เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 51-52

กระทู้สนทนา
ตอนที่แล้วค่ะ  ตอนที่ 49 http://pantip.com/topic/30588068

ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose

ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl



ตอนที่ 51




                  แม้เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เคียงฟ้ารู้สึกยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ เมื่อวิมุตติมาส่งหล่อนกลับถึงบ้านตอนค่ำของวันนั้น  ท่าทางหญิงสาวเซื่องซึมจนมารดาต้องตวัดสายตาไปยังอาจารย์หนุ่มผู้เป็นคนมาส่ง


                  “แม่คะ ฟ้าเพลียขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” หล่อนไม่เปิดโอกาสให้มารดาซักถามใดๆ  กล่าวจบก็หันมาไหว้ขอบคุณวิมุตติแล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้านไปทันที  จนมารดาหล่อนต้องเป็นฝ่ายรั้งอาจารย์ของบุตรสาวเอาไว้เสียเอง


                  “วันนี้เคียงฟ้าไปคุยกับเจ้าภูวิษะที่บ้านผมน่ะครับ  ต้องขออภัยที่ไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่คิดว่าจะนานนัก” ยุพาพักตร์เบิกตาค้างนี่เป็นอีกครั้งที่ได้ยินชื่อเจ้าภูวิษะชายผู้ยโสคนนั้น


                  “ค่ะ  แล้วได้ความว่ายังไงบ้างคะ  ทำไมแกถึงได้...” หล่อนเหลียวไปทางที่บุตรสาวเพิ่งขึ้นบ้านไป  


                  “ท่าทางเราคงต้องคุยกันยาวนะคะ  อาจารย์นั่งก่อนเถอะค่ะ” หล่อนเชื้อเชิญแกมบังคับ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี


                  ในขณะที่เคียงฟ้าเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง เมื่อมองจากหน้าต่างเห็นว่ารถของผู้เป็นอาจารย์ขับออกจากบ้านไปแล้ว  อีกไม่นานมารดาต้องเข้ามาพูดคุยแน่ แต่หญิงสาวยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องราวอันเหลือเชื่อให้มารดาฟังในตอนนี้  จึงแสร้งทำเป็นดับไฟนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว  เมื่อยุพาพักตร์ขึ้นมาบนห้องบุตรสาวเห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปยังห้องตนเอง  แล้วหวังว่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอย่างที่อาจารย์หนุ่มบอกหล่อน


                 เมื่อเห็นมารดาออกจากห้องไปแล้ว เคียงฟ้าก็ผุดลุกขึ้นมานั่ง หล่อนนอนไม่หลับจึงได้แต่เปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วนำเอาเพชรพญานาค...น้ำตาของเจ้าภูวิษะออกมาดู  ลูกแก้วดวงนั้นยังคงกระจ่างใสและวาววับทอประกายงดงามเหมือนเช่นตอนที่ได้รับมันมา


                “ใจของคุณ ใสเหมือนกับเพชรเม็ดนี้ใช่ไหมคะเจ้าภู” หล่อนพึมพัมออกมาเบาๆ ในใจเฝ้าคำนึงเจ้าของน้ำหยดนี้


                “ฟ้าอยากพบคุณอีก  เราจะได้พบกันอีกไหมคะ?” หล่อนถามคำถามไปมากมาย แต่ไม่มีคำตอบใดกลับมา จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ  แต่จู่ๆ โคมไฟบนตัวเตียงก็ดับลงอย่างไร้สาเหตุ  หญิงสาวกำเพชรพญานาคไว้ในมือแน่นราวกับกลัวมันหล่นหาย  ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นไปควานหาไฟฉายจากโต๊ะหนังสือ


               “นางบาป...” เสียงนั้นกระซิบแผ่ว แต่ได้ยินชัดราวกับพูดอยู่ข้างหู  เคียงฟ้าขนลุกชันขึ้นมาทันที หล่อนชะงักนิ่งแล้วเหลียวมองไปรอบตัว เมื่อไม่เห็นสิ่งใดก็เดินต่อไปยังโต๊ะหนังสือ  


                คืนนี้ช่างน่าประหลาดนักเมื่อราตรีกาลถูกปกคลุมไปด้วยความมืด  มันช่างมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย แม้เพียงแสงริบหรี่จากเสาไฟฟ้าที่ถนนก็ไม่ลอดผ่านเข้ามาในห้องเลยแม้แต่น้อย  เหมือนกับซอยทั้งซอยดับมืดไปพร้อมๆ กัน ความรู้สึกอปกตินี้ทำให้หญิงสาวหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง


               “นางบาป...คนอย่างเจ้ามันน่ารังเกียจนัก” เสียงเย็นยะเยียบดังขึ้นมาจากความมืด  เคียงฟ้าแน่ใจแล้วว่าหล่อนไม่ได้คิดไปเอง จึงได้ยืนตัวแข็งทื่อ


               “ถึงเขายกโทษให้เจ้าแล้ว  อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้า” ทุกถ้อยทุกคำเน้นเสียงด้วยความเจ็บแค้น  แล้วร่างนวลค่อยปรากฏขึ้นมาจากความมืด จนมองเห็นได้ถนัดตา


               “พี่กุสุมาลย์!!!” หล่อนสะดุ้งจนสะโพกไปกระแทกกับขอบโต๊ะ


               “ใช่...ข้าเอง” วิญญาณสาวงามเดินเข้ามาใกล้ พลางยื่นนิ้วมือเรียวที่เคลือบเล็บด้วยสีแดงดั่งเลือดเข้ามาใกล้ ใกล้จนเกือบจะถึงตัวหล่อนอยู่แล้ว  แต่จู่ๆ มือนั้นก็ผงะไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง


               “โอ้ยยย..ย  เจ้า...เจ้าถืออะไรอยู่น่ะ?”   เคียงฟ้าถึงได้รู้ตัวว่าตนเองกำเพชรพญานาคไว้ในมือ  เพชรพญานาคเม็ดเล็กจ้อยได้ประกาศศักดาของมันแล้ว


               “มันคืออะไร? ช่างมีอำนาจนัก” ผีสาวถามด้วยเสียงร้อนรน  


               “นะ...นี่  เป็นน้ำตาของเจ้าภู  เพชรพญานาค!” หล่อนตอบอย่างขลาดกลัว


               “ทำไม...ก็เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเจ้าแล้ว ทำไมยังให้สิ่งนี้ไว้”


                กุสุมาลย์ส่ายหน้า นางรับรู้ด้วยจิตว่าเจ้านาคราชอโหสิกรรมทั้งปวงให้กับชายาของตนแล้ว  แม้จะไม่มีคำขอขมาจากนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าได้กระทำสิ่งใดลงไปในอดีตก็ตาม  เมื่ออโหสิกรรมแล้วจิตนั้นไม่ต้องการสิ่งใดอีก  เพชรพญานาคจึงผ่องใสแวววับและทรงพลานุภาพพิสุทธิ์ยิ่งกว่าเพชรพญานาคสีใด


               “พี่กุสุมาลย์ กลัวเพชรเม็ดนี้หรือคะ?” มือเล็กบางที่กำเพชรพญานาคไว้ แบออกแล้วชูมันไปเบื้องหน้า ยังผลให้ผีสาวถอยกรูดด้วยเกรงอำนาจบารมี


               “อย่าเอามาใกล้ข้า” หล่อนทำท่าจะหนีหาย


              “เดี๋ยวค่ะพี่  อย่าเพิ่งไป” หญิงสาวร้องเรียก พร้อมทั้งกำเพชรพญานาคในมือไว้อย่างเดิม  สร้างความประหลาดใจให้วิญญาณสาวงามยิ่งนัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่