หวานนำ
คนไทยส่วนใหญ่ยังชอบ ‘กินหวาน’ เพราะอร่อย-คุ้นเคยมากกว่า ส่วนวัยรุ่นกังวลน้ำตาลเยอะ ดัน ‘นมพืช’ โตแรงขึ้นทุกปี
จับตาความท้าทายอุตสาหกรรมนมพร้อมดื่ม “ดัชมิลล์” เผย คนไทยนิยมกิน “หวานน้อย” เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นส่วนน้อย รสชาติดั้งเดิมตอบโจทย์กว่า ด้านคนรุ่นใหม่กังวลความหวานมากสุด บางส่วนเลือกกินนมพืช ดัน “นมถั่วเหลือง” โตแรงสุดในพอร์ตโฟลิโอ
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “ดัชมิลล์” (Dutchmill) แบรนด์นมเปรี้ยมพร้อมดื่มที่ครองตำแหน่งผู้นำตลาดมาหลายปี หากกางดูพอร์ตโฟลิโอจะพบว่า ไม่ได้มีแค่นมเปรี้ยวเท่านั้น แต่ยังมีนมช็อกโกแลตมอลต์รวมถึงนมถั่วเหลืองที่กำลังไต่ระดับช่วงชิงส่วนแบ่งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดนมทางเลือกด้วย
“จิตรภณ ไตรรัตน์วรวุฒิ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สัดส่วนของคนกินนมเปรี้ยวดัชมิลล์ทุกวันนี้ มีตั้งแต่กลุ่ม Gen Y ไปจนถึง Gen X ส่วน “ดีน่า” จะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานเป็นต้นไป เด็กๆ นิยมกินนมวัวมากกว่าหากมองภาพรวมทั้งเครือกลุ่มลูกค้าของ “ดัชมิลล์” จึงมีความหลากหลายมากๆ แม้เป็นแบรนด์เดิมแต่ก็ต้องออก “NPD” หรือโปรดักต์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ จิตรภณบอกว่า โดยเฉลี่ยดัชมิลล์ออก NPD ราวๆ 20-30 ตัวต่อปี
ความน่าสนใจของผู้บริโภคทุกวันนี้พบว่า พวกเขาลงรายละเอียดในการพิจารณาก่อนเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่มองว่า นม 1 กล่องให้แคลเซียมเท่าไหร่ ปัจจุบันปริมาณน้ำตาลหรือความหวานถูกให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนซื้อต้องอ่านข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง-ศึกษาเยอะขึ้น กลายเป็นว่า สินค้าที่ขายดี คือสินค้าที่มีความละเอียด มีความเฉพาะตัวสูง ส่วนสินค้ากลุ่มแมสยอดขายจะเริ่มตกลงเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า ความกังวลเรื่องน้ำตาลหรือหวานน้อยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทุกปีหรือไม่ ผู้บริหารดัชมิลล์บอกว่า แนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เหมือนกับเทรนด์การสั่งเครื่องดื่มตามคาเฟ่ทุกวันนี้ที่ส่วนใหญ่จะกำชับเรื่อง “หวานน้อย” ฉะนั้นทุกครั้งที่ดัชมิลล์ออกโปรดักต์ใหม่ๆ จึงต้องทำการเก็บฟีดแบ็กผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเสมอ ซึ่งก็พบว่า มีคอมเมนต์เรื่องน้ำตาลที่อาจจะสูงเกินไปเข้ามาด้วย
สำหรับความหวานของนม “จิตรภณ” ระบุว่า บางครั้งก็เป็นความหวานจากตัววัตถุดิบโดยไม่ได้มีการเติมน้ำตาลเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้จะมีการระบุบนแพ็กเกจจิ้งอยู่แล้วว่า “No sugar added” แต่เทรนด์กินหวานน้อยที่สูงขึ้นก็ทำให้ผู้ผลิตอย่างดัชมิลล์ต้องปรับตัว ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้าหวานน้อยหรือไม่มีน้ำตาลไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม แม้คนจะถามหาเรื่องน้ำตาลมากขึ้น แต่ก็พบว่า สัดส่วนคนชอบกินรสชาติดั้งเดิมยังเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่อยู่ดี เนื่องจากคุ้นเคยกับรสชาติมากกว่า ความกังวลเรื่องหวานมาก-หวานน้อย จึงเป็นเพียงประเด็นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น อาจจะเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่มากกว่า เรื่องรสชาติความอร่อยยังเป็นเช็กลิสต์อันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
นอกจากเรื่องหวานน้อย “นมพืช” หรือ “นมทางเลือก” ก็เป็นอีกส่วนที่น่าจับตามอง เพราะในบรรดาสินค้าทุกประเภท “ดีน่า” มีการเติบโตมากสุดในพอร์ตดัชมิลล์ และยังมีแนวโน้มโตขึ้นอีกเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้ “ดีน่า” จะไม่ได้เป็นผู้นำตลาด แต่จากมูลค่าตลาดนมถั่วเหลือกว่า 15,000 ล้านบาท ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงและมีศักยภาพในการไปต่ออีกยาวไกล ท่ามกลางเทรนด์รักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ที่กลับมาให้ความสำคัญเรื่องกินดีอยู่ดีมากขึ้น
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1169655?anm=
คนไทยส่วนใหญ่ยังชอบ ‘กินหวาน’ เพราะอร่อย-คุ้นเคยมากกว่า ส่วนวัยรุ่นกังวลน้ำตาลเยอะ ดัน ‘นมพืช’ โตแรงขึ้นทุกปี
คนไทยส่วนใหญ่ยังชอบ ‘กินหวาน’ เพราะอร่อย-คุ้นเคยมากกว่า ส่วนวัยรุ่นกังวลน้ำตาลเยอะ ดัน ‘นมพืช’ โตแรงขึ้นทุกปี
จับตาความท้าทายอุตสาหกรรมนมพร้อมดื่ม “ดัชมิลล์” เผย คนไทยนิยมกิน “หวานน้อย” เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นส่วนน้อย รสชาติดั้งเดิมตอบโจทย์กว่า ด้านคนรุ่นใหม่กังวลความหวานมากสุด บางส่วนเลือกกินนมพืช ดัน “นมถั่วเหลือง” โตแรงสุดในพอร์ตโฟลิโอ
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “ดัชมิลล์” (Dutchmill) แบรนด์นมเปรี้ยมพร้อมดื่มที่ครองตำแหน่งผู้นำตลาดมาหลายปี หากกางดูพอร์ตโฟลิโอจะพบว่า ไม่ได้มีแค่นมเปรี้ยวเท่านั้น แต่ยังมีนมช็อกโกแลตมอลต์รวมถึงนมถั่วเหลืองที่กำลังไต่ระดับช่วงชิงส่วนแบ่งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดนมทางเลือกด้วย
“จิตรภณ ไตรรัตน์วรวุฒิ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สัดส่วนของคนกินนมเปรี้ยวดัชมิลล์ทุกวันนี้ มีตั้งแต่กลุ่ม Gen Y ไปจนถึง Gen X ส่วน “ดีน่า” จะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานเป็นต้นไป เด็กๆ นิยมกินนมวัวมากกว่าหากมองภาพรวมทั้งเครือกลุ่มลูกค้าของ “ดัชมิลล์” จึงมีความหลากหลายมากๆ แม้เป็นแบรนด์เดิมแต่ก็ต้องออก “NPD” หรือโปรดักต์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ จิตรภณบอกว่า โดยเฉลี่ยดัชมิลล์ออก NPD ราวๆ 20-30 ตัวต่อปี
ความน่าสนใจของผู้บริโภคทุกวันนี้พบว่า พวกเขาลงรายละเอียดในการพิจารณาก่อนเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่มองว่า นม 1 กล่องให้แคลเซียมเท่าไหร่ ปัจจุบันปริมาณน้ำตาลหรือความหวานถูกให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนซื้อต้องอ่านข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง-ศึกษาเยอะขึ้น กลายเป็นว่า สินค้าที่ขายดี คือสินค้าที่มีความละเอียด มีความเฉพาะตัวสูง ส่วนสินค้ากลุ่มแมสยอดขายจะเริ่มตกลงเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า ความกังวลเรื่องน้ำตาลหรือหวานน้อยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทุกปีหรือไม่ ผู้บริหารดัชมิลล์บอกว่า แนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เหมือนกับเทรนด์การสั่งเครื่องดื่มตามคาเฟ่ทุกวันนี้ที่ส่วนใหญ่จะกำชับเรื่อง “หวานน้อย” ฉะนั้นทุกครั้งที่ดัชมิลล์ออกโปรดักต์ใหม่ๆ จึงต้องทำการเก็บฟีดแบ็กผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเสมอ ซึ่งก็พบว่า มีคอมเมนต์เรื่องน้ำตาลที่อาจจะสูงเกินไปเข้ามาด้วย
สำหรับความหวานของนม “จิตรภณ” ระบุว่า บางครั้งก็เป็นความหวานจากตัววัตถุดิบโดยไม่ได้มีการเติมน้ำตาลเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้จะมีการระบุบนแพ็กเกจจิ้งอยู่แล้วว่า “No sugar added” แต่เทรนด์กินหวานน้อยที่สูงขึ้นก็ทำให้ผู้ผลิตอย่างดัชมิลล์ต้องปรับตัว ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้าหวานน้อยหรือไม่มีน้ำตาลไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม แม้คนจะถามหาเรื่องน้ำตาลมากขึ้น แต่ก็พบว่า สัดส่วนคนชอบกินรสชาติดั้งเดิมยังเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่อยู่ดี เนื่องจากคุ้นเคยกับรสชาติมากกว่า ความกังวลเรื่องหวานมาก-หวานน้อย จึงเป็นเพียงประเด็นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น อาจจะเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่มากกว่า เรื่องรสชาติความอร่อยยังเป็นเช็กลิสต์อันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
นอกจากเรื่องหวานน้อย “นมพืช” หรือ “นมทางเลือก” ก็เป็นอีกส่วนที่น่าจับตามอง เพราะในบรรดาสินค้าทุกประเภท “ดีน่า” มีการเติบโตมากสุดในพอร์ตดัชมิลล์ และยังมีแนวโน้มโตขึ้นอีกเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้ “ดีน่า” จะไม่ได้เป็นผู้นำตลาด แต่จากมูลค่าตลาดนมถั่วเหลือกว่า 15,000 ล้านบาท ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงและมีศักยภาพในการไปต่ออีกยาวไกล ท่ามกลางเทรนด์รักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ที่กลับมาให้ความสำคัญเรื่องกินดีอยู่ดีมากขึ้น
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1169655?anm=