ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 15 อัชชาร์!

กระทู้สนทนา

ตอนก่อนหน้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**************************************

พลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่งขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า นะคะพลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่ง

พลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่งขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจพลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่ง


จากหัวกระทู้ที่แล้ว
GTW ถูกใจ, lovereason ทึ่ง, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, ออมอำพัน ซึ้ง

จากความคิดเห็นที่1
GTW ถูกใจ, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, ออมอำพัน ซึ้ง

พลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่งตอบความคิดเห็นนะคะพลุโอ่งพลุโอ่งพลุโอ่ง

ตอบ อาจารย์GTW : ราอูลล์สดใสร่าเริงค่ะ น่าจะตามประสาหนุ่มกระทงบ้านนอกทั่วไป ยียวนบ้างก็เพราะอยากให้โลกได้ยิ้มแย้ม(มังคะ) จากบทนี้ไป จะเริ่มมีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพความเข้มข้นบ้างแล้วละค่ะ แต่ที่แน่ๆ บทนี้ อัชชาร์ เริ่มขยับแล้วนะคะ

ตอบ คุณสมาชิกหมายเลข 1182478 : พยายามเขียนไม่ให้มาม่ามากมายเนอะคะ อยากเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องอ่านสบายๆ และสงสัยจะเป็นเรื่องง่ายๆ เกินไป คนอ่านหรือแวะเวียนเข้ามาถึงน้อยเหลือเกิน แต่ก็เป็นความคิดเห็นพรีเมี่ยมเลยนะคะ ขอบคุณจากใจ และอย่าเพิ่งทิ้งกันไป นะคะ นะคะ


ติดตามตอนต่อไป ได้เลยค่ะ

***************************************************


ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
015

อัชชาร์




เพราะทอร์สเป็นหมู่บ้านชายทะเลทางทิศตะวันตก อีกฝั่งขอบทวีปของมหาอาณาจักร และจัดเป็นดินแดนสุดท้ายอันผาสุก ก่อนที่นักเดินทางจะล่องสมุทรไปตามหาเกาะนางฟ้าในตำนาน การเข้าสู่ส่วนในของทวีป มีทะเลกลางช่วยย่นระยะทาง แต่กระนั้นการเดินทางให้ถึงนครแห่งแสงก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนครแห่งนั้นอยู่ไกลถึงอีกขอบทวีป ชิดชายฝั่งมหาสมุทรทางทิศตะวันออก

การอาสาพาซีรินซ์ไปสู่บ้านเกิด จึงเสมือนการที่ราอูลล์ได้ออกไปท่องโลกกว้างอย่างแท้จริง เพราะจะต้องเดินทางผ่านทั้งสามอาณาจักร ผ่านเขตกันดารและเขตต้องห้ามในตำนาน ซึ่งเป็นเส้นแบ่งให้ทั้งสามมหาอาณาจักร สมัครใจดำรงตนแบบต่างคนต่างอยู่ มากกว่าจะหาทางเสี่ยงภัยหรือสูญเสียโดยใช่เหตุ หากคิดจะทำสงครามระหว่างกัน

หลังเรือออกจากท่ามาได้สักพัก เห็นซีรินซ์ยังไม่เข้าในประทุนเรือ ราอูลล์จึงกลับออกมาหาหล่อนอีกครั้ง

“ท่านพูดผิด...”

คำเรียกขานช่างห่างเหิน จนชายหนุ่มต้องแปลกใจ

“แค่มุกตลกนิดหน่อยน่ะ ชาวทอร์สทุกคน รู้อยู่แล้ว... ข้าเป็นคนไม่ค่อยมีสาระอะไร”

คนพูดตัดสินใจว่า ที่ซีรินซ์เรียกขานเขาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน ตนจะได้ไม่ต้องเผลอใจคิดว่า ที่จริงแล้ว หล่อนนั่นละ คือคนที่เขารักมากที่สุด และไม่คิดจะทอดสายตามองหาหญิงสาวอื่นใดอีกแล้ว

“แต่คำนั้นไม่ควรจะผิด”

และสิ่งที่หล่อนกำลังพูดถึง ก็คือคำกล่าวลาง่ายๆ ที่เขาควรตะโกนบอกว่า “ข้าจะกลับมาอีก” แต่กลายเป็น “ข้าจะกลับไปอีก”

“ช่างเถอะน่ะซีรินซ์ ใครๆ ก็รู้ว่าข้าเป็นคนอย่างนั้น ไม่เห็นตอนที่เขาได้ยินแล้วก็หัวเราะสนุกสนานเรอะ ไม่ดีหรือไงที่เขาได้หัวเราะให้เรา แทนที่การจากลาที่โศกเศร้า”

ทว่าเมื่อจบคำ น้ำตาของซีรินซ์กลับร่วงเผาะลงมา ทั้งที่สายตาหล่อนยังเหม่อมองไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่

“ซีรินซ์... เจ้าคิดถึงบ้านหรือ...”

คนถูกถามรีบเช็ดน้ำตา ก่อนยิ่งกอดประคองห่อผ้าบรรจุโถกระดูกแม่เฒ่าโอราลล์ให้แน่นเข้า และเป็นอีกอึดใจใหญ่ กว่าจะกล้ำกลืนความโศกเศร้า แล้วหันมาพูดกับเขา

“นึกถึงเกาะแก้ว... ที่นั้นข้าอยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าไม่เคยจากที่นั่นไปไกลเกินทอร์ส”

น้ำเสียงของหญิงสาวหมองหม่น ทำให้ราอูลล์รีบคิดหาทางแก้ไข อารมณ์ที่หล่อนกำลังตกเป็นทาสของมัน

“งั้น... ไหนบอกหน่อย... ที่เจ้าเห็นในตอนนี้คืออะไร”

เขากอดอก ยืดตัว ทำเป็นชะโงกชะเง้อออกไป ในความเวิ้งว้างสีครามจัดจ้าตรงหน้า

“ข้า... มองเห็นแค่ท้องฟ้า แล้วก็... ผืนน้ำ...”

“แสดงว่าสายตาเจ้าพร่าเลือนไปแล้วละ ข้าจะบอกให้นะซีรินซ์ ที่ข้าเห็นน่ะ... มองเห็นไปถึงโน่น เนินเขาริมฝั่งทะเล ของอีกชายฝั่งทวีป มองเห็นทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง เห็นตาลุงคนนั้นด้วย... ตาลุงซีริอัสส์... แล้วตาลุงนั่นก็คือ พ่อของเจ้าไงล่ะซีรินซ์ นี้ถ้าเห็นว่าลูกสาวของตนเองได้กลับบ้านเสียที คงไม่มีอะไรจะสุขใจเท่านั้นอีกแล้ว”

ซีรินซ์ละสายตาจากความเวิ้งว้างตรงหน้า หันมาสบตากับชายหนุ่มอีกครั้ง อย่างไรเสีย หล่อนก็รู้สึกขอบคุณเขา ในความอาทร แม้มันไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากคำว่า ‘รัก’ ก็ตาม

“เอาน่า... ข้าสาบานไว้แล้ว ว่าจะส่งเจ้าให้ไปถึงนครแห่งแสงให้ได้”

“พี่ราอูลล์... ท่าน... ดีจัง”

ที่จริงซีรินซ์อยากพูดอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่รู้จะสรรหาอย่างไรให้ตรงใจ ที่ชัดเจนที่สุด เท่าที่จะเอ่ยออกมาได้ จึงมีเพียงเท่านี้

ราอูลล์กลัวหล่อนจะตู่เขาเป็นสามีขึ้นมาอีก ต้องรีบทำเป็นตลกกลบเกลื่อนอีกครั้ง เขาหัวเราะหึๆ เหมือนเขินจัดกับคำชมซึ่งหน้า แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“ซีรินซ์ เรา... เข้าไปในประทุนกันเถอะ ข้างนอกนี้มันหนาวเกินไป หรือว่ากำลังจะเข้าหน้าหนาวกันแน่ก็ไม่รู้ ทำไมลมเหนือพัดมาเร็วอย่างนี้”

เขาทำเป็นสั่นไปทั้งตัว และอาจถึงล้มตัวลงไป ทำท่าหนาวสั่นเจียนตาย หากหล่อนไม่ยอมตามเขาเข้าข้างในเสียที

ซีรินซ์ได้แต่มองตามยิ้มๆ นี้ละสิ่งที่หล่อนติดใจ สามีของหล่อน เซเรสส์ ราอูลล์แห่งทอร์ส ทายาทชาวเผ่านักรบผู้กล้า ชายหนุ่มผู้เห็นความโศกเศร้าหม่นหม่อง เป็นเรื่องน่ารังเกียจ



จันทร์เต็มดวงเวียนมาอีกคราว ท้องฟ้าเจิดจ้าด้วยแสงแห่งคืนเพ็ญ ดาวน้อยไม่อาจแข่งเทียบรัศมี เหลือเพียงหมู่ดาวสำคัญ ที่ชาวมหาอาณาจักรทั้งสาม ใช้เป็นที่หมายในการทำนาย ความเป็นมาและสิ่งที่น่าจะเป็นไปของผู้คน

เนียฟ แห่งรูสส์ ออกเดินทางเพื่อตามหาตัวเจ้าหญิงองค์เดียวของนครแห่งแสงมาแล้วหลายวัน พักค้างแรมตามแต่จะสะดวกว่าเป็นเมือง บ้านเรือนผู้คน หรือกลางป่ากลางเขา คืนนี้พระจันทร์สวยเด่น เนียฟ รู้สึกตนมีกำลังวังชาอย่างประหลาด และคิดว่าจะปีนขึ้นนอนบนยอดไม้ อาบจันทร์และชื่นชมแสงนวลกระจ่างตา ให้เพลิดเพลินไปจนกระทั่งหลับ

ทว่า พอเอนกายลงกับกิ่งไม้ปลายยอด หญิงสาวรูปร่างเล็กๆ ดวงหน้าหวานละมุน กลับต้องปรือตาลงด้วยความง่วงงุน ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะชมจันทร์จนผล็อยหลับไปเอง แต่นี้ คล้ายอยู่ๆ กลับอยากนอนขึ้นมากะทันหัน

ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังแกร่งกล้าของพวกเทพรัตติกาลถูกส่งผ่านมา เป็นเจ้าลัทธินามอัชชาร์เพียงผู้เดียว ที่สามารถทำได้

และที่อัชชาร์กระทำดังนี้ เพราะเขามีจุดมุ่งหมายสำคัญ...

เมื่อคืนวาน อัชชาร์รู้สึกว่า เทพรัตติกาลบันดาล ให้ฟากฟ้าเป็นเหมือนลายแทงแห่งโชคชะตา แม้จันทร์ใกล้เต็มดวงเต็มที แต่เมฆาเข้าบดบัง ทำให้เจ้าลัทธิเห็นจุดหมายได้แน่ชัด ดาวสำคัญสามดวงส่งประกายเจิดจ้า แม้กระทั่งเมื่อจันทรากลับมาปรากฏอีกคราว ดาวสามดวงนั้น ก็ยังไม่ถูกทอนแสงให้จืดจางลง

ภายหลังจากอ่านวิถีดวงดาวบนฟากฟ้า คนสนิทที่อยู่ใกล้ เห็นเจ้าลัทธิมีสีหน้าพอใจ ก็ร้อนตัว จึงรีบสารภาพสิ่งที่ตนได้กระทำลับหลัง

“ท่าน... ท่านเจ้าลัทธิโปรดอภัย...”

พอถูกสบตา สีหน้าตื่นตกใจก็ซ่อนเอาไว้ไม่มิด คนจะสารภาพถึงกับเข่าอ่อน ทรุดตัวลงกับพื้น

“การจะเอาตัวเจ้าหญิงซีรินซ์ กลับมาจากเกาะนางฟ้าอะไรนั่น ที่จริงก็ไม่เลวร้าย... แต่ที่เจ้าทำ ต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้อยู่บ้าง...”

แสดงว่าสิ่งที่ลอบทำลับหลังนั้น ไม่ใช่สิ่งที่อัชชาร์ไม่คิดมาก่อน เจ้าคนสนิทเลยเริ่มมีแรงลุกขึ้นยืนประจำที่อีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า

“หรือว่า ท่านเจ้าลัทธิมีแผนการล้ำลึกเตรียมไว้แล้ว...”

ผู้ถูกถาม ยังไม่ละสายตาจากหมู่ดาว เพียงพยักหน้านิดเดียว แล้วเอ่ยตอบคำ

“การจะเชิญเสด็จเจ้าหญิงกลับมา จะต้องอาศัยทั้งโอกาส ความมีมารยาท และการอดทน...”

และแม้ที่พูดมา จะเข้าใจได้ยากเย็นเพียงไหน สมุนคนสนิทก็จำเป็นต้องทำเป็นกระจ่างใจ

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ อย่างนั้นคงให้ใครไปเชิญไม่ได้ ข้าน้อยจะไปด้วยตัวเอง”

“แค่หาเนียฟให้พบ แล้วติดตามไปก็พอ...”

นี้คือสาเหตุ ที่อัชชาร์ต้องส่งกำลังเวทมหาศาล เข้าครอบงำเนียฟแห่งรูสส์ ซึ่งกำลังเดินทางมารับตัวซีรินซ์กลับนครแห่งแสง เริ่มจากการทำให้หล่อนหลับใหล แล้วเขาจะค่อยเข้าไปปรับเปลี่ยนเจตนารมณ์บางอย่าง ในห้วงความทรงจำของเด็กสาวนักเวทฝึกหัดคนนี้

เนียฟหลับใหลแล้วค่อยเข้าสู่ความฝัน เป็นโลกสวยสดใสที่หล่อนใช้เป็นที่เพลิดเพลิน สนุกสนานมาตั้งแต่เยาว์วัย อัชชาร์ยังทนรอ รอให้เรื่องราวในความฝันนั้น เป็นห้วงเวลาอันเหมาะสม

เขาเฝ้ารอ จนกระทั่ง... ได้เห็น... ในความฝันของหญิงสาว เริ่มสานก่อเป็นหมู่ดาวดารดาษ จันทร์แจ่มกระจ่างกลางฟ้า แสงสีบนนภากาศนั้น สวยงามระยิบระยับยิ่งกว่าในโลกจริงอย่างสุดประมาณ

เนียฟยังวิ่งเล่นสุขสม ก่อนที่หล่อนจะตรงเข้าหาเขา ซึ่งไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า ซ้อนทับอยู่กับอีกสิ่ง ที่เจ้าของความฝันมองเห็น

“ท่านลุงป้าอัชชาร์เรฟฟ์!”

เสียงเรียกสับสน ทำให้เจ้าลัทธิชะงักไปนิดหนึ่ง เพราะเขาเผยตอนซ้อนทับกับร่างของเรฟฟ์ แม่มดนักเวทคาถามือหนึ่งแห่งรูสส์ ป้าและผู้ปกครองของหญิงสาวหน้าหวานผู้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ

อัชชาร์ต้องเร่งกำลังจิตให้แรงขึ้น... ก่อนเอ่ยถามในนิมิตนั้น

“เรียก... ข้า... ว่าอย่างไรนะเนียฟ”

“ก็...ลุงท่านป้าอัชชาร์ไงล่ะ”

“อีกทีซิ”


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่