น้อยก็ไล่เรียงซักถามประวัติของดวงเนตรครอบคลุมไปหมด สาวน้อยไม่ว่า
อะไรเพราะมันเป็นแค่เรื่องของมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อดวงเนตร

            พี่น้อยเล่าเรื่องน้าวิวให้เนตรฟัง เพราะแค่คำถามเดียวว่า
            “น้าวิวเรียนอะไรคะ”  พี่น้อยบอกกล่าว และเล่าว่าเธอผิดหวังกับชีวิตแต่งงานมา อยู่กันนานเหมือนกันแต่ไม่มีลูก แล้วน้าวิวก็พบว่าสามีแกมีเมีย
น้อยหลายคน ตอนมาใหม่ ๆ หน้าตาเศร้าหมองเพราะความช้ำใจ เวลาผ่านไปสุดท้ายน้าวิวตัดใจได้ แล้วเริ่มชีวิตใหม่อย่างที่เห็น
            ดวงเนตรน้ำตาคลอด้วยความสงสาร ชีวิตที่แตกสลายเพราะคนที่เรารักแต่เขารักเราน้อยกว่า แถมยังสร้างแผลใจที่ปวดร้าวทิ้งไว้อีก
            พี่น้อยเอ่ยว่า “ที่ใหม่ โลกใบใหม่ กับเพื่อนที่น่ารักช่วยให้ดีขึ้นมาก ๆ เลย”
 
           ***รักเอยเล่ห์นักลวงให้หลง
                ไม่ซื่อตรงทำลงโอ้ใจหนอ
                หลงน้ำคำมอบรักสุดทดท้อ
                จึงตัดใจไม่รอขอห่างไกล***
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่